“เจ้าสิบสี่ พี่สี่ทำอะไรเปิดเผยจริงใจไม่เหมือนพี่แปดที่ปิดบังซ่อนเร้นภายนอกโปรยคำหวานแต่ข้างในยากหยั่งถึง”
“ข้ายอมให้เขาโปรยคำหวานดีกว่าต้องมาทนดูสีหน้าบึ้งตึงของพี่สี่”
“นี่ไง! สำเร็จแล้วววว เก๊ามู่เฉินเจ้าใช่ไหม เจ้าทำเป็นเจ้าใช่ไหม”
มีบางคนที่อยู่เหนือความขัดแย้ง
อิ๋นจื่อตะโกนเสียงดังอย่างดีใจกอดกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่นคล้ายกลัวกระดาษจะหายไป อิ๋นจื่อวิ่งออกไปอย่างรวจเร็วกระโดดคว้าตัวเก๊ามู่เฉินที่นอนนิ่งกำลังจะหลับใหลมากอดไว้แน่นอย่างดีใจ
ก่อนจะผละออกและเขย่าให้เก๊ามู่เฉินตื่นเต็มตา อิ๋นเจิ้งและอิ๋นเสียงที่ตามมามองอย่างงุ่นงงมีเพียงอิ๋นถีที่ยิ้มกว้างเหมือนภูมิใจ
“อะไร อะไร องค์ชายสาม ท่านใจเย็นๆ”
เก๊ามู่เฉินสะลึมสะลือ
“เจ้าใช่ไหม เจ้าทำใช่ไหม กระดาษพวกนี้ข้าเห็นเจ้าเอาวางไว้”
“ท่านอ่านแล้วหรือ”
“ใช่ ไป ไปกับข้าเดี๋ยวนี้เลย”
“เดี๋ยวๆ ไปไหนองค์ชายสาม ข้าจะนอนข้าเวียนหัว”
อิ๋นจื่อกำรอบข้อมือเก๊ามู่เฉินแน่นพยายามจะดึงเขาให้ลุกขึ้นจากที่นอน อิ๋นเจิ้งกระแอมเสียงดังทีหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วและถามอย่างใจเย็น
“นี่มันเรื่องอะไรกันองค์ชายสาม ข้าไม่เข้าใจ”
อิ๋นจื่อไม่ได้สนใจเสียงอย่างอื่นแต่โวยวายเสียงดังและลากเก๊ามู่เฉินสุดแรง อิ๋นถีเห็นแบบนั้นก็กล่าวเหมือนตัวเองมีความดีความชอบในเรื่องนี้ด้วย
“นั้นคือสิ่งที่ท่านพ่อมอบหมายให้พี่สาม แต่เก๊ามู่เฉินสามารถให้คำตอบได้”
“เจ้าคนเลี้ยงม้า สามารถถึงกับไขปริศนาหาคำตอบในสิ่งที่องค์ชายสามผู้รอบรู้ไม่อาจไขได้อย่างนั้นหรือ”
อิ๋นถีพยักหน้าขึ้นลง อิ๋นเจิ้งขมวดคิ้วดกดำ
“โอเคๆ ข้าลุก ข้าลุกแล้ว”
เก๊ามู่เฉินคลานลงจากเตียงและปัดเนื้อตัวเสียใหม่
“เจ้าพร้อมแล้วงั้นเรา ไปกัน”
“เดี๋ยวๆ ไปไหนน ท่านยังไม่บอกข้าเลย”
“ไปหาฮ่องเต้”
คังซีไล่สายตาไปบนแผ่นกระดาษสีเหลืองอมน้ำตาล พยักหน้าขึ้นลง
“แม้จะมีคำตอบในใจ ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกันแต่วิธีทำต่างออกไป ห่าว (ดี) น่าชื่นชมการศึกษาเรื่องนี้ยังต้องแตกแขนงไปอีกไกล เจิ้น (ข้า) ยังคิดว่าองค์ชายสามใช้เวลาไม่น้อยในการไขความกระจ่างแต่ก็ถือว่า ไม่นานเท่าที่คิดน่าชื่นชมยิ่งนัก จดบันทึกไว้ในจดหมายเหตุต้าชิง”
“เสด็จพ่อลูกไม่อาจรับความดีความชอบไว้ด้วยเป็นเขาที่ทำเรื่องนี้สำเร็จ”
อิ๋นจื่อชี้มือไปที่เก๊ามู่เฉินที่ยื่นตัวลีบด้วยแค่เพียงเห็นบัลลังก์มังกรสีทองอร่ามกับองครักษ์ท่าทีขึงขังที่ยืนรายล้อม ขันทีนับสิบ และ นางกำนัลที่ยืนแสตนบายและคังซีฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ของต้าชิง เก๊ามู่เฉินก็ถึงกับมือไม้อ่อน คังซีเลยนะเว๊ยไม่ใช่ลุงข้างบ้านที่เห็นก็แทบจะกลั้นขำไว้ไม่ไหวนี่คือคังซีเขากำลังอยู่ต่อหน้าคังซี
“เป็นเจ้าหรือ”
“พะพะย่ะค่ะฝ่าบาท ข้าน้อยเก๊ามู่เฉิน” เสียงสั่นรัว
“หืมมม สำเนียงเหมือนพวกชนเผ่าพวกชนเผ่านี่ มีคนที่มีความสามารถแบบนี้เชียวหรือว่าแต่เจ้าคือชนเผ่าใดกัน”
“ข้าน้อยเป็นเสียม (ไทย) ชนเผ่าเสียม”
“โอ้ไกลโพ้นทะเล ที่นั่นมากมายด้วยสินค้าฝรั่งมังฆ้องและชาวโปตุเกตุ ส่งสินค้าค้าขายกับชาวเสียม อืมมมนับว่าน่านับถือที่สามารถไขความกระจ่างในแบบของเจ้า”
เก๊ามู่เฉินยิ้ม วิธีนี้แพร่หลายเป็นบทเรียนสำหรับลูกหลานโดยมีคนที่คอยสร้างสูตรให้เป็นหนังสือเรียน“มอบทองสามหีบเงินห้าหีบ และแต่งตั้งให้เก๊ามู่เฉินรั้งตำแหน่ง ซงมิงต้าจื่อ (ผู้ฉลาดรอบรู้ที่อยู่กับองค์ชายสาม) ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”เก๊ามู่เฉินหุบยิ้มไม่ได้ รวยแล้วโว้ยยย แบบนี้ให้หนีไปใช้ชีวิตข้างนอกได้ด้วยตัวคนเดีวยแบบหรูๆ เริ่ดๆ ไม่ต้องทนรับความตึงขององค์ชายสี่และไม่ต้องยุ่งกับเรื่องแย่งชิงที่จะมาถึงระหว่างทางเดินกลับเก๊ามู่เฉินหันหน้าหันหลังเป็นห่วงหีบทองและหีบเงินในมือขันที ทั้งๆ ที่พวกเขาคงไม่มีโอกาสยักยอกไปไหนได้เพราะว่าเดินตามหลังเขาและองค์ชายสามมาขนาดนั้น“ไหนๆ เจ้าก็ได้รางวัลตั้งขนาดนี้ ช่วงนี้อยากไปเที่ยวเล่นพักผ่อนที่ไหนก็ไปเถอะ”“องค์ชายสาม ข้าย้ายออกเลยได้หรือไม่”“ย้ายออก? ..เจ้ามีตำแหน่งที่เสด็จพ่อแต่งตั้งให้แล้ว เจ้าคิดจะไปไหน”อิ๋นจื่อถามพลางหันไปชี้นิ้วสั่งให้ขันทีนำหีบทองและหีบเงินไปเก็บในห้องของเก๊ามู่เฉิน เก๊ามู่เฉินยืนอ้าปากตาค้าง“ข้าไปไม่ได้หรือ เดี๋ยวสิๆ ทำไม”“ตำแหน่งของเจ้าชื่อก็บอกแล้วว่าต้องอยู่ข้างๆ ข้าช่วยงานข้า และเจ้าก็ยังไม่หลุดจากข้อสงสัยของน้องสี่”“งั้น
“ไหนๆ ดูหน่อย”เก๊ามู่เฉินใช้ฝ่ามือลูบไปตามแผ่นไม้ก่อนจะร้องตกใจและพลิกมือขึ้นดูเห้ยมีระบบป้องกันตัวเองด้วย แม่งมีเสี้ยนบาดมือ อันนี้ดีๆเก๊ามู่เฉินลองสำรวจอย่างระวังและพยายามไม่จับต้องมั่ว ถ้าพังขึ้นมานี่งานหยาบเลย หรือซวยสุดๆ คือถูกส่งไปยุคอุ๋งก้า ถ้าเป็นแบบนั้นท่าจะบ้าแล้วแต่สำรวจจนแน่ใจกลับไม่พบว่ามีอะไรที่ดูจะเหมือนไทม์แมชชีนสักอย่างไม้สี่แผ่นนี้ก็แค่ไม้จริงๆ ที่น่าตกใจก็มีแค่ที่มันตีเส้นตารางไว้ละเอียดมากๆ พร้อมตัวเลขอารบิกแค่นั้นเอง ไม่มีตรงไหนที่ดูเหมือนเป็นกลไกที่เป็นไทม์แมชชีนพาข้ามเวลาสักนิด!“เก๊ามู่เฉิน?” เสียงหนึ่งทำเอาความคิดสะดุดลงและตกใจ“เฮ้ย!”อิ๋นจื่อโพล่ขึ้นที่ประตูและเอ่ยทักจนเก๊ามู่เฉินสะดุ้งตกใจแทบกระโดดหนี“ท่านอย่ามาแบบไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียงแบบนี้สิ ข้าหัวใจจะวายตาย”“อย่าจับต้องของในห้องมั่วซั่วแบบนั้นหากมีอะไรพังขึ้นมาข้าจะลำบาก”อิ๋นจื่อเดินเข้ามาพยายามดันเก๊ามู่เฉินออกไปจากห้องและปิดประตูตามหลัง แม้จะไม่ดูร้อนรนหรือมีพิรุธแต่ท่าทีผลักไสแบบนี้ก็น่าสงสัย“องค์ชายสามท่านรู้จักไทม์แมชชีนไหม”“หือ? อะไร”“แล้วแผ่นไม้สี่แผ่นนั้นเล่า ไม่ใช่ของท่านหรือ”“ของข้า
“เก๊ามู่เฉิน”“เอ้า น้องสิบสี่เจ้ามาไวจัง พี่แปดบอกเจ้ารึยัง”“บอกข้าหมดแล้ว ดูท่าเขาจะทำความดีความชอบใหญ่จริงๆ ข้ารู้ตั้งแต่เห็นเขาพยายามในวันนั้นแล้ว” อิ๋นถียิ้มอย่างภาคภูมิใจ“ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลย แค่เห็นเขาจัดเรียงตำราให้ข้าอย่างเป็นระเบียบและพยายามแยกประเภท ข้าก็คิดว่าเขาอาจเป็นคนที่เจ้าระเบียบและพอมีความรู้นิดหน่อยเท่านั้น”“แล้วเขาไปไหนเล่า ไม่ได้อยู่ช่วยงานพี่สามที่นี่หรือ ทำไมปล่อยข้ารอ”อิ๋นถีขมวดคิ้วมองไปรอบห้องและชะโงกดูข้างนอก อิ๋นจื่อถูกถามแบบนั้นก็ได้แค่เงียบและถอนหายใจเสียงดัง ทำเป็นไม่ได้ยินคำถามไม่ตอบอะไรเพียงกลับมาก้มหน้าเขียนหนังสือต่อ“เขาตื่นสายหรือพี่สาม”“ข้าพูดตามตรงเพราะเจ้าถามแล้วกัน เขา…ไม่อยากไป”“เดี๋ยว ทำไมเพราะข้าหรอ ไหนพี่แปดบอกเขาถึงขั้นโวยวายพี่สาม”“ข้าไม่รู้ เมื่อวานเขาออกปากเองว่าอยากหนีแต่พอข้าบอกให้ไปทำงาน เจอเขาอีกทีเขาก็ยืนยันจะอยู่และไม่อยากทำให้น้องสี่สงสัยมากกว่าเดิม ข้าสงสัยว่านั้นคืออุบายใหม่ของเขา เจ้าไปกับเขาก็ดูแลดีๆ อย่าให้หนีจะดีที่สุด ข้าไม่อยากมีปัญหากับเจ้าสี่ที่เย็นชาคนนั้น” อิ๋นจื่อถอนหายใจยาวอิ๋นถีพยักหน้ารับเบาๆ ตอนแรกเขาต
“ข้าต่างหากที่ไม่คาดคิด”อิ๋นเจิ้งคล้ายไม่แยแสเขายกจอกชาขึ้นจิบแต่เมื่อพลันพบว่าอิ๋นถีวิ่งตามมาก็ขมวดคิ้วแน่น“หึ พวกเจ้าช่วงนี้สนิทกันสนิทสนมกันดีจริงๆ ถึงขั้นพากันออกมาสองคนโดยไม่บอกข้าก่อนทั้งๆ ที่เจ้ามีข้อหาติดตัว”“แหม่ๆ ผู้มีพระคุณอย่าพูดแบบนั้นซี่ ข้า…”“ข้อหาอะไรกันพี่สี่ ตอนนี้เขาคือเพื่อนข้าแล้ว”จู่ๆ อิ๋นถีชิงตัดบทออกหน้าให้เขา พร้อมแทรกตัวกันเขาออกแต่ยังไม่วายหันมากัดฟันกระซิบกับเขา“เจ้าหาเรื่องแท้ๆ ข้าบอกว่ามีข้าอยู่ให้สบายใจ ได้แต่ไม่ได้หมายถึงให้หาเรื่องกับพี่สี่ได้สบายใจเจ้า”เก๊ามู่เฉินหน้างอหงิกทันที“ ทำไมข้าผิด อิ๋นถี! เจ้าดูสิ นั้นพี่ชายเจ้ากำลังเที่ยวเล่นคนเดียวเหมือนกันนะ เจ้าจะไม่ใช้โอกาสนี้หรือเช่น พี่ชายข้ารู้เรื่องนี้ถ้าท่านเลี้ยงสักมื้อเราหายกัน”“เพื่อนเจ้า? หึ เลือกคบคนดีจริงๆ นะน้องสิบสี่” อิ๋นเจิ้งเบือนหน้าหนีเก๊ามู่เฉินเห็นว่ายังไงสถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นรั้งแต่จะตีกันตายต่อหน้าเขาด้วยซ้ำ เขาจึงเลิกปั้นหน้ายิ้มโง่ๆ“เอ๊าๆ พอๆ ข้าไม่ได้ไม่ดีตรงไหนกันว่าข้าต่อหน้าไม่ถนอมใจดวงน้อยๆ ของข้าเลย เอาแบบนี้องค์ชายสี่พวกข้าขอร่วมโต๊ะได้หรือไม่ถือว่ารักษาจิตใจที่บอ
อิ๋นถีสาวเท้าอย่างเร็วรียังจวนองค์ชายแปด“พี่แปด”“น้องสิบสี่ ค่อยๆ เดินระวังจะล้มลงไป” น้ำเสียงเนิบนาบ“พี่แปด ข้าเจอพี่สี่ข้างนอกกำลังคุยกับใครสักคน ที่ข้าพยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าคือใคร”“เจ้าระแวงมากไปแล้วเจ้าสิบสี่ เดี๋ยวหัดสอดแนมคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ บางทีพี่สี่อาจจะแค่คุยเรื่องทั่วไปกับเพื่อนเก่า”“แต่พี่แปด คนอย่างพี่สี่หรือจะเข้าโรงน้ำชา”“อืม มีพิรุธจริงดั่งว่า ปกติแล้วพี่สี่เกลียดที่สุกคือโรงน้ำชาและหอนางโลม เขามีชีวิตเพียงวังหลวงแม้แต่ชายายังให้เสด็จพ่อเป็นคนหา”“พี่แปดพูดอย่างนี้มันกระทบถึงข้า ข้าเองก็ให้เสด็จพ่อหาชายาให้เหมือนกัน”“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าลืมไปว่ามีอีกคนที่ถอดแบบพี่สี่ออกมา”ว่างท่าราวกับองค์ชายแต่ภายในราวกับขันที“อันนี้ข้าต้องไปถามเก๊ามู่เฉินแล้ว เพราะข้าตีความคำพูดของพี่แปดไม่ออกจริงๆ”“เจ้าสิบสามอยู่ด้วยไหม” น้ำเสียงเริ่มเป็นงานเป็นการ“ไม่ ข้าเห็นเขา”“หลิงจู้ข้างกายองค์ชายสี่ คนผู้นั้นมักใหญ่ใฝ่สูงด้วยบิดาเป็นเอ้อปี้หลง บุตรสาวของหลิงจู้ชิงหยุนเนียเก๋อเก๋อที่ถวายตัวเป็นเมียพี่สี่ นางเองก็ฉลาดหลังแหลมส่งเสริมพี่สี่ได้ดีไม่น้อย”“แต่พี่แปด การแย่งชิงเหล่าช
จวนองค์ชายสี่ที่มิได้มีอะไรพิเศษมีเพียงโต๊ะไม้ที่ตัวเตี้ยทว่ายาวที่วางบนพื้นพรมที่ทอจากชนเผ่าทางเหนือบรรณาการที่ได้มาจากการประพาสป่าล่าสัตว์เมื่อปีกลายเต็มพื้นที่บนศาลาฉาฮวาของจวนองค์ชายที่ด้านหลังสุดที่เก๋อเก๋อหรือชิงหยุนเนียเป็นผู้ดูแลปัดกวาดราวกับเป็นนางกำนัลรับใช้คนหนึ่งในจวนก็เท่านั้นใบหน้าสะอาดหมดจดแต่งแต้มเพียงบางเบาด้วยเครื่องสำอางสีชาดที่ปากเป็นสีชมพูกลีบบัว ไม่ได้แดงจัดจ้านอย่างที่หญิงงามในวังหลวงนิยมเหล่าองค์ชายทั้งห้าก้าวเดินเอามือไพล่หลังราวกับเลียนแบบกันกระนั้นชิงหยุนเนียแค่เพียงก้มหน้าประสานมือระดับเอวย่อกายลงช้าๆ ทว่างดงามตรึงใจ พร้อมกับใบหน้าใสที่เก๊ามู่เฉินอยากจะอิจฉานางว่าช่างเป็นหญิงงามที่ดูแลตัวเองดียิ่งหากเป็นที่นี่คงไม่ต่างจาก อั้มพัชราภาที่ดูสวยใสไม่เปลี่ยน“ชิงหยุนเนียถวายพระพรองค์ชายทั้งห้า ใต้เท้า”“ใครคือใต้เท้าของเจ้า” องค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงถาม“น้องสิบสาม สะใภ้สี่นางเป็นคนพูดน้อยเจ้าก็อย่ากดดันนาง”องค์ชายสามอินจื่อเอ่ยปากเตือนด้วยเห็นใจชิงหยุนเนียที่นอบน้อมกับทุกคนชิงหยุนเนียก้มหน้า“ก็ใต้เท้าที่มากับองค์ชาย” ปรายตาไปทางเก๊ามู่เฉิน น้ำเสียงนอบน้อมถ
“ฮ่องแต้เสด็จจจจจจจจจจจจ”คังซีเดินเข้ามาในศาลาฉาฮวาพลางยกมือหยุดเสียงขันทีข้างกายไม่ให้รบกวนการร่ายรำกระบี่ของหงลี่ องค์ชายทั้งเจ็ดลุกขึ้นยืนถวายพระพรแต่ทว่ากลับถูกโบกมือห้ามไว้เช่นเดิม“นี่ข้าใส่ใจเรื่องในราชสำนักมากเกินไปจนลืมไปว่าความสัมพันธ์ของครอบครัวก็สำคัญไม่น้อย”“ฝ่าบาทเพฮะ องค์ชายหงลี่ชันษายังน้อยทว่ามีความมุ่งมั่นอย่างที่สุด ดูจากการร่ายรำกระบี่คงผ่านการฝึกปรือมาแรมปี”“อืม” คังซีพยักหน้าขึ้นลงและพูดต่อ“เห็นเขาแล้วทำให้ข้านึกถึงองค์รัชทายาท”องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งก้มหน้ามองพื้น“ท่านปู่ก็มาดูข้าหรือ”คังซีย่อตัวลงรับเอาหงลี่เข้าสู่อ้อมกอด“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านพ่ออยากดูข้ารำกระบี่ เสด็จปู่ก็อยากดูด้วยหรือ ท่านลุงกับและท่านอาเองต่างคนต่างก็อยากดูข้ารำกระบี่ ทุกคนอยากดูข้ารำกระบี่หมดเลยดีใจจัง”“พ่อของเจ้าชวนข้ามาดูดอกโบตั๋น ไม่น่าเชื่อว่าดอกโบตั๋นจะงดงามแล้วยังได้มาเห็นหงลี่น้อยร่ายรำกระบี่”“เสด็จพ่อ องค์ชายหงลี่อายุยังน้อยยังมีความมุ่งมั่นเพียงนี้ หากผ่านการอบรมที่ดีไม่แน่อาจเป็นยอดคน” อิ๋นสือกล่าวองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งเหลือบตามองอิ๋นสือ คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแทนตัวเอง“อืม ดีแล้วต่อไ
จวนองค์ชายแปดอิ๋นสือ“พี่แปด ท่านพลาดแล้ว” อิ๋นถังกระดกสุราในมือลงคอ“น้องเก้า เรื่องนี้เราต้องดูกันไปยาวๆ ข้าจงใจเดินไปตามแผนของพี่สี่เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่พี่สี่แล้ว เขาก็จะหมดหนทางปฏิเสธว่าตัวเองไม่ต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เสด็จพ่อในตอนนี้มองพี่สี่เป็นเพียงองค์ชายที่รักสันโดษ มีชีวิตกับครอบครัวมีชายาที่ดีมีลูกที่น่ารักไปวันๆ พี่สี่ลงทุนขนาดนี้ เจ้าเก้าเจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะมองไม่ออกหรือไร แม้แต่เรายังมองเกมออกเสด็จพ่อเองที่ไม่พูดไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพียงแค่จะดูว่าพี่สี่จะทำอย่างไรต่อไป บางทีเรื่องของหงลี่เราก็ควรจะปล่อยๆ ไปบ้าง น้ำเชี่ยวอย่าพึ่งขวางเรือ”“แต่ครั้งนี้เป็นพี่สี่ที่ได้ทุกอย่างไป แม้แต่เก๋อเก๋อของพี่สี่เราก็ยังคงต้องมองนางเสียใหม่ ไม่แน่ว่าจะเป็นแผนการของพี่สี่” องค์ชายเก้าผู้ไม่อุปนิสัยไม่ต่างกับองค์ชายสี่ที่มองทุกอย่างในด้านที่แสนจะมืดบอด“ไม่ต้องสงสัย หากข้าจะพลาดก็พลาดตรงที่ยอมไปจวนของพี่สี่ทำให้สายตาเสด็จพ่อมองว่าพี่สี่เป็นที่รักใคร่ของพี่น้อง มีพี่น้องดีมีชายาดีมีลูกที่ดี”องค์ชายเก้าอิ๋นถังถอนหายใจ“แผนการครั้งนี้ นับว่าแยบยลไม่น้อยข้าล่ะอิจฉาพี่สามกับเก๊
องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งพูดไปยิ้มไปราวกับเย้ยหยัน“จะจะเจ้าไม่ได้ถูกจับตัวมาหรอกหรือ”“เปล่า ข้าจะพูดอย่างไรดีจะว่าใช่ก็ว่าไม่ เอาเถอะเป็นอันว่าองค์ชายสี่หวังดีกับข้ากลัวว่าข้าจะติดโรคระบาดทางเหนือ” ต้ากงเหวินร่ายยาว“เจ้าอ่อนหัด พี่สี่ตั้งใจรวบหัวรวบหางเจ้าไว้ข้างเขาเพื่ออำนาจบัญชาการสามกองธงขาว” องค์ชายเก้าอิ๋นถังพูดทะลุกลางปล้ององค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งกัดฟันเป็นสันนูน ทะยานเข้าใส่องค์ชายเก้าอิ๋นถังซัดฝ่ามือเข้าใส่ ดึงตัวชิงหยุนเนียออกมา“องครักษ์จับตัวองค์ชายเก้าอิ๋นถัง อย่าให้หนีไปได้” องค์ชายสี่อิ๋นเอ่อประคองชิงหยุนเนียไว้“ข้ายอมตาย” องค์ชายเก้าอิ๋นถังลุกขึ้นยืนในท่าเตรียมพร้อมไม่หวั่นเกรง“พี่เก้าหนีไป” องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อ ถลาเข้ามาขวางหน้าองค์ชายเก้าอิ๋นถังไว้เมื่อเห็นว่าองครักษ์ที่บัดนี้มากมายในการนำของหลงเค่อตั๋วตามมาเมื่อได้ข่าวว่าชิงหยุนเนียถูกจับตัว ต่างมีอาวุธครบครันในมือหมายชีวิต“น้องสี่ทำเกินไปแล้ว ปล่อยเจ้าเก้าไปเสีย” องค์ชายสามอิ๋นจื่อพูดขึ้นดังๆ“พี่สาม ข้าขออภัยที่ไม่อาจทำตามที่พี่สามต้องการได้ เขาหยามเกียรติข้าเพียงนี้หลบหนีออกจากคุกหลวงจับตัวเก๋อเก๋อข้าเป็นตัวประกัน
“น้องสิบสามเป็นอย่างไรบ้าง เขาสบายดีไหม”ต้ากงเหวินก้มหน้าหลบตา“เขาเป็นอย่างไรบอกข้ามา”เท่าที่จำได้ก็มีแค่นั้น แล้วจะเอาตรงไหนมาบอกองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งว่าเป็นอย่างไร“คนของท่านก็รีบจับข้ามานี่ ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นอย่างไร”“เขาเศร้าโศกหรือไม่เขาเสียใจหรือไม่ ข้าไม่ได้อยากรู้เรื่องอาการป่วยของเขาคนของข้ารักษาเขาจนหายดีแล้ว ที่ข้าอยากรู้ก็คือเขาก็อยู่ตรงนั้น เขาโศกเศร้าเพียงใดมีความสุขเพียงใด”ต้ากงเหวินยิ้มเจื่อนๆ“ครั้งสุดท้ายที่พบกันที่จำได้เขาก็มีความสุขดีนะ”ครั้งสุดท้ายที่อยู่ด้วยกันเขากับองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกือบจะเกินเลย ดีที่อีกฝ่ายป่วยไข้ไปเสียก่อน“สบายดีหรือเจ้าสิบสามชอบแอบร้องไห้ เขาไม่เคยมีน้ำตาให้ใครเห็นแต่มักจะไปแอบร้องไห้เสมอ”“คงร้องตายแหละ” พึมพำเบาๆ“จะว่ายังไงนะ”“เปล่าาา เปลี่ยนเรื่องๆ”“เขาสบายดีข้าก็สบายใจ”แหม่ อีกคนเป็นห่วงแทบตาย ไอ้คนทางโน้นชีกอยังกะอะไร“ม่ะ เจ้ามีเรื่องอะไรพูดมา”“ข้าอยากจะขอร้องอยู่ที่นี่แสนสบาย เขาเรียกตำหนักอะไรนะ”“ตำหนักเคียงฟ้า เป็นตำหนักพักร้อนของข้า” องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งพูดด้วยเสียงอ่อนโยน“ดีเลย ข้าขอยืม
“กงกง ถึงเวลานั้นค่อยเอาออกมา”ขันทีชราทรุดกายลงกับพื้นหยาดน้ำตาไหลริน รับใช้ใกล้ชิดมาหลายปีผูกพันยิ่งกว่าพ่อแม่“ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่อาจตัดใจเมื่อถึงเวลานั้น ฝ่าบาทจะต้องมีพระชนมายุยืนยาวหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างที่ไม่อาจห้าม“กงกงอย่าเสียใจไปเลย ข้าเขียนพินัยกรรมไว้หาใช่ว่าข้าจะรีบตายเสียหน่อย แค่เขียนไว้ให้รู้ว่าข้าควรจะมอบของสำคัญที่สุดของราชวงศ์ชิงให้กับผู้ใด”ขันทีชราถอนหายใจ“ฝ่าบาท ข้าน้อยรู้ดีข้อนี้จะเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นความลับ แม้จะเคยเห็นข้อความในพินัยกรรมแล้วก็ตาม องค์ชายทั้งหมดจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้จนกว่าจะถึงเวลา”“ขอบใจท่านกงกง บางทีข้าก็ไม่อาจตัดสิน อิ๋นสือเพียบพร้อมเหมาะสมรักพวกพ้อง มิได้ห่วงใยประชาชน สิ่งที่เขาทำล้วนเพื่อตัวเขาเองและพวกพ้องรอบข้าง อิ๋นเสียงบางทีข้าคิดว่าควรจะเป็นเขาแต่เมื่อเห็นเขาที่ออกรับแทนอิ๋นเจิ้งทำให้รู้สึกว่าองค์ชายสิบสามผู้นี้ช่างอ่อนแอ หากข้ามอบบัลลังก์ให้เขาสักวันเขาก็จะต้องมอบมันให้กับอิ๋นเจิ้ง” ส่ายหน้าไปมาด้วยความหนักใจ“ฝ่าบาทแล้วองค์ชายสามเล่า”ถามเพราะเห็นว่าคังซีมักจะพูดถึงองค์ชายสามบ่อยๆ“เจ้าสามน่ะหรือ ทรงคุณธรรมรอบรู
องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งยืนเหม่อมององค์ชายสามที่เดินแทบไม่ไหวต้องให้เฉิงหยิงพยุงออกจากตำหนักฮ่องเต้“องค์ชาย เรื่องราวปวดใจเก็บไว้ข้างหลัง ต่อแต่นี้ควรก้าวไปข้างหน้า เมื่อจะทำการใหญ่ควรสละสิ้นทุกสิ่ง”“แล้วเจ้าเล่า พร้อมที่จะตัดขาดกับข้าหรือไม่”ชิงหยุนเนียยิ้ม“ถ้าเป็นบัญชาองค์ชายมีหรือข้าจะกล้าขัด”อิ๋นเจิ้งทำสีหน้าเรียบเฉย“ไม่มีเจ้าแล้วใครจะขัดคอข้า”“ท่านไม่ใช่คนที่ต้องการใครก็ได้คอยอยู่เคียงข้างหรอกหรือ”“เจ้าพูดแบบนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าบอกว่าเจ้าสำคัญหรอกหรือ”ชิงหยุนเนียเงยหน้าสบตายิ้มหวานหยด“ไม่จำเป็น ทางเดียวที่จะให้ข้าไปจากท่านได้ ก็คือการฆ่าข้าให้ตายซ่ะ”“นี่เจ้าคิดจะหาผลประโยชน์กับข้าจนถึงกับไม่ยอมไปจากข้าเลยหรือ”ชิงหยุนเนียหันหลังก้าวเดินจากไป องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งทอดถอนหายใจ มีใครบ้างที่รักและจริงใจกับเขานอกเสียจากองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียง นางเล่าเคยรักเขาบ้างไหม คำรักสักคำไม่เคยเอ่ยออกจากปากนาง เขาแอบดีใจสายตาห่วงใยของนางแต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่ รอจนกว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้ยินคำนั้นแม้เขามีฐานะฮ่องเต้ยังไม่แน่ว่าจะใช้อำนาจบังคับให้นางพูดสิ่งที่ฝืนใจนาง ผู้คนรอบข้างล้วนยินดีที่จะเสแสร
ตำหนักเดียวดายองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ลุกขึ้นจากแท่นนอนไม้ไผ่“ต้ากงเหวิน เจ้าอยู่ไหนเนี้ย”เงียบไร้สรรพเสียงใดๆ เดินออกจากห้องไปยังห้องนอนของต้ากงเหวินที่รกร้างว่างเปล่าราวกับไม่มีคนใช้งานมานาน“ไปไหนของเขากัน”ทรุดกายลงบนแท่นนอนยกมือขึ้นลูบไปบนผ้าปูเบาๆ“เจ้าไปไหนต้ากงเหวิน”สายตาเหลือบไปเห็นมองสีขาวของกระดาษใต้หมอน ถือวิสาสะดึงกระดาษออกมาคลี่แผ่นกระดาษที่พับไว้ ไล่สายตาไปบนตัวอักษรข้าไม่ได้อยู่กับท่านแล้วคงเหงาไม่น้อยหากเหงาก็คิดเสียว่าข้าอยู่ที่นี่อย่าแอบร้องไห้นะสัญญาว่าหากไม่ตายเสียก่อนข้าจะกลับมาพบท่านแน่การลาจากไม่ใช่การลาก่อนสักวันเราจะพบกันใหม่ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะห่มผ้าหนาๆ ด้วยนะข้าเป็นห่วงอย่าให้รู้ว่าปล่อยให้ตัวเองหนาวหากไม่อยากห่มผ้าให้คิดถึงใบหน้าของข้าไว้ห่วงใยที่สุด…เก๊ามู่เฉิน…คิ้วคมขมวดเข้าหากัน“ไปแล้วจริงๆ หรือ นี่เจ้าไม่ลากันจริงๆ หรือ”เสียงกุกกักด้านนอก อิ๋นเสียงผุดลุกขึ้นจากแท่นนอนด้วยความดีใจคิดว่าเป็นต้ากงเหวิน“อ๊ะ พี่สิบสามท่านสบายดีไหม”องค์ชายสิบสี่อิ๋นถีที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้ากระท่อม“เจ้าสิบสี่
“ปล่อยข้านะ พวกเจ้าเป็นใครบังอาจมาจับข้า ข้าองค์ชายเก้าอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นถัง และนั้นก็คือเสด็จพ่อข้าทำไมข้าเข้าไปไม่ได้ พวกเจ้าเป็นใครข้าไม่เคยเห็นหน้าพวกเจ้ามาก่อน”องค์ชายเก้าอิ๋นถังโวยวายเสียงดังลั่น องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อยืนกล้าๆ กล้วๆ“จริงด้วย พวกเจ้ามาขวางเราไว้ทำไม พวกเราเป็นองค์ชายนะ”หลงเค๋อตั๋วก้าวมาข้างหน้าช้าๆ“องค์ชายกระทำการบุ่มบ่ามถือว่าบุกรุก ฝ่าบาททรงประชวรอยู่ด้านใน ส่งเสียงดังรบกวนเวลาพักผ่อนมีโทษถึงประหาร”องค์ชายเก้าอิ๋นถังเบิกตากว้าง องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อถอยหลังไปหนึ่งก้าว“หลงเค๋อตั๋ว ใครให้ท่านมายุ่งเรื่องนี้ นี่เป็นการอารักขาของฝ่ายในหัวหน้าองครักษ์คนเดิมไปไหนเสีย ถึงให้กองธงขลิบเหลืองของแมนจูเข้ามายุ่มย่าม” อิ๋นถังยังไม่ยอมอ่อนข้อให้“องค์ชายการบัญชาการรักษาความปลอดภัยในวังหลวงตอนนี้เป็นหน้าที่ของข้าทั้งหมด องค์ชายควรจะรู้ไว้เพื่อที่จะได้วางตัวให้ถูกต้องกว่านี้”“เสด็จพ่อทรงพระประชวรออกว่าราชการไม่ได้ ใครกันแต่งตั้งท่านอย่าสำคัญตัวเองผิด”อิ๋นถังตวาดดังลั่นพร้อมกับเย้อยิ้มหยัน องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งก้าวออกมาจากตำหนัก“ปล่อยพวกเขาไป”องครักษ์สองคนที่หิ้วปีกองค์ชายเ
จวนองค์ชายสามอิ๋นจื่อ“โป๊ก โป๊ก โป๊ก”“องค์ชายเพคะ พระชายาให้ยกเครื่องเสวยที่นี่”“วางไว้”สาวใช้เหลือบตามองถาดอาหารของมื้อกลางวัน ถาดอาหารคาวหวานยังคงอยู่ในสภาพเดิมไร้การแตะต้อง วางถาดอาหารใหม่ไว้ยกถาดอาหารเก่าออกไป ส่ายหน้าไปมาองค์ชายสามอิ๋นจื่อยกมือที่มีแต่รอยแตกเลือดไหลซึม กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น หันกลับไปที่ผนังห้องปาค้อนลงกับพื้น ทรุดกายคุกเข่าตรงหน้าไทม์แมชชีน“ข้าอับจนหนทางแล้วทำอย่างไรเจ้าจึงจะกลับมา ซ่อมของสิ่งนี้ได้ก็ใช่ว่าจะหาเจ้าเจอ”ปล่อยหยาดน้ำตาร่วงลงกับพื้นไม่ยอมปาดป้าย“กลับมาได้แล้วต้ากงเหวิน เจ้าหายไปนานแล้วนะ ข้าจะทนคิดถึงเจ้าไม่ไหวแล้วนะ”ประตูห้องเปิดออกช้าๆ องค์ชายสามอิ๋นจื่อหันขวับแต่กลับเป็นร่างบ้างอ้อนแอ้นของเฉิงหยิง“องค์ชายหากจะไม่กินไม่นอนแบบนี้ ท่านหย่ากับข้าไปเสีย”องค์ชายสามอิ๋นจื่อก้มหน้าปล่อยหยาดน้ำตาร่วงสู่พื้นเหมือนไม่ได้ยินที่เฉิงหยิงพูด“องค์ชายดูสารรูปท่านสิ ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ท่านเป็นสามีข้าเป็นภรรยาในเมื่อสามีทุกข์ตรมภรรยาหรือจะยังยิ้มอยู่ได้ ได้ยินที่ข้าพูดไหม ท่านกินอะไรเสียหน่อยอย่าทำแบบนี้ ข้ายินดีตายหากท่านพี่ต้ากงเหวินจะกลับมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ลูกจะทำตามพระประสงค์ให้ดีที่สุด”อิ๋นถีประสานมือจากไปคังซีใช้มือกวาดกระดานหมากกระจายเกลื่อนพื้น“ฝ่าบาทถนอมพระวรกายด้วย” ขันทีรีบเข้ามาประคอง“ลูกที่รักไม่ได้ดั่งใจ กงกงคิดว่าข้าควรจะมีความสุขได้อีกหรือ ในตอนนี้ทำได้เพียงประคับประคองความสัมพันธ์พ่อลูกไม่ให้ร้าวฉานไปมากกว่าเดิม หวังว่าข้าจะไม่ต้องเจ็บปวดมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้”ส่งเสียงสะอื้นเบาๆ ยกมือขึ้นกุมหน้าอก“โอ๊ะ โอ๊ะ โอ้ยยยยยย”ทิ้งตัวลงกับพื้นขันทีไม่อาจแบกรับร่างที่หนักอึ้งล้มลงไปพร้อมกัน“ตามหมอหลวง! ใครก็ได้ตามหมอหลวงงงงงง”คังซีหน้าซีดเผือด สติหลุดลอยไปในทันทีองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งสาวเท้าเร็วรี่ยังห้องหนังสือ“หัวหน้าองค์เสื้อแพรรับบัญชาข้า ห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เสด็จพ่อประชวร เพิ่มกำลังอารักขาตำหนักส่วนกลางไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านเข้าออกยกเว้นจะมีคำสั่งจากข้า”“หลงเค๋อตั๋วรับบัญชาองค์ชายสี่” ก้มหน้าซ่อนยิ้มตำหนักเดียวดายหิมะขาวโพลน องค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงหย่อนเบ็ดลงไปในช่องที่เจาะเป็นวงกลม ต้ากงเหวินกระตุกเบ็ดแรงๆ ปลาตัวใหญ่ติดเบ็ดขึ้นมาดิ้นรนเอาชีวิตรอดก่อนที่ตกลงบนพื้นหิมะขาว“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้ป
“มีหลักฐานใดกันว่าข้าเป็นคนทำ ข้าวันๆ เอาแต่นั่งร่างพระไตรปิฎกแล้วยังถูกกักบริเวณ”“คนส่งสุราทั้งสองพบเป็นศพนอกเขตวังหลวง ข้าจำได้ว่าเคยเห็นเขาอยู่กับท่าน” อิ๋นถังพูดขึ้นทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจ“เป็นเจ้าแปดฆ่าพวกนั้นเพื่อปิดปากไม่ได้หรือ ทำไมต้องเป็นข้า ข้าก็มีหลักฐาน พบถุงทองในอดีตคนของข้าที่ตายไป ในนั้นมีเหรียญทองสลักชื่อเจ้าแปดชัดเจน นี่ก็เป็นหลักฐานที่ข้าควรจะมอบให้เสด็จพ่อเพียงแต่ข้าถูกกักบริเวญ ยังไม่ทันได้มอบให้เสด็จพ่อ”อิ๋นถีกัดฟันแน่น“พี่สี่ จะมากไปแล้วนะ นอกจากไม่สำนึกผิดแล้ว ท่านยังก่อเรื่องซ้ำๆ ไม่เลิกจะเอากันถึงตายเลยหรือไร หากท่านมอบหลักฐานชิ้นนี้ให้เสด็จพ่อ ฆ่าคนโทษถึงตาย พี่แปดกำลังตกอับถูกเสด็จพ่อเข้าใจผิด พี่แปดจะต้องถูกประหาร”อิ๋นเจิ้งกัดฟันจนเป็นสันนูน“แล้วเจ้าสิบสามล่ะ! พวกเจ้ามีอะไรมาชดใช้ให้เขา เขาต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวทนลำบากเหน็บหนาวเดียวดายห่างไกลนับพันลี้ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยได้ใช้ชีวิตสุขสบายเพราะขาดแม่ตั้งแต่ยังเล็ก แต่พวกเจ้ากับเจ้าแปดกลับรวมหัวกันกลั่นแกล้งเขาใส่ร้ายข้า จนเขาต้องรับบาปเคราะห์ที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น”“พี่สี่ ไม่ใช่ข้านะ ข้าไม่รู้เรื่องเลย ท่านอ