เกาชิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนสายน้ำ ดวงตาเผยมีความเย็นชาแวบผ่าน พี่ตาวพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมาตรงหน้าเธอ พูดขอคำสั่ง "คุณหนู จะไปช่วยประธานหยางหน่อยไหมครับ ไม่พูดถึงสถานะคู่ค้าดีเด่นของเธอ ในเมื่อเธอกับคุณลั่ว......""ไม่จำเป็น!"ใบหน้าของเกาชิงเหยียนเปล่งประกายด้วยสติปัญญา จากนั้นพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย "ความเป็นความตายของเธอ เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน? ฉันดูแลเธอเพียงเพราะเห็นแก่หน้าคุณลั่ว ไม่มีความสนิทสนมกับเธอแม้แต่นิด""ไม่มีคำสั่งที่ชัดเจนของคุณลั่ว ห้ามทำบุ่มบ่ามเด็ดขาด!"พี่ตาวขมวดคิ้ว "งั้น ถ้าหากคุณลั่วเข้าไปยุ่ง? ผมพูดว่าถ้าหากคุณลั่วมีอันตราย ในเมื่อสวีอวิ๋นฝานไม่ใช่คนดีอะไร ลงมือโหดเหี้ยมอีกด้วย"“เข้าไปทันที! ต่อให้ต้องสู้กันจนพังทั้งสองฝ่าย ฆ่ากันจนเลือดไหลนองเป็นสาย ก็ต้องปกป้องความปลอดภัยของคุณลั่ว” เกาชิงเหยียนพูดโดยไม่ต้องคิดพี่ตาวเข้าใจทันที พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก "เพียงแค่คุณลั่วปลอดภัย พี่เฉียงถึงจะมีโอกาสหายดี ใครกล้าทำร้ายคุณลั่ว แสดงว่าไม่อยากให้พี่เฉียงมีชีวิต พรรคพวกไม่มีทางยอมแน่นอน!"ทางด้านสวีอวิ๋นฝานหงุดหงิดใจอย่างมาก ยกมือผลักจ้าวเหม่ยอวิ๋นไปด้านข้าง จะจั
มีเสียงดัง "พรึ่บ"!ชายร่างสูงกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา แต่ละคนหน้าตาเหี้ยมโหดหวังจื่อเฟิงกับจ้าวเหม่ยอวิ๋นตกใจกลัวไปหมด เดิมคิดว่าข้างกายสวีอวิ๋นฝานมีบอดี้การ์ดแค่ไม่กี่คน ตอนนี้ดูแล้วไม่ได้ง่ายแบบนั้นด้วยซ้ำสวีอวิ๋นฝานเดิมที่ตั้งใจมาหาเรื่องอยู่แล้ว จะพามาแค่สามสี่คนได้อย่างไร เขากำเริบเสิบสาน แต่ไม่ได้โง่!แม้แต่หยางหว่านอวี่ก็ยังหวาดกลัว อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงการกระทำของลั่วอู๋ฉาง ขณะเดียวกันก็เป็นกังวลกับจนจบของตัวเอง"เชี่ย ประมาทแล้ว!"พี่ตาวสีหน้าเป็นกังวล รีบเรียกพรรคพวกที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นเข้าไปช่วยเหลือลั่วอู๋ฉาง"เร็วเข้า!" เกาชิงเหยียนตกใจจนหน้าซีดยิ่งกว่าพวกเขาตรงนี้ อยู่ห่างจากทางด้านลั่วอู๋ฉางสิบกว่าเมตรเชียวนะ ต่อให้พุ่งเข้าไปในช่วงเวลาแรก ลั่วอู๋ฉางก็เลี่ยงการถูกกระทืบไม่ได้ หรือแม้กระทั่งจะเป็นอันตรายต่อชีวิตในเมื่อคนของสวีอวิ๋นฝาน ทั้งหมดเป็นพวกที่ไม่คำนึงถึงชีวิตที่จิตใจเหี้ยมเกรียม อีกทั้งมีคนเยอะกว่าสิบคน ต่อให้คนหนึ่งกระทืบคนละครั้ง ก็เกินที่ลั่วอู๋ฉางจะรับไหวหากลั่วอู๋ฉางเกิดอันตรายขึ้น เกาฉี่เฉียงก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากตกตะลึงครู่หนึ่ง
กลับถูกเขาเพียงคนเดียว ล้มคนสิบกว่าคนได้ในชั่วพริบตาแม่เจ้า!หยางหว่านอวี่ก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลั่วอู๋ฉางเก่งการต่อสู้ขนาดนี้ลั่วอู๋ฉางเดินไปหาสวีอวิ๋นฝานทีละก้าวทุกย่างก้าว เหยียบย่ำตรงกับจังหวะหัวใจเต้นของสวีอวิ๋นฝาน ทำให้ผู้คนตัวสั่นสวีอวิ๋นฝานร้อนรนถึงที่สุด เขาหยิบมีดพกออกมาแล้วจ่อไปที่คอของหยางหว่านอวี่ จากนั้นกัดฟันและขู่ด้วยสายตา "ถ้ามึงกล้าเข้ามาข้างหน้าอีกครั้ง กูจะฆ่าเธอ!"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วเล็กน้อยและหยุดฝีเท้าลง“ฮ่าฮ่า กูแม่งคิดว่มึงไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ที่แท้ก็คนขี้ขลาด!”สวีอวิ๋นฝานมีตัวประกันอยู่ในมือ คิดว่าตัวเองเก่งขึ้นมาทันที จากนั้นพูดสั่ง "คุกเข่าลง ไม่อย่างนั้น......"จู่ๆ ลั่วอู๋ฉางพุ่งเข้าไป ร่างกายมีเงาติดตาม ทางด้านสวีอวิ๋นฝานยังไม่ทันตอบสนอง ก็ถูกจับข้อมือเอาไว้"แกร่ก!"มีเสียงดังก้อง จากนั้นมีดพกตกลงบนน"ติ๊ง!"สวีอวิ๋นฝานนิ่งอึ้ง จากนั้นในปากร้องโอดครวญเหมือนหมูถูกเชือด "อ้าก! มือกู......"มือข้างนั้นของเขาถูกหักแล้ว ห้อยอยู่ในแขนเสื้อ และเขาไม่รู้เลยว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นลั่วอู๋ฉางจับมืออีกข้างของเขาเอาไว้
สีหน้าของหยางหว่านอวี่เปลี่ยนไปอีกครั้ง เดิมทีคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ดังนั้นถึงได้เตือนลั่วอู๋ฉางด้วยความหวังดีและเธอก็ไม่คิดเลยว่า สวีอวิ๋นฝานยังไม่ล้มเลิกความคิดชั่วร้ายที่มีต่อเธอ"แกได้ยินแล้วยัง คุณชายสวีให้แกคุกเข่าน่ะ!" หวังจื่อเฟิงแอบอ้างบารมีข่มเหงคนอื่นเมื่อเทียบกันหยางหว่านอวี่จะเป็นอย่างไร เหมือนว่าเขาจะใส่ใจยิ่งกว่าว่าลั่วอู๋ฉางจะเลือกอย่างไร สุดท้ายจะมีจุดจบแบบไหนจะคุกเข่าหรือไม่คุกเข่า?คุกเข่าลงอับอายขายหน้า!คนมากมายขนาดนี้มองดูอยู่ และเกาชิงเหยียนก็อยู่ในงาน ต่อไปอย่าได้คิดจะเงยหน้าขึ้นอีกไม่คุกเข่า ก็ยั่วโมโหสวีอวิ๋นฝานถึงที่สุด!ด้วยวิธีโหดเหี้ยมของตระกูลสวี ผลลัพท์คือต้องตายแน่นอนไอ้หนุ่ม กำเริบเสิบสานไปเถอะ!ใครใช้ให้แกไม่เห็นฉันหวังจื่อเฟิงอยู่ในสายตา ฉันสั่งการแค่ไม่กี่ประโยค ก็ฆ่าแกตายได้"เพี๊ยะ เพี๊ยะ!"เสียงปรบมือดังขึ้น เกาชิงเหยียนที่หุ่นดีสวมชุดราตรีที่รัดรูปที่สมบูรณ์แบบ เดินเข้ามาอย่างสง่างาม ปรบมือขาวผ่อง ท่าทางร่างกายอ่อนช้อย"ได้ดูฉากเด็กฉากหนึ่งด้วย มีคนหวังดียื่นมือเข้ามาช่วยอย่างกล้าหาญ ทำดีกลับถูกมองว่าทำเลว มีบางคนกลางวันแสก ๆ
“มึง หมายความว่าอะไร?” สวีอวิ๋นฝานหัวใจกระตุก เหมือนกับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ“ทักทายลูกพี่ลูกน้องนายแทนฉันด้วย!” ลั่วอู๋ฉางเหยียบเท้าลงไป“ป้อก!”เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น เป็นเพราะจุดลงของเท้า คือเป้ากางเกงของสวีอวิ๋นฝานกระจู๋ พังแล้วเลือดไหลนอง ซึมกางเกงออกมาอย่างรวดเร็วทุกคนถลึงตาโต เสียงสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงต่อเนื่องกันเป็นระรอก โดยเฉพาะผู้ชาย แต่ละคนหนีบขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัวฝ่าเท้าเดียวก็กลายเป็นขันที คงเจ็บมากสินะ?สวีอวิ๋นฝานเจ็บจนตัวสั่นรุนแรง ร่างกายขดตัวจนเกิดเป็นท่าทางแปลประหลาด ใบหน้ากลายเป็นสีม่วงสีแดงเพราะเลือดสูบฉีด สีหน้าบิดเบี้ยวจนผิดรูปไปอย่างรุนแรงเขายังไม่ทันได้ร้องโอดครวญจากความเจ็บปวดด้วยซ้ำ จากนั้นสลบไปโดยตรงลั่วอู๋ฉางมองดูรองเท้าที่ไม่ได้เปื้อนเลือดแม้แต่นิด พูดเสียงเย็นชา “ถอนรากแล้ว ต่อไปถึงได้ไม่มีโอกาสก่อความวุ่นวายไปทั่ว”ซี้ด!ทุกคนสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง ตอนนี้ทั้งงานเงียบสงัดเขากล้าได้อย่างไร?นี่เป็นถึงลูกชายของผู้มีอำนาจทิศเหนือเชียวนะ เพียงแค่ฝ่าเท้าเดียวก็ทำให้มีทายาทไม่ได้อีกแล้ว ตระกูลสวีจะปล่อยเขาไปได้เหรอ?แม้แต่เกา
ลูกน้องกลุ่มนั้นของตระกูลสวีต่างช่วยกันประคองยืนขึ้น หามสวีอวิ๋นฝานคนละไม้คนละมือ หนีหัวซุกหัวซุนไปด้วยสภาพที่แย่มากแขกในงานต่างกระซิบกระซาบ พากันวิพากษ์วิจารณ์ "ดูท่า ตระกูลเกาตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะเปิดศึกกับตระกูลสวี!""ใครว่าไม่ใช่ล่ะ! เสือสองตัวต่อสู้กันต้องมีตัวหนึ่งที่บาดเจ็บ ไม่รู้ว่าคนที่ยิ้มจนถึงตอนสุดท้ายจะเป็นตระกูลไหน แต่ไม่ว่าอย่างไร สภาพการณ์ของเมืองจิงไห่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่""คุณลั่วท่านนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่? ดูธรรมดาอย่างมาก ชนิดที่ว่าโยนไปในกลุ่มคนก็หาไม่เจอ ทำไมคุณเกาถึงให้ความสำคัญขนาดนี้ ไม่เข้าใจจริง ๆ!""เพื่อเขาแล้ว ไม่เสียดายที่จะต่อสู้กับตระกูลสวี ทำให้คนคาดคิดไม่ถึง! อีกอย่างพวกคุณสังเกตุเห็นแล้วยัง คุณลั่วท่านนี้ถึงจะเป็นบุคคลสำคัญในคืนนี้ คุณเกาในฐานะผู้จัดงาน กลับเหมือนกับเป็นตัวเสริม""เทพของทั้งสองตระกูลสู้กัน ไม่ว่าใครชนะใครแพ้ พวกเราคนธรรมดาหลบไปไกล ๆ หน่อยเป็นดี จะได้ไม่ถูกลูกหลง"เกาชิงเหยียนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เรื่องที่เธอตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเปิดศึกกับตระกูลสวี่แล้วจะอย่างไร พวกเราตระกูลเกาก็ไม่ได้อ่อนแอสักห
"ไอ้สกุลลั่วลงมือหนักเกินไปแล้ว ถ้าหากกระทืบแค่คุณชายสวี ฉันให้พ่อโทรไปสายเดียว ให้เขาออกหน้าไกล่เกลี่ยสักหน่อย ยังสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้"หวังจื่อเฟิงพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ "แต่ตอนนี้ คุณชายสวีกลายเป็นขันทีไปแล้ว พูดไพเราะมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์"หยางหว่านอวี่เหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายไว้ได้ เธอรีบพูดขึ้น "ให้คุณอาหวังลองดู ไม่แน่อาจจะมีประโยชน์ก็ได้"หวังฉีอิ๋งพ่อของหวังจื่อเฟิง เป็นคนโลเล อยู่ระหว่างตระกูลเกาและตระกูลสวีลื่นไหลมาเทมา ดูเหมือนมีหน้ามีตา แต่อยู่ต่อหน้าทั้งสองตระกูลแทบจะไม่มีตัวตนด้วยซ้ำไม่มีใครชอบคนโลเล มากสุดก็แค่มีเกียรติอยู่นิดหน่อยเท่านั้นหวังจื่อเฟิงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ตระกูลหวังถึงแม้จะมีการคบหากับตระกูลสวีอยู่เล็กน้อย แต่เพียงแค่ไปมาหาสู่ทางด้านธุรกิจ หวังฉีอิ๋งยังไม่ได้มีเกียรติมากมายขนาดนั้นที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของสวีเทียนได้"พี่เฟิง เพียงแค่พี่ชอบช่วยฉัน ถือว่าฉันเป็นหนี้น้ำใจที่ยิ่งใหญ่มหาศาลต่อพี่" หยางหว่านอวี่ทำท่ารับประกันจื่เห็นสายตาคาดหวังของนางฟ้า หวังจื่อเฟิงนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้รับความรู้สึกที่ดีจากคนสวย จะ
“อารอง!”เกาชิงเหยียนยังไม่ยอมแพ้ ในสายตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอนเกาฉี่เซิ่งพูดด้วยใบหน้าเฉยเมย “นอกจากว่าพ่อเธอฟื้นขึ้นมา พูดกับปากตัวเองว่าจะเปิดศึกกับตระกูลสวี ไม่อย่างนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก!”สีหน้าเด็ดเดี่ยว ไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจาเกาชิงเหยียนสิ้นหวัง เพียงแค่กำลังในมือของเธอ เป็นการไม่ประมาณตนด้วยซ้ำ ไม่เพียงพอที่จะตีเสมอกับตระกูลสวีสถานการณ์เกินความคาดหมายของตัวเอง ชั่วครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายกับลั่วอู๋ฉางอย่างไร……โรงพยาบาลเมืองจิงไห่นอกห้องผ่าตัด โถงทางเดินมีคนยื่นเต็มไปหมดคนกลุ่มนี้สีหน้าท่าทางเหี้ยมโหดอย่างมาก พยาบาลตกใจจนไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำในตอนนี้ ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกพอดี หมอสองคนเข็นเตียงผู้ป่วยออกมา สวีอวิ๋นฝานนอนอยู่บนเตียง ส่วนล่างมีผ้าพันแผลพันเต็มไปหมดกลุ่มคนที่รออยู่ด้านนอก กรูกันเข้าไปล้อมรอบเอาไว้คนที่เดินเข้าไปคนแรกรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมเต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย สายตาเผยความโหดเหี้ยมไรปราณี เขาก็คือสวีเทียน ราชาใต้ดินผู้ที่มีชื่อเรียกว่าผู้มีอำนาจทิศเหนือ“คุณหมอ สถานการณ์ของลูกผมเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอถอดหน้าก