เมื่อได้ยินคำพูดของณัชชา เตชินก็หยุดนิ่งยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย้ยหยัน
แล้วหันมามองณัชชาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาณัชชาอย่างช้าๆราวกับราชสีห์กำลังข่มขวัญศัตรูอยู่ จนทำให้ณัชชารู้สึกเสียใจขึ้นมาที่สติหลุดเผลอพูดออกไปแบบนั้น เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ แล้วเอ่ยเสียงเย็น เบาพอได้ยินแค่สองคนด้วยน้ำเสียงราวกับปีศาจร้าย " ณัชชา เธอโตมากับฉัน เธอคิดอะไร นิสัยยังไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ การหมั้นที่ไร้สาระครั้งนี้ ใช่แผนการของเธอหรือเปล่า จุดประสงค์เธอคืออะไร ถูกบังคับหรือเปล่านั้นไม่ต้องมาบอกฉันเธอรู้ดีที่สุด อย่าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอจะดีกว่า " เมื่อได้ยินดังนั้น ณัชชาถึงกับอึ้งไป จนพูดไม่ออก ราวกับถูกตบหน้าแรงๆจนหูอื้อ แววตาเบิกกว้างด้วยความกลัว เธอไม่คิดว่าเตชินจะมองทุกอย่างออกขนาดนี้ แต่เมื่อความลับในใจถูกเปิดเผย เธอก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนความรู้สึกอีกต่อไป เธอยิ้มขึ้นที่มุมปาก แววตาร้ายกาจ จ้องเตชินอย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ยอย่างทะนงตนว่า " ในเมื่อพี่รู้หมดแล้ว ก็ดีค่ะ ต่อไปฉันจะได้ไม่ต้องมากังวลซ่อนความรู้สึกอีก ฉันเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของบริษัท และเป็นคนที่เหมาะสมกับพี่ที่สุด หากพี่คิดจะปฏิเสธการหมั้นระหว่างเรา นอกจากจะเสียหุ้นไป30%แล้ว อาจจะเสียทั้งนักลงทุนและผู้ถือหุ้นรายอื่นไปด้วย หากข่าวการตัดความสัมพันธ์ของตระกูลเราสองคน ถูกเผยแพร่ออกไปเมื่อฉันลาออกตำแหน่งรองประธานบริษัท บริษัทพี่อาจจะได้รับผลกระทบไม่น้อยเลยนะ พี่กลับไปคิดทบทวนให้ดีๆ " ณัชชารู้ดีว่าจุดอ่อนของเตชินคือบริษัท เพื่อบริษัทแล้วเตชินยอมทุ่มเทสุดกำลังแรงใจที่มี ต่อให้ต้องเลือกระหว่างคนรักกับบริษัทเตชินก็เลือกบริษัท เพราะเตชินจะไม่ทิ้งความสำเร็จในอนาคตเพื่อคนรักคนเดียวข้อนี้เธอรู้ดี เตชินบีบแขนณัชชาด้วยความเดือดดาล เขาคิดไม่ถึงว่าโตมาเธอจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ถึงขั้นมาขู่เขาแบบนี้ เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้จนไม่รู้จะเกลียดยังไงแล้ว แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นอย่างไร้หัวใจว่า " ณัชชาเธอคิดว่าคุ้มแล้วเหรอ ที่จะมาบีบบังคับกันด้วยวิธีนี้ ได้หมั้นกับฉันสมใจเธอแล้วยังไง เธอรับได้เหรอที่จะถูกทิ้งไว้บนหิ้ง อยู่อย่างแม่หม้าย มีสามีแต่ก็เหมือนไม่มี เธอคิดดีแล้วเหรอ หากคิดดีแล้วคิดจะหมั้น จะแต่งงานกับฉันให้ได้งั้นก็เตรียมรับชะตากรรมที่น่ารังเกียจได้เลย " ณัชชาจ้องมองเตชินด้วยแววตาที่แข็งกร้าวแต่ลึกๆแล้วกลับแฝงไปด้วยความเศร้าเสียใจ แล้วเธอก็เอ่ยขึ้น " แค่ได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ ถึงต้องอยู่บนหิ้ง ฉันก็ยอม " ได้ยินแบบนี้เตชินถึงกับผลักเธอออกห่างจากตัวด้วยความรังเกียจ เอ่ยเพียงว่า " ดี ดีมาก เธอเลือกเองนะ " เอ่ยจบก็เดินจากไปโดยไม่สนใจใยดีณัชชาอีกต่อไป ปล่อยให้เธอยืนร้องให้ด้วยความน้อยใจอยู่ข้างหลังคนเดียว ระหว่างทางเตชินนั่งในรถด้วยสีหน้านิ่งและเงียบขรึม เขากำลังคิดแก้ปัญหาเกี่ยวกับการหมั้นที่จะเกิด หมั้นไม่เท่าไหร่แต่หลังจากแต่งงานไปแล้วนี่สิ เขาจะต้องทำยังไงให้ณัชชายอมแพ้และหมดความอดทนจนเลิกรักเขาไป เมื่อกลับไปถึงบ้านก็หกโมงเย็นแล้ว เขาเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็น แล้วยกขึ้นมาดื่มเพื่อให้ตนเองสดชื่น ดื่มน้ำเสร็จเขาก็เดินขึ้นไปบนห้องทันทีด้วยความเหนื่อยหน่าย ผู้ช่วยคังส่งข้อความไปหาพิม ( คุณพิม คุณชายให้ผมไปส่งคุณไปซื้ออาหารและของใช้ส่วนตัวครับ ผมรออยู่หน้าบ้านนะ ) พิมเปิดอ่านข้อความเสร็จเธอก็ตอบไปว่า ( โอเคค่ะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ ) ตอบข้อความเสร็จเธอก็ไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป ด้วยชุดลำลองที่ใส่สบายๆ สวมรองเท้าผ้าใบเก๋ๆรวบผมขึ้นหลวมๆ แล้วเดินออกจากห้องไปทันที เมื่อไปถึงเธอก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในรถ เตชินที่อยู่ข้างบนมองออกไปนอกหน้าต่างพอดีเห็นแผ่นหลังของพิมแวบหนึ่ง ก็บ่นพึมพำออกมาคนเดียวว่า " ป้าแม่บ้านคนนี้รูปร่างผอม แต่ดูแลผิวดีใช้ได้ " จากนั้นเขาก็หันมาสนใจงานในคอมของเขาต่อ พิมกับผู้ช่วยคัง เข็นรถเข็นเดินซื้อของจำพวกอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม รวมถึงของใช้ส่วนตัว ผู้ช่วยคังจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเอ่ย " คุณพิมเอาคิวอาร์โค้ดบัญชีคุณมาสิ คุณชายโอนเงินค่าอาหารคุณเข้ามาให้แล้ว ผมจะโอนไปให้คุณสแกนจ่าย " พิม หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยื่นคิวอาร์โค้ดบัญชีของตัวเองให้ผู้ช่วยคังทันที เมื่อสแกนเสร็จเธอจึงเอ่ยตามมารยาทว่า " ขอบคุณค่ะ " แล้วทั้งสองก็เข็นรถเข็นไปยังจุดชำระเงิน พนักงานคิดเงินเสร็จ เธอก็สแกนจ่ายเงินทันที เมื่อกลับมาที่รถ ผู้ช่วยคังก็เอาของขึ้นมาไว้ในรถ จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ขึ้นไปนั่งในรถ ผู้ช่วยคังก็ขับออกไปทันที เธอจึงเอ่ยขอบคุณผู้ช่วยคังว่า " คุณคัง ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาส่ง ไว้คุณว่างฉันจะทำอาหารเลี้ยงเพื่อเป็นการตอบแทนดีมั้ยคะ " ผู้ช่วยคังยิ้มแล้วเอ่ย " ไม่เป็นไรครับคุณพิม แค่คุณพิมกินอิ่ม นอนอุ่น อยู่แล้วมีความสุข แค่นี้ก็ตอบแทนผมมากแล้ว อีกอย่างนี่เป็นหน้าที่ผมที่ต้องดูแลคุณพิมครับ " " อย่างงั้นก็ได้ค่ะ แต่ถ้าคุณหิว ก็สามารถทานอาหารที่ฉันทำได้เลยนะคะ หรือคุณอยากทำกินเองก็ได้ตามสบายเลยนะ " " ครับ " ผู้ช่วยคังมองดูพิมเอ่ยพูดอย่างไร้เดียงสาด้วยความไม่รู้อะไร เขาได้แต่ยิ้มให้เธอและคิดในใจอย่างเงียบๆ [ ในบ้านคุณชายมีตู้เย็นเครื่องเดียวห้องครัวแค่ห้องเดียว คุณพิมจะลำบากมั้ยนะ แล้วจะไปขัดใจอะไรกับคุณชายหรือเปล่า ] คุณชายของเขาที่รักอิสระ ต้องการความเป็นส่วนตัว จะรำคาญพิมที่เป็นแม่บ้านประจำของเขามั้ย เรื่องนี้เขายากที่จะรู้ได้ เมื่อกลับมาถึงบ้าน พิมและผู้ช่วยคังก็ช่วยกันขนของลงจากรถ เสร็จผู้ช่วยคังก็เดินออกไป เหลือพิมที่อยู่ในห้องครัวคนเดียว จัดเรียงทุกอย่างเข้าตูเย็น จนเต็มตู้ มีแต่เครื่องดื่มที่เธอชอบ ชาเลมอนน้ำผึ้งมะนาว ของหวาน น้ำอัดลม อาหารก็จะมี หมูสามชั้น ซีโครง ผักผลไม้มีเล็กน้อย นอกนั้นก็เป็นขนมทานเล่น จำพวกช็อกโกแลต ทั้งแบบแผ่น แบบแท่ง แบบกลม แบบเม็ด ล้วนเป็นของที่เธอชอบ ที่ใส่ในตู้เก็บของนอกตู้เย็นก็จะมีขนมมันฝรั่งทอดกรอบ รสสาหร่ายที่เธอชอบมาก และซื้อบะหมี่ไว้ในยามฉุกเฉินอีกด้วย เรียงเสร็จเธอก็หยิบขนมกับน้ำไปที่ห้องของตัวเองทันที ในตอนเช้า เตชินตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้า เมื่อออกกำลังกายเสร็จ เขาเดินเข้าไปในห้องครัวเปิดตู้เย็นออกมาเพื่อหยิบน้ำดื่ม แต่ก็ต้องตกใจกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า ที่เต็มไปด้วยอะไรก็ไม่รู้มีแต่ของไร้ประโยชน์ในสายตาเขา แล้วเขาก็พึมพำออกมาอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าคนแก่ไม่รู้เรื่อง " ป้าแม่บ้านคนนี้นี่ ไม่รู้หรือไงว่าการที่ทานแต่ของพวกนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะ สงสัยจะต้องเตรียมไว้ให้เองซะแล้วจะได้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่ช่วยดูแลงานบ้านไปนานๆ " พึมพำเสร็จก็ไปหยิบถุงขยะ เอาของที่ไม่มีประโยชน์ในตู้เย็นทิ้งจนหมดเกลี้ยง แล้วออกไปซื้อของคนเดียวในซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้ออาหารที่มีประโยชน์ เครื่องดื่มก็ซื้อแบบไม่มีน้ำตาล โยเกิร์ตก็ซื้อ ที่แคลลอรี่ต่ำ ไขมัน0% ซื้อนมที่บำรุงกระดูกสำหรับคนแก่มาให้เธอ รวมถึงซื้อข้าวกล้องและธัญพืชต่างๆไว้ให้พร้อม แล้วกลับมาจัดใส่ในตู้เย็นให้อย่างเป็นระเบียบเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปห้องไปเพื่อไปอาบน้ำ ไม่นานเขาก็ออกมาจากห้อง เดินลงมาแล้วออกจากบ้าน ไปขึ้นรถแล้วขับรถออกไป พิมตื่นขึ้นมาเธอไปอาบน้ำแต่งตัว ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วเริ่มทำงานบ้านตามปกติ ตอนบ่ายเธออยากกินส้มตำ จึงคิดจะทำส้มตำกิน แต่พอเธอไปเปิดตูเย็น ก็ถึงกับไม่มีความอยากอาหารอีกต่อไป เมื่อของโปรด ของชอบเธอหายเกลี้ยงไปเพียงแค่ชั่วค่ำคืนเดียว ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่เธอไม่ชอบเกือบทั้งหมด เธอกัดฟันมองตู้เย็นอย่างอารมณ์เสียแล้วบ่นออกมา " เป็นฝีมืออิตาเจ้าของบ้านแน่เลย นี่กะจะให้เรากินแต่ของพวกนี้รึไง ไม่รู้หรือไงว่าคนทำงานเหนื่อยๆร่างกายก็ต้องการน้ำตาล เพลียจิตกับอิตาคนนี้ " จากั้นเธอก็ทำสีหน้ายอมจำนนพร้อมกับเอ่ยอย่างคอตกปลอบใจตัวเองว่า " ช่างเหอะ เขาเป็นเจ้าของบ้านแถมเป็นนายจ้างที่ให้เงินดี ทนๆ ยอมๆเขาไปก่อนแล้วกัน กินเท่าที่มีไปก่อนนะเรา " พูดจบเธอก็เริ่มทำส้มตำรสแซ่บ เผ็ด เปรี้ยว หวานหน่อยๆ หอมปลาร้านิดๆ รสชาตินัวๆแซ่บๆ แล้วเธอก็นั่งกินคนเดียวอย่างเอร็ดอร่อย เพลินจนลืมความไม่พอใจไปเลยเมื่อกำหนดการมาถึง เตชินก็ต้องยอมแต่งงานกับณัชชาอย่างจำใจงานแต่งงานถูกจัดขึ้นในโรงแรมอย่างหรูหรา แต่แขกที่เชิญมามีแค่ญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้นไม่มีเพื่อนของทางฝั่งเจ้าบ่าวเลยสักคน มีเพียงผู้ช่วยคังที่ต้องรับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานผู้คนที่มางานต่างพกรอยยิ้มมาด้วยความชื่นมื่น แต่เตชินกลับนิ่งเงียบแววตาเย็นชาราวกับคนไร้ความรู้สึกณัชชารู้สึกเหมือนเตชินไม่ให้เกียรติและรู้สึกไม่ดีเอามากๆเพราะเกรงแขกในงานจะเอาไปเมาท์สนุกปากเธอจึงกระซิบกับเขาว่า" วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา พี่ช่วยฝืนทำหน้าให้เป็นปกติหน่อยได้มั้ยคะ ขอร้องล่ะ "เตชินยิ้มร้าย มองมายังเธอแล้วเอ่ย" คุณหนูณัชชาอายเป็นด้วยเหรอ กลัวคนรู้หรือไงว่าผมไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณถึงกับต้องเอ่ยขอร้อง ความจริงผมมาแต่งงานให้เป็นบุญแค่ไหนแล้วไม่แน่ผมอาจจะเปลี่ยนใจทิ้งเจ้าสาวกลางงานก็ได้ หลังจากที่ได้บอกความจริงสาเหตุที่ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักอย่างคุณ "เอ่ยจบเขาก็โชว์เครื่องบันทึกเสียงให้ณัชชาดูแล้วชี้ไปยังพนักงานคนหนึ่งที่กำลังเดินไปที่หลังเวทีกำลังเข้าไปในห้องควบคุมเครื่องเสียงแล้วเขาก็เอ
เมื่อไฟสว่างขึ้น เตชินมองไปยังผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังรู้ดีว่าเจ้านายตัวเองต้องการจะพูดอะไรเขาจึงเข้ามากระซิบว่า" เธอคือแม่บ้านของคุณชายครับ "เมื่อได้ยินดังนั้น เตชินก็อึ้งไป ไม่คิดว่าแม่บ้านของตัวเองจะหน้าตาดีและดูเด็กขนาดนี้เมื่อนึกภาพอาหารในตู้เย็น เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่ทิ้งของกินเธอไปจนหมด เขารู้สึกตะลึงในความงามตรงหน้าจนต้องกลบเกลื่อนโดยการหันไปเอ่ยกับเธอว่า" ยืนนิ่งอยู่ทำไม ตักเค้กเสิร์ฟให้ทุกคนในงานสิ "" ค่ะ "พิมเอ่ยตอบแล้วลงมือตักเค้กเสิร์ฟให้ทุกคนในงานเธอเดินไปเสิร์ฟเค้กให้เพื่อนของเตชินที่นั่งดื่มเหล้า วางเค้กลงบนโต๊ะแล้วหมุนตัวเดินออกมา แต่เพื่อนของเตชินที่กำลังเมากลับคว้าข้อมือเธอไว้แล้วเอ่ย" สาวน้อย มานั่งคุยกับพี่ก่อนสิ มาบริการพี่รับรองพี่ไม่ทำให้น้องเหนื่อยฟรี มีแต่คุ้มกับคุ้ม "เธอพยายามแกะมือเขาออก แต่เขากลับจับมือเธอแน่นขึ้น แล้วดึงเธอลงมานั่งบนตักเธอดีดตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ย" ขอโทษนะคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ใช่มาทำหน้าที่บริการแบบที่คุณเข้าใจ ฉันเป็นแม่บ้านค่ะ "ไตรภพยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจแล้วเอ่ย" ไม่เป็นไร
ปู่ของเตชินรู้ข่าวว่าหลานชายแต่งงานแล้วก็รีบบินมาไทยทันที เมื่อผู้ช่วยคังรู้ก็รีบมารายงายเตชินทันทีเช่นกันเตชินว่ายน้ำอยู่สระว่ายน้ำหลังบ้าน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเหนือน้ำเดินขึ้นมาจากสระ เตรียมจะไปอาบน้ำล้างตัว ผู้ช่วยคังก็เอ่ยขึ้น" คุณชายครับ คืนนี้คุณหญิงให้คุณกลับบ้านครับ บอกว่าคุณท่านหลิวมาไทย อยากให้กลับไปร่วมทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครับ "เตชินหยุดชะงัก แววตาฉายแววแข็งกร้าวและดูร้ายกาจขึ้นมาทันที แล้วเอ่ย" ในที่สุด พวกเขาก็ใช้คุณปู่ มาเป็นเครื่องมือบังคับให้ผมกลับบ้านจนได้ "ผู้ช่วยคังกลัวเจ้านายจะไม่ยอมกลับไปเขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังว่า" คุณชายไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนแล้ว กลับไปพบคุณท่านหลิวสักหน่อย ไม่ดีเหรอครับ "เตชินยิ้มเย็นแล้วเอ่ย" อืม ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าณัชชากับคุณแม่คิดวางแผนจะทำอะไรต่อ "" คุณไปเตรียมรถเถอะ "พูดจบเขาก็เดินเข้าไปอาบน้ำแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมากำชับกับผู้ช่วยคังว่า" อ้อ แล้วอย่าลืมบอกแม่บ้านด้วยล่ะ ให้เธอเตรียมตัวตามผมกลับไปบ้าน แล้วคุณช่วยเตรียมชุดดีๆให้เธอไว้สำหรับดินเนอร์ครอบครัวในค่ำคืนนี้ด้วย "ผู้ช่วยคังยืนมองเจ้านายตัวเองอย่าง งงงันด้
หลังจากทานข้าวกันเสร็จ คุณท่านหลิวก็เอ่ยขึ้น" เตชิน หลานก็แต่งงานแล้ว รีบๆมีเหลนให้ปู่อุ้มนะ แล้วก็อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมหนูณัชชาล่ะ หนูณัชชาเองก็ด้วยอย่ามัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้เตชิน เข้าใจมั้ย ปู่แก่แล้วเห็นคนอื่นอุ้มหลาน อุ้มเหลนก็อยากจะอุ้มกับเขาบ้าง "เตชินนั่งฟังนิ่ง ตอบเพียง" ครับ "ส่วนณัชชาเธอยิ้มอย่างเขินอายพร้อมกับเอ่ยว่า" ค่ะ "เธอแอบเยาะเย้ยพิมในใจ คิดว่าพิมคงจะเสียใจและอิจฉาเธอที่ทุกคนดีต่อเธอ แต่เมื่อเหลือบมองมาทางพิมเธอก็ต้องผิดหวัง เมื่อพิมนั่งนิ่ง ยิ้มอย่างสดใสไม่มีร่องรอยของความอิจฉาริษยาใดๆเลย และดูเหมือนพิมจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิดจนเธอเริ่มสงสัย ในความสัมพันธ์ของพิมกับเตชินจากนั้นเตชินจึงเอ่ยขึ้นว่า" นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมกับพิม ขอตัวกลับก่อนนะครับ "พูดจบเขาก็จับมือพิมลุกออกจากโต๊ะอาหารไปณัชชามองหน้าคุณหญิงจารวีด้วยสีหน้าผิดหวังและแฝงไปด้วยความเสียใจคุณหญิงจารวีมองเธออย่างเห็นใจ แล้วเขาก็ลุกจากเก้าอี้ตามเตชินไปแล้วเอ่ยเรียก" เตชิน ลูกจะรีบกลับไปทำไมในเมื่อที่นี่ก็คือบ้านของลูก วันนี้ลูกนอนที่นี่เถอะนะ "เตชินคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เขาจึงหันมา
ในวันรุ่งขึ้น เตชินรู้สึกตัวขึ้นมา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วมองสำรวจตัวเองเขาจำได้ว่า คนที่อยู่กับเขาคนสุดท้ายเมื่อคืน คือ พิม เขายังจำได้อีกว่าพยายามจะปลดปล่อยอารมณ์กับเธอจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย [ เมื่อคืนไม่ได้เกิดอะไรเกินเลยขึ้นใช่มั้ย ]เขาพึมพำในใจ แล้วมองหาโทรศัพท์ พอเจอก็รีบส่งข้อความไปให้ผู้ช่วยคังทันที( ขึ้นมาหาผมหน่อย)สักพักผู้ช่วยคังก็มาเคาะประตู เขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงเย็น" เข้ามา "พออ้าปากพูดเท่านั้นแหละ รอยแผลที่ปากที่ดูเหมือนจะแห้งแล้วได้ฉีกออกอีกครั้งเขาถึงกับร้อง" ซี๊ดดด "เขารู้สึกเจ็บ จึงแตะไปที่ปากเบาๆ แล้วภาพเมื่อคืน ที่เขาพยายามจูบพิม ก็ผุดขึ้นมาในหัว เขาพึมพำออกมาอย่างหงุดหงิด[ นี่เธอเกิดปีหมาหรือไง กัดไม่เลือกที่จริงๆ ]ผู้ช่วยคังเข้ามาเห็นคุณชายตัวเอง ยังอยู่ในสภาพเดิม สภาพไม่เหมือนคนผ่านเรื่องอย่างว่ามา เขาจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง" เอ่อ คุณชาย แล้ว แล้วคุณพิมล่ะครับ "เตชินมองตาเขียว สีหน้าเคร่งขรึม แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา" คุณยังกล้ามาถามหาเธอกับผมอีกเหรอ ไปเรียกเธอขึ้นมาพบผมเดี๋ยวนี้ "" ครับ "ผู้ช่วยคังรีบออกจากห้องไปอย่างไว เพราะดูแ
พิมเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับเงินในมือ พอเธอกลับเข้าไปในห้องของตัวเองก็แกะซอง นั่งนับเงินอย่างมีความสุข เธอยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น" ไม่คิดว่าจะได้เงินมาง่ายดายขนาดนี้ คนรวยนี่มีห่วงเยอะจังเลยแฮะ "แล้วเธอก็จูบไปที่เงินแป็ดหมื่นอย่างชื่นใจ เอาเงินเก็บใส่กระเป๋าแล้วเอ่ย" เรื่องไม่ดีผ่านพ้นไป ก็มีเรื่องให้ยิ้มได้ผ่านเข้ามา โบราณว่า ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่ ดูแล้วน่าจะจริง "เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็เดินออกจากห้อง ไปรีดเสื้อผ้าให้เตชินต่อที่บริษัท ณัชชาเธอแทบจะไม่กล้าสู้หน้าเตชินแล้วแม้เธอได้สถานะภรรยา แต่เธอรู้ตัวเองดีที่สุด ว่าเป็นได้แค่ภรรยาในนามที่ไม่สามารถเปิดเผยให้คนภายนอกรู้ได้ เป็นเพียงภรรยาลับๆที่รอวันหย่าขาดเมื่อถึงเวลาเท่านั้นการประชุมในตอนเช้าเตชินไม่แม้แต่จะมองหน้าณัชชาเลยพอออกจากห้องประชุม ณัชชาจึงเดินตามเขาออกมาเมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่ณัชชาจึงเอ่ยขึ้น" คุณเตชิน ฉันขอโทษ สำหรับเรื่องเมื่อคืน "เตชินหยุดเดินพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาโดยไม่ไม่เหลียวมองเธอเลยแม้แต่น้อย" คนที่คุณควรขอโทษ คือพิม ไม่ใช่ผม "ได้ยินดังนั้น ณัชชากำมือแน่นด้วยความโกรธและไม่พอใจ ที่เต
ในครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนหลายรายในบริษัทเริ่มทยอยถอนข่าวตัวออกเพราะไม่กล้าเสี่ยงซื้อหุ้นของบริษัทเตชิน หุ้นของบริษัทเตชินดิ่งลงทุกวันจนเตชินเริ่มเครียดณัชชาพยายามเดินสายคุยเจรจากับนักลงทุนให้มาร่วมลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทแต่กลับไม่เป็นผล บริษัทเริ่มเข้าขั้นวิกฤติ ในแต่ละวันเตชินเรียกประชุมผู้บริหารและผู้ร่วมลงทุนที่เหลือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นช่วงนี้เตชินไม่ค่อยได้กลับบ้าน และณัชชาก็เคียงข้างร่วมเผชิญหน้ากับปัญหาที่เข้ามาจนเขารู้สึกว่าไม่ควรให้ณัชชามาเสียเวลากับเขา เขารู้ดีว่าณัชชาชอบเขามาตลอดแต่เขาไม่สามารถรับรักเธอได้ และไม่อยากให้ณัชชามาลำบากด้วยเขาคิดว่าณัชชาควรตัดใจจากเขาและเปิดใจให้คนอื่นได้เข้ามาดูแลหัวใจเขานั่งมองณัชชาที่นั่งช่วยงานเขาจนเผลอหลับไปอย่างเงียบๆเขาทำทุกวิธีทั้งพูดไม่ดี ทำร้ายจิตใจ แต่ณัชชากลับไม่เคยยอมแพ้เพราะนิสัยเธอดื้อรั้นมาตลอดเขารู้ดีเขาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ แล้วหยิบเสื้อคลุมมาห่มให้ณัชชา จากนั้นก็เดินออกจากห้องเตชินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้ช่วยของณัชชาแล้วเอ่ย" คุณมาอยู่เป็นเพื่อนคุณณัชชาที่บริษัทหน่อย "ปลายสายเอ่ยตอบว่า" ค่ะ "เตชินขับ
ในตอนเช้า พิมกำลังฝันหวาน เธอฝันว่าอาจารย์ได้ไปเดทกับอาจารย์ป๊อบ โดยอาจารย์ป๊อบพูดกับเธอว่า" พิม คบกับผมนะ ผมชอบคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย ผมเฝ้ามองคุณมานานหลายปี รอวันที่คุณเรียนจบ เพื่อขอคุณเป็นแฟน ตอนนี้คุณไม่ใช่นักเรียนของผมแล้ว เราเป็นแฟนกันนะ "เธอยิ้มและรู้สึกมีความสุขที่สุดที่ความฝันของเธอเป็นจริง จึงเอ่ยตอบไปว่า" ค่ะ ฉันก็ชอบอาจารย์เหมือนกัน "แล้วอาจารย์ป๊อบก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็ก้มลงจะจูบเธอแต่ยังไม่ทันได้ประกบปาก เสียงโทรศัพท์เจ้ากรรมดันดังขึ้นมาขัดจังหวะเธอ ปลุกให้เธอตื่นจากฝันเธอตื่นขึ้นมาอย่างเสียดายและเสียใจที่อดจูบกับคนที่เธอชอบเธอมองไปยังเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาขัดจังหวะด้วยความหงุดหงิดใจกดรับสายแล้วเอ่ย" สวัสดีค่ะ "ปลายสายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า" แค่วันแรกคุณก็คิดจะอู้งานแล้วเหรอ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณต้องทำอะไร "เมื่อได้ยินเสียงปลายสายเธอก็สะดุ้งลุกขึ้นมานั่งทันทีแล้วเอ่ย" คุณเตชิน! "ปลายสายจึงเอ่ยต่อว่า" เมื่อไหร่คุณจะมาส่งอาหารเช้า "[ ตายละ ลืมสนิทเลย ]เธอพึมพำในใจ นั่งนิ่ง ใช้ความคิดสักพัก จึงเอ่ยขึ้น" ค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้ อ
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ