เกาชิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนสายน้ำ ดวงตาเผยมีความเย็นชาแวบผ่าน พี่ตาวพาลูกน้องกลุ่มหนึ่งมาตรงหน้าเธอ พูดขอคำสั่ง "คุณหนู จะไปช่วยประธานหยางหน่อยไหมครับ ไม่พูดถึงสถานะคู่ค้าดีเด่นของเธอ ในเมื่อเธอกับคุณลั่ว......""ไม่จำเป็น!"ใบหน้าของเกาชิงเหยียนเปล่งประกายด้วยสติปัญญา จากนั้นพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย "ความเป็นความตายของเธอ เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน? ฉันดูแลเธอเพียงเพราะเห็นแก่หน้าคุณลั่ว ไม่มีความสนิทสนมกับเธอแม้แต่นิด""ไม่มีคำสั่งที่ชัดเจนของคุณลั่ว ห้ามทำบุ่มบ่ามเด็ดขาด!"พี่ตาวขมวดคิ้ว "งั้น ถ้าหากคุณลั่วเข้าไปยุ่ง? ผมพูดว่าถ้าหากคุณลั่วมีอันตราย ในเมื่อสวีอวิ๋นฝานไม่ใช่คนดีอะไร ลงมือโหดเหี้ยมอีกด้วย"“เข้าไปทันที! ต่อให้ต้องสู้กันจนพังทั้งสองฝ่าย ฆ่ากันจนเลือดไหลนองเป็นสาย ก็ต้องปกป้องความปลอดภัยของคุณลั่ว” เกาชิงเหยียนพูดโดยไม่ต้องคิดพี่ตาวเข้าใจทันที พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก "เพียงแค่คุณลั่วปลอดภัย พี่เฉียงถึงจะมีโอกาสหายดี ใครกล้าทำร้ายคุณลั่ว แสดงว่าไม่อยากให้พี่เฉียงมีชีวิต พรรคพวกไม่มีทางยอมแน่นอน!"ทางด้านสวีอวิ๋นฝานหงุดหงิดใจอย่างมาก ยกมือผลักจ้าวเหม่ยอวิ๋นไปด้านข้าง จะจั
มีเสียงดัง "พรึ่บ"!ชายร่างสูงกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา แต่ละคนหน้าตาเหี้ยมโหดหวังจื่อเฟิงกับจ้าวเหม่ยอวิ๋นตกใจกลัวไปหมด เดิมคิดว่าข้างกายสวีอวิ๋นฝานมีบอดี้การ์ดแค่ไม่กี่คน ตอนนี้ดูแล้วไม่ได้ง่ายแบบนั้นด้วยซ้ำสวีอวิ๋นฝานเดิมที่ตั้งใจมาหาเรื่องอยู่แล้ว จะพามาแค่สามสี่คนได้อย่างไร เขากำเริบเสิบสาน แต่ไม่ได้โง่!แม้แต่หยางหว่านอวี่ก็ยังหวาดกลัว อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงการกระทำของลั่วอู๋ฉาง ขณะเดียวกันก็เป็นกังวลกับจนจบของตัวเอง"เชี่ย ประมาทแล้ว!"พี่ตาวสีหน้าเป็นกังวล รีบเรียกพรรคพวกที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นเข้าไปช่วยเหลือลั่วอู๋ฉาง"เร็วเข้า!" เกาชิงเหยียนตกใจจนหน้าซีดยิ่งกว่าพวกเขาตรงนี้ อยู่ห่างจากทางด้านลั่วอู๋ฉางสิบกว่าเมตรเชียวนะ ต่อให้พุ่งเข้าไปในช่วงเวลาแรก ลั่วอู๋ฉางก็เลี่ยงการถูกกระทืบไม่ได้ หรือแม้กระทั่งจะเป็นอันตรายต่อชีวิตในเมื่อคนของสวีอวิ๋นฝาน ทั้งหมดเป็นพวกที่ไม่คำนึงถึงชีวิตที่จิตใจเหี้ยมเกรียม อีกทั้งมีคนเยอะกว่าสิบคน ต่อให้คนหนึ่งกระทืบคนละครั้ง ก็เกินที่ลั่วอู๋ฉางจะรับไหวหากลั่วอู๋ฉางเกิดอันตรายขึ้น เกาฉี่เฉียงก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากตกตะลึงครู่หนึ่ง
กลับถูกเขาเพียงคนเดียว ล้มคนสิบกว่าคนได้ในชั่วพริบตาแม่เจ้า!หยางหว่านอวี่ก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลั่วอู๋ฉางเก่งการต่อสู้ขนาดนี้ลั่วอู๋ฉางเดินไปหาสวีอวิ๋นฝานทีละก้าวทุกย่างก้าว เหยียบย่ำตรงกับจังหวะหัวใจเต้นของสวีอวิ๋นฝาน ทำให้ผู้คนตัวสั่นสวีอวิ๋นฝานร้อนรนถึงที่สุด เขาหยิบมีดพกออกมาแล้วจ่อไปที่คอของหยางหว่านอวี่ จากนั้นกัดฟันและขู่ด้วยสายตา "ถ้ามึงกล้าเข้ามาข้างหน้าอีกครั้ง กูจะฆ่าเธอ!"ลั่วอู๋ฉางขมวดคิ้วเล็กน้อยและหยุดฝีเท้าลง“ฮ่าฮ่า กูแม่งคิดว่มึงไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ที่แท้ก็คนขี้ขลาด!”สวีอวิ๋นฝานมีตัวประกันอยู่ในมือ คิดว่าตัวเองเก่งขึ้นมาทันที จากนั้นพูดสั่ง "คุกเข่าลง ไม่อย่างนั้น......"จู่ๆ ลั่วอู๋ฉางพุ่งเข้าไป ร่างกายมีเงาติดตาม ทางด้านสวีอวิ๋นฝานยังไม่ทันตอบสนอง ก็ถูกจับข้อมือเอาไว้"แกร่ก!"มีเสียงดังก้อง จากนั้นมีดพกตกลงบนน"ติ๊ง!"สวีอวิ๋นฝานนิ่งอึ้ง จากนั้นในปากร้องโอดครวญเหมือนหมูถูกเชือด "อ้าก! มือกู......"มือข้างนั้นของเขาถูกหักแล้ว ห้อยอยู่ในแขนเสื้อ และเขาไม่รู้เลยว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นลั่วอู๋ฉางจับมืออีกข้างของเขาเอาไว้
สีหน้าของหยางหว่านอวี่เปลี่ยนไปอีกครั้ง เดิมทีคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ดังนั้นถึงได้เตือนลั่วอู๋ฉางด้วยความหวังดีและเธอก็ไม่คิดเลยว่า สวีอวิ๋นฝานยังไม่ล้มเลิกความคิดชั่วร้ายที่มีต่อเธอ"แกได้ยินแล้วยัง คุณชายสวีให้แกคุกเข่าน่ะ!" หวังจื่อเฟิงแอบอ้างบารมีข่มเหงคนอื่นเมื่อเทียบกันหยางหว่านอวี่จะเป็นอย่างไร เหมือนว่าเขาจะใส่ใจยิ่งกว่าว่าลั่วอู๋ฉางจะเลือกอย่างไร สุดท้ายจะมีจุดจบแบบไหนจะคุกเข่าหรือไม่คุกเข่า?คุกเข่าลงอับอายขายหน้า!คนมากมายขนาดนี้มองดูอยู่ และเกาชิงเหยียนก็อยู่ในงาน ต่อไปอย่าได้คิดจะเงยหน้าขึ้นอีกไม่คุกเข่า ก็ยั่วโมโหสวีอวิ๋นฝานถึงที่สุด!ด้วยวิธีโหดเหี้ยมของตระกูลสวี ผลลัพท์คือต้องตายแน่นอนไอ้หนุ่ม กำเริบเสิบสานไปเถอะ!ใครใช้ให้แกไม่เห็นฉันหวังจื่อเฟิงอยู่ในสายตา ฉันสั่งการแค่ไม่กี่ประโยค ก็ฆ่าแกตายได้"เพี๊ยะ เพี๊ยะ!"เสียงปรบมือดังขึ้น เกาชิงเหยียนที่หุ่นดีสวมชุดราตรีที่รัดรูปที่สมบูรณ์แบบ เดินเข้ามาอย่างสง่างาม ปรบมือขาวผ่อง ท่าทางร่างกายอ่อนช้อย"ได้ดูฉากเด็กฉากหนึ่งด้วย มีคนหวังดียื่นมือเข้ามาช่วยอย่างกล้าหาญ ทำดีกลับถูกมองว่าทำเลว มีบางคนกลางวันแสก ๆ
“มึง หมายความว่าอะไร?” สวีอวิ๋นฝานหัวใจกระตุก เหมือนกับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ“ทักทายลูกพี่ลูกน้องนายแทนฉันด้วย!” ลั่วอู๋ฉางเหยียบเท้าลงไป“ป้อก!”เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น เป็นเพราะจุดลงของเท้า คือเป้ากางเกงของสวีอวิ๋นฝานกระจู๋ พังแล้วเลือดไหลนอง ซึมกางเกงออกมาอย่างรวดเร็วทุกคนถลึงตาโต เสียงสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงต่อเนื่องกันเป็นระรอก โดยเฉพาะผู้ชาย แต่ละคนหนีบขาเอาไว้โดยไม่รู้ตัวฝ่าเท้าเดียวก็กลายเป็นขันที คงเจ็บมากสินะ?สวีอวิ๋นฝานเจ็บจนตัวสั่นรุนแรง ร่างกายขดตัวจนเกิดเป็นท่าทางแปลประหลาด ใบหน้ากลายเป็นสีม่วงสีแดงเพราะเลือดสูบฉีด สีหน้าบิดเบี้ยวจนผิดรูปไปอย่างรุนแรงเขายังไม่ทันได้ร้องโอดครวญจากความเจ็บปวดด้วยซ้ำ จากนั้นสลบไปโดยตรงลั่วอู๋ฉางมองดูรองเท้าที่ไม่ได้เปื้อนเลือดแม้แต่นิด พูดเสียงเย็นชา “ถอนรากแล้ว ต่อไปถึงได้ไม่มีโอกาสก่อความวุ่นวายไปทั่ว”ซี้ด!ทุกคนสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง ตอนนี้ทั้งงานเงียบสงัดเขากล้าได้อย่างไร?นี่เป็นถึงลูกชายของผู้มีอำนาจทิศเหนือเชียวนะ เพียงแค่ฝ่าเท้าเดียวก็ทำให้มีทายาทไม่ได้อีกแล้ว ตระกูลสวีจะปล่อยเขาไปได้เหรอ?แม้แต่เกา
ลูกน้องกลุ่มนั้นของตระกูลสวีต่างช่วยกันประคองยืนขึ้น หามสวีอวิ๋นฝานคนละไม้คนละมือ หนีหัวซุกหัวซุนไปด้วยสภาพที่แย่มากแขกในงานต่างกระซิบกระซาบ พากันวิพากษ์วิจารณ์ "ดูท่า ตระกูลเกาตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่จะเปิดศึกกับตระกูลสวี!""ใครว่าไม่ใช่ล่ะ! เสือสองตัวต่อสู้กันต้องมีตัวหนึ่งที่บาดเจ็บ ไม่รู้ว่าคนที่ยิ้มจนถึงตอนสุดท้ายจะเป็นตระกูลไหน แต่ไม่ว่าอย่างไร สภาพการณ์ของเมืองจิงไห่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่""คุณลั่วท่านนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่? ดูธรรมดาอย่างมาก ชนิดที่ว่าโยนไปในกลุ่มคนก็หาไม่เจอ ทำไมคุณเกาถึงให้ความสำคัญขนาดนี้ ไม่เข้าใจจริง ๆ!""เพื่อเขาแล้ว ไม่เสียดายที่จะต่อสู้กับตระกูลสวี ทำให้คนคาดคิดไม่ถึง! อีกอย่างพวกคุณสังเกตุเห็นแล้วยัง คุณลั่วท่านนี้ถึงจะเป็นบุคคลสำคัญในคืนนี้ คุณเกาในฐานะผู้จัดงาน กลับเหมือนกับเป็นตัวเสริม""เทพของทั้งสองตระกูลสู้กัน ไม่ว่าใครชนะใครแพ้ พวกเราคนธรรมดาหลบไปไกล ๆ หน่อยเป็นดี จะได้ไม่ถูกลูกหลง"เกาชิงเหยียนแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เรื่องที่เธอตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเปิดศึกกับตระกูลสวี่แล้วจะอย่างไร พวกเราตระกูลเกาก็ไม่ได้อ่อนแอสักห
"ไอ้สกุลลั่วลงมือหนักเกินไปแล้ว ถ้าหากกระทืบแค่คุณชายสวี ฉันให้พ่อโทรไปสายเดียว ให้เขาออกหน้าไกล่เกลี่ยสักหน่อย ยังสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้"หวังจื่อเฟิงพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ "แต่ตอนนี้ คุณชายสวีกลายเป็นขันทีไปแล้ว พูดไพเราะมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์"หยางหว่านอวี่เหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายไว้ได้ เธอรีบพูดขึ้น "ให้คุณอาหวังลองดู ไม่แน่อาจจะมีประโยชน์ก็ได้"หวังฉีอิ๋งพ่อของหวังจื่อเฟิง เป็นคนโลเล อยู่ระหว่างตระกูลเกาและตระกูลสวีลื่นไหลมาเทมา ดูเหมือนมีหน้ามีตา แต่อยู่ต่อหน้าทั้งสองตระกูลแทบจะไม่มีตัวตนด้วยซ้ำไม่มีใครชอบคนโลเล มากสุดก็แค่มีเกียรติอยู่นิดหน่อยเท่านั้นหวังจื่อเฟิงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ตระกูลหวังถึงแม้จะมีการคบหากับตระกูลสวีอยู่เล็กน้อย แต่เพียงแค่ไปมาหาสู่ทางด้านธุรกิจ หวังฉีอิ๋งยังไม่ได้มีเกียรติมากมายขนาดนั้นที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของสวีเทียนได้"พี่เฟิง เพียงแค่พี่ชอบช่วยฉัน ถือว่าฉันเป็นหนี้น้ำใจที่ยิ่งใหญ่มหาศาลต่อพี่" หยางหว่านอวี่ทำท่ารับประกันจื่เห็นสายตาคาดหวังของนางฟ้า หวังจื่อเฟิงนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้รับความรู้สึกที่ดีจากคนสวย จะ
“อารอง!”เกาชิงเหยียนยังไม่ยอมแพ้ ในสายตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอนเกาฉี่เซิ่งพูดด้วยใบหน้าเฉยเมย “นอกจากว่าพ่อเธอฟื้นขึ้นมา พูดกับปากตัวเองว่าจะเปิดศึกกับตระกูลสวี ไม่อย่างนั้นไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก!”สีหน้าเด็ดเดี่ยว ไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจาเกาชิงเหยียนสิ้นหวัง เพียงแค่กำลังในมือของเธอ เป็นการไม่ประมาณตนด้วยซ้ำ ไม่เพียงพอที่จะตีเสมอกับตระกูลสวีสถานการณ์เกินความคาดหมายของตัวเอง ชั่วครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายกับลั่วอู๋ฉางอย่างไร……โรงพยาบาลเมืองจิงไห่นอกห้องผ่าตัด โถงทางเดินมีคนยื่นเต็มไปหมดคนกลุ่มนี้สีหน้าท่าทางเหี้ยมโหดอย่างมาก พยาบาลตกใจจนไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำในตอนนี้ ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกพอดี หมอสองคนเข็นเตียงผู้ป่วยออกมา สวีอวิ๋นฝานนอนอยู่บนเตียง ส่วนล่างมีผ้าพันแผลพันเต็มไปหมดกลุ่มคนที่รออยู่ด้านนอก กรูกันเข้าไปล้อมรอบเอาไว้คนที่เดินเข้าไปคนแรกรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมเต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย สายตาเผยความโหดเหี้ยมไรปราณี เขาก็คือสวีเทียน ราชาใต้ดินผู้ที่มีชื่อเรียกว่าผู้มีอำนาจทิศเหนือ“คุณหมอ สถานการณ์ของลูกผมเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอถอดหน้าก
ชวีซานตัวไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ทำตามคำสั่งเมื่อทุกคนมาถึงภูเขาด้านหลัง ฟ้าก็เริ่มสางแล้วเบื้องหน้าคือเหวลึกที่ขวางทางอยู่ลั่วอู๋ฉางผูกปลายเชือกด้านหนึ่งไว้กับเสา แล้วสะพายเชือกที่มัดรวมกันไว้บนหลัง ก่อนพยักหน้าให้ทุกคน"มีปัญหาอะไรไหม?"ลั่วอู๋ฉางถามอาวุโสที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวคนนั้นอาวุโสรีบตอบ "ไม่มีปัญหาครับ!"ลั่วอู๋ฉางกระโดดขึ้นด้วยเท้าข้างเดียว ตัวเขาลอยขึ้นสูงก่อนเหาะตรงไปยังอีกฟากของหน้าผาเมื่อเหาะไปได้ครึ่งทาง ร่างของลั่วอู๋ฉางก็เริ่มร่วงลงเมื่อคำนวณจากมุมนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสไปถึงอีกฝั่งเลยทันใดนั้น นกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งก็โฉบมาจากด้านข้างอาวุโสคนเมื่อกี้ยืนอยู่ริมหน้าผาและเป่านกหวีดเรียกอินทรีอินทรียักษ์กางปีก ลั่วอู๋ฉางเหยียบลงบนหลังมันหนึ่งที ทิศทางที่กำลังร่วงพลันเปลี่ยนเป็นลอยขึ้นเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ลงถึงริมหน้าผาอีกฝั่งอย่างมั่นคงจากนั้นก็ทำแบบเดิม ผูกปลายเชือกฝั่งนี้ไว้กับเสาอีกข้าง"เจ้าสำนักชวี สั่งคนของท่านให้เริ่มได้แล้ว!" ซูเทียนคั่วออกคำสั่งอย่างไม่ไว้หน้าชวีซานตัวไม่ใช่ไม่เคยคิดจะเล่นงานตอนที่ลั่วอู๋ฉางกำลังข้ามหน้าผาเขาเคยคิดจะสั่ง
คำกล่าวอย่างมั่นใจของลั่วอู๋ฉางดังก้องไปทั่วสำนักใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้มหากเป็นเมื่อก่อน ใครกล้าพูดกับหัวหน้าสำนักพวกเขาเช่นนี้ คงไม่ต้องรอให้ชวีซานตัวเอ่ยปาก สมาชิกระดับล่างก็พร้อมจะซัดมันจนหมอบไปแล้วต่อหน้าประตูสำนักงานใหญ่ จะปล่อยให้คนมาพูดจาโอ้อวดได้อย่างไร?แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ ลั่วอู๋ฉางไม่เพียงแต่พูด เขายังทำลายประตูใหญ่ของพวกเขาและทำร้ายคนไปอีกหลายสิบคนด้วยแน่นอนว่าจำนวนนี้ไม่ได้ตายตัวถ้าคนอื่นกล้าบุกเข้าไปอีก ลั่วอู๋ฉางจะไม่ปรานี และยินดีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บาดเจ็บให้พันธมิตรบู๊ลิ้มอีกด้วย"แก...ปากกล้านักนะ!"ชวีซานตัวในฐานะหัวหน้าแห่งบู๊ลิ้ม ไม่อาจเสียศักดิ์ศรีด้วยการยอมแพ้ง่าย ๆทั้งๆ ที่ความจริง ในใจเขานั้นกลับตื่นตระหนกจนแทบควบคุมไม่อยู่อาวุโสทั้งแปดร่วมมือกันยังเอาชนะไม่ได้!ถึงแม้ตอนฝึกซ้อมปกติ ชวีซานตัวจะเคยชนะพวกเขามาแล้วก็เถอะแต่ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดก็ยังรู้เลยว่า เป็นอาวุโสทั้งแปดแกล้งอ่อนข้อให้ถ้าสู้จริง ชวีซานตัวไม่มีทางได้เปรียบหรอกแต่ลั่วอู๋ฉางกลับทำได้!นี่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถของเขาเหนือกว่าชวีซานตัวมากถ้ายอมแพ้ต่อหน้าสมาชิกบู๊ลิ้มมา
เขาไม่อยากให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าสาธารณชน"อาวุโสทั้งแปดของสภาผู้อาวุโสอยู่ที่ใด?"ดวงตาของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมตะโกนออกคำสั่งอย่างดุดัน"ข้าน้อยอยู่ที่นี่!"อาวุโสทั้งแปดคนตอบรับออกมาพร้อมกัน"คนผู้นี้ทำลายประตูสำนักของเรา ทำร้ายศิษย์ของเรา จงสังหารมันตรงนี้เดี๋ยวนี้ เพื่อเป็นตัวอย่าง!" ชวีซานตัวกัดฟันกล่าวอาวุโสทั้งแปดคนตอบพร้อมกันอีกครั้ง "รับทราบ ท่านเจ้าสำนัก!""ฆ่า!"ทั้งแปดคนล้วนเป็นผู้มีวิชาระดับปรมาจารย์ใหญ่มีฝีมือไม่ธรรมดา!ในสำนักใหญ่ ทั้งด้านสถานะและพลังฝีมือ พวกเขาเป็นรองเพียงชวีซานตัวเท่านั้นเมื่อทั้งแปดร่วมมือกัน แม้แต่วีรบุรุษในตำนานก็ยากที่จะเอาชนะพวกเขาได้พวกเขาร่วมมือกันอย่างเข้าขา ล้อมลั่วอู๋ฉางไว้ตรงกลาง และออกกระบวนท่าสังหารทุกอย่างใส่เขาถ้าเป็นคนอื่น คงถูกพวกเขาสับเป็นชิ้นๆ ไปแล้วแต่ลั่วอู๋ฉางกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ เพียงแค่ส่งกระแสจิต"วึ้ง!"คาถาป้องกันตัวปล่อยแสงสีทองออกมา ขัดขวางการโจมตีทั้งหมดไว้"อะไรกัน?"ชวีซานตัวเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อในสายตาของเขา ต่อให้ลั่วอู๋ฉางเก่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็น
ท่ามกลางความมืด มีร่างคนจำนวนมากพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่าประตูทางเข้าซึ่งเป็นหน้าตาของพันธมิตรบู๊ลิ้มถูกทำลาย กลายเป็นซากปรักหักพัง พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!""บังอาจมาพังประตูใหญ่ของพันธมิตรบู๊ลิ้ม รนหาที่ตายแล้ว!""จะเป็นใครก็ช่าง แต่แน่ๆ คงไม่ใช่คนดีหรอก สับมันเป็นชิ้นๆ ก่อนค่อยว่ากัน!"กลุ่มคนที่โกรธแค้นเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพัง"ไอ้หนุ่ม แกเห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ?"คนตาไวมองเห็นว่าเป็นเงาของชายหนุ่มจึงรีบถามออกไปทันที"ขอเตือนไว้ก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รีบพูดสิ่งที่นายเห็นออกมาทั้งหมก ไม่งั้นนายเองก็ต้องเดือดร้อนด้วย!"ลั่วอู๋ฉางยืนอย่างสงบพลางตอบว่า "เห็น""รีบบอกมาว่าใคร!" คนกลุ่มนั้นร้องถามขึ้นพร้อมกันลั่วอู๋ฉางตอบอย่างไม่รีบร้อนว่า "ก็ฉันไง!""อะไรนะ?!"คนกลุ่มนั้นเบิกตาโต ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าชัดเจนยิ่งกว่าความตกใจ"ไอ้หนุ่ม นี่ไม่ใช่เวลามาอวดเก่ง คิดว่าเราจะเชื่อแกหรือไง?""รีบบอกมาว่าใครเป็นคนทำ ไม่งั้นจะถือว่าแกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!""ให้โอกาสสุดท้าย รีบพูด ไม่งั้นพวกเร
ซูเทียนคั่วกังวลขึ้นมาทันที ขณะที่ปกป้องซูเฉี่ยนเฉี่ยนหลานสาว เขาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นว่า "เจ้าสำนักชวี นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของพันธมิตรบู๊ลิ้มหรือ?""หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่กลัวคนในยุทธภพจะหัวเราะเยาะหรือ?"ชวีซานตัวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย "อย่างพวกนายเนี่ยนะ? เรียกว่าแขกได้ด้วยหรือ?"เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่า อีกทั้งสายตาที่จับจ้องมาอย่างอาฆาต ทั้งสามคนไม่สามารถต่อกรได้เลยไม่นานพวกเขาก็ถูกจับตัวได้!"ชวีซานตัว การที่คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าศิษย์ของเทพอวี้อย่างราชันมังกรลั่วเทียนจะมาหาเรื่องหรือ?" ซูเทียนคั่วพูดขณะดิ้นรนชวีซานตัวไม่สนใจแม้แต่น้อย "ถ้าเขากล้าหาญมาที่นี่ ฉันจะให้เขาลิ้มรสชาติของการต้องเป็นนักโทษเช่นกัน!""ศิษย์ที่ถูกสอนโดยตาแก่แบบนั้น คงไม่ใช่คนดีสักเท่าไรหรอก พอดีเลย จะได้ให้เขาชดใช้หนี้แทนตาแก่นั่นและพวกแกไปพร้อมกัน!""ราชันมังกรลั่วเทียนอะไรกัน แค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ จะมีอะไรพิเศษนัก?""ตัวเขาไม่อายก็ช่างเถอะ แต่ยังกล้าไปหาคนมาคุยโวแทนตัวเอง คิดจะดังจากการสร้างกระแสเช่นนี้ คิดว่าบู๊ลิ้มเป็นที่สำหรับเล่นขายของหรือไง ฝันไปเถ
พูดของชวีซานตัวเต็มไปด้วยความหยาบคายใบหน้าสวยของเย่ปิงเหยาเริ่มบึ้งตึง แต่เพราะนี่เป็นถิ่นของอีกฝ่าย เธอจึงไม่อาจโต้ตอบได้ชวีหลิงหานคือน้องสาวของชวีซานตัว ทั้งสองคนมีอายุห่างกันมากกว่ายี่สิบปีหลังจากชวีหลิงหานเกิดได้ไม่นาน พ่อแม่ของเธอก็เสียชีวิตจากอาการป่วย ก่อนสิ้นใจได้ฝากให้ชวีซานตัวช่วยเลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเป็นแค่ทารกแรกเกิดชวีซานตัวเลี้ยงดูน้องสาวด้วยความยากลำบาก จนเธอเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่ง ทั้งยังมีพรสวรรค์จนได้รับความสนใจจากคนในบู๊ลิ้มมีผู้คนมาสู่ขอเธอมากมายจนทำให้ประตูบ้านตระกูลชวีแทบพังในขณะที่ชวีซานตัวกำลังเลือกคู่ครองให้น้องสาวจนตาลาย และวาดฝันว่าเธอจะได้แต่งงานกับตระกูลใหญ่โตความฝันกลับพังทลาย!ชวีหลิงหาน หญิงสาวผู้แสนงดงาม กลับถูกชายแก่อัปลักษณ์คนหนึ่งมาชิงตัวไป!ในตอนแรก ชวีซานตัวคิดว่าน้องสาวของเขายังไร้เดียงสา และถูกชายชั่วหลอกลวงเขาคิดว่าเพียงแค่พูดจาโน้มน้าวด้วยความรักและเหตุผล น้องสาวจะกลับตัวกลับใจแต่ผลกลับเป็นตรงกันข้าม!ชวีหลิงหานไม่เพียงแต่ไม่สำนึกในสิ่งที่ทำ แต่กลับรักชายแก่คนนั้นอย่างหัวปักหัวปำ และพูดคำพูดไร้สาระอย่างเช่นรักจน
พูดตามตรง ลั่วอู๋ฉางก็มีใจอ่อนนิดหน่อยทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกกระจอก เขามักจะคิดถึงหูเยว่ซีอย่างมากเป็นถึงจักรพรรดินีแห่งชิงชิว แต่เขากลับใช้งานเหมือนลูกน้องปลายแถวประเด็นสำคัญคือ หูเยว่ซีไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังเต็มใจช่วยอย่างยินดีอีกด้วย"ไม่ได้"ความมีเหตุผลเอาชนะความหุนหัน ลั่วอู๋ฉางพูดพร้อมขมวดคิ้ว "เธอต้องอยู่เฝ้าบ้าน มีแต่แบบนี้ ฉันถึงจะวางใจได้"หูเยว่ซีทำหน้าหงอย: "ก็ได้!"ลั่วอู๋ฉางหัวเราะ "เธอว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว""รางวัลอะไร?" จิ้งจอกน้อยถามอย่างตื่นเต้น ดวงตาทั้งสองส่องประกายวิบวับทันทีลั่วอู๋ฉางหยิบลูกแก้วพญานาคออกมาจากกระเป๋าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้สัญญาว่าจะให้ของขวัญเธอ ตอนนี้ถึงเวลาทำตามสัญญาแล้ว"หูเยว่ซีตาเป็นประกายอีกครั้ง "ลูกแก้วพญานาค!"ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลูกแก้วพญานาคระดับนี้เธอคงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำแค่มองนานหน่อย ก็ถือเป็นการดูหมิ่นคำว่า "จักรพรรดินีแห่งชิงชิว" แล้ว!แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมานานถึงพันปี เพิ่งจะได้อิสรภาพคืนมา พลังลดลงไปมากและร่างกายก็อ่อนแอสุดขีดนี่คือช่วงเวลาที่เธอต้อง
หวงผู่เจิ้งซิ่นย่อมไม่พอใจแน่!คนเป็นครูยังล้มเหลว แต่ศิษย์กลับทำสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกถ้าไม่ใช่บังเอิญ แล้วมันคืออะไร?ลั่วอู๋ฉางไม่ตอบอะไร จากนั้นก็หยิบคริสตัลสวรรค์ก้อนที่สองมาไม่นานก็ทำสำเร็จอีกครั้ง!หวงผู่เจิ้งซิ่นเบิกตากว้าง ประหลาดใจราวกับเห็นเทพเจ้าส่วนใบหน้าของหูเยว่ซีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ"ลองอีกครั้งสิ!" หวงผู่เจิ้งซิ่นยังคงไม่ยอมแพ้คราวนี้ ลั่วอู๋ฉางไม่ทำตามเขาอีกต่อไป เขาเก็บแท่งคริสตัลสวรรค์ที่เหลือทันที"หมายความว่าไง?" หวงผู่เจิ้งซิ่นถามตาโตลั่วอู๋ฉางลุกขึ้นเดินออกไป ทิ้งคำพูดไว้โดยไม่หันกลับมา "ขอบคุณนะ!""เดี๋ยวสิ นายแน่ใจแล้วเหรอว่านายเข้าใจทั้งหมด?"หวงผู่เจิ้งซิ่นรีบไล่ตามไป "ถ้าไม่สำเร็จล่ะ ฉันจะได้ช่วยหาสาเหตุไง!""ไม่จำเป็นแล้ว ถ้านายท่านของฉันคิดว่าไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาแน่" หูเยว่ซีขวางเขาไว้ พร้อมพูดอย่างหนักแน่นในตอนนี้ สีหน้าหวงผู่เจิ้งซิ่นเต็มไปด้วยความซับซ้อนศิษย์ที่เก่งเกินไปทำให้ครูรู้สึกอับอาย"ไหนว่าราชันมังกรลั่วเทียนก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาเป็นปีศาจชัดๆ!"หวงผู่เจิ้งซิ่นยอมแพ้อย่างหมดท่า พูดอย่างเศร้าๆ "คิดว่า
หวงผู่เจิ้งซิ่นเชิดคอขึ้น พยายามทำสีหน้าให้ดูปกติที่สุดเพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเองเนื่องจากการสาธิตเมื่อครู่นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวแม้ว่าเขาจะรู้วิธี แต่เพราะไม่ได้ปฏิบัติมาเป็นเวลานาน ความผิดพลาดจึงถือเป็นเรื่องปกติ"หาว..."หูเยว่ซีอ้าปากหาวครั้งใหญ่ ราวกับเปลือกตาถูกกดด้วยน้ำหนักมหาศาลใช่แล้ว เธอง่วงจริงๆ!การสอนของหวงผู่เจิ้งซิ่นทำให้เธอง่วงได้สำเร็จส่วนเนื้อหาที่พูดในภายหลัง แทบไม่ได้เข้าหัวของหูเยว่ซีเลย ผ่านหูซ้ายออกหูขวา ไม่มีอะไรในหัวเลย"พวกคุณ...ทำต่อไปเลย!"หูเยว่ซียืดแขนบิดขี้เกียจ และส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ไม่ต้องสนใจเธอสิ่งนี้ทำให้หวงผู่เจิ้งซิ่นรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวมาก!รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่!การทำให้นักเรียนง่วงถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่แล้ว ที่สำคัญคือการสาธิตของตัวเองยังล้มเหลวอีกด้วย"ไม่เป็นไร ฉันขอลองเอง" ลั่วอู๋ฉางเสนอตัวขึ้นอย่างกล้าหาญ"คุณจำทั้งหมดได้แล้วเหรอ?"หวงผู่เจิ้งซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจังทันที "อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิบัติเลย ลองทบทวนสิ่งที่ฉันพูดสักรอบก่อน มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามให้แน่ชัด แล้วค่อยลงมือ"เพราะจำนวนของแท่งค