“น้องสิบสามเป็นอย่างไรบ้าง เขาสบายดีไหม”ต้ากงเหวินก้มหน้าหลบตา“เขาเป็นอย่างไรบอกข้ามา”เท่าที่จำได้ก็มีแค่นั้น แล้วจะเอาตรงไหนมาบอกองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งว่าเป็นอย่างไร“คนของท่านก็รีบจับข้ามานี่ ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นอย่างไร”“เขาเศร้าโศกหรือไม่เขาเสียใจหรือไม่ ข้าไม่ได้อยากรู้เรื่องอาการป่วยของเขาคนของข้ารักษาเขาจนหายดีแล้ว ที่ข้าอยากรู้ก็คือเขาก็อยู่ตรงนั้น เขาโศกเศร้าเพียงใดมีความสุขเพียงใด”ต้ากงเหวินยิ้มเจื่อนๆ“ครั้งสุดท้ายที่พบกันที่จำได้เขาก็มีความสุขดีนะ”ครั้งสุดท้ายที่อยู่ด้วยกันเขากับองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกือบจะเกินเลย ดีที่อีกฝ่ายป่วยไข้ไปเสียก่อน“สบายดีหรือเจ้าสิบสามชอบแอบร้องไห้ เขาไม่เคยมีน้ำตาให้ใครเห็นแต่มักจะไปแอบร้องไห้เสมอ”“คงร้องตายแหละ” พึมพำเบาๆ“จะว่ายังไงนะ”“เปล่าาา เปลี่ยนเรื่องๆ”“เขาสบายดีข้าก็สบายใจ”แหม่ อีกคนเป็นห่วงแทบตาย ไอ้คนทางโน้นชีกอยังกะอะไร“ม่ะ เจ้ามีเรื่องอะไรพูดมา”“ข้าอยากจะขอร้องอยู่ที่นี่แสนสบาย เขาเรียกตำหนักอะไรนะ”“ตำหนักเคียงฟ้า เป็นตำหนักพักร้อนของข้า” องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งพูดด้วยเสียงอ่อนโยน“ดีเลย ข้าขอยืม
องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งพูดไปยิ้มไปราวกับเย้ยหยัน“จะจะเจ้าไม่ได้ถูกจับตัวมาหรอกหรือ”“เปล่า ข้าจะพูดอย่างไรดีจะว่าใช่ก็ว่าไม่ เอาเถอะเป็นอันว่าองค์ชายสี่หวังดีกับข้ากลัวว่าข้าจะติดโรคระบาดทางเหนือ” ต้ากงเหวินร่ายยาว“เจ้าอ่อนหัด พี่สี่ตั้งใจรวบหัวรวบหางเจ้าไว้ข้างเขาเพื่ออำนาจบัญชาการสามกองธงขาว” องค์ชายเก้าอิ๋นถังพูดทะลุกลางปล้ององค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งกัดฟันเป็นสันนูน ทะยานเข้าใส่องค์ชายเก้าอิ๋นถังซัดฝ่ามือเข้าใส่ ดึงตัวชิงหยุนเนียออกมา“องครักษ์จับตัวองค์ชายเก้าอิ๋นถัง อย่าให้หนีไปได้” องค์ชายสี่อิ๋นเอ่อประคองชิงหยุนเนียไว้“ข้ายอมตาย” องค์ชายเก้าอิ๋นถังลุกขึ้นยืนในท่าเตรียมพร้อมไม่หวั่นเกรง“พี่เก้าหนีไป” องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อ ถลาเข้ามาขวางหน้าองค์ชายเก้าอิ๋นถังไว้เมื่อเห็นว่าองครักษ์ที่บัดนี้มากมายในการนำของหลงเค่อตั๋วตามมาเมื่อได้ข่าวว่าชิงหยุนเนียถูกจับตัว ต่างมีอาวุธครบครันในมือหมายชีวิต“น้องสี่ทำเกินไปแล้ว ปล่อยเจ้าเก้าไปเสีย” องค์ชายสามอิ๋นจื่อพูดขึ้นดังๆ“พี่สาม ข้าขออภัยที่ไม่อาจทำตามที่พี่สามต้องการได้ เขาหยามเกียรติข้าเพียงนี้หลบหนีออกจากคุกหลวงจับตัวเก๋อเก๋อข้าเป็นตัวประกัน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว คริสผู้ซึ่งไม่เคยมองโลกในแง่ดีใบหน้าเรียบเฉยถึงกระนั้นก็ยังดูดีเพราะเป็นคนผิวขาวใบหน้าหล่อเหลาจมูกโด่งเป็นสันดวงตาดำขลับขนตางอนยาวเป็นลูกครึ่งไทยจีนมีแม่เป็นคนจีน คิ้วดกดำขมวดเข้าหากันมองไปยังแพใหญ่ที่เพื่อนของเขากำลังดื่มกิน เร่งเครื่องสปีดโบ๊ทให้กระแทกไปบนพื้นน้ำ“คริส! มึงไม่ใส่ซูชีพวะ”คริสไม่มีทางจะได้ยินเพราะเสียงที่ดังกระหึ่ม สปีดโบ๊ทหักเลี้ยวออกห่างจากฝั่งไปไกลขึ้นจนแทบมองไม่เห็นแพ คริสเริ่งความเร็วราวกับโกรธใครมาน้ำที่กระเซ็นใส่ใบหน้าให้ความรู้สึกสดชื่น ภูเขาสูงข้างหน้ามองดูราวกับภาพฝันใต้พื้นน้ำข้างหน้าที่สปีดโบ๊ทกำลังจะแล่นผ่าน มีตอไม้มหึมาจมอยู่ใต้น้ำทำความเสียหายให้เสื้อหรือสปีดโบ๊ทที่วิ่งผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ปกติถ้าไม่ใช่หน้าฝนจะมองเห็นตอได้ชัดเจน แต่อนิจจาตอนนี้เป็นหน้าฝนทำให้สปีดโบ๊ทของคริสพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง ความตกใจมือของคริสแทนที่จะผ่อนคันเร่งแต่กลับบิดคันเร่งจนสปีดโบ๊ทเหินขึ้นไปด้านบนพลิกตกลงมากระแทกที่ศีรษะของคริสจนรู้สึกเจ็บปวดอย่างแรง เลือดสีแดงเจือจางด้วยสายน้ำที่โอบรอบร่างหมดสติ จมดิ่งลงไปใต้ท้องน้ำ.“เฮือก!”“พี่สี่! เจ้าหมาน้
อันนี้มันปู้ปู้จิงซินชัดๆ ด้วยสมองอันชาญฉลาดของคริสหรือเก๊ามู่เฉินทำให้วิเคราะห์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก“จะยากอะไรส่งคนผู้นี้ไปทรมานให้คายความจริงออกมา”องค์ชายเก้าอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นถังท่าทีเย่อหยิ่งแม้จะมีใบหน้าหล่อเหลาแต่สายตาไม่เป็นมิตร“น้องเก้า ทำอย่างนั้นก็เท่ากับไร้ความยุติธรรม เสด็จพ่อทรงสั่งสอนให้เราทั้งหมดยึดมั่นคุณธรรม คนไม่ผิดจะลงทัณฑ์ง่ายดายได้อย่างไร” อิ๋นสือปรามเบาๆ น้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟัง“องค์ชายแปดมาเพื่อการนี้ ตั้งใจปกป้องเขา พูดให้พี่สี่ดูแย่ว่าพี่สี่ไร้คุณธรรมเพื่อปกป้องคนของท่าน” อิ๋นเสียงยิ้มเหยียด“น้องสิบสาม เจ้าประเมินพี่แปดต่ำไป ข้าไม่ได้มีเจตนากล่าวร้ายพี่สี่”“ข้าไม่รู้จักใครทั้งนั้น ก็แค่คนเลี้ยงม้า” เก๊ามู่เฉินแก้สถานการณ์โดยเร็ว หากปล่อยไว้ต้องมีการประลองกระบี่กันแน่“เลี้ยงม้า?” คนทั้งหมดอุทานออกมาพร้อมกัน“เลี้ยงม้าอยู่ในน้ำอะเหรอ” อิ๋นถีแหนบ“ท่านไม่รู้จักม้าน้ำหรอ” เก๊ามู่เฉินถามกลับทันควันคนทั้งหมดส่ายหน้าถอนหายใจ“ข้าเห็นเจ้าลับๆ ล่อๆ ก่อนที่ข้าจะซัดฝ่ามือเข้าใส่จนตกลงไปในน้ำดีนะที่องค์ชายสามช่วยเจ้าไว้ไม่อย่างนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าจมน้ำตาย เจ้าผ่
ในห้องมีกองตำราหนังสือวางกระจัดกระจายตามชั้นหนังสือและพื้น หากจะเดินจำต้องใช้เท้าเขี่ยแหวกทางหากไม่อยากเหยียบตำราบนพื้นที่ล้วนแต่เป็นตำราสำคัญ โต๊ะในสุดกลางห้องที่แดดส่องถึงอ่อนๆ แต่กระนั้นก็ยังมีฝุ่นเกาะเกรอะกรังเจ้าของห้องนั่งเขียนตำราอย่างขะมักเขม้นไม่สนใจผู้ที่ก้าวเข้ามาแม้แต่น้อยอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นจื่อองค์ชายสามผู้รูปงาม ริมฝีปากสีแดงระเรื่อผิวขาวจนเกือบซีดทว่าผมเผ้ารุงรังเพียงแค่มัดรวบไว้ลวกๆ อย่างเร่งรีบแขนเสื้อและมือมีรอยเลอะหมึกสีดำเป็นแถบ เสื้อผ้าหน้าผมถูกละเลยไม่เรียบร้อยหรูหราประณีตเหมือนองค์ชายทั่วไป“ข้าไม่แปลกใจเลยหากจะมีใครสักคนหายไปในห้องพี่สาม”อิ๋นถีใช้เท้าเขี่ยตำราบนพื้นพลางมองสำรวจ ไม่บ่อยนักจะมีธุระให้มาเจอพี่สาม อิ๋นจื่อเงยหน้าขึ้นมาหันซ้ายหันขวาก่อนจะกล่าวอย่างสับสน“ใคร มีใครหายไปในห้องข้า”“พี่สามน้องสิบสี่แค่เปรียบเปรย ทำไมท่านปล่อยให้ห้องรกแบบนี้” อิ๋นเสียงตอบยิ้มๆ“ข้าแค่เอาตำราทุกเล่มที่จำเป็นต้องใช้เข้ามาในห้อง นั่นเจ้าสิบสี่เจ้าเอาเท้าเขี่ยตำราเชียวหรือ”อิ๋นจื่อลุกขึ้นและหยิบตำราที่พื้นขึ้นมาวางกองบนโต๊ะหนังสือตัวเอง เมื่อเงยหน้าก็สังเกตเห็นเก๊ามู่เ
“ขอบคุณองค์ชายสาม”ดูจากท่าทีและคำเรียกแล้วอิ๋นเจิ้งและองค์ชายสามคงไม่สนิทกันถึงขั้นไม่ลงรอยแต่จะด่วนสรุปยังเร็วไป เขาต้องตอบตามความจริงละทิ้งอคติ“เจ้าเข้าไปที่จวนพี่สี่ทำไม เข้าไปได้ยังไง”“ข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้”“เจ้ามีญาติพี่น้องหรือไม่”“ข้าไม่มี” อิ๋นจื่อขมวดคิ้วด้วยเป็นคนที่ชอบคิดวิเคราะห์“งั้นก็อยู่ที่นี้ช่วยงานข้าสักพักคงไม่เป็นปัญหา อยู่จนกว่าน้องสี่จะหายสงสัย”อิ๋นจื่อหันไปเก็บตำราต่อเหมือนหมดคำถามแค่นี้จริงๆ เก๊ามู่เฉินรีบลุกขึ้นตั้งใจจะช่วยแต่กลับถูกอีกฝ่ายห้ามทันทีอย่างแตกตื่น“นั่งก่อนเถอะ นั่งก่อนเถอะ เจ้าบาดเจ็บไว้หายดีจริงๆ แล้วข้าจะใช้งานเจ้าเอง”“ไม่เป็นไรๆ งานง่ายๆ แค่นี้ข้าทำได้”“งั้นก็ตามใจ”เก๊ามู่เฉินเดินไปเก็บตำราและเศษกระดาษที่ทั้งขยำและฉีกโยนไปทั่วห้อง โห้ อย่างเยอะเลย แอบดูนิดหน่อยคงไม่เป็นไรในเมื่อก็จะทิ้งอยู่แล้วเห็นๆ เมื่อแกะกระดาษออกดูก็พบตัวหนังสือเต็มหน้ากระดาษ บางแผ่นมีภาพวาดและบางแผ่นมีสูตรที่เขาเห็นแล้วเวียนหัวกระทันหันแต่ก็แปลกใจจนอดไม่อยู่“เห้ย องค์ชายสาม!”“หืม? เจ้าตกใจอะไร” อิ๋นจื่อหันมองอย่างงุนงงและเห็นเก๊ามู่เฉินอ่านกระดาษที่ยับยู่ยี่ข
“มันเขียนว่าอะไร” อิ๋นจื่ออดจะยื่นหน้ามาดูไม่ได้เก๊ามู่เฉินพับกระดาษเก็บอย่างเรียบร้อย อย่างน้อยนี่ก็คือของทางประวัติศาสตร์ที่เป็นลายมือองค์ชายเก้าในอดีตเขียนขึ้นเอง แต่ของชิ้นนี้เกรงว่าเมื่อว่างเขาจะต้องเอาไปเผาพร้อมพริกเกลืออย่างแน่นอน!“เจ้าอย่าคิดมากเลย เขาก็เป็นเช่นนั้นแต่ข้าขอเตือนเจ้า อยู่ให้ห่างเถอะ”“ข้าคงไม่ได้วุ่นวายอะไรพวกท่านหรอก…ข้าคงอยู่เป็นตัวประกอบนั้นแหละ” เพราะในประวัติศาสตร์ไม่มีชื่อเขานี่ ถูกไหมฮ่าฮ่าฮ่า“เช่นนั้นก็ดี เจ้าเก้าดีร้ายไม่อาจคาดเดาอีกทั้งยังเป็นอีกคนที่ข้าดูไม่ออกพอเช่นเดียวกับเจ้าสี่และเจ้าแปด”เป็นเช่นนั้นจริงๆ เก๊ามู่เฉินเริ่มชินกับการช่วยอิ๋นจื่อหยิบจับหาหนังสือตำราตอนนี้ ผ่านไปเพียงแค่สามวันเขาก็ทำงานคล่องขึ้นเยอะมาก อาจเพราะเขาเก็บตำราตามหมวดหมู่แล้ว เลยหยิบจับง่ายขึ้นกว่าก่อนหน้านี้แต่สงบสุขไม่ทันไรเสียงเจื้อยแจ้วของอิ๋นเอ๋อก็ดังขึ้นก่อนที่ตัวเจ้าของเสียงอันร่าเริงจะปรากฏพร้อมอิ๋นถี“เก๊ามู่เฉินนนนน มาาาเล่นนนกานนน”เก๊ามู่เฉินกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย อิ๋นเอ๋อแวะมาหาเขาทุกวันและเอาแต่ชวนคุยจนอิ๋นจื่อบางครั้งยังต้องถึงขั้นนวดขมับ คำที่ว่าไม่สร้า
อิ๋นถีที่ดื่มไปมากแล้วกำลังมองเก๊ามู่เฉินที่ยามนี้ไม่สนใจจะดื่มจะกินต่อแล้ว ทำเพียงวุ่นวายกับกระดาษกับที่อิ๋นถังให้มา อิ๋นถีเท้าคางบนโต๊ะมองเก๊ามู่เฉินที่มือตวัดพู่กันไปมาปากพึมพำ“เจ้าทำอะไร”“เรียบร้อย เอคือหนึ่งจุดหกสามศูนย์สามและบีคือหนึ่งจุดแปดสี่สามหนึ่ง”เก๊ามู่เฉินลุกขึ้นชูกระดาษสองใบโห่ร้องด้วยความดีใจจนองค์ชายทั้งสามสะดุ้งโหยง อิ๋นถังทำสุรากระฉอกโดนมือก็ขมวดคิ้วหันมาตำหนิเขา“เป็นบ้าอะไรอีก”“มีเรื่องน่าสนใจหรือเก๊ามู่เฉิน” อิ๋นเอ๋อรีบเข้ามาดูเสียงอ้อแอ้ไม่บอกก็รู้ว่าเมามาย“ดูนี่ ดูไว้ ของขวัญขอบคุณสำหรับองค์ชายสามจากเจ้าคนเลี้ยงม้าผู้แสนกตัญญู” กล่าวชื่นชมตัวเองหน้าด้านๆอิ๋นถีที่มองอยู่ตลอดก็หัวเราะเบาๆ“เจ้านี่จะว่าไปก็มีอารมณ์ขันใครกันจะยอมรับน้ำใจจากคนเลี้ยงม้าแล้วถือว่าเป็นบุญคุณ”“หา ข้ารื้อฟื้นแทบตายกว่าจะไขคำตอบได้” ลำพังองค์ชายสามผู้นั้นที่ไม่รู้ว่าใช้เวลากี่เดือนกี่วันจึงเห็นกระดาษถูกทิ้งบนพื้นห้องเกลื่อนกลาด“อืมมมเห็นจะจริง จะเอาไปให้พี่สามเลยหรือไม่”“ไม่ ข้าต้องถามเขาสักนิด ว่ามันสำคัญหรือไม่”“ข้าเคยได้ยินว่าเสด็จพ่อมอบหมายบางอย่างให้พี่สามไขความกระจ่างแต่
องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งพูดไปยิ้มไปราวกับเย้ยหยัน“จะจะเจ้าไม่ได้ถูกจับตัวมาหรอกหรือ”“เปล่า ข้าจะพูดอย่างไรดีจะว่าใช่ก็ว่าไม่ เอาเถอะเป็นอันว่าองค์ชายสี่หวังดีกับข้ากลัวว่าข้าจะติดโรคระบาดทางเหนือ” ต้ากงเหวินร่ายยาว“เจ้าอ่อนหัด พี่สี่ตั้งใจรวบหัวรวบหางเจ้าไว้ข้างเขาเพื่ออำนาจบัญชาการสามกองธงขาว” องค์ชายเก้าอิ๋นถังพูดทะลุกลางปล้ององค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งกัดฟันเป็นสันนูน ทะยานเข้าใส่องค์ชายเก้าอิ๋นถังซัดฝ่ามือเข้าใส่ ดึงตัวชิงหยุนเนียออกมา“องครักษ์จับตัวองค์ชายเก้าอิ๋นถัง อย่าให้หนีไปได้” องค์ชายสี่อิ๋นเอ่อประคองชิงหยุนเนียไว้“ข้ายอมตาย” องค์ชายเก้าอิ๋นถังลุกขึ้นยืนในท่าเตรียมพร้อมไม่หวั่นเกรง“พี่เก้าหนีไป” องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อ ถลาเข้ามาขวางหน้าองค์ชายเก้าอิ๋นถังไว้เมื่อเห็นว่าองครักษ์ที่บัดนี้มากมายในการนำของหลงเค่อตั๋วตามมาเมื่อได้ข่าวว่าชิงหยุนเนียถูกจับตัว ต่างมีอาวุธครบครันในมือหมายชีวิต“น้องสี่ทำเกินไปแล้ว ปล่อยเจ้าเก้าไปเสีย” องค์ชายสามอิ๋นจื่อพูดขึ้นดังๆ“พี่สาม ข้าขออภัยที่ไม่อาจทำตามที่พี่สามต้องการได้ เขาหยามเกียรติข้าเพียงนี้หลบหนีออกจากคุกหลวงจับตัวเก๋อเก๋อข้าเป็นตัวประกัน
“น้องสิบสามเป็นอย่างไรบ้าง เขาสบายดีไหม”ต้ากงเหวินก้มหน้าหลบตา“เขาเป็นอย่างไรบอกข้ามา”เท่าที่จำได้ก็มีแค่นั้น แล้วจะเอาตรงไหนมาบอกองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งว่าเป็นอย่างไร“คนของท่านก็รีบจับข้ามานี่ ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นอย่างไร”“เขาเศร้าโศกหรือไม่เขาเสียใจหรือไม่ ข้าไม่ได้อยากรู้เรื่องอาการป่วยของเขาคนของข้ารักษาเขาจนหายดีแล้ว ที่ข้าอยากรู้ก็คือเขาก็อยู่ตรงนั้น เขาโศกเศร้าเพียงใดมีความสุขเพียงใด”ต้ากงเหวินยิ้มเจื่อนๆ“ครั้งสุดท้ายที่พบกันที่จำได้เขาก็มีความสุขดีนะ”ครั้งสุดท้ายที่อยู่ด้วยกันเขากับองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกือบจะเกินเลย ดีที่อีกฝ่ายป่วยไข้ไปเสียก่อน“สบายดีหรือเจ้าสิบสามชอบแอบร้องไห้ เขาไม่เคยมีน้ำตาให้ใครเห็นแต่มักจะไปแอบร้องไห้เสมอ”“คงร้องตายแหละ” พึมพำเบาๆ“จะว่ายังไงนะ”“เปล่าาา เปลี่ยนเรื่องๆ”“เขาสบายดีข้าก็สบายใจ”แหม่ อีกคนเป็นห่วงแทบตาย ไอ้คนทางโน้นชีกอยังกะอะไร“ม่ะ เจ้ามีเรื่องอะไรพูดมา”“ข้าอยากจะขอร้องอยู่ที่นี่แสนสบาย เขาเรียกตำหนักอะไรนะ”“ตำหนักเคียงฟ้า เป็นตำหนักพักร้อนของข้า” องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งพูดด้วยเสียงอ่อนโยน“ดีเลย ข้าขอยืม
“กงกง ถึงเวลานั้นค่อยเอาออกมา”ขันทีชราทรุดกายลงกับพื้นหยาดน้ำตาไหลริน รับใช้ใกล้ชิดมาหลายปีผูกพันยิ่งกว่าพ่อแม่“ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่อาจตัดใจเมื่อถึงเวลานั้น ฝ่าบาทจะต้องมีพระชนมายุยืนยาวหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างที่ไม่อาจห้าม“กงกงอย่าเสียใจไปเลย ข้าเขียนพินัยกรรมไว้หาใช่ว่าข้าจะรีบตายเสียหน่อย แค่เขียนไว้ให้รู้ว่าข้าควรจะมอบของสำคัญที่สุดของราชวงศ์ชิงให้กับผู้ใด”ขันทีชราถอนหายใจ“ฝ่าบาท ข้าน้อยรู้ดีข้อนี้จะเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นความลับ แม้จะเคยเห็นข้อความในพินัยกรรมแล้วก็ตาม องค์ชายทั้งหมดจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้จนกว่าจะถึงเวลา”“ขอบใจท่านกงกง บางทีข้าก็ไม่อาจตัดสิน อิ๋นสือเพียบพร้อมเหมาะสมรักพวกพ้อง มิได้ห่วงใยประชาชน สิ่งที่เขาทำล้วนเพื่อตัวเขาเองและพวกพ้องรอบข้าง อิ๋นเสียงบางทีข้าคิดว่าควรจะเป็นเขาแต่เมื่อเห็นเขาที่ออกรับแทนอิ๋นเจิ้งทำให้รู้สึกว่าองค์ชายสิบสามผู้นี้ช่างอ่อนแอ หากข้ามอบบัลลังก์ให้เขาสักวันเขาก็จะต้องมอบมันให้กับอิ๋นเจิ้ง” ส่ายหน้าไปมาด้วยความหนักใจ“ฝ่าบาทแล้วองค์ชายสามเล่า”ถามเพราะเห็นว่าคังซีมักจะพูดถึงองค์ชายสามบ่อยๆ“เจ้าสามน่ะหรือ ทรงคุณธรรมรอบรู
องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งยืนเหม่อมององค์ชายสามที่เดินแทบไม่ไหวต้องให้เฉิงหยิงพยุงออกจากตำหนักฮ่องเต้“องค์ชาย เรื่องราวปวดใจเก็บไว้ข้างหลัง ต่อแต่นี้ควรก้าวไปข้างหน้า เมื่อจะทำการใหญ่ควรสละสิ้นทุกสิ่ง”“แล้วเจ้าเล่า พร้อมที่จะตัดขาดกับข้าหรือไม่”ชิงหยุนเนียยิ้ม“ถ้าเป็นบัญชาองค์ชายมีหรือข้าจะกล้าขัด”อิ๋นเจิ้งทำสีหน้าเรียบเฉย“ไม่มีเจ้าแล้วใครจะขัดคอข้า”“ท่านไม่ใช่คนที่ต้องการใครก็ได้คอยอยู่เคียงข้างหรอกหรือ”“เจ้าพูดแบบนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าบอกว่าเจ้าสำคัญหรอกหรือ”ชิงหยุนเนียเงยหน้าสบตายิ้มหวานหยด“ไม่จำเป็น ทางเดียวที่จะให้ข้าไปจากท่านได้ ก็คือการฆ่าข้าให้ตายซ่ะ”“นี่เจ้าคิดจะหาผลประโยชน์กับข้าจนถึงกับไม่ยอมไปจากข้าเลยหรือ”ชิงหยุนเนียหันหลังก้าวเดินจากไป องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งทอดถอนหายใจ มีใครบ้างที่รักและจริงใจกับเขานอกเสียจากองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียง นางเล่าเคยรักเขาบ้างไหม คำรักสักคำไม่เคยเอ่ยออกจากปากนาง เขาแอบดีใจสายตาห่วงใยของนางแต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่ รอจนกว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้ยินคำนั้นแม้เขามีฐานะฮ่องเต้ยังไม่แน่ว่าจะใช้อำนาจบังคับให้นางพูดสิ่งที่ฝืนใจนาง ผู้คนรอบข้างล้วนยินดีที่จะเสแสร
ตำหนักเดียวดายองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ลุกขึ้นจากแท่นนอนไม้ไผ่“ต้ากงเหวิน เจ้าอยู่ไหนเนี้ย”เงียบไร้สรรพเสียงใดๆ เดินออกจากห้องไปยังห้องนอนของต้ากงเหวินที่รกร้างว่างเปล่าราวกับไม่มีคนใช้งานมานาน“ไปไหนของเขากัน”ทรุดกายลงบนแท่นนอนยกมือขึ้นลูบไปบนผ้าปูเบาๆ“เจ้าไปไหนต้ากงเหวิน”สายตาเหลือบไปเห็นมองสีขาวของกระดาษใต้หมอน ถือวิสาสะดึงกระดาษออกมาคลี่แผ่นกระดาษที่พับไว้ ไล่สายตาไปบนตัวอักษรข้าไม่ได้อยู่กับท่านแล้วคงเหงาไม่น้อยหากเหงาก็คิดเสียว่าข้าอยู่ที่นี่อย่าแอบร้องไห้นะสัญญาว่าหากไม่ตายเสียก่อนข้าจะกลับมาพบท่านแน่การลาจากไม่ใช่การลาก่อนสักวันเราจะพบกันใหม่ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะห่มผ้าหนาๆ ด้วยนะข้าเป็นห่วงอย่าให้รู้ว่าปล่อยให้ตัวเองหนาวหากไม่อยากห่มผ้าให้คิดถึงใบหน้าของข้าไว้ห่วงใยที่สุด…เก๊ามู่เฉิน…คิ้วคมขมวดเข้าหากัน“ไปแล้วจริงๆ หรือ นี่เจ้าไม่ลากันจริงๆ หรือ”เสียงกุกกักด้านนอก อิ๋นเสียงผุดลุกขึ้นจากแท่นนอนด้วยความดีใจคิดว่าเป็นต้ากงเหวิน“อ๊ะ พี่สิบสามท่านสบายดีไหม”องค์ชายสิบสี่อิ๋นถีที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้ากระท่อม“เจ้าสิบสี่
“ปล่อยข้านะ พวกเจ้าเป็นใครบังอาจมาจับข้า ข้าองค์ชายเก้าอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นถัง และนั้นก็คือเสด็จพ่อข้าทำไมข้าเข้าไปไม่ได้ พวกเจ้าเป็นใครข้าไม่เคยเห็นหน้าพวกเจ้ามาก่อน”องค์ชายเก้าอิ๋นถังโวยวายเสียงดังลั่น องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อยืนกล้าๆ กล้วๆ“จริงด้วย พวกเจ้ามาขวางเราไว้ทำไม พวกเราเป็นองค์ชายนะ”หลงเค๋อตั๋วก้าวมาข้างหน้าช้าๆ“องค์ชายกระทำการบุ่มบ่ามถือว่าบุกรุก ฝ่าบาททรงประชวรอยู่ด้านใน ส่งเสียงดังรบกวนเวลาพักผ่อนมีโทษถึงประหาร”องค์ชายเก้าอิ๋นถังเบิกตากว้าง องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อถอยหลังไปหนึ่งก้าว“หลงเค๋อตั๋ว ใครให้ท่านมายุ่งเรื่องนี้ นี่เป็นการอารักขาของฝ่ายในหัวหน้าองครักษ์คนเดิมไปไหนเสีย ถึงให้กองธงขลิบเหลืองของแมนจูเข้ามายุ่มย่าม” อิ๋นถังยังไม่ยอมอ่อนข้อให้“องค์ชายการบัญชาการรักษาความปลอดภัยในวังหลวงตอนนี้เป็นหน้าที่ของข้าทั้งหมด องค์ชายควรจะรู้ไว้เพื่อที่จะได้วางตัวให้ถูกต้องกว่านี้”“เสด็จพ่อทรงพระประชวรออกว่าราชการไม่ได้ ใครกันแต่งตั้งท่านอย่าสำคัญตัวเองผิด”อิ๋นถังตวาดดังลั่นพร้อมกับเย้อยิ้มหยัน องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งก้าวออกมาจากตำหนัก“ปล่อยพวกเขาไป”องครักษ์สองคนที่หิ้วปีกองค์ชายเ
จวนองค์ชายสามอิ๋นจื่อ“โป๊ก โป๊ก โป๊ก”“องค์ชายเพคะ พระชายาให้ยกเครื่องเสวยที่นี่”“วางไว้”สาวใช้เหลือบตามองถาดอาหารของมื้อกลางวัน ถาดอาหารคาวหวานยังคงอยู่ในสภาพเดิมไร้การแตะต้อง วางถาดอาหารใหม่ไว้ยกถาดอาหารเก่าออกไป ส่ายหน้าไปมาองค์ชายสามอิ๋นจื่อยกมือที่มีแต่รอยแตกเลือดไหลซึม กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น หันกลับไปที่ผนังห้องปาค้อนลงกับพื้น ทรุดกายคุกเข่าตรงหน้าไทม์แมชชีน“ข้าอับจนหนทางแล้วทำอย่างไรเจ้าจึงจะกลับมา ซ่อมของสิ่งนี้ได้ก็ใช่ว่าจะหาเจ้าเจอ”ปล่อยหยาดน้ำตาร่วงลงกับพื้นไม่ยอมปาดป้าย“กลับมาได้แล้วต้ากงเหวิน เจ้าหายไปนานแล้วนะ ข้าจะทนคิดถึงเจ้าไม่ไหวแล้วนะ”ประตูห้องเปิดออกช้าๆ องค์ชายสามอิ๋นจื่อหันขวับแต่กลับเป็นร่างบ้างอ้อนแอ้นของเฉิงหยิง“องค์ชายหากจะไม่กินไม่นอนแบบนี้ ท่านหย่ากับข้าไปเสีย”องค์ชายสามอิ๋นจื่อก้มหน้าปล่อยหยาดน้ำตาร่วงสู่พื้นเหมือนไม่ได้ยินที่เฉิงหยิงพูด“องค์ชายดูสารรูปท่านสิ ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ท่านเป็นสามีข้าเป็นภรรยาในเมื่อสามีทุกข์ตรมภรรยาหรือจะยังยิ้มอยู่ได้ ได้ยินที่ข้าพูดไหม ท่านกินอะไรเสียหน่อยอย่าทำแบบนี้ ข้ายินดีตายหากท่านพี่ต้ากงเหวินจะกลับมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ลูกจะทำตามพระประสงค์ให้ดีที่สุด”อิ๋นถีประสานมือจากไปคังซีใช้มือกวาดกระดานหมากกระจายเกลื่อนพื้น“ฝ่าบาทถนอมพระวรกายด้วย” ขันทีรีบเข้ามาประคอง“ลูกที่รักไม่ได้ดั่งใจ กงกงคิดว่าข้าควรจะมีความสุขได้อีกหรือ ในตอนนี้ทำได้เพียงประคับประคองความสัมพันธ์พ่อลูกไม่ให้ร้าวฉานไปมากกว่าเดิม หวังว่าข้าจะไม่ต้องเจ็บปวดมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้”ส่งเสียงสะอื้นเบาๆ ยกมือขึ้นกุมหน้าอก“โอ๊ะ โอ๊ะ โอ้ยยยยยย”ทิ้งตัวลงกับพื้นขันทีไม่อาจแบกรับร่างที่หนักอึ้งล้มลงไปพร้อมกัน“ตามหมอหลวง! ใครก็ได้ตามหมอหลวงงงงงง”คังซีหน้าซีดเผือด สติหลุดลอยไปในทันทีองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งสาวเท้าเร็วรี่ยังห้องหนังสือ“หัวหน้าองค์เสื้อแพรรับบัญชาข้า ห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เสด็จพ่อประชวร เพิ่มกำลังอารักขาตำหนักส่วนกลางไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านเข้าออกยกเว้นจะมีคำสั่งจากข้า”“หลงเค๋อตั๋วรับบัญชาองค์ชายสี่” ก้มหน้าซ่อนยิ้มตำหนักเดียวดายหิมะขาวโพลน องค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงหย่อนเบ็ดลงไปในช่องที่เจาะเป็นวงกลม ต้ากงเหวินกระตุกเบ็ดแรงๆ ปลาตัวใหญ่ติดเบ็ดขึ้นมาดิ้นรนเอาชีวิตรอดก่อนที่ตกลงบนพื้นหิมะขาว“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้ป
“มีหลักฐานใดกันว่าข้าเป็นคนทำ ข้าวันๆ เอาแต่นั่งร่างพระไตรปิฎกแล้วยังถูกกักบริเวณ”“คนส่งสุราทั้งสองพบเป็นศพนอกเขตวังหลวง ข้าจำได้ว่าเคยเห็นเขาอยู่กับท่าน” อิ๋นถังพูดขึ้นทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจ“เป็นเจ้าแปดฆ่าพวกนั้นเพื่อปิดปากไม่ได้หรือ ทำไมต้องเป็นข้า ข้าก็มีหลักฐาน พบถุงทองในอดีตคนของข้าที่ตายไป ในนั้นมีเหรียญทองสลักชื่อเจ้าแปดชัดเจน นี่ก็เป็นหลักฐานที่ข้าควรจะมอบให้เสด็จพ่อเพียงแต่ข้าถูกกักบริเวญ ยังไม่ทันได้มอบให้เสด็จพ่อ”อิ๋นถีกัดฟันแน่น“พี่สี่ จะมากไปแล้วนะ นอกจากไม่สำนึกผิดแล้ว ท่านยังก่อเรื่องซ้ำๆ ไม่เลิกจะเอากันถึงตายเลยหรือไร หากท่านมอบหลักฐานชิ้นนี้ให้เสด็จพ่อ ฆ่าคนโทษถึงตาย พี่แปดกำลังตกอับถูกเสด็จพ่อเข้าใจผิด พี่แปดจะต้องถูกประหาร”อิ๋นเจิ้งกัดฟันจนเป็นสันนูน“แล้วเจ้าสิบสามล่ะ! พวกเจ้ามีอะไรมาชดใช้ให้เขา เขาต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวทนลำบากเหน็บหนาวเดียวดายห่างไกลนับพันลี้ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยได้ใช้ชีวิตสุขสบายเพราะขาดแม่ตั้งแต่ยังเล็ก แต่พวกเจ้ากับเจ้าแปดกลับรวมหัวกันกลั่นแกล้งเขาใส่ร้ายข้า จนเขาต้องรับบาปเคราะห์ที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น”“พี่สี่ ไม่ใช่ข้านะ ข้าไม่รู้เรื่องเลย ท่านอ