“ว่าไงนะ!”กลุ่มผู้ชายที่ต้องการทำให้หม่าอวี่เฟยพอใจกำลังเตรียมพร้อมที่จะทุบตีหัวขโมยแต่หัวขโมยกลับดูใสซื่อบริสุทธิ์และน่ารัก ทำเอาทุกคนตกตะลึงถ้าเป็นชายเลวทราม พวกเขาคงรุมกระทืบไปแล้ว!“คุณหม่า คุณหมายถึงฉันหรือคะ?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนประหลาดใจและรีบอธิบาย “คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ!”เธอเพิ่งจะมาถึง เพิ่งก้าวเข้ามาในโถงงานเลี้ยงได้ไม่กี่ก้าวและไม่เคยขึ้นไปที่ชั้นสองเลย เธอจะขโมยของขวัญไปได้อย่างไรคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด!“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องปฏิเสธ ขโมยหรือไม่ แค่ค้นกระเป๋าเดี๋ยวก็รู้” หม่าอวี่เฟยยิ้มอย่างเย็นชาสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเธอเป็นคนเงียบ ๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้าร่วมงานแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกทุกคนคิดทันทีว่านี่คือสัญญาณของความรู้สึกผิด“ของอยู่ในกระเป๋าของเธอ เรื่องนี้พวกเราตรวจสอบมาดีแล้ว” เย่ชิงหยุนพูดเสียงดังเดิมที ทุกคนเต็มใจที่จะเชื่อคำพูดของหม่าอวี่เฟย โดยเชื่อว่าในฐานะตัวเอกของงานวันเกิด เธอจะไม่ใส่ร้ายผู้อื่นโดยพลการตอนนี้เมื่อเย่ชิงหยุนพูดเช่นนี้ ทุกคนย่อมเชื่อมากขึ้นอีก“จะค้นกระเป๋าคนอื่นตามใจชอบ ทุกคนไม่ค
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนดังขึ้น “หล่อนขโมยไปจริง ๆ ด้วย!”“หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ดูอ่อนโยนและสงบเสงี่ยม ดูเป็นกุลสตรี แต่มาทำเรื่องแบบนี้ หน้าไม่อายเกินไปหรือเปล่า?”“ไม่ใช่ฉันนะคะ!”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบตอบโต้และพูดอย่างเร่งรีบ “ฉันเองก็ไม่ทราบว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในกระเป๋าฉัน ฉันเองไม่เคยเห็นมันมาก่อนด้วยซ้ำ” “โกหก!”หม่าอวี่เฟยตะโกนด้วยความโกรธ “คนเยอะขนาดนี้ หลักฐานก็คาตา ยังกล้าเล่นลิ้น ไม่ยอมรับผิดอีก!”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนกังวลมากจนเธอแทบจะร้องไห้ “ไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะคะ!”“ฉันนึกออกแล้วค่ะ เมื่อกี้ถังเจียเจีย ลูกพี่ลูกน้องของฉัน เธอได้แตะต้องกระเป๋าของฉัน เธอช่วยฉันยืนยันได้”ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงของถังเจียเจียก็ดังมาจากอีกฝั่ง “แน่นอน ว่าฉันช่วยยืนยันได้!”ทุกคนหลีกทางให้ถังเจียเจียซึ่งแต่งหน้าเสร็จแล้ว เธอฟื้นคืนความเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ของเธออีกครั้ง และเดินก้าวไปด้วยท่วงท่าราวกับเดินแคทวอล์คดูเหมือนว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะคว้าฟางช่วยชีวิตไว้ได้ และยังคงแสดงความขอบคุณต่อถังเจียเจียต่อไปถังเจียเจียไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ แต่กลับเดินตรงไปหาหม่าอวี่เฟยแล้วพูดว่า “คุณหม่าคะ เมื่อครู่นี้ฉัน
“เพล้ง!”ขวดไวน์กระทบลงหน้าผากของซูเฉี่ยนเฉี่ยนอย่างแม่นยำซูเฉี่ยนเฉี่ยนถูกล็อคตัวไว้โดยบอดี้การ์ดสองคนซึ่งมีพละกำลังไม่น้อยไปกว่าเธอ และเธอก็ไม่มีโอกาสหลบเสียงดังฟังชัด และไวน์แดงก็ไหลลงมาบนใบหน้าของเธอผู้เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ และพวกเขาทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเจ็บปวดแทนเธอในขณะเดียวกัน ถังเจียเจียกับเย่ชิงหยุนต่างก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ!สมน้ำหน้า!นี่ก็คือผลที่เธอเลือกที่จะอยู่กับลั่วอู๋ฉาง“อีนังชั้นต่ำ กล้าดียังไงถึงขโมยของไปจากฉัน!” หม่าอวี่เฟยตะโกนอย่างโกรธเคืองซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่โดนขวดไวน์ฟาดหัวจนตาพร่ามัวยังคงยืนกราน “ฉันไม่ได้ทำ!”“ยังจะตอแหลอีก แกหาเรื่องใส่ตัวเองนะ!”หม่าอวี่เฟยโกรธมากจนหยิบขวดไวน์ขึ้นมาอีกขวดทันที“เพล้ง!”“เพล้ง! เพล้ง!”หลังจากโดนฟาดด้วยขวดไวน์หกขวดติดต่อกัน ร่างกายของซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่เพียงแต่ชุ่มไปด้วยไวน์เท่านั้น แต่เธอยังหัวแตกอีกด้วย และเลือดที่ผสมกับไวน์ก็ไหลลงมาเธอตัวสั่นเทาและแทบจะทนไม่ไหวแล้ว“ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ขโมย!”ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว แต่เธอก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับเมื่อหลาย ๆ คนเห็นแบบนี้ พวกเขาก็รู
หมอถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “โชคดีที่คนไข้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอันตรายได้”“หลังจากทำความสะอาดบาดแผลแล้ว ก็พบว่ามีบาดแผลทั้งเล็กและใหญ่บนศีรษะของคนไข้มากกว่าสิบที่ และจำเป็นต้องเย็บแผลที่หนังศีรษะจำนวนมากกว่าเจ็ดสิบเข็ม!”“เธอคงจะทรมานมาก แต่ก็ยังไม่ยอมให้ฉีดยาชา แล้วก็กัดฟันทนไปทั้งอย่างนั้น”ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยน หลังจากฟังคำพูดของหมอ เธอก็ร้องไห้ออกมา“หมอคะ ตอนนี้ฉันขอเข้าไปดูลูกหน่อยได้ไหม?”หมอพยักหน้า “ได้สิครับ แต่พยายามอย่านานเกินไป”“คนไข้เสียเลือดมาก และได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างรุนแรง จำเป็นต้องใช้เวลามาก ๆ ในการพักฟื้น”“อีกอย่าง ในขณะที่คนไข้หมดสติอยู่ เธอกลับตะโกนว่า ‘ฉันไม่ได้ขโมย’ อยู่หลายครั้ง แบบนี้ผมคิดว่าคนไข้น่าจะถูกรังแกมา พวกคุณช่วยใส่ใจกับสภาพจิตใจของคนไข้ และปลอบใจเธอเยอะ ๆ ด้วย”“ถ้าคนไข้มีสภาพจิตใจที่ดี ก็จะฟื้นตัวเร็วขึ้นด้วย”หญิงคนนั้นพยักหน้าทั้งน้ำตา “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ!”ทันทีที่หมอเดินจากไป เสียงตะโกนก็ดังขึ้น“ซวยจริง ๆ ฉัน ซูหมิงอวี๋คนนี้ มีชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด ทำไมถึงได
ในโรงแรมโทรศัพท์มือถือของลั่วอู๋ฉางดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วรับสายด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง เข้าร่วมงานเลี้ยงเสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรือ เป็นยังไงบ้าง?”เขาคิดไว้ก่อนแล้วว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่มีทางทำสำเร็จได้ไม่มีใครสักคนที่รู้จักเธอ จึงไม่มีใครให้เครดิตกับเธอได้ แล้วยังไปงานเลี้ยงเพื่อขอความร่วมมือ แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอต้องถูกปฏิเสธลั่วอู๋ฉางกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบใจสาวน้อย ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังมาจากโทรศัพท์“ขอโทษนะคะ คุณคือคุณลั่ว ศิษย์พี่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยนหรือเปล่า?”ลั่วอู๋ฉางเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “คุณเป็นใคร ทำไมถึงใช้โทรศัพท์ของเฉี่ยนเฉี่ยน?”“ฉันชื่อเสี่ยวเสวี่ย เป็นเพื่อนกับเฉี่ยนเฉี่ยนค่ะ”เสี่ยวเสวี่ยอธิบาย “เฉี่ยนเฉี่ยนมักจะพูดถึงคุณให้ฉันฟังทางโทรศัพท์ ฉันก็เลยลองโทรหาคุณดู ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเฉี่ยนเฉี่ยนแล้วค่ะ!”“เรื่องอะไร?” ลั่วอู๋ฉางตะโกนถามพร้อมยืนขึ้นเสี่ยวเสวี่ยเล่าอย่างคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือเพราะร้องไห้เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเข้าไปในงานเลี้ยง เธอจึงทำได้แค่คาดเดาตามผลลัพ
ความคับข้องใจบนใบหน้าของซูเฉี่ยนเฉี่ยนถูกลบล้างออกไปทันที“ไอ้หนุ่ม ฉันไม่ได้อยากจะขัดหรอกนะ”ซูหมิงอวี๋ยิ้มเยาะและพูด “เราไม่ต้องพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งของตระกูลหม่าก่อน เอาแค่เรื่องที่ว่า เรื่องนี้เป็นความผิดของเรา งั้นสาเหตุของการแก้แค้นคืออะไร?”“แล้วจะแก้แค้นยังไง?”“คุณหม่าเธอไม่มาเอาเรื่องก็บุญแค่ไหนแล้ว ต้องกราบดินขอบคุณฟ้าด้วยซ้ำ!”ลั่วอู๋ฉางพูดแทรก “ในฐานะคนเป็นพ่อ ทำไมคุณถึงเชื่อคำพูดเหลวไหลของคนอื่นมากกว่าลูกสาวของคุณเอง?”ซูหมิงอวี๋จ้องลั่วอู๋ฉาง “แกมีสิทธิ์อะไรมาถามฉันแบบนี้? แกเป็นใคร!”“อย่าคิดว่าแค่ช่วยชีวิตชายชราซูได้โดยบังเอิญ แล้วจะมาอวดดีใส่หน้าฉันได้ เรามันต่างชั้นกันไกล!”“ใคร ๆ ก็บอกว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นคนขโมยของ และของที่ถูกขโมยก็ถูกค้นเจอในกระเป๋าของมันต่อหน้าทุกคน ใคร ๆ ก็รู้กันหมด แล้วยังจะเฉไฉอะไรได้อีก?”ลั่วอู๋ฉางตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ผมไม่เชื่อ!”“แกมีหลักฐานว่ามันถูกใส่ร้ายไหมล่ะ แค่แกบอกว่าไม่เชื่อมีประโยชน์อะไร?” ซูหมิงอวี๋เถียงเสียงดังลั่วอู๋ฉางมองไปยังซูเฉี่ยนเฉี่ยนและพูดอย่างเคร่งขรึม “ผมไม่ต้องการหลักฐานอะไรทั้งนั้น ผมเชื่อเฉี่ยนเฉี่
ณ โรงแรมไฮแอท ในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่เป็นฉากที่มีชีวิตชีวาเรื่องสะดุดเล็กน้อยในช่วงเริ่มต้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานเลี้ยงเลยในฐานะตัวเอกของงาน หม่าอวี่เฟยก็เหมือนกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ เธอถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนกลุ่มหนึ่ง เพลิดเพลินกับการสรรเสริญทุกอย่างที่เป็นของเธอ และได้ยินแต่คำพูดที่สวยงามทุกชนิดหม่าอวี่เฟยอารมณ์ดี และเสียงหัวเราะของเธอก็ไม่หยุดลงเลย“คุณหม่าน่าจะเหนื่อยแล้ว ทุกคนให้คุณหม่าได้พักเสียหน่อย กิจกรรมหลักจะมาในภายหลัง”แม่บ้านของตระกูลหม่ามีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูเป็นมิตรตลอดเวลา แต่กลับมีน้ำเสียงเด็ดขาดแม้ว่าทุกคนจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ยังคงแยกย้ายกันไปชั่วคราวทันทีที่หม่าอวี่เฟยนั่งลงในบริเวณพักผ่อน เย่ซิงหยุนและถังเจียเจียก็เข้ามาอย่างไร้ยางอายเมื่อสักครู่นี้ หม่าอวี่เฟยถูกรายล้อมไปด้วยคนกลุ่มหนึ่ง และพวกเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เลยไม่ใช่เพราะพวกเขาหน้าหนาไม่พอ แต่คนกลุ่มนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากในแง่ของชาติตระกูลและสถานะครอบครัวพวกเขาไม่มีทางที่จะแทรกเข้าไปได้เลย!“คุณหม่า เรื่องเมื่อครู่นี่ช่างระบายความเคียดแค้นได้ดีจริง ๆ”ถังเจียเจียพูดต่อ “คุณหม่
“ต่างหูเพชรมูลค่าเป็นสิบล้าน ฉันไม่กล้ารับของมีค่าขนาดนี้ไว้หรอกค่ะ เกรงว่าใครจะคิดว่าฉัน หม่าอวี่เฟยคนนี้ เป็นคนประเภทที่เห็นแก่เงิน”หม่าอวี่เฟยกล่าวด้วยท่าทางไม่แยแสเธอรู้สึกไม่อยากเสียหน้าให้คนคนนี้!ถ้ารับของขวัญที่จริง ๆ แล้วราคาแค่สี่ถึงห้าล้าน ราวกับว่ามันมีค่ามากกว่าสิบล้าน มันจะไม่ทำให้ทุกคนคิดว่าหม่าอวี่เฟยคนนี้โง่เขลาและถูกหลอกได้ง่ายหรือ?เย่ซิงหยุนนิ่งอึ้งไป ตอนนี้เขาเพิ่งรู้สึกตัว ว่าสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด กลับกลายเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาคุยโวโอ้อวดต่อหน้าพ่อ เขารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรงเย่ซิงหยุนทำได้เพียงหยิบของขวัญขึ้นมาและจากไปอย่างหดหู่ใจหม่าอวี่เฟยส่งเสียง ‘เฮอะ’ ออกมาเบา ๆ เป็นการเหยียดหยามถิ่นของฉัน ฉันก็ต้องเป็นคนควบคุมอยู่แล้ว!ไม่ถูกใจใครก็แค่ไล่ออกไปแค่นั้น!“คุณหนูคะ คุณชายซุนกับคุณชายอู๋มาถึงแล้วค่ะ” แม่บ้านเข้ามารายงานเธอเห็นชายหนุ่มรูปงามสองคน แต่งกายดูดีมีรสนิยม ท่าทางสง่าผ่าเผยกำลังเดินมาทางนี้หม่าอวี่เฟยดูมีความสุขและลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ “ศิษย์พี่ซุน ศิษย์พี่อู๋ พวกคุณมากันแล้ว!”“คุณหม