รถตู้วิ่งอยู่บนถนน"พี่คนขับ หาโรงแรมพักสักแห่ง พรุ่งนี้ค่อยกลับเมืองจิงไห่" ลั่วอู๋ฉางสั่งคนขับตอบว่า "ได้ครับคุณลั่ว! คุณเกาได้สั่งไว้ว่าถ้าจะค้างคืนให้พักที่โรงแรมฮิลตันครับ""โอเค" ลั่วอู๋ฉางพยักหน้าหูเยว่ซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ด้วยตาทิพย์ของฉันและการสังเกตที่แม่นยำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สามารถมั่นใจได้ว่าสามีภรรยาคู่นั้นไม่ใช่คนดี""ตาทิพย์เป็นทักษะของซุนหงอคง มันเกี่ยวอะไรกับสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยอย่างคุณ อย่าเอาความดีความชอบใส่ตัวเอง"ลั่วอู๋ฉางพูดติดตลกด้วยรอยยิ้มหูเยว่ซีกลอกตาทันทีและพูดอย่างไม่พอใจ "ฉันพูดเรื่องสำคัญอยู่นะ คุณเชื่อว่าพวกเขาสองคนจะจ่ายค่ารักษาอย่างเชื่อฟังเหรอ?"ลั่วอู๋ฉางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเบอร์หนึ่งในสำนักงานที่หรูหราห้องหนึ่งของเมืองหลวง เหลยเทียนสงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและกล่าวอย่างประหลาดใจว่า "ราชันมังกร ท่านเชิญสั่ง!"หลังจากที่รอมานาน ในที่สุดผมก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณลั่วเหลยเทียนสงมือสั่นเนื่องจากความตื่นเต้นมากเกินไป"มีเรื่องเล็กน้อยมอบให้คุณทำ ก่อนเย็นวันพรุ่งนี้ ถ้าชิวเทียนฉือไม่ได้โอนเงินจำนวนมากมาให้บัญชีของผมหรือโอน
หยางหว่านอวี่ขมวดคิ้วอย่างต่อเนื่องและยังคงนิ่งเงียบดูเหมือนว่าจะไม่พอใจกับการจัดการของตระกูลจิน"ลูกสาว นี่สีหน้าอะไรของเธอ?"สวีชุ่ยหลานจ้องมองและพูดว่า "จุ้นเหวินสร้างฉากที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เธอไม่รู้สึกซาบซึ้งใจเลยเหรอ?""แต่ละด้านของจุ้นเหวิน ถือเป็นหนึ่งในล้าน เธอมีอะไรไม่พอใจอีก?"หยางหว่านอวี่ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ฉันแค่คิดว่ามันรีบร้อนเกินไป"เซอร์ไพรส์ไหม?ตัวเองอายุขนาดนี้แล้ว และเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง ในใจไม่ได้คาดหวังอะไรกับการเซอร์ไพรส์มานานแล้วประเด็นที่สำคัญที่สุดคือสำหรับเรื่องใหญ่แบบนี้ จินจุ้นเหวินไม่ทักทายล่วงหน้า เหมาะสมไหม?การโจมตีกะทันหันแบบนี้ เป็นการเซอร์ไพรส์หรือตกใจกลัวกันแน่?ไม่ถามตัวเอง ไม่ใช่การปรึกษาหารือ แต่เป็นการแจ้งข่าว!แม้แต่อาจกล่าวได้ว่าเป็นคำสั่งเขาใส่ใจฉันจริง ๆ เหรอ?นับตั้งแต่จินจุ้นเหวินปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ ในเวลาเพียงเดือนกว่า หยางหว่านอวี่ได้เจอกับเขาเพียงสิบครั้งเท่านั้นโอกาสที่จะได้อยู่กันตามลำพังนั้นหายากยิ่งกว่าแม้ว่าทั้งสองคนจะโตมาด้วยกัน แต่ก็ขาดการติดต่อกันมานานกว่าสิบปี อาจกล่าวได้ว่าไม่มีพื้นฐานทางความสัมพันธ์เล
"ทุกคน ลำบากทุกคนแล้ว"เขากำลังอยากจะบอกว่ามันดึกมากแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากข้างนอกว่า "หัวหน้าเสิ่น มีแขกมา!"แขก?เสิ่นซิ่งอันและผู้อาวุโสทั้งสี่ดูเครียดในเวลาเดียวกันน่าอายจริง ๆ ที่สาขาถูกทำให้เป็นแบบนี้ จะต้อนรับแขกได้อย่างไร?ห้คนอื่นเห็นสภาพที่นี่และสภาพที่น่าสังเวชของทุกคน ไม่ทำให้หัวเราะจนฟังหักเหรอ"ไม่พบ!"เสิ่นซิ่งอันรีบพูด แต่คนที่มายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า "คนเข้ามาแล้ว ห้ามไม่ได้!""หัวหน้าสาขาเสิ่น ผมไม่ใช่คนนอก ห้ามผมก็เกรงใจเกินไปแล้ว"หม่าเป่ากัวเดินก้าวใหญ่เข้ามา เสิ่นซิ่งอันก็หน้าแดง "ที่แท้ก็ปรมาจารย์หม่าจากสำนักฮุ้นหยวนนี่เอง ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปรับ!""พวกเราไม่จำเป็นต้องสุภาพแบบนี้หรอก" หม่าเป่ากัวโบกมือพลางเดินก้าวใหญ่มาข้างหลังเขายังมีชายชราคนหนึ่ง กระฉับกระเฉงและท่าทางไม่ธรรมดา"ขอแนะนำหน่อย คนนี้หานฉู่เฟิงเป็นเพื่อนเก่าของผมมาหลายปีแล้ว" หม่าเป่ากัวแนะนำหานฉู่เฟิงกำหมัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อทักทายพวกเสิ่นซิ่งอันหม่าเป่ากัวพูดด้วยความโกรธ "ลั่วอู๋ฉาง เป็นคนกำเริบเสิบสานจริง ๆ ไม่เพียงแต่ฆ่าลูกศิษย์ที่รักของผมสองค
"ขอให้หัวหน้าเสิ่นนำยอดฝีมือทั้งหมดของค่ายบู๊ลิ้มไปช่วยผมในวันพรุ่งนี้!"หม่าเป่ากัวก็ไม่เกรงใจ เสนอข้อเรียกร้องตรงประเด็นว่า "ภารกิจของพวกคุณคือขวางปีศาจสาวแซ่หูนั่น สร้างโอกาสให้ผมลงมือจัดการกับลั่วอู๋ฉาง"พูดไปพูดมา หูเยว่ซีถึงจะเป็นคนที่หม่าเป่ากัวกลัวที่สุดเขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถเอาชนะลั่วอู๋ฉางได้อย่างแน่นอนแต่กลัวว่าปีศาจสาวที่ชื่อหูเยว่ซีจะแทรกแซงและช่วยชีวิตลั่วอู๋ฉางในช่วงเวลาที่สำคัญหากไม่สามารถถอนรากถอนโคนได้ในครั้งเดียว ปัญหาในอนาคตก็จะตามมาไม่รู้จบ!เนื่องจากลั่วอู๋ฉางอายุน้อยขนาดนี้ก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับปรมาจารย์แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปจะสามารถก้าวหน้าไปสู่ขั้นปรมาจารย์ใหญ่ได้อย่างแน่นอนเมื่อถึงตอนนั้น ลั่วอู๋ฉางเพียงคนเดียวก็พอที่จะให้หม่าเป่ากัวเหนื่อยที่จะรับมือแล้วเพิ่มหูเยว่ซีมาอีกคน คนที่ตายต้องเป็นเขาหม่าเป่ากัว"แต่พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจสาวแซ่หูเลย!"เสิ่นซิ่งอันไม่สนใจหน้าตา ยกมือชี้ไปที่อาการบาดเจ็บบนร่างกายตัวเองแล้วพูดว่า "นี่คือผลงานชิ้นเอกของปีศาจสาวคนนั้น!""ปรมาจารย์หม่าให้พวกเราลงมือจัดการกับปีศาจสาว เป็น
ต้องรู้ว่านางฟ้าชวีคนนี้เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่านผู้นำ!เสิ่นซิ่งอันถามคนที่สาขาใหญ่และได้รับข่าวว่าชวีหลิงหานยังเก็บตัวบำเพ็ญอยู่จะเกิดอะไรขึ้นถ้ายืนยันว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด รอชวีหลิงหานออกจากบำเพ็ญและรู้ว่าพวกเสิ่นซิ่งอันช่วยหม่าเป่ากัวฆ่าลั่วอู๋ฉางสาขาที่ราบทั้งหมดมีกี่คน อย่าได้คิดว่าจะมีชีวิตอยู่ดี!"ความกังวลของพวกนาย ไม่ได้ไร้เหตุผล"คิ้วของเสิ่นซิ่งอันขมวดลึกขึ้นเรื่อย ๆ และกล่าวว่า "เลือกอย่างไรก็เกี่ยวข้องกับความเป็นตายของสาขาที่ราบ ประมาทไม่ได้เลย"ผู้อาวุโสอีกคนกล่าวว่า "ทำไมเราต้องเลือกด้วยล่ะ?""ปล่อยให้หม่าเป่ากัวและลั่วอู๋ฉางต่อสู้กันเหมือนหมา ไม่ว่าใครจะชนะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราล่ะ?มีคนโต้กลับทันที "ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ? ถ้าหม่าเป่ากัวชนะและมาหาเรื่องเราในภายหลังล่ะ?""แค่สำนักฮุ้นหยวน เราไม่จำเป็นต้องกลัวเขา เราเป็นค่ายบู๊ลิ้ม ไม่ใช่นิกายเล็ก ๆ ที่ใครก็สามารถรังแกได้!"กลุ่มคนเริ่มมีปากเสียงกันเสิ่นซิ่งอันตบโต๊ะ "เงียบให้หมด!""ไม่รุกรานทั้งสองฝ่าย ก็พอแล้ว""พรุ่งนี้เราจะไปที่สำนักฮุ้นหยวนตรงเวลา จากนั้นจะแจ้งลั่วอู๋ฉางอย่างลับ ๆ และบอกเข
วันต่อมา ท้องฟ้าแจ่มใสกลางฤดูหนาว มีอากาศดีแบบนี้ หายากจริง ๆสำนักฮุ้นหยวน บนพื้นที่โล่งหน้าประตู ได้ตั้งเวทีสี่เหลี่ยมไว้ที่นี่แน่นขนัดตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว เสียงอึกทึกครึกโครมผู้คนมาจากทุกสารทิศ เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่และมีชีวิตชีวามาก"รีบดูสิ นั่นคือปรมาจารย์อวี๋แหย่นปินจากเจียงหนาน!""จริงเหรอ? ปรมาจารย์อวี๋เป็นคนหลินอันตั้งแต่กำเนิด อยู่ห่างจากที่นี่ไปเป็นพันกิโลเมตร คาดไม่ถึงว่าเขาจะมา!""ยังมีผู้อาวุโสในโลกศิลปะการต่อสู้บู๊ลิ้มคนอื่น ๆ ซึ่งบางคนไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะมานานกว่าสิบปี คาดไม่ถึงว่าก็มาด้วย""ข่าวเพิ่งออกมาเมื่อสองวันก่อนใช่ไหม? พวกใหญ่ ๆ เหล่านี้พากันมา เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าให้ความสำคัญกับการต่อสู้ครั้งนี้มากน้อยเพียงใด"สิ่งที่เกิดขึ้นที่การประชุมผู้นำ ไม่ได้ก่อให้เกิดกระแสใด ๆ ในโลกศิลปะการต่อสู้บู๊ลิ้มในสายตาของหลาย ๆ คนมันเป็นเพียงเจ้าพ่อใต้ดินกลุ่มหนึ่งต่อสู้เพื่อแยกดินแดนอย่างมากก็แค่หมากันกันในทางตรงกันข้าม การนัดหมายของหม่าเป่ากัวกับลั่วอู๋ฉางกระจายไปราวกับไฟป่าวันนี้คนเหล่านี้ล้วนมาที่นี่เพื่อหม่าเป่ากัวมีข่าวลือในโลกศิลปะการต่อสู้บู๊
"ไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาตัวเองเลย นายมีคุณสมบัติแบบไหนตัวเองไม่รู้ตัวเหรอ?""อยากเข้าสำนักฮุ้นหยวนของเรา คนที่ไม่มีพรสวรรค์ไม่ได้ อาจารย์ของฉันมีสายตาที่สูงส่ง! อายุขนาดนี้แล้ว ยังไหว้ครูเรียนแบบคนหนุ่มสาว ไม่อายเหรอ!"พูดจบเขาก็ติงจงหลินออกไปอย่างไกลคนอื่น ๆ ที่มีความคิดเดียวกันก็ถอยกลับภายใต้สายตาที่น่าชื่นชมของทุกคน หม่าเป่ากัวก็ก้าวขึ้นไปบนเวที"ไม่เลว ในฐานะที่เป็นที่ตายของลั่วอู๋ฉาง มันคู่ควรกับเขาแล้ว!" หม่าเป่ากัวแสดงความคิดเห็นลูกศิษย์รีบแสดงจุดยืนของเขา "แน่นอนว่าศิษย์จะต้องใส่ใจกับสิ่งที่อาจารย์สั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่อาจารย์ได้ท้าทายใครบางคนในรอบกว่าสิบปี และมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักฮุ้นหยวนของเรา""แม้ว่าเวลาน้อยงานหนัก แต่ก็ยังต้องสร้างเวทีให้หรูหรา"ในเวลานี้มีรถหรูหลายคันขับมาและตามมาด้วยรถสินค้าขนาดเล็กคันหนึ่งชายฉกรรจ์ทั้งสี่คน ช่วยกันแบกแผ่นป้ายทองคำลงมาจากด้านบนทั้งแผ่นทำจากทองคำบริสุทธิ์ทั้งหมด เปล่งประกายเจิดจ้าท่ามกลางแสงแดด!บนป้ายทองคำ ล้อมรอบด้วยลายสวยงาม ตรงกลางเป็นตัวอักษรขนาดใหญ่สี่ตัว ซึ่งโดดเด่นมากปรมาจารย์บู๊ลิ้ม!"เชี่ย!
คนกลุ่มหนึ่งหิวโหย เพราะสำนักฮุ้นหยวนไม่ได้เลี้ยงอาหาร พวกเขาจำเป็นต้องจัดการเองเฉพาะคนที่หม่าเป่ากัวเชิญมาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ติดตามเขาเข้าไปรับประทานอาหารสำหรับเรื่องนี้ ทุกคนค่อนข้างวิพากษ์วิจารณ์...ตระกูลหนิง เมืองโบราณของเมืองจิงไห่"พ่อ พ่อรีบหน่อยสิ!"หนิงซินถงดูกังวลและเร่งเร้า "ต้องใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมงกว่าจะถึงเขตเมืองของมณฑล พวกเรารีบไปกันเถอะ!""จะรีบทำไม?"หนิงหงถูสีหน้าสงบและพูดว่า "คุณลั่วไม่ได้บอกแล้วเหรอ ไปถึงตอนเย็นก็พอ""ไปถึงก่อนเวลาเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุด! ออกเดินทางเร็วหน่อยจะได้ไม่มีอะไรผิดพลาด ถ้าเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางและไปไม่ทันจะทำยังไง?" หนิงซินถงรอไม่ไหวแล้วหัวใจของเธอได้ลอยไปยังเขตเมืองของมณฑลแล้วเหตุผลที่อาจารย์ลั่วอู๋ฉางมีความแค้นกับสำนักฮุ้นหยวน เพราะเพื่อรักษาความเย็นในร่างกายเธอและเปิดเผยความหน้าซื่อใจคดของชวีเว่ยถิงตอนนี้ หม่าเป่ากัวได้จัดตั้งเวทีเป็นตายเพื่อต่อสู้กับลั่วอู๋ฉางหนิงซินถงจะไม่กังวลได้อย่างไร!เมื่อคืนเธอร้องให้ไปที่เขตเมืองของมณฑลเพื่อตามหาลั่วอู๋ฉางตามแผนเดิมของหนิงหงถู ออกเดินทางในอีกหนึ่งชั่วโมงก็ไม่สา
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค