งานรับปริญญาถูกจัดขึ้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเหนือของประเทศไทย
บรรยากาศดีมากอากาศหนาวเย็น ให้ความรู้สึกสดชื่น ผู้คนเดินไปมาอย่างครึกครื้น เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตจบใหม่ หลังจากที่เข้ารับปริญญาบัตรเสร็จเหล่าบัณฑิตก็ทยอยเดินออกมาจากหอประชุม แล้วมาถ่ายรูปร่วมเฟรมเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกกับกลุ่มเพื่อนและญาติพี่น้อง รถหรูค่อยๆขับเข้ามาจอด จากนั้นคนในรถก็ยื่นเท้าลงมาเหยียบบนพื้น ปรากฏรูปร่างสูงใหญ่ราวๆ185 ใบหน้าเรียคมสัน ดั้งจมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูป ดูหล่อเหลาไร้ที่ติ มาในชุดสูทสีขาว แล้วเดินเข้าไปหากลุ่มแก๊งของบัณฑิตสาวหน้าใสที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ ในมือเขา ถือช่อดอกไม้ราคาแพงกับตุ๊กตาหมี สีขาวหูชมพูอุ้งเท้าชมพู เดินตรงไปยังบัณฑิตสาวหน้าใสคนหนึ่ง แล้วยื่นช่อดอกไม้กับตุ๊กตาหมีไปให้เธอ พร้อมกับเอ่ย " ยินดีด้วยนะพิม เรียนจบแล้วขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนะ " คนได้รับช่อดอกไม้ถึงกับตะลึง อึ้งไป หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว เพราะคนตรงหน้าของเธอคือ อาจารย์หนุ่มสุดหล่อ ที่เพิ่งจบปริญญาโทมาหมาดๆ เป็นคนที่เพื่อนร่วมห้องไม่ว่าจะสาวแท้สาวเทียมหรือเก้งกวาง ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดในความหล่อ และมีบุคลิกสุขุม สุภาพ รูปร่างสูงสง่าผ่าเผย อาจารย์ประจำวิชา คอมพิวเตอร์เพื่อการทำงานและธุรกิจ นักศึกษาแฮปปี้ทุกครั้งที่เข้าเรียนวิชานี้ ทุกคนจะกรี๊ดกร๊าด และแซวอาจารย์กันตลอดโดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนสาวของพิม " อาจารย์ขา คือหนูมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ " อาจารย์หนุ่มจึงเอ่ยว่า " ว่ามาสิ " " หนูจะต้องทำยังไงคะถึงจะมี แฟนหล่อๆแบบอาจารย์ " เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนในห้องก็พากันโห่เขาเสียงดังพร้อมกัน นัศึกษาสาวสองอีกคนไม่ยอม ก็เอ่ยขึ้นบ้าง " อาจารย์ขา หนูถูกผู้ทิ้งขอซบไหล่อาจารย์หน่อยนะคะ " เอ่ยจบก็ทำท่าจะลุกเข้าไปซบไหล่อาจารย์ พิมจึงรั้งเพื่อนสาวไว้ให้กลับมานั่งแล้วเอ่ย " ไม่ต้องเลยๆ อย่าเว่อร์ " เพื่อนสาวหันกลับมามองเธอพร้อมกับทำท่าเบะปากใส่แล้วเอ่ย " อีชะนี ไม่ต้องมาทำเป็นห้ามเลย อย่ามาตอแหลทำเป็นใสซื่อ ฉันเห็นไส้เห็นพุงเธอหมดแล้วย่ะ " เธอไม่เถียง ได้แต่ทำท่าไม่ใส่ใจพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่รู้อะไร แล้วเพื่อนสาวอีกคนก็ยกมือขึ้นแล้วเอ่ย " อาจารย์ขา วิชาของอาจารย์หนูไม่เอา A ก็ได้ค่ะ หนูขอติด F จะได้เรียนกับอาจารย์ทั้งปี " เหมือนทุกคนจะเห็นด้วยจึงพากันส่งเสียง " ฮิ้ววว " พร้อมกันอย่างครึกคื้น พิมและเพื่อนสาวสองอีกสองคนก็เอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย เพื่อเรียกสติเพื่อนสาว " อีกะเทย!!! " ทำเอาเพื่อนสาวถึงกับสะดุ้ง ยิ้มยิงฟันแหยๆให้พวกเขาทันที อาจารย์ได้แต่ยิ้มแบบไม่ถือสาอะไร เพื่อให้นักเรียนเรียนอย่างแฮปปี้ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น " พิม แล้วฟ้าใส ไปไหนล่ะ " ปกติสองคนนี้จะนั่งใกล้กันตลอด อาจารย์จึงสงสัย เธอจึงเอ่ยตอบไปว่า " วันนี้ฟ้าใสลาค่ะ เธอบอกว่ามีธุระต้องไปทำค่ะ " คำถามของอาจารย์ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจในทางเดียวกันว่า อาจารย์ป๊อบของพวกเขาคงจะชอบฟ้าใสเข้าแล้ว ทำเอาพิมและเหล่าเพื่อนสาวฝันสลายกันเป็นแถว พิมมองอาจารย์ที่ยื่นช่อดอกไม้ให้อยู่อย่างนั้นด้วยความเหม่อลอย แล้วเพื่อนสาวปากไวของเธอที่ชื่อ มีมี่ ก็เอ่ยขึ้นอย่างอิจฉาว่า " อีพิม ถ้าเธอไม่อยากได้ช่อดอกไม้กับตุ๊กตาของอาจารย์ เอามาให้ฉันก็ได้นะ ฉันอยากได้ " เอ่ยจบหล่อนก็ส่งยิ้มหวานให้อาจารย์ทันที เพื่อนสาวอีกคนที่ชื่อ มิกเกล ก็ยื่นมือไปหยิกมีมี่เบาๆใช้สายตาเตือนให้มีมี่เงียบปาก จากนั้นเพื่อนสาวที่ดูจะเป็นผู้นำหน่อยและไม่แต่งหญิง อย่าง เทเท่ ก็เอ่ยขึ้น " เอ่อ อาจารย์ป๊อบมาถ่ายรูปกับพวกเราหน่อยนะคะ " อาจารย์ยิ้มหล่อแล้วเอ่ย " ได้สิ " มิกเกลจึงสะกิดพิมให้รีบรับช่อดอกไม้ พิมรับช่อดอกไม้มาแล้วเอ่ย " ขอบคุณค่ะ " จากนั้นพวกเพื่อนสาวก็เบียดเธอให้เขยิบเข้าไปใกล้และตัวเธอแนบชิดกับอาจารย์ ทำเอาเธอถึงกับเขินอายทำอะไรไม่ถูก ใจเต้นกระหน่ำจนแทบจะเด้งออกมาข้างนอก แก้มเธอแดงระเรื่อไปหมด แล้วช่างภาพก็กดถ่ายรัวๆ แชะ! แชะ! แชะ! จากนั้นฟ้าใสที่ไม่ยอมมารับปริญญากับเพื่อน ก็ลงจากรถแล้วเข้ามาหากลุ่มเพื่อนพร้อมกับเอ่ย " นี่พวกเธอลืมไปแล้วเหรอว่ายังมีฉันอีกคน " เมื่อเห็นเธอ พิมจึงเอ่ยด้วยความดีใจพร้อมกับดึงเธอเข้ามาถ่ายรูป " ฟ้าใส มาสิ เรามาถ่ายรูปกัน " แล้วพวกเขาก็โพสท่าถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน พิมปลีกตัวออกมานั่งพัก อาจารย์ป๊อปจึงเดินมาหาเธอแล้วเอ่ยขึ้น " พิม อาจารย์ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้มั้ย " เธอหันมามองเขาแล้วพยักหน้าเอ่ยตอบว่า " ได้ค่ะ " จากนั้นอาจารย์ป๊อบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปทันที ฟ้าใสจึงเดินเข้ามาแล้วเอ่ย " ทุกคนฉันมีอะไรจะบอก " ทุกคนรอฟังอย่างตั้งใจ แล้วฟ้าใสก็เอ่ยขึ้น " ฉันกับพี่ป๊อปเราจะไปเรียนต่อต่างประเทศด้วยกัน วันนี้ฉันจึงมาลาพวกเธอ " พิมได้แต่ฝืนยิ้มแสดงความยินดีกับพวกเขา " ดีใจด้วยนะ มีโอกาสก็ทำให้ดีที่สุดนะ พวกเราจะรอวันที่เธอกลับมานะ " แต่ในใจกลับแอบเศร้า ที่เห็นเพื่อนเรียกอาจารย์อย่างสนิทสนม อาจารย์ป๊อบมองยังพิม เมื่อไม่เห็นความผิดปกติใดเขานิ่งเฉยไป ฟ้าใสยิ้มร่าพร้อมกับไปควงแขนอาจารย์ป๊อบแล้วเอ่ย " งั้นพวกเราไปก่อนนะ จะเดินทางวันนี้แล้ว ไว้มีเวลาค่อยเจอกันใหม่นะ " ทุกคนจึงพยักหน้าเอ่ยตอบอย่างมึนงง ยิ้มไม่เต็มหน้า พร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกลากันแบบงงๆ " อื้ม ไว้ค่อยพบกันใหม่ " ในเช้าวันต่อมา พิมตื่นขึ้นมาแล้วเธอก็นั่งคุยกับตุ๊กหมีราวกับมันเป็นสิ่งมีชีวิต " เจ้าหมี นายรู้มั้ย เจ้านายของนายทำให้ฉันสับสนมากแค่ไหน สรุปแล้ว มันยังไงกันแน่ เขาชอบฉันมั้ย หรือว่าฉันคิดไปเองฝ่ายเดียว " จากนั้นเธอก็หน้าจ่อย คอตกไปแล้วจับไปที่หูของมันแล้วเอ่ยต่อว่า " เฮ้อ ฉันรู้ว่าฉันคิดไปเองคนเดียว ฉันรู้ว่าอาจารย์คบอยู่กับฟ้าใส พวกเขารวยเหมือนกัน ดูเหมาะสมกันมาก แต่ยังไงฉันก็ยังชอบอาจารย์มากๆอยู่ดี และจะแอบชอบแบบนี้ตลอดไป จากนี้ไปคงไม่มีโอกาสได้เจอกับอาจารย์แล้ว อย่างน้อยก็มีนายที่เปรียบเสมือนตัวแทนของอาจารย์เน้อ " แล้วเธอก็ไปหยิบเข็มกับด้ายมา เพื่อปักชื่อของอาจารย์ลงตรงป้ายแบรนด์ ที่เป็นผ้าเล็กๆอยู่หลังตุ๊กตา เธอจึงปักเป็นชื่อภาษาอังกฤษว่า POP ดูเด่นชัดทีเดียว เธอมองดูชื่ออาจารย์ที่เธอปักลงบนตัวตุ๊กตาแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจในฝีมือตนเอง พร้อมกับกอดตุ๊กตาไว้อย่างอบอุ่นหัวใจแล้วเอ่ย " ต่อไปนายคือ อาจารย์ป๊อบ ไปไหนฉันจะพานายไปทุกที่เลย โอเคมั้ย " แล้วเธอก็เอาตุ๊กตาวางไว้ที่หัวเตียง จากนั้นเธอก็เดินไปเปิดโน๊ตบุ๊ค แล้วหางานในกลุ่มหางานแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก เธอไปเห็นโพสที่น่าสนใจโพสหนึ่ง ซึ่งในโพสระบุไว้ว่า ( นายจ้างหาเอง รับสมัครแม่บ้าน อายุยี่สิบ ไม่เกินสามสิบ เป็นคนสะอาดสะอ้าน รักความสะอาด ทำหน้าที่กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ดูแลความเป็นอยู่ของนายจ้าง มีความซื่อสัตย์ ไม่พูดมาก ทุ่มเทกับงานที่ได้รับ เงินเดือนสองหมื่นบาท หยุดทุกวันอาทิตย์ ขอคนที่รับแรงกดดันไหว มีความเข้มแข็ง อดทน สู้คน ไม่กลัวใคร เข้าสังคมได้ หากใครคิดว่ามีคุณสมบัติตรงตามที่เราต้องการ เชิญส่งประวัติ สมัครกันเข้ามาได้ ทางแชทส่วนตัวของเจ้าของโพสนี้เลยครับ ) หลังจากอ่านจบเธอก็บ่นพึมพำออกมาว่า " ชิ! รับสมัครแม่บ้าน บ้าอะไร ยังกับรับสมัครนักรบ ถ้าไม่ระบุว่า รับสมัครแม่บ้าน ฉันคงคิดว่ารับสมัครบอดี้การ์ด ไม่ก็รับสมัครคู่ต่อสู้แล้ว " จากนั้นเธอก็ไม่สนใจอีกแล้วเลื่อนผ่านไป แต่ละโพสไม่น่าสนใจเลย เงินเดือนก็น้อย แค่หมื่นถึงหมื่นสอง เธอคำนวณวันเวลาและงานที่ต้องทำในแต่ละวัน เธอถึงกับส่ายหัวอย่างหงุดหงิดแล้วเอ่ยตัดพ้อออกมาอย่างยาวเหยียด " มันจะเอาเปรียบกันมากเกินไปแล้ว ใจดี ลูกจ้างให้สักหมื่นสี่ก็แทบจะไม่มีเลย งานข้าราชงานหลวงก็ด้วย ระหว่างรอสอบบรรจุได้เงินเดือนแค่เก้าพัน แล้วแบบนี้คนจนๆอย่างเราจะเอาอะไรกิน เมื่อไหร่ฉันจะรวย เมื่อไหร่ฉันจะมีเงินเก็บ ฮือๆๆ ทำไมโชคชะตาต้องใจร้ายกับสาวน้อยตัวเล็กๆอย่างเราด้วยนะ ให้ถูกรางวัลที่หนึ่งสักครั้งก็ไม่ได้ ทำไมเราไม่รวยเหมือนฟ้าใสนะ แล้วแบบนี้เราจะกล้าไปหวังกับอาจารย์ได้อย่างไร ฮือๆๆ " จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นเดินไปที่เตียง ทิ้งตัวนอนลงอย่างหมดหวัง กับอนาคตที่วาดไว้ในหัวสมองของพิม มีแต่เรื่องของเงินๆๆแล้วก็เงิน เธอกำลังคิดว่าถ้าเธอทำงานได้หนึ่งปี เธอก็จะมีเงินเก็บถึงสองแสน สี่หมื่นบาทเมื่อกินอยู่กับเขาหมด หักค่าใช้จ่ายส่วนตัวไป ก็จะเหลือเก็บ สองแสนเธออายุยี่สิบสาม เธอจะต้องมีรถก่อนจากนั้นค่อยเก็บเงินซื้อที่ดิน แล้วก็เก็บเงินซื้อบ้านคิดได้ดังนั้นเธอก็ลุกมานั่งอีกครั้งแล้วพึมพำกับตัวเอง" อันดับแรกต้องเก็บเงินซื้อรถก่อน รถคันละแป็ดแสน เป็นแม่บ้านสักสี่ปี พอได้รถแล้วค่อยกลับมาทำอาชีพที่เรียนมา ก็ไม่สาย ทำไงได้ ก็เกิดมาจนทำไมล่ะในเมื่อเลือกเกิดไม่ได้ ก็เลือกที่จะเดิน เลือกที่จะเก็บหอมรอมริบได้หนิเน้อ "แล้วเธอก็เดินไปนั่งหน้าโน๊ตบุ๊คอีกครั้ง พ่นลมหายใจออกมาทางปาก แล้ววางมือลงบนแป้นพิมพ์ ตัดสินใจสมัครเป็นแม่บ้านคลิกไปยังเจ้าของโพส ทักเข้าไปในแชทของผู้โพสโดยพิมพ์ว่า( สวัสดีค่ะ ดิฉันสนใจงานแม่บ้านที่คุณประกาศรับสมัครค่ะ ฉันมีคุณสมบัติครบตามที่คุณต้องการเลยเป็นคนไทยแท้ ไม่มีประวัติอาชญากรรม เรียนจบมัธยมปลาย ถนัดทำงานบ้านและเคยทำงานบ้านมาแล้ว อายุยี่สิบสามปี หากคุณยังไม่ได้คน โปรดรับดิฉันไว้พิจารณาด้วยคนนะคะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลย ถ้าคุณมอง
ผู้ช่วยคังนั่งดูรูปผู้สมัครแต่ละคนอย่างตั้งใจเพราะเขาไม่รู้ว่าคุณชายของเขาต้องการแม่บ้านแบบไหน เขาจึงต้องคัดหลายรอยเพื่อเลือกคนที่ดีที่สุดให้คุณชายเขาและพิจารณาในหลายๆด้าน" คนนี้อ้วนไป "กดเลื่อนผ่าน" คนนี้ขี้เหร่ไป เดี๋ยวจะทำให้คุณชายไม่สบายตาเอาได้ "" คนนี้สวยดี หน้าตาใช้ได้ แต่ดูแล้วคงมีแต่จะทำให้คุณชายหงุดหงิดใจ "" คนนี้รูปร่างหน้าตาใช้ได้เลย แต่แต่งตัวไปหน่อย ใช่มาสมัครงานแม่บ้านมั้ยเนี่ย "" คนนี้ก็หน้าตาใช้ได้ดูสบายตาดี แต่โหงวเฮ้งบนใบหน้ายังไม่ผ่าน "สุดท้ายเลื่อนมาถึงข้อความของพิม ทำเอาเขาถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่ออ่านเนื้อหาข้อความก็เกิดสนใจจนเผลอยิ้มออกมาแล้วเอ่ย" นี่ตั้งใจมาสมัครงานมั้ย รูปที่เห็นหน้าชัดๆก็ไม่แนบมา แต่ดูจากเนื้อหาข้อความแล้ว คงจะเป็นคนมีอารมณ์ขัน ดูซื่อตรงดีเอาเธอแล้วกัน ดูสิว่าจะเก่งอย่างที่คุยโม้ไว้หรือเปล่า "แล้วเขาก็พิมพ์ข้อความส่งไปหาพิมว่า( ผมรับคุณเข้าทำงาน พรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย )พิมนั่งอ่านข้อความที่ผู้ช่วยคังส่งมาด้วยความงงแล้วเอ่ย" ไว้ใจได้หรือเปล่าเนี่ย ไม่สัมภาษณ์แต่รับเข้าทำงานเลย แบบนี้ก็มีด้วยเหรอ "เพราะเกิดมาเธอไม่เคยเ
ในเช้าวันต่อมา เมื่อเตชินเข้าไปในบริษัท ผู้ช่วยคังก็เข้ามา แล้วรายงานเวลาการประชุมของวันนี้" คุณชาย วันนี้เก้าโมงตรง มีประชุมผู้ถือหุ้น และในตอนบ่าย มีประชุมเกี่ยวกับโครงการใหม่ครับ "เตชินหูฟังตาดู สายตาเขาให้ความสนใจกับเอกสารที่อยู่ในมือเพราะเป็นงานที่เขาต้องตรวจดูอย่างละเอียดก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไปเมื่อผู้ช่วยรายงานเสร็จเขาเอ่ยตอบผู้ช่วยคังเพียงสั้นๆว่า" อืม " แล้วผู้ช่วยคังก็หันหลังเดินออกไป เตชินเป็นคนที่ละเอียดยิบเคร่งกฎระเบียบของบริษัทพนักงานจึงรู้สึกยำเกรงเมื่อเจอเขา ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะยืนชื่นชมความหล่อบนใบหน้าของเขาเลยสายตาดุจพญาเหยี่ยว ที่สามารถมองเห็นความผิดพลาดเล็กน้อยได้ในระยะไกลทำให้พนักงานต่างก็ต้องเนี๊ยบตั้งใจทำงานเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเพราะบริษัทนี้ไม่มีโอกาสให้ผิดพลาดได้แม้แต่ครั้งเดียวแต่พนักงานทุกคนกลับยินดีและภาคภูมิใจที่ได้เข้ามาทำงานในบริษัทแห่งนี้นอกจากจะได้เงินเดือนสูงแล้วเมื่อลาออกไป แล้วไปสมัครงานที่บริษัทอื่นเมื่อเขาเห็นประวัติว่าเป็นพนักงานเก่าจากบริษัทของเตชินทุกบริษัทต่างอ้าแขนรับเพราะพนักงานบริษัททุกคนล้วนคัดจากคนเก่งๆหัวกะทิ ท
เมื่อได้ยินคำพูดของณัชชา เตชินก็หยุดนิ่งยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย้ยหยันแล้วหันมามองณัชชาด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเขาค่อยๆเดินเข้ามาหาณัชชาอย่างช้าๆราวกับราชสีห์กำลังข่มขวัญศัตรูอยู่จนทำให้ณัชชารู้สึกเสียใจขึ้นมาที่สติหลุดเผลอพูดออกไปแบบนั้นเขาเดินเข้ามาใกล้เธอ แล้วเอ่ยเสียงเย็นเบาพอได้ยินแค่สองคนด้วยน้ำเสียงราวกับปีศาจร้าย" ณัชชา เธอโตมากับฉัน เธอคิดอะไร นิสัยยังไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ การหมั้นที่ไร้สาระครั้งนี้ ใช่แผนการของเธอหรือเปล่า จุดประสงค์เธอคืออะไร ถูกบังคับหรือเปล่านั้นไม่ต้องมาบอกฉันเธอรู้ดีที่สุด อย่าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอจะดีกว่า "เมื่อได้ยินดังนั้น ณัชชาถึงกับอึ้งไป จนพูดไม่ออก ราวกับถูกตบหน้าแรงๆจนหูอื้อ แววตาเบิกกว้างด้วยความกลัวเธอไม่คิดว่าเตชินจะมองทุกอย่างออกขนาดนี้แต่เมื่อความลับในใจถูกเปิดเผย เธอก็ไม่มีทางเลือกแล้วก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนความรู้สึกอีกต่อไปเธอยิ้มขึ้นที่มุมปาก แววตาร้ายกาจ จ้องเตชินอย่างไม่กะพริบแล้วเอ่ยอย่างทะนงตนว่า" ในเมื่อพี่รู้หมดแล้ว ก็ดีค่ะ ต่อไปฉันจะได้ไม่ต้องมากังวลซ่อนความรู้สึกอีก ฉันเป็นคนสำคัญคนห
เมื่อกำหนดการมาถึง เตชินก็ต้องยอมแต่งงานกับณัชชาอย่างจำใจงานแต่งงานถูกจัดขึ้นในโรงแรมอย่างหรูหรา แต่แขกที่เชิญมามีแค่ญาติพี่น้องและเพื่อนสนิทเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้นไม่มีเพื่อนของทางฝั่งเจ้าบ่าวเลยสักคน มีเพียงผู้ช่วยคังที่ต้องรับบทเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานผู้คนที่มางานต่างพกรอยยิ้มมาด้วยความชื่นมื่น แต่เตชินกลับนิ่งเงียบแววตาเย็นชาราวกับคนไร้ความรู้สึกณัชชารู้สึกเหมือนเตชินไม่ให้เกียรติและรู้สึกไม่ดีเอามากๆเพราะเกรงแขกในงานจะเอาไปเมาท์สนุกปากเธอจึงกระซิบกับเขาว่า" วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา พี่ช่วยฝืนทำหน้าให้เป็นปกติหน่อยได้มั้ยคะ ขอร้องล่ะ "เตชินยิ้มร้าย มองมายังเธอแล้วเอ่ย" คุณหนูณัชชาอายเป็นด้วยเหรอ กลัวคนรู้หรือไงว่าผมไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณถึงกับต้องเอ่ยขอร้อง ความจริงผมมาแต่งงานให้เป็นบุญแค่ไหนแล้วไม่แน่ผมอาจจะเปลี่ยนใจทิ้งเจ้าสาวกลางงานก็ได้ หลังจากที่ได้บอกความจริงสาเหตุที่ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักอย่างคุณ "เอ่ยจบเขาก็โชว์เครื่องบันทึกเสียงให้ณัชชาดูแล้วชี้ไปยังพนักงานคนหนึ่งที่กำลังเดินไปที่หลังเวทีกำลังเข้าไปในห้องควบคุมเครื่องเสียงแล้วเขาก็เอ
เมื่อไฟสว่างขึ้น เตชินมองไปยังผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังรู้ดีว่าเจ้านายตัวเองต้องการจะพูดอะไรเขาจึงเข้ามากระซิบว่า" เธอคือแม่บ้านของคุณชายครับ "เมื่อได้ยินดังนั้น เตชินก็อึ้งไป ไม่คิดว่าแม่บ้านของตัวเองจะหน้าตาดีและดูเด็กขนาดนี้เมื่อนึกภาพอาหารในตู้เย็น เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่ทิ้งของกินเธอไปจนหมด เขารู้สึกตะลึงในความงามตรงหน้าจนต้องกลบเกลื่อนโดยการหันไปเอ่ยกับเธอว่า" ยืนนิ่งอยู่ทำไม ตักเค้กเสิร์ฟให้ทุกคนในงานสิ "" ค่ะ "พิมเอ่ยตอบแล้วลงมือตักเค้กเสิร์ฟให้ทุกคนในงานเธอเดินไปเสิร์ฟเค้กให้เพื่อนของเตชินที่นั่งดื่มเหล้า วางเค้กลงบนโต๊ะแล้วหมุนตัวเดินออกมา แต่เพื่อนของเตชินที่กำลังเมากลับคว้าข้อมือเธอไว้แล้วเอ่ย" สาวน้อย มานั่งคุยกับพี่ก่อนสิ มาบริการพี่รับรองพี่ไม่ทำให้น้องเหนื่อยฟรี มีแต่คุ้มกับคุ้ม "เธอพยายามแกะมือเขาออก แต่เขากลับจับมือเธอแน่นขึ้น แล้วดึงเธอลงมานั่งบนตักเธอดีดตัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ย" ขอโทษนะคะ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ใช่มาทำหน้าที่บริการแบบที่คุณเข้าใจ ฉันเป็นแม่บ้านค่ะ "ไตรภพยิ้มขึ้นมาอย่างชอบใจแล้วเอ่ย" ไม่เป็นไร
ปู่ของเตชินรู้ข่าวว่าหลานชายแต่งงานแล้วก็รีบบินมาไทยทันที เมื่อผู้ช่วยคังรู้ก็รีบมารายงายเตชินทันทีเช่นกันเตชินว่ายน้ำอยู่สระว่ายน้ำหลังบ้าน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเหนือน้ำเดินขึ้นมาจากสระ เตรียมจะไปอาบน้ำล้างตัว ผู้ช่วยคังก็เอ่ยขึ้น" คุณชายครับ คืนนี้คุณหญิงให้คุณกลับบ้านครับ บอกว่าคุณท่านหลิวมาไทย อยากให้กลับไปร่วมทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครับ "เตชินหยุดชะงัก แววตาฉายแววแข็งกร้าวและดูร้ายกาจขึ้นมาทันที แล้วเอ่ย" ในที่สุด พวกเขาก็ใช้คุณปู่ มาเป็นเครื่องมือบังคับให้ผมกลับบ้านจนได้ "ผู้ช่วยคังกลัวเจ้านายจะไม่ยอมกลับไปเขาจึงเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวังว่า" คุณชายไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนแล้ว กลับไปพบคุณท่านหลิวสักหน่อย ไม่ดีเหรอครับ "เตชินยิ้มเย็นแล้วเอ่ย" อืม ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าณัชชากับคุณแม่คิดวางแผนจะทำอะไรต่อ "" คุณไปเตรียมรถเถอะ "พูดจบเขาก็เดินเข้าไปอาบน้ำแต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมากำชับกับผู้ช่วยคังว่า" อ้อ แล้วอย่าลืมบอกแม่บ้านด้วยล่ะ ให้เธอเตรียมตัวตามผมกลับไปบ้าน แล้วคุณช่วยเตรียมชุดดีๆให้เธอไว้สำหรับดินเนอร์ครอบครัวในค่ำคืนนี้ด้วย "ผู้ช่วยคังยืนมองเจ้านายตัวเองอย่าง งงงันด้
หลังจากทานข้าวกันเสร็จ คุณท่านหลิวก็เอ่ยขึ้น" เตชิน หลานก็แต่งงานแล้ว รีบๆมีเหลนให้ปู่อุ้มนะ แล้วก็อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมหนูณัชชาล่ะ หนูณัชชาเองก็ด้วยอย่ามัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้เตชิน เข้าใจมั้ย ปู่แก่แล้วเห็นคนอื่นอุ้มหลาน อุ้มเหลนก็อยากจะอุ้มกับเขาบ้าง "เตชินนั่งฟังนิ่ง ตอบเพียง" ครับ "ส่วนณัชชาเธอยิ้มอย่างเขินอายพร้อมกับเอ่ยว่า" ค่ะ "เธอแอบเยาะเย้ยพิมในใจ คิดว่าพิมคงจะเสียใจและอิจฉาเธอที่ทุกคนดีต่อเธอ แต่เมื่อเหลือบมองมาทางพิมเธอก็ต้องผิดหวัง เมื่อพิมนั่งนิ่ง ยิ้มอย่างสดใสไม่มีร่องรอยของความอิจฉาริษยาใดๆเลย และดูเหมือนพิมจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิดจนเธอเริ่มสงสัย ในความสัมพันธ์ของพิมกับเตชินจากนั้นเตชินจึงเอ่ยขึ้นว่า" นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมกับพิม ขอตัวกลับก่อนนะครับ "พูดจบเขาก็จับมือพิมลุกออกจากโต๊ะอาหารไปณัชชามองหน้าคุณหญิงจารวีด้วยสีหน้าผิดหวังและแฝงไปด้วยความเสียใจคุณหญิงจารวีมองเธออย่างเห็นใจ แล้วเขาก็ลุกจากเก้าอี้ตามเตชินไปแล้วเอ่ยเรียก" เตชิน ลูกจะรีบกลับไปทำไมในเมื่อที่นี่ก็คือบ้านของลูก วันนี้ลูกนอนที่นี่เถอะนะ "เตชินคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เขาจึงหันมา
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ