“ตระกูลหลิ่วมาทำอะไรที่นี่? ฉันจำได้ว่าเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลิ่วนี่นา!”“ตอนนี้ทุกตระกูลต่างหลีกเลี่ยงไม่อยากยุ่งกับเรา หรือว่านี่จะเป็นโอกาสที่จะแก้สถานการณ์ได้งั้นเหรอ?”“ถ้าตระกูลซูของเราสามารถเป็นพันธมิตรกับตระกูลหลิ่วได้ ต่อไปก็ไม่ต้องมาคอยดูท่าทีของตระกูลเย่แล้ว”“ไม่ใช่แค่ตระกูลเย่หรอก แม้แต่ตระกูลหม่าก็คงอิจฉาเราและปฏิบัติต่อเราอย่างสุภาพมากขึ้น!”ที่หน้าประตูบ้านตระกูลซู มีคนกลุ่มหนึ่งล้อมเอาไว้อยู่ทุกคนต่างก็เดากันไปว่า คนที่อยู่ในรถคันนี้จะเป็นใคร และมีจุดประสงค์อะไรที่มาปรากฎตัวที่บ้านตระกูลซูเมื่อรถเบนท์ลีย์จอดอย่างมั่นคง ประตูรถก็เปิดออกโดยอัตโนมัติรองเท้าส้นสูงสีดำและขางามเรียวยาวในถุงน่องสีดำก้าวออกมาก่อนจากนั้นเอวบางคอดราวต้นหลิ่ว ที่คล้ายสามารถโอบรัดด้วยมือเดียวก็ค่อยๆ ตามออกมายิ่งทำให้หน้าอกสองข้างด้านบนดูใหญ่โตขึ้นไปอีก!สุดท้ายใบหน้าที่งดงามประณีต ยิ่งทำให้เธอดูงดงามเหนือธรรมชาติช่างเป็นเด็กผู้หญิงที่งดงามอะไรแบบนี้!สายตาของทุกคนจับจ้องไปโดยไม่รู้ตัวมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ ออร่าความมั่นใจที่แผ่ซ่านออกมา ยิ่งท
อย่างที่สองคือ เพื่อให้ลั่วอู๋ฉางได้รู้ว่า แขกคนพิเศษที่แท้จริงเป็นอย่างไรเด็กน้อยอย่างนาย ยังห่างไกลนัก!คนหนึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตระกูลซูของเราต้องเสียหายมหาศาล อีกคนหนึ่งคือคุณหนูจากตระกูลมหาเศรษฐีในเมืองหลวงใครสำคัญใครไม่สำคัญ แค่ดูก็รู้ได้ทันที!ก็ต้องการให้ลั่วอู๋ฉางรู้สึกอับอายขายหน้านั่นแหละ!หลิ่วซือหยินก็ทำตามที่เจ้าบ้านว่า เดินตามอีกฝ่ายมาที่บ้านหลักอย่างรวดเร็ว“หัวหน้าตระกูล มีแขกคนสำคัญมาเยือนครับ!”ทั้งที่ยังอยู่ห่างจากประตูใหญ่ของบ้านหลักอีกสิบกว่าเมตร แต่เจ้าคนนี้ก็เริ่มตะโกนเสียงดังแล้วราวกับกลัวว่าคนข้างในจะไม่ได้ยินอย่างนั้นแหละ!“คุณหนูใหญ่หลิ่วซือหยินจากตระกูลหลิ่วในเมืองหลวง ตั้งใจมาคารวะผู้เฒ่าซู เพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจ!” เจ้าคนนั้นยังคงตะโกนเสียงดังต่อไปหลิ่วซือหยินหน้าตึงทันที แสดงออกถึงความไม่พอใจเห็นได้ชัดว่าเธอคิดว่าเจ้าคนนี้โอ้อวดเกินไป!ถ้าหากคุณลั่วไม่พอใจขึ้นมา แผนการความร่วมมือก็อาจล่มไปตั้งแต่ยังไม่เริ่มก็ได้ถึงยังไง ข้อตกลงความร่วมมือก็ยังไม่ได้บรรลุแถมคุณลั่วก็เป็นคนสุขุม ไม่ใช่พวกคนที่ชอบโอ้อวดอย่างแน่นอนแต่คนในตระกูลซูสนใจเร
“เป็นยังไงบ้าง?”“คุณหนูหลิ่วลงทุนมาพบท่านผู้เฒ่าโดยเฉพาะ แสดงความจริงใจขนาดนี้ ตกลงมาเพื่อโครงการอะไรงั้นเหรอ?”“สวรรค์มีตาจริงๆ ในที่สุดก็ถึงคิวตระกูลซูของเราแล้ว!”คนกลุ่มใหญ่พากันเฝ้าอยู่ข้างนอกบ้านใหญ่เมื่อเห็นคนในตระกูลที่ไปประจบหลิ่วซือหยินคนนั้นเดินออกมา ก็รีบล้อมเข้ามาถามกันไม่หยุดปากทุกคนตื่นเต้นจนไม่ทันสังเกตเลยว่าสีหน้าของชายคนนั้นประหลาดขนาดไหนท่ามกลางความแปลกใจ ยังมีความสับสนแฝงอยู่“รีบพูดมาสิ พวกเราก็เป็นคนในครอบครัวกันนะ จะทำตัวลึกลับไปทำไม?”เมื่อเห็นเขาไม่ยอมพูด ทุกคนก็เริ่มใจร้อนเขายิ้มขมขื่นแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณหนูหลิ่วจะไม่ได้มาพบท่านผู้เฒ่านะ!”“พูดล้อเล่นอะไรน่ะ หล่อนมาถึงบ้านตระกูลซูแล้ว ถ้าไม่ใช่มาพบท่านผู้เฒ่าจะมาทำอะไร?”ทุกคนย่อมไม่เชื่อเขายิ้มขมขื่นอีกครั้ง “มาหาคนแซ่ลั่วน่ะ!”จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจทำไมคุณหนูหลิ่วถึงได้สุภาพกับลั่วอู๋ฉางขนาดนั้นเขาเห็นชัดเจนในแววตาของหลิ่วซือหยินว่ามีทั้งความรู้สึกชื่นชม เคารพ และนับถือมากมายและทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นความรู้สึกที่มีต่อลั่วอู๋ฉางเพียงคนเดียว“จะเป็นไปได้ยังไง นายพูดล้อเล่นอะไ
เมื่อหลิ่วซือหยินได้ยินเช่นนี้ ก็พยักหน้าทันที “ตกลง!”“ตกลง!” ซูเทียนคั่วก็พยักหน้าอย่างหนักแน่นตามไปด้วย“ทั้งสองยิ้มพร้อมกัน ราวกับว่าการตัดสินใจนี้เป็นไปด้วยความยินดี”“ซูเทียนคั่วยังไม่ลืมที่จะส่งสัญญาณทางสายตาให้หลานสาว”“ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นคนฉลาด ย่อมเข้าใจดีว่าคุณปู่หมายถึงอะไร”“ฉันก็คิดว่าเหมาะสมนะคะ” ซูเฉี่ยนเฉี่ยนแสดงความเห็นทำได้ดีมาก! ซูเทียนคั่วยกนิ้วโป้งขึ้นให้ทันทีลั่วอู๋ฉางเบิกตากว้าง “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้!”“พวกคุณเข้าใจผิดกันหมดแล้ว!”“ศิษย์พี่คะ อย่าปฏิเสธเลยนะคะ” ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเริ่มใช้วิธีการออดอ้อนหลิ่วซือหยินรีบพูดว่า “ใช่ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเราคงรู้สึกไม่สบายใจ”ลั่วอู๋ฉางยิ้มเจื่อนอย่างหมดหนทาง แล้วถอยไปเลือกทางที่สอง “งั้นก็ให้พวกเธอทั้งสองตระกูลได้ตระกูลละ 30 เปอร์เซ็น ส่วนผมได้ 40 เปอร์เซ็น”“เงื่อนไขอื่นคงเดิม ถ้าตกลง เราจะเริ่มความร่วมมือทันที”“ถ้าไม่ตกลง ผมจะไปหาคนอื่น!”เดิมซูเทียนคั่วกับหลิ่วซือหยินยังอยากจะดึงดันต่อ แต่พอได้ยินคำพูดของลั่วอู๋ฉาง ก็รีบพูดโดยพร้อมกันว่า “ตกลง!”“ทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่า ถ้าลั่วอู๋ฉางต้องการจะห
“งั้นก็ง่ายเลย พวกคุณรอผมโทรศัพท์แป๊บเดียว น่าจะจัดการได้เร็วๆ นี้” ลั่วอู๋ฉางยิ้มหลิ่วซือหยินกับซูเฉี่ยนเฉี่ยนสบตากัน ใบหน้างดงามของทั้งสองคนแสดงความสงสัยออกมาเหมือนกัน แค่โทรศัพท์หนึ่งสาย ก็จัดการได้เลยเหรอ? ล้อเล่นอะไรกันเนี่ย!เมืองอันไม่เหมือนกับที่อื่น เพราะอุตสาหกรรมยาที่นี่พัฒนาไปไกลมาก มีผู้ประกอบการจำนวนมาก ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีทั้งคนดีและคนเลวปะปนกันไปดังนั้น ยาตัวใหม่ที่จะยื่นขออนุมัติที่นี่ จะอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากเมืองหลวง พูดง่ายๆ ก็คือมีการควบคุมอย่างเข้มงวด!แน่นอน ทุกอย่างมีข้อเสียก็ย่อมมีข้อดีเช่นกัน นั่นก็คือ หากยาตัวใหม่ได้รับการอนุมัติในเมืองอัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพหรือประสิทธิภาพ ก็จะเหนือกว่าสินค้าประเภทเดียวกันอื่นๆผลิตภัณฑ์จากเมืองอันเป็นเหมือนแบรนด์ที่มีชีวิต! ยาตัวใหม่ที่นี่เมื่อวางจำหน่าย ไม่เพียงดึงดูดความสนใจของวงการการรักษา แต่สำคัญที่สุดคือ ไม่ต้องห่วงเรื่องการขายเลยลั่วอู๋ฉางหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดหาหมายเลขหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป ณ สำนักงานใหญ่ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในเมืองหลวง“การประชุมวันนี
ตามปกติแล้ว เลขาคงจะเดินออกไปทันทีแต่ครั้งนี้เขากลับยืนกรานที่จะอยู่ต่อ กระซิบเบาๆ ว่า “คนที่ท่านบันทึกชื่อว่า “ราชันมังกร” โทรมาครับ!”ทันทีที่ได้ยิน หวังเจิ้นอวี่ก็กระเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที“ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ!”ราวกับว่า มีสปริงติดอยู่ที่ก้นอย่างนั้น!“ยังไม่รีบเอาโทรศัพท์มาให้ผมอีก ถ้าทำให้คนที่โทรมาต้องรอ ผมจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองเลย!”เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในห้องประชุมพากันตกตะลึงในความทรงจำของทุกคน หวังเจิ้นอวี่เป็นคนสุขุมจะพูดว่าเขาสามารถนิ่งเฉยได้แม้แต่ภูเขาไท่ซานถล่มลงมาก็ไม่เกินจริงแต่ท่าทางของเขาในตอนนี้กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้ทุกคนแทบไม่เชื่อสายตา!ทันทีที่เลขาหยิบโทรศัพท์ออกมา หวังเจิ้นอวี่ก็คว้าไปทันทีเขาถึงกับละเลยกฎเหล็กที่ว่าห้ามรับโทรศัพท์ในระหว่างการประชุม แล้วกดรับทันทีจากท่าทีรีบร้อนของหวังเจิ้นอวี่ ก็เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสายที่สำคัญมาก เขากลัวอีกฝ่ายจะรอนาน“สวัสดีครับ คุณลั่ว ขอโทษด้วยนะครับ ผมเพิ่งเห็นว่ามีสายเข้า คุณคงรอนานมากเลยแน่ๆ ผมนี่ช่างสมควรตายจริงๆ”ถ้าบอกว่าเมื่อกี้ทุกคนเพิ่งจะตกใจ ตอนนี้ก็คงช็อกไปแล้วจริงๆ!ทุกค
เมื่อได้ยินหวังเจิ้นอวี่พูดแบบนี้ ลั่วอู๋ฉางก็ไม่เกรงใจอีกต่อไปเมื่อมีคำสัญญาจากหวังเจิ้นอวี่ หัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในเมืองหลวง ขั้นตอนต่อไปก็จะไม่มีอุปสรรคใดๆ อีกแน่นอน ส่วนสำคัญก็เพราะหวังเจิ้นอวี่เชื่อมั่นในลั่วอู๋ฉางยาที่ออกมาจากราชันมังกรลั่วเทียน เขาแทบจะรอไม่ไหวแล้ว!ขั้นตอนการอนุมัติปกติที่ควรทำก็ยังต้องดำเนินแต่เพียงแค่จะประหยัดเวลามากขึ้นลั่วอู๋ฉางให้ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเตรียมเอกสารรายงานการวิเคราะห์ พร้อมกับตัวอย่างยาแก้บาดเจ็บ จัดคนส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหวังเจิ้นอวี่นำทีมผู้เชี่ยวชาญในสำนักงาน ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดทันทีอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคก็กำลังวิเคราะห์ตัวอย่างยาไม่นาน หวังเจิ้นอวี่ก็โทรกลับไปหาลั่วอู๋ฉาง“คุณลั่ว ผมได้อ่านรายงานข้อมูลแล้ว”หวังเจิ้นอวี่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ยกโทรศัพท์ขึ้นพูดว่า “ไม่ผิดจากที่คิดเลย นี่เป็นยาดีที่หาได้ยากจริงๆ”“ผมมั่นใจว่าหลังจากมันออกสู่ตลาด มันจะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าปัจจุบันของโลกบู๊โบราณอย่างแน่นอน”เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง “แต่ยาของคุณกับยาหุยชุนตันที่ได้รับการอนุ
ยาเกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของประชาชนความรับผิดชอบหนักอึ้งยิ่งกว่าภูเขาไท่ซาน!ประชาชนจ่ายเงินไป แต่กลับไม่รักษาโรค สุดท้ายนักธุรกิจจิตใจมืดบอดพวกนี้ก็รวยอื้อซ่าเหตุการณ์แบบนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด!ฝั่งด้านเมืองอัน“เรียบร้อยแล้ว อีกสามวันก็จะได้ใบอนุญาต” ลั่วอู๋ฉางพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆซูเฉี่ยนเฉี่ยนและหลิ่วซือหยินต่างตกตะลึงราวกับได้เห็นเทพเจ้า!ทั้งสองรู้ดีว่า ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนที่ท่านหวังแห่งเมืองหลวงคนนั้นเข้ามาคุมสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กฎระเบียบก็เข้มงวดขึ้นมากการจะได้ใบอนุญาตนั้นยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์เสียอีกเรียกได้ว่าต้องผ่านด่านห้าชั้น ตัดหัวแม่ทัพถึงหกคน!แค่โทรศัพท์สายเดียวก็จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?โดยเฉพาะหลิ่วซือหยิน ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตระกูลหลิ่วไม่สามารถบุกเข้าสู่อุตสาหกรรมยาได้สำเร็จ นอกจากจะถูกคู่แข่งขัดขวางในทุกครั้งแล้ว ความยากลำบากที่ใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องนี้ยาที่พวกเขาใช้เงินมหาศาลในการวิจัย ทั้งที่ได้รับการอนุญาตจากทางจังหวัดแล้ว แต่ในช่วงเวลาสำคัญ กลับถูกปฏิเสธจากทางเมืองหลวงทำให้ความพยายามทั้งหมดสูญเปล่า การลงทุนในช่
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค