แขกรับเชิญที่แต่งหน้าจัด สวมเสื้อผ้าแหวกนู่นเปิดนี่ และทำท่าทีเหมือนผีเสื้อสังคม เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความพยายามที่จะขโมยจุดเด่นจากเจ้าของงาน“คนตระกูลถัง ลูกสาวของถังเทียนเหลียง แม่ของเธอชื่อซูหมิงหยา มาจากตระกูลซู”ไม่บ่อยนักที่นางฟ้าอย่างหม่าอวี่เฟยจะถามอะไรเขา ดังนั้น เย่ชิงหยุนจึงพูดทุกอย่างที่เขารู้ทันที “ผมได้ยินมาว่าสองแม่ลูกนั่นขาดทุนย่อยยับในตลาดค้าส่งวัตถุดิบยาเมื่อคืนวาน”“ทุ่มเงินสามสิบล้านเพื่อประมูลเห็ดหลินจืออายุนับศตวรรษ ได้ยินว่าถังเจียเจียจะใช้เป็นของขวัญวันเกิดลูกสาวเศรษฐีบางคน คุณลองทายดูสิว่าผลเป็นยังไง?”เย่ชิงหยุนเลิกคิ้วด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาอธิบายเหตุการณ์ประหลาดนี้อย่างละเอียด“จากที่คุณพูด ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อถังเจียเจียนั่นจะไม่ได้ฉลาดนัก” หม่าอวี่เฟยกล่าวอย่างเหยียดหยามเย่ชิงหยุนพยักหน้าไม่หยุด “แน่นอนอยู่แล้ว! ลูกสาวที่คลอดมาจากหญิงโง่ซูหมิงหยา จะดีเด่ได้สักเท่าไหร่เชียว!”“แล้วของสำคัญมูลค่าพันล้านนั่น โดนสองแม่ลูกนั่นมองว่าเป็นขยะ แค่ล้านเดียวก็ปล่อยประมูลแล้ว”“หลังจากนั้นยังกลับคำ คิดจะแย่งกลับมาต่อหน้าคนตั้งมากมาย เกือบจะทำลายชื่อเสียงขอ
“ซูเฉี่ยนเฉี่ยน?”หม่าอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างสงสัยถังเจียเจียพูดอย่างเร่งรีบ “ใช่ค่ะ เธอเป็นคนที่พาผู้ชายป่าเถื่อนไปก่อปัญหาเมื่อคืนนี้! ไม่เช่นนั้นล่ะก็ เห็ดหลินจือแดงทองมูลค่าหนึ่งพันล้านนั้นก็ต้องเป็นของคุณหม่าแล้ว”ความโลภฉายแววขึ้นมาในดวงตาของหม่าอวี่เฟย และเธอก็หัวเราะ พลางพูดว่า “งั้นหรือ เธอไม่เสียดายหรือ?”“แน่นอนสิคะ!”ถังเจียเจียพูดอย่างเด็ดขาด “นั่นน่ะ เดิมทีฉันจะซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดคุณหม่า ทั้งเมืองอัน ฉันมองว่ามีแค่คุณหม่าที่มีคุณสมบัติจะเป็นเจ้าของเห็ดหลินจือทองแดง”แม้ว่าถังเจียเจียจะไม่ใช่คนฉลาด แต่เธอก็เคยชินกับเรื่องแบบนี้จากที่บ้านมาตั้งแต่เด็ก เธอคุ้นเคยกับการเห็นคนที่ประจบประแจงพ่อแม่ของเธอ ดังนั้นคำชมเชยจึงออกมาจากปากของเธอได้อย่างง่ายดายอย่างไรเสีย เห็ดหลินจือทองแดงก็ได้ตกเป็นของลั่วอู๋ฉางไปแล้ว ดังนั้นถังเจียเจียจึงไม่คิดเสียดายถ้าจะมอบมันให้คุณหม่าด้วยวิธีนี้ นอกจากจะช่วยให้เธอสร้างความประทับใจที่ดีต่อคุณหม่าแล้ว เธอยังสามารถใส่ร้ายซูเฉี่ยนเฉี่ยนไปพร้อมกันอีกด้วยยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แล้วจะรีรออะไรล่ะ?“ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเป็นคนจากบ้านเล็กของตระ
“คิดออกแล้ว!”ความคิดแวบขึ้นมาในใจของหม่าอวี่เฟย และเธอก็พูดขึ้น “ถังเจียเจีย ฉันจะให้โอกาสเธอชดเชยความผิดพลาด”“ถ้าแค่เธอทำสำเร็จ ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ฉันยังจะยอมให้เธอมาเป็นเพื่อนของฉันด้วย”“จริงหรือคะ?”ถังเจียเจียตื่นเต้นมากจนลืมเรื่องที่เธอเพิ่งโดนตบไปเสียสนิท ดวงตาของเธอเป็นประกายแล้วพูดว่า “คุณหม่า บอกมาได้เลยค่ะ”“จะให้ฉันขึ้นไปบนภูเขาแห่งดาบหรือลงไปในทะเลเพลิง แต่ฉัน ถังเจียเจีย สัญญาว่าจะไม่กระพริบตา!”หม่าอวี่เฟยยิ้มอย่างน่ากลัว “ถ้างั้นก็ลงมือเลย”ไม่นานนัก ถังเจียเจียก็มาขวางทางซูเฉี่ยนเฉี่ยน“อะไรคะ?” ซูเฉี่ยนเฉี่ยนดูตื่นตัวความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่ามันเป็นเรื่องน่าละอาย ซูเฉี่ยนเฉี่ยนจึงเริ่มระแวงถังเจียเจียมากขึ้น“น้องสาว ช่วยฉันหน่อยสิ”ถังเจียเจียพูดอย่างกังวล “เอาเครื่องสำอางเธอมาให้ฉันใช้หน่อย ฉันต้องเติมหน้าด่วนเลย”ตอนนั้นเอง ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็ตระหนักได้ว่าใบหน้าของถังเจียเจียมีรอยแดง และเครื่องสำอางบนหน้าเธอก็เลือนไปบ้าง“แล้วของเธอล่ะ?” ซูเฉี่ยนเฉี่ยนถามถังเจียเจียยิ้มอย่างข
“ว่าไงนะ!”กลุ่มผู้ชายที่ต้องการทำให้หม่าอวี่เฟยพอใจกำลังเตรียมพร้อมที่จะทุบตีหัวขโมยแต่หัวขโมยกลับดูใสซื่อบริสุทธิ์และน่ารัก ทำเอาทุกคนตกตะลึงถ้าเป็นชายเลวทราม พวกเขาคงรุมกระทืบไปแล้ว!“คุณหม่า คุณหมายถึงฉันหรือคะ?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนประหลาดใจและรีบอธิบาย “คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ!”เธอเพิ่งจะมาถึง เพิ่งก้าวเข้ามาในโถงงานเลี้ยงได้ไม่กี่ก้าวและไม่เคยขึ้นไปที่ชั้นสองเลย เธอจะขโมยของขวัญไปได้อย่างไรคงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด!“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องปฏิเสธ ขโมยหรือไม่ แค่ค้นกระเป๋าเดี๋ยวก็รู้” หม่าอวี่เฟยยิ้มอย่างเย็นชาสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเธอเป็นคนเงียบ ๆ และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้าร่วมงานแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกทุกคนคิดทันทีว่านี่คือสัญญาณของความรู้สึกผิด“ของอยู่ในกระเป๋าของเธอ เรื่องนี้พวกเราตรวจสอบมาดีแล้ว” เย่ชิงหยุนพูดเสียงดังเดิมที ทุกคนเต็มใจที่จะเชื่อคำพูดของหม่าอวี่เฟย โดยเชื่อว่าในฐานะตัวเอกของงานวันเกิด เธอจะไม่ใส่ร้ายผู้อื่นโดยพลการตอนนี้เมื่อเย่ชิงหยุนพูดเช่นนี้ ทุกคนย่อมเชื่อมากขึ้นอีก“จะค้นกระเป๋าคนอื่นตามใจชอบ ทุกคนไม่ค
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนดังขึ้น “หล่อนขโมยไปจริง ๆ ด้วย!”“หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ดูอ่อนโยนและสงบเสงี่ยม ดูเป็นกุลสตรี แต่มาทำเรื่องแบบนี้ หน้าไม่อายเกินไปหรือเปล่า?”“ไม่ใช่ฉันนะคะ!”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบตอบโต้และพูดอย่างเร่งรีบ “ฉันเองก็ไม่ทราบว่าทำไมมันถึงมาอยู่ในกระเป๋าฉัน ฉันเองไม่เคยเห็นมันมาก่อนด้วยซ้ำ” “โกหก!”หม่าอวี่เฟยตะโกนด้วยความโกรธ “คนเยอะขนาดนี้ หลักฐานก็คาตา ยังกล้าเล่นลิ้น ไม่ยอมรับผิดอีก!”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนกังวลมากจนเธอแทบจะร้องไห้ “ไม่ใช่ฉันจริง ๆ นะคะ!”“ฉันนึกออกแล้วค่ะ เมื่อกี้ถังเจียเจีย ลูกพี่ลูกน้องของฉัน เธอได้แตะต้องกระเป๋าของฉัน เธอช่วยฉันยืนยันได้”ทันทีที่เธอพูดจบ เสียงของถังเจียเจียก็ดังมาจากอีกฝั่ง “แน่นอน ว่าฉันช่วยยืนยันได้!”ทุกคนหลีกทางให้ถังเจียเจียซึ่งแต่งหน้าเสร็จแล้ว เธอฟื้นคืนความเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ของเธออีกครั้ง และเดินก้าวไปด้วยท่วงท่าราวกับเดินแคทวอล์คดูเหมือนว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะคว้าฟางช่วยชีวิตไว้ได้ และยังคงแสดงความขอบคุณต่อถังเจียเจียต่อไปถังเจียเจียไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอ แต่กลับเดินตรงไปหาหม่าอวี่เฟยแล้วพูดว่า “คุณหม่าคะ เมื่อครู่นี้ฉัน
“เพล้ง!”ขวดไวน์กระทบลงหน้าผากของซูเฉี่ยนเฉี่ยนอย่างแม่นยำซูเฉี่ยนเฉี่ยนถูกล็อคตัวไว้โดยบอดี้การ์ดสองคนซึ่งมีพละกำลังไม่น้อยไปกว่าเธอ และเธอก็ไม่มีโอกาสหลบเสียงดังฟังชัด และไวน์แดงก็ไหลลงมาบนใบหน้าของเธอผู้เห็นเหตุการณ์ต่างตกใจ และพวกเขาทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเจ็บปวดแทนเธอในขณะเดียวกัน ถังเจียเจียกับเย่ชิงหยุนต่างก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ!สมน้ำหน้า!นี่ก็คือผลที่เธอเลือกที่จะอยู่กับลั่วอู๋ฉาง“อีนังชั้นต่ำ กล้าดียังไงถึงขโมยของไปจากฉัน!” หม่าอวี่เฟยตะโกนอย่างโกรธเคืองซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่โดนขวดไวน์ฟาดหัวจนตาพร่ามัวยังคงยืนกราน “ฉันไม่ได้ทำ!”“ยังจะตอแหลอีก แกหาเรื่องใส่ตัวเองนะ!”หม่าอวี่เฟยโกรธมากจนหยิบขวดไวน์ขึ้นมาอีกขวดทันที“เพล้ง!”“เพล้ง! เพล้ง!”หลังจากโดนฟาดด้วยขวดไวน์หกขวดติดต่อกัน ร่างกายของซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่เพียงแต่ชุ่มไปด้วยไวน์เท่านั้น แต่เธอยังหัวแตกอีกด้วย และเลือดที่ผสมกับไวน์ก็ไหลลงมาเธอตัวสั่นเทาและแทบจะทนไม่ไหวแล้ว“ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ขโมย!”ความเจ็บปวดอันรุนแรงทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว แต่เธอก็ยังปฏิเสธที่จะยอมรับเมื่อหลาย ๆ คนเห็นแบบนี้ พวกเขาก็รู
หมอถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “โชคดีที่คนไข้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาจเป็นอันตรายได้”“หลังจากทำความสะอาดบาดแผลแล้ว ก็พบว่ามีบาดแผลทั้งเล็กและใหญ่บนศีรษะของคนไข้มากกว่าสิบที่ และจำเป็นต้องเย็บแผลที่หนังศีรษะจำนวนมากกว่าเจ็ดสิบเข็ม!”“เธอคงจะทรมานมาก แต่ก็ยังไม่ยอมให้ฉีดยาชา แล้วก็กัดฟันทนไปทั้งอย่างนั้น”ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยน หลังจากฟังคำพูดของหมอ เธอก็ร้องไห้ออกมา“หมอคะ ตอนนี้ฉันขอเข้าไปดูลูกหน่อยได้ไหม?”หมอพยักหน้า “ได้สิครับ แต่พยายามอย่านานเกินไป”“คนไข้เสียเลือดมาก และได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างรุนแรง จำเป็นต้องใช้เวลามาก ๆ ในการพักฟื้น”“อีกอย่าง ในขณะที่คนไข้หมดสติอยู่ เธอกลับตะโกนว่า ‘ฉันไม่ได้ขโมย’ อยู่หลายครั้ง แบบนี้ผมคิดว่าคนไข้น่าจะถูกรังแกมา พวกคุณช่วยใส่ใจกับสภาพจิตใจของคนไข้ และปลอบใจเธอเยอะ ๆ ด้วย”“ถ้าคนไข้มีสภาพจิตใจที่ดี ก็จะฟื้นตัวเร็วขึ้นด้วย”หญิงคนนั้นพยักหน้าทั้งน้ำตา “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ!”ทันทีที่หมอเดินจากไป เสียงตะโกนก็ดังขึ้น“ซวยจริง ๆ ฉัน ซูหมิงอวี๋คนนี้ มีชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอด ทำไมถึงได
ในโรงแรมโทรศัพท์มือถือของลั่วอู๋ฉางดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วรับสายด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง เข้าร่วมงานเลี้ยงเสร็จเร็วขนาดนี้เลยหรือ เป็นยังไงบ้าง?”เขาคิดไว้ก่อนแล้วว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนไม่มีทางทำสำเร็จได้ไม่มีใครสักคนที่รู้จักเธอ จึงไม่มีใครให้เครดิตกับเธอได้ แล้วยังไปงานเลี้ยงเพื่อขอความร่วมมือ แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอต้องถูกปฏิเสธลั่วอู๋ฉางกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบใจสาวน้อย ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังมาจากโทรศัพท์“ขอโทษนะคะ คุณคือคุณลั่ว ศิษย์พี่ของซูเฉี่ยนเฉี่ยนหรือเปล่า?”ลั่วอู๋ฉางเปลี่ยนน้ำเสียงทันที “คุณเป็นใคร ทำไมถึงใช้โทรศัพท์ของเฉี่ยนเฉี่ยน?”“ฉันชื่อเสี่ยวเสวี่ย เป็นเพื่อนกับเฉี่ยนเฉี่ยนค่ะ”เสี่ยวเสวี่ยอธิบาย “เฉี่ยนเฉี่ยนมักจะพูดถึงคุณให้ฉันฟังทางโทรศัพท์ ฉันก็เลยลองโทรหาคุณดู ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเฉี่ยนเฉี่ยนแล้วค่ะ!”“เรื่องอะไร?” ลั่วอู๋ฉางตะโกนถามพร้อมยืนขึ้นเสี่ยวเสวี่ยเล่าอย่างคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือเพราะร้องไห้เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเข้าไปในงานเลี้ยง เธอจึงทำได้แค่คาดเดาตามผลลัพ