จวนองค์ชายแปดอิ๋นสือ“พี่แปด ท่านพลาดแล้ว” อิ๋นถังกระดกสุราในมือลงคอ“น้องเก้า เรื่องนี้เราต้องดูกันไปยาวๆ ข้าจงใจเดินไปตามแผนของพี่สี่เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่พี่สี่แล้ว เขาก็จะหมดหนทางปฏิเสธว่าตัวเองไม่ต้องการแย่งชิงบัลลังก์ เสด็จพ่อในตอนนี้มองพี่สี่เป็นเพียงองค์ชายที่รักสันโดษ มีชีวิตกับครอบครัวมีชายาที่ดีมีลูกที่น่ารักไปวันๆ พี่สี่ลงทุนขนาดนี้ เจ้าเก้าเจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะมองไม่ออกหรือไร แม้แต่เรายังมองเกมออกเสด็จพ่อเองที่ไม่พูดไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพียงแค่จะดูว่าพี่สี่จะทำอย่างไรต่อไป บางทีเรื่องของหงลี่เราก็ควรจะปล่อยๆ ไปบ้าง น้ำเชี่ยวอย่าพึ่งขวางเรือ”“แต่ครั้งนี้เป็นพี่สี่ที่ได้ทุกอย่างไป แม้แต่เก๋อเก๋อของพี่สี่เราก็ยังคงต้องมองนางเสียใหม่ ไม่แน่ว่าจะเป็นแผนการของพี่สี่” องค์ชายเก้าผู้ไม่อุปนิสัยไม่ต่างกับองค์ชายสี่ที่มองทุกอย่างในด้านที่แสนจะมืดบอด“ไม่ต้องสงสัย หากข้าจะพลาดก็พลาดตรงที่ยอมไปจวนของพี่สี่ทำให้สายตาเสด็จพ่อมองว่าพี่สี่เป็นที่รักใคร่ของพี่น้อง มีพี่น้องดีมีชายาดีมีลูกที่ดี”องค์ชายเก้าอิ๋นถังถอนหายใจ“แผนการครั้งนี้ นับว่าแยบยลไม่น้อยข้าล่ะอิจฉาพี่สามกับเก๊
ใบหน้ามีแววกังวลสงสัย“ท่านจำได้ไหมที่ข้าถามเรื่องไทม์แมชชีน มันคือสิ่งนั้นนั่นแหละ ไทม์ในภาษาอังกฤษคือเวลาแมชชีนคือเครื่อง พูดง่ายๆ คือเครื่องย้อนเวลาท่านได้ยินไหม ย้อน! เวลา! ท่านจะควบคุมเวลาได้ อดีต อนาคต เวลาไหนนานขนาดไหนก็ได้จะเดินทางข้ามเวลาย้อนเวลาไปตรงไหนก็ได้” น้ำเสียงราวกับผู้นำการประท้วงที่กำลังปลุกระดมมวลชน“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันทำแบบนั้นไดจริงๆ” อีกคนกลับทำสีหน้าไม่เชื่อถือเก๊ามู่เฉินชี้มือไปที่คำว่าไทม์แมชชีนและชี้มือเข้าหาตัว“คำว่าไทม์แมชชีนเป็นภาษาไทย ภาษาของข้าที่องค์ชายไม่เข้าใจ แต่ข้าไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับการที่ข้าต้องมาที่นี่ ที่พอจะเชื่อมโยงได้คือซีรีส์เรื่องปู้ปู้จิงชินเป็นซีรีส์เรื่องโปรดและข้าค้นคว้าประวัติศาสตร์ของต้าชิง บางที่นี่อาจเป็นโชคชะตา หรือที่ข้ามาที่นี่อาจเพื่อมาซ่อมสิ่งนี้ให้กับองค์ชายได้ใช้ในการเขียนตำรา หากเราสามารถซ่อมมันได้นะ” ลงท้ายด้วยความไม่แน่ใจ“เช่นนั้นลงมือกันเลยข้าอยากจะรู้แล้วว่ามันจะทำอย่างที่เจ้าว่าได้จริงไหม ว่าแต่มันเสียตรงไหนก่อน”องค์ชายสามอิ๋นจื่อกระโดดขึ้นเหยียบแผ่นกระดานสี่แผ่นอย่างสงสัย“ข้าคิดว่าถึงมันจะมีกลไก
เก๊ามู่เฉินถอนหายใจ“งั้นเรามาลงมือกันเถอะ”จวนองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งอิ๋นเจิ้งหมุนปิ่นในมืออมยิ้มดวงตาเป็นประกายก่อนหน้านั้น“น้องสี่ ซงมิงต้าจื่อ (ผู้ฉลาดรอบรู้ที่อยู่กับองค์ชายสาม) เขามีของจะมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณที่ท่านชวนมาดื่มน้ำชา”องค์ชายทั้งหกแสดงความสงสัยใคร่รู้ว่าเก๊ามู่เฉินจะมอบอะไรให้องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้ง“เงินทองข้าไม่รับ อาภรณ์ข้าก็ไม่รับเพราะมีมากมายแล้ว ความจริงไม่จำเป็นแต่หากว่าเจ้าเต็มใจข้าก็ไม่อาจขัด”“หลับตาลงก่อนไว้ให้ข้าบอกให้ลืมตาค่อยลืมตาได้”อิ๋นเจิ้งหลับตาลงช้าๆ เก๊ามู่เฉินเดินเข้ามาใกล้ดึงปิ่นออกมา องค์ชายทั้งหกต่างอมยิ้มบางกลั้นหัวเราะ องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อพูดพลางหัวเราะ“พี่สี่ ท่านช่างโชคดีจริงๆ”“น้องสี่ของที่เจ้าได้ต้องถูกใจเจ้าแน่”องค์ชายแปดอิ๋นสือพูดพร้อมรอยยิ้ม องค์ชายสิบสี่อิ๋นถีและองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงหัวเราะคิกคัก“ลืมตาได้”“เจ้าจะบ้าหรอ นี่เจ้าจะมอบปิ่นให้ข้าหรือไร”“ปิ่นแล้วไง”“ปิ่นเขามอบให้สำหรับคนรักกัน”เก๊ามู่เฉินทำหน้าเหวอหันไปทางองค์ชายสามอิ๋นจื่อ“ท่านทำไมไม่บอกข้า ว่าของสิ่งนี้มอบให้องค์ชายสี่ไม่ได้”“เจ้าจะไปหวังพึ่งพี่สามไม่ได้หรอก เพราะพ
จวนองค์ชายสามอิ๋นจื่อถูกประดับประดาไปด้วยโครมสีแดง ริ้วผ้าสีแดง ดอกไม้สีแดง ด้านในสุดของจวนเก๊ามู่เฉินสาระวนอยู่กับการซ่อมไทม์แมชชีนของเขา“คนไทยที่ไหนมาทำไว้ว่ะ แหม่สลักภาษาไทยไว้ด้วย ทำอย่างกับรู้ว่ากูจะมาเจอสงสัยต้องเป็นไอ้บ้าที่ไหนสักคน เอาว่ะ ยอมเชื่อคนบ้า องค์ชายสามก็แต่งงานไปแล้วต่อไปคงจะอยู่ยากแล้วแหละ เก๊ามู่เฉินเอ๊ย เก๊ามู่เฉิน แล้วใครจะมาช่วยกูซ่อมว่ะเนี้ย มัวแต่ข้าวใหม่ปลามันเขาก็คงไม่สนใจมึงหรอกเก๊ามู่เฉินว่าจะอยู่หรือไป ฮื่อฮื่อฮื่ออออออ”วางค้อนตอกตะปูก้าวออกไปนอกห้อง ปาดน้ำตาปรอยๆ ทรุดกายนั่งลงบนม้าหินก้มหน้ามองมือตัวเองที่มีแต่รอยค้อน“อะไรพวกนี้ก็ไม่เคยทำ อีกคนหนึ่งก็มัวแต่เข้าหอจะรู้ไหมว่าอีกคนลำบากขนาดไหน ฮื่อออออ”ด้านบนคาคบไม้องค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงยืนกอดกระบี่อดสะท้อนใจกับคำพูดของเก๊ามู่เฉินไม่ได้ รำพึงรำพันกับตัวเองทั้งๆ ที่อีกคนไม่มีทางจะได้ยิน“ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร”“เก๊ามู่เฉินนนนนนนนน!”องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อยกมือขึ้นฟาดหลังเก๊ามู่เฉินอย่างแรงจนเซถลา“ข้ากับพี่เก้าและน้องสิบสี่หอบสุรามงคลมาด้วย เจ้าจะมัวนั่งเศร้าไปทำไม”“แค่กๆ”องค์ชายสิบสามที่อยู่ด้านบนพึมพำ
องค์ชายสิบสามที่อยู่บนคาคบไม้ขมวดคิ้วเข้าหากัน องค์ชายเก้าปล่อยมือที่รั้งร่างบางไว้“ข้าขอโทษ ข้าผิดเอง”องค์ชายเก้าอิ๋นถังหันหลังก้าวเดินโซเซจากไปเก๊ามู่เฉินถอนหายใจทรุดกายลงบนแท่นหิน ยกมือเขย่าองค์ชายสิบกับองค์ชายสิบสี่แต่ทั้งสองคนกลับหลับสนิท“แล้วทีนี้ข้าต้องแบกพวกเจ้าเข้าไปในห้องใช่ไหม หนาวก็หนาวหากปล่อยทิ้งไว้ได้แข็งตายกันพอดี”เก๊ามู่เฉินแบกองค์ชายสิบสี่เข้าไปในห้องหอบแฮ่กๆ พอกลับออกมาตั้งใจจะกลับมาแบกองค์ชายสิบ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า“เฮ้ย?!”องค์ชายสิบสามทิ้งร่างไร้สติขององค์ชายสิบ“องค์ชายสิบสามท่านมาได้ยังไงเนี้ย ข้าตกใจหมดเลย”“พอดีข้าผ่านมา”องค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงขยับตัวเข้าหาเก๊ามู่เฉินยกมือขึ้นจับปอยผมแต่เก๊ามู่เฉินกลับถอยห่าง“ขอให้รู้ว่ายังมีข้า องค์ชายสิบสาม ถ้าหากไม่อยากอยู่ที่นี้คับแค้นแน่นใจหรืออยากจะหนีไป แค่เพียงบอกข้า”เก๊ามู่เฉินยิ้มกว้าง“ตกลง ข้าจะนึกถึงท่านเป็นคนแรกเลย”อิ๋นเสียงเผยรอยยิ้มสดใสที่เก๊ามู่เฉินพึ่งจะเคยเห็นตั้งแต่มาที่นี่จวนองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งที่นั่งอ่านฎีกาสำคัญเหลือบตามององค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงที่เดินไปเดินมาท่าทีครุ
เช้าสดใส เก๊ามู่เฉินเปิดปากหาวองค์ชายทั้งสองอิ๋นเอ่อร์และอิ๋นถียังคงนอนขดตัวด้านล่างรีบลุกขึ้นจากแท่นนอนปล่อยพวกเขาหลับใหลไปจะดีกว่าองค์ชายที่ไหนก็คงเหมือนกันไม่จำเป็นต้องแหกตาตื่นมาแต่เช้าทำเรื่องอะไรที่คนธรรมดาควรทำ พวกเขาคงมีชีวิตสุขสบายกว่าคนอื่น เปิดประตูห้องออกไปเห็นเพียงแผ่นหลังไหวๆ ของใครบางคนองค์ชายสามอิ๋นจื่อมาทำอะไรแต่เช้าตั้งใจจะสาวเท้าตามไปแต่คงตามไม่ทันเพราะอีกคนเร่งฝีเท้าเพื่อจะหนี ข้างหน้านั้นองค์ชายอิ๋นเสียงยืนถือไก่ย่างหอมกรุ่นในมือ“อะอะองค์ชายสิบสาม” ใบหน้าที่เหมือนจะเรียบเฉยและไม่แยแสใครเหมือนจะถอดแบบออกมาจากพี่สี่ของเขายิ้มสดใส“ข้าผ่านห้องเครื่อง ได้กลิ่นเขาย่างไก่หอมฉุยเลยตั้งใจว่าจะถือกลับไปที่จวนองค์ชายสิบสามทางท้ายวังแต่เมื่อพบคนที่กำลังหิวโซเช่นเก๊ามู่เฉินก็ควรจะใจดีแบ่งปันใช่ไหม” ยื่นไก่ตรงหน้าเก๊ามู่เฉินที่กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่รับเอาไก่ด้วยความเต็มใจ“ท่านเอ่อ องค์ชายรู้ได้อย่างไรว่าเก๊ามู่เฉินกำลังหิว”“ข้าขึ้นชื่อว่าเดาใจคนเก่งที่สุดในบรรดาพี่น้องมองตาก็รู้ว่าเก๊ามู่เฉินเร่งฝีเท้าเพียงนี้คงกำลังไปหาอะไรรองท้อง และข้าก็ดื่มเป็นประจำจึงรู้ว่าคนเมามักจะหิ
เฉิงหยิงยกมือขึ้นอังที่หน้าผากของเก๊ามู่เฉิน“ท่านไม่ต้องกลัว ท่านลุงกับท่านพ่อไม่กดดันท่านอีกต่อไปแล้วไม่แต่งก็ไม่มีใครว่า เพียงแค่กลับไปเป็นผู้นำสามกองธงขาวอย่างเดิมก็พอแล้ว ข้าจะส่งข่าวให้ท่านลุงนำองครักษ์มารับตัวท่านที่นี่คุ้มกันท่านกลับตงโก ท่านลุงจะต้องดีใจที่เราพบท่าน”เก๊ามู่เฉินยิ้มแหย๋ๆ“ขะขะข้า”จบกันการกลับบ้านที่ตั้งหน้าตั้งตามาทั้งหมดพังทลายลงไปแน่แล้วในเมื่อชัดเจนแล้วว่าเก๊ามู่เฉินมีตัวตนในที่แห่งนี้“อย่าลืมว่าท่านคือองค์ชายคนเดียวของเผ่าตงโกของเรา” เก๊ามู่เฉินอ้าปากค้างซวยล่ะ“เฉิงหยิงดีใจที่ได้พบท่าน ท่านพี่กงเหวิน”ย่อกายลงงดงามบ่งบอกฐานะของต้ากงเหวินชัดเจนว่ายิ่งใหญ่เพียงใดเก๊ามู่เฉินถอนหายใจยาวท้องพระโรงองค์ชายทั้งหมดยืนสองข้างทางเดินทอดยาวสู่บัลลังก์ คังซีฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งต้าชิงประทับบนบัลลังก์ด้วยอาภรณ์สีทองสว่างปักลวดลายมังกรงดงามราวกับเง็กเซียนอ่องเต้ก็ไม่ปาน องค์ชายทั้งหมดก้มหน้าปล่อยให้องค์ชายรองอิ๋นเหริงเดินสะเปะสะปะด้วยความเมามาย ในมือมีสุราดอกท้อของต้องห้ามที่มีไว้สำหรับฮ่องเต้เท่านั้น เก๊ามู่เฉินที่อยู่ท้ายแถวของขุนนางพยายามชะเงอคอมอง“ฮ่าาาา เ
“ฝ่าบาทความจริงแล้วองค์ชายรองก็แค่เอาแต่ใจไปหน่อย” ขันทีข้างกายพูดขึ้นดังๆองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งก้าวมาตรงหน้า“เสด็จพ่อลูกบังอาจพูด พี่รองนั้นเป็นเสด็จพ่อที่ฟูมฟักมาตลอดพี่รองจึงคิดว่าเสด็จพ่อเป็นเพียงคนเดียวจะแบกรับสิ่งที่พี่รองเป็น การที่เสด็จพ่อทรงไม่สั่งลงทัณฑ์แต่ปลดออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทก็ถือว่าเป็นการลงโทษพี่รองอย่าที่สุดแล้ว ในใจเสด็จพ่อเองอิ๋นเจิ้งรู้ดีว่าเจ็บปวดไม่น้อย”ใครกันช่างฉวยโอกาสได้แนบเนียน หากเป็นองค์ชายแปดเก๊ามู่เฉินจะไม่สงสัยแต่นี่เป็นพี่สี่ที่แทบจะไม่เคยปลอบใครแต่กลับใช้คำพูดปลอบโยนคังซีให้ไม่รู้สึกผิด“เสด็จพ่อ ลูกอาสาพูดกับพี่รองเรื่องนี้แทนเสด็จพ่อที่ต้องตรากตรำงานในราชสำนัก” องค์ชายแปดอิ๋นสือก้าวมาตรงหน้า“ไม่ต้อง ข้าเป็นคนเลี้ยงอิ๋นเหริงมาด้วยตัวเองจะต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองหากเขาไม่สำนึกผิดนั้นก็ต้องเป็นข้าที่ลงโทษเขาเอง สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำในตอนนี้คือนำเอาเหตุการณ์ในวันนี้ไปเป็นบทเรียนไม่ทำให้ข้าขุ่นเคืองอีก จะต้องมีใครสักคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งองค์รัชทายาทมากกว่าอิ๋นเหริง”“น้อมบัญชาเสด็จพ่อ” องค์ชายทั้งหมดประสานมือตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งพูดไปยิ้มไปราวกับเย้ยหยัน“จะจะเจ้าไม่ได้ถูกจับตัวมาหรอกหรือ”“เปล่า ข้าจะพูดอย่างไรดีจะว่าใช่ก็ว่าไม่ เอาเถอะเป็นอันว่าองค์ชายสี่หวังดีกับข้ากลัวว่าข้าจะติดโรคระบาดทางเหนือ” ต้ากงเหวินร่ายยาว“เจ้าอ่อนหัด พี่สี่ตั้งใจรวบหัวรวบหางเจ้าไว้ข้างเขาเพื่ออำนาจบัญชาการสามกองธงขาว” องค์ชายเก้าอิ๋นถังพูดทะลุกลางปล้ององค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งกัดฟันเป็นสันนูน ทะยานเข้าใส่องค์ชายเก้าอิ๋นถังซัดฝ่ามือเข้าใส่ ดึงตัวชิงหยุนเนียออกมา“องครักษ์จับตัวองค์ชายเก้าอิ๋นถัง อย่าให้หนีไปได้” องค์ชายสี่อิ๋นเอ่อประคองชิงหยุนเนียไว้“ข้ายอมตาย” องค์ชายเก้าอิ๋นถังลุกขึ้นยืนในท่าเตรียมพร้อมไม่หวั่นเกรง“พี่เก้าหนีไป” องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อ ถลาเข้ามาขวางหน้าองค์ชายเก้าอิ๋นถังไว้เมื่อเห็นว่าองครักษ์ที่บัดนี้มากมายในการนำของหลงเค่อตั๋วตามมาเมื่อได้ข่าวว่าชิงหยุนเนียถูกจับตัว ต่างมีอาวุธครบครันในมือหมายชีวิต“น้องสี่ทำเกินไปแล้ว ปล่อยเจ้าเก้าไปเสีย” องค์ชายสามอิ๋นจื่อพูดขึ้นดังๆ“พี่สาม ข้าขออภัยที่ไม่อาจทำตามที่พี่สามต้องการได้ เขาหยามเกียรติข้าเพียงนี้หลบหนีออกจากคุกหลวงจับตัวเก๋อเก๋อข้าเป็นตัวประกัน
“น้องสิบสามเป็นอย่างไรบ้าง เขาสบายดีไหม”ต้ากงเหวินก้มหน้าหลบตา“เขาเป็นอย่างไรบอกข้ามา”เท่าที่จำได้ก็มีแค่นั้น แล้วจะเอาตรงไหนมาบอกองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งว่าเป็นอย่างไร“คนของท่านก็รีบจับข้ามานี่ ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นอย่างไร”“เขาเศร้าโศกหรือไม่เขาเสียใจหรือไม่ ข้าไม่ได้อยากรู้เรื่องอาการป่วยของเขาคนของข้ารักษาเขาจนหายดีแล้ว ที่ข้าอยากรู้ก็คือเขาก็อยู่ตรงนั้น เขาโศกเศร้าเพียงใดมีความสุขเพียงใด”ต้ากงเหวินยิ้มเจื่อนๆ“ครั้งสุดท้ายที่พบกันที่จำได้เขาก็มีความสุขดีนะ”ครั้งสุดท้ายที่อยู่ด้วยกันเขากับองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเกือบจะเกินเลย ดีที่อีกฝ่ายป่วยไข้ไปเสียก่อน“สบายดีหรือเจ้าสิบสามชอบแอบร้องไห้ เขาไม่เคยมีน้ำตาให้ใครเห็นแต่มักจะไปแอบร้องไห้เสมอ”“คงร้องตายแหละ” พึมพำเบาๆ“จะว่ายังไงนะ”“เปล่าาา เปลี่ยนเรื่องๆ”“เขาสบายดีข้าก็สบายใจ”แหม่ อีกคนเป็นห่วงแทบตาย ไอ้คนทางโน้นชีกอยังกะอะไร“ม่ะ เจ้ามีเรื่องอะไรพูดมา”“ข้าอยากจะขอร้องอยู่ที่นี่แสนสบาย เขาเรียกตำหนักอะไรนะ”“ตำหนักเคียงฟ้า เป็นตำหนักพักร้อนของข้า” องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งพูดด้วยเสียงอ่อนโยน“ดีเลย ข้าขอยืม
“กงกง ถึงเวลานั้นค่อยเอาออกมา”ขันทีชราทรุดกายลงกับพื้นหยาดน้ำตาไหลริน รับใช้ใกล้ชิดมาหลายปีผูกพันยิ่งกว่าพ่อแม่“ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่อาจตัดใจเมื่อถึงเวลานั้น ฝ่าบาทจะต้องมีพระชนมายุยืนยาวหมื่นปี หมื่นหมื่นปี” ปาดน้ำตาที่ไหลรินอย่างที่ไม่อาจห้าม“กงกงอย่าเสียใจไปเลย ข้าเขียนพินัยกรรมไว้หาใช่ว่าข้าจะรีบตายเสียหน่อย แค่เขียนไว้ให้รู้ว่าข้าควรจะมอบของสำคัญที่สุดของราชวงศ์ชิงให้กับผู้ใด”ขันทีชราถอนหายใจ“ฝ่าบาท ข้าน้อยรู้ดีข้อนี้จะเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นความลับ แม้จะเคยเห็นข้อความในพินัยกรรมแล้วก็ตาม องค์ชายทั้งหมดจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้จนกว่าจะถึงเวลา”“ขอบใจท่านกงกง บางทีข้าก็ไม่อาจตัดสิน อิ๋นสือเพียบพร้อมเหมาะสมรักพวกพ้อง มิได้ห่วงใยประชาชน สิ่งที่เขาทำล้วนเพื่อตัวเขาเองและพวกพ้องรอบข้าง อิ๋นเสียงบางทีข้าคิดว่าควรจะเป็นเขาแต่เมื่อเห็นเขาที่ออกรับแทนอิ๋นเจิ้งทำให้รู้สึกว่าองค์ชายสิบสามผู้นี้ช่างอ่อนแอ หากข้ามอบบัลลังก์ให้เขาสักวันเขาก็จะต้องมอบมันให้กับอิ๋นเจิ้ง” ส่ายหน้าไปมาด้วยความหนักใจ“ฝ่าบาทแล้วองค์ชายสามเล่า”ถามเพราะเห็นว่าคังซีมักจะพูดถึงองค์ชายสามบ่อยๆ“เจ้าสามน่ะหรือ ทรงคุณธรรมรอบรู
องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งยืนเหม่อมององค์ชายสามที่เดินแทบไม่ไหวต้องให้เฉิงหยิงพยุงออกจากตำหนักฮ่องเต้“องค์ชาย เรื่องราวปวดใจเก็บไว้ข้างหลัง ต่อแต่นี้ควรก้าวไปข้างหน้า เมื่อจะทำการใหญ่ควรสละสิ้นทุกสิ่ง”“แล้วเจ้าเล่า พร้อมที่จะตัดขาดกับข้าหรือไม่”ชิงหยุนเนียยิ้ม“ถ้าเป็นบัญชาองค์ชายมีหรือข้าจะกล้าขัด”อิ๋นเจิ้งทำสีหน้าเรียบเฉย“ไม่มีเจ้าแล้วใครจะขัดคอข้า”“ท่านไม่ใช่คนที่ต้องการใครก็ได้คอยอยู่เคียงข้างหรอกหรือ”“เจ้าพูดแบบนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าบอกว่าเจ้าสำคัญหรอกหรือ”ชิงหยุนเนียเงยหน้าสบตายิ้มหวานหยด“ไม่จำเป็น ทางเดียวที่จะให้ข้าไปจากท่านได้ ก็คือการฆ่าข้าให้ตายซ่ะ”“นี่เจ้าคิดจะหาผลประโยชน์กับข้าจนถึงกับไม่ยอมไปจากข้าเลยหรือ”ชิงหยุนเนียหันหลังก้าวเดินจากไป องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งทอดถอนหายใจ มีใครบ้างที่รักและจริงใจกับเขานอกเสียจากองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียง นางเล่าเคยรักเขาบ้างไหม คำรักสักคำไม่เคยเอ่ยออกจากปากนาง เขาแอบดีใจสายตาห่วงใยของนางแต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่ รอจนกว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้ยินคำนั้นแม้เขามีฐานะฮ่องเต้ยังไม่แน่ว่าจะใช้อำนาจบังคับให้นางพูดสิ่งที่ฝืนใจนาง ผู้คนรอบข้างล้วนยินดีที่จะเสแสร
ตำหนักเดียวดายองค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ รู้สึกดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ลุกขึ้นจากแท่นนอนไม้ไผ่“ต้ากงเหวิน เจ้าอยู่ไหนเนี้ย”เงียบไร้สรรพเสียงใดๆ เดินออกจากห้องไปยังห้องนอนของต้ากงเหวินที่รกร้างว่างเปล่าราวกับไม่มีคนใช้งานมานาน“ไปไหนของเขากัน”ทรุดกายลงบนแท่นนอนยกมือขึ้นลูบไปบนผ้าปูเบาๆ“เจ้าไปไหนต้ากงเหวิน”สายตาเหลือบไปเห็นมองสีขาวของกระดาษใต้หมอน ถือวิสาสะดึงกระดาษออกมาคลี่แผ่นกระดาษที่พับไว้ ไล่สายตาไปบนตัวอักษรข้าไม่ได้อยู่กับท่านแล้วคงเหงาไม่น้อยหากเหงาก็คิดเสียว่าข้าอยู่ที่นี่อย่าแอบร้องไห้นะสัญญาว่าหากไม่ตายเสียก่อนข้าจะกลับมาพบท่านแน่การลาจากไม่ใช่การลาก่อนสักวันเราจะพบกันใหม่ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะห่มผ้าหนาๆ ด้วยนะข้าเป็นห่วงอย่าให้รู้ว่าปล่อยให้ตัวเองหนาวหากไม่อยากห่มผ้าให้คิดถึงใบหน้าของข้าไว้ห่วงใยที่สุด…เก๊ามู่เฉิน…คิ้วคมขมวดเข้าหากัน“ไปแล้วจริงๆ หรือ นี่เจ้าไม่ลากันจริงๆ หรือ”เสียงกุกกักด้านนอก อิ๋นเสียงผุดลุกขึ้นจากแท่นนอนด้วยความดีใจคิดว่าเป็นต้ากงเหวิน“อ๊ะ พี่สิบสามท่านสบายดีไหม”องค์ชายสิบสี่อิ๋นถีที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้ากระท่อม“เจ้าสิบสี่
“ปล่อยข้านะ พวกเจ้าเป็นใครบังอาจมาจับข้า ข้าองค์ชายเก้าอ้ายซิ่นเจี๋ยหลัวอิ๋นถัง และนั้นก็คือเสด็จพ่อข้าทำไมข้าเข้าไปไม่ได้ พวกเจ้าเป็นใครข้าไม่เคยเห็นหน้าพวกเจ้ามาก่อน”องค์ชายเก้าอิ๋นถังโวยวายเสียงดังลั่น องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อยืนกล้าๆ กล้วๆ“จริงด้วย พวกเจ้ามาขวางเราไว้ทำไม พวกเราเป็นองค์ชายนะ”หลงเค๋อตั๋วก้าวมาข้างหน้าช้าๆ“องค์ชายกระทำการบุ่มบ่ามถือว่าบุกรุก ฝ่าบาททรงประชวรอยู่ด้านใน ส่งเสียงดังรบกวนเวลาพักผ่อนมีโทษถึงประหาร”องค์ชายเก้าอิ๋นถังเบิกตากว้าง องค์ชายสิบอิ๋นเอ๋อถอยหลังไปหนึ่งก้าว“หลงเค๋อตั๋ว ใครให้ท่านมายุ่งเรื่องนี้ นี่เป็นการอารักขาของฝ่ายในหัวหน้าองครักษ์คนเดิมไปไหนเสีย ถึงให้กองธงขลิบเหลืองของแมนจูเข้ามายุ่มย่าม” อิ๋นถังยังไม่ยอมอ่อนข้อให้“องค์ชายการบัญชาการรักษาความปลอดภัยในวังหลวงตอนนี้เป็นหน้าที่ของข้าทั้งหมด องค์ชายควรจะรู้ไว้เพื่อที่จะได้วางตัวให้ถูกต้องกว่านี้”“เสด็จพ่อทรงพระประชวรออกว่าราชการไม่ได้ ใครกันแต่งตั้งท่านอย่าสำคัญตัวเองผิด”อิ๋นถังตวาดดังลั่นพร้อมกับเย้อยิ้มหยัน องค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งก้าวออกมาจากตำหนัก“ปล่อยพวกเขาไป”องครักษ์สองคนที่หิ้วปีกองค์ชายเ
จวนองค์ชายสามอิ๋นจื่อ“โป๊ก โป๊ก โป๊ก”“องค์ชายเพคะ พระชายาให้ยกเครื่องเสวยที่นี่”“วางไว้”สาวใช้เหลือบตามองถาดอาหารของมื้อกลางวัน ถาดอาหารคาวหวานยังคงอยู่ในสภาพเดิมไร้การแตะต้อง วางถาดอาหารใหม่ไว้ยกถาดอาหารเก่าออกไป ส่ายหน้าไปมาองค์ชายสามอิ๋นจื่อยกมือที่มีแต่รอยแตกเลือดไหลซึม กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น หันกลับไปที่ผนังห้องปาค้อนลงกับพื้น ทรุดกายคุกเข่าตรงหน้าไทม์แมชชีน“ข้าอับจนหนทางแล้วทำอย่างไรเจ้าจึงจะกลับมา ซ่อมของสิ่งนี้ได้ก็ใช่ว่าจะหาเจ้าเจอ”ปล่อยหยาดน้ำตาร่วงลงกับพื้นไม่ยอมปาดป้าย“กลับมาได้แล้วต้ากงเหวิน เจ้าหายไปนานแล้วนะ ข้าจะทนคิดถึงเจ้าไม่ไหวแล้วนะ”ประตูห้องเปิดออกช้าๆ องค์ชายสามอิ๋นจื่อหันขวับแต่กลับเป็นร่างบ้างอ้อนแอ้นของเฉิงหยิง“องค์ชายหากจะไม่กินไม่นอนแบบนี้ ท่านหย่ากับข้าไปเสีย”องค์ชายสามอิ๋นจื่อก้มหน้าปล่อยหยาดน้ำตาร่วงสู่พื้นเหมือนไม่ได้ยินที่เฉิงหยิงพูด“องค์ชายดูสารรูปท่านสิ ท่านทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน ท่านเป็นสามีข้าเป็นภรรยาในเมื่อสามีทุกข์ตรมภรรยาหรือจะยังยิ้มอยู่ได้ ได้ยินที่ข้าพูดไหม ท่านกินอะไรเสียหน่อยอย่าทำแบบนี้ ข้ายินดีตายหากท่านพี่ต้ากงเหวินจะกลับมา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท ลูกจะทำตามพระประสงค์ให้ดีที่สุด”อิ๋นถีประสานมือจากไปคังซีใช้มือกวาดกระดานหมากกระจายเกลื่อนพื้น“ฝ่าบาทถนอมพระวรกายด้วย” ขันทีรีบเข้ามาประคอง“ลูกที่รักไม่ได้ดั่งใจ กงกงคิดว่าข้าควรจะมีความสุขได้อีกหรือ ในตอนนี้ทำได้เพียงประคับประคองความสัมพันธ์พ่อลูกไม่ให้ร้าวฉานไปมากกว่าเดิม หวังว่าข้าจะไม่ต้องเจ็บปวดมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้”ส่งเสียงสะอื้นเบาๆ ยกมือขึ้นกุมหน้าอก“โอ๊ะ โอ๊ะ โอ้ยยยยยย”ทิ้งตัวลงกับพื้นขันทีไม่อาจแบกรับร่างที่หนักอึ้งล้มลงไปพร้อมกัน“ตามหมอหลวง! ใครก็ได้ตามหมอหลวงงงงงง”คังซีหน้าซีดเผือด สติหลุดลอยไปในทันทีองค์ชายสี่อิ๋นเจิ้งสาวเท้าเร็วรี่ยังห้องหนังสือ“หัวหน้าองค์เสื้อแพรรับบัญชาข้า ห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เสด็จพ่อประชวร เพิ่มกำลังอารักขาตำหนักส่วนกลางไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านเข้าออกยกเว้นจะมีคำสั่งจากข้า”“หลงเค๋อตั๋วรับบัญชาองค์ชายสี่” ก้มหน้าซ่อนยิ้มตำหนักเดียวดายหิมะขาวโพลน องค์ชายสิบสามอิ๋นเสียงหย่อนเบ็ดลงไปในช่องที่เจาะเป็นวงกลม ต้ากงเหวินกระตุกเบ็ดแรงๆ ปลาตัวใหญ่ติดเบ็ดขึ้นมาดิ้นรนเอาชีวิตรอดก่อนที่ตกลงบนพื้นหิมะขาว“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าได้ป
“มีหลักฐานใดกันว่าข้าเป็นคนทำ ข้าวันๆ เอาแต่นั่งร่างพระไตรปิฎกแล้วยังถูกกักบริเวณ”“คนส่งสุราทั้งสองพบเป็นศพนอกเขตวังหลวง ข้าจำได้ว่าเคยเห็นเขาอยู่กับท่าน” อิ๋นถังพูดขึ้นทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจ“เป็นเจ้าแปดฆ่าพวกนั้นเพื่อปิดปากไม่ได้หรือ ทำไมต้องเป็นข้า ข้าก็มีหลักฐาน พบถุงทองในอดีตคนของข้าที่ตายไป ในนั้นมีเหรียญทองสลักชื่อเจ้าแปดชัดเจน นี่ก็เป็นหลักฐานที่ข้าควรจะมอบให้เสด็จพ่อเพียงแต่ข้าถูกกักบริเวญ ยังไม่ทันได้มอบให้เสด็จพ่อ”อิ๋นถีกัดฟันแน่น“พี่สี่ จะมากไปแล้วนะ นอกจากไม่สำนึกผิดแล้ว ท่านยังก่อเรื่องซ้ำๆ ไม่เลิกจะเอากันถึงตายเลยหรือไร หากท่านมอบหลักฐานชิ้นนี้ให้เสด็จพ่อ ฆ่าคนโทษถึงตาย พี่แปดกำลังตกอับถูกเสด็จพ่อเข้าใจผิด พี่แปดจะต้องถูกประหาร”อิ๋นเจิ้งกัดฟันจนเป็นสันนูน“แล้วเจ้าสิบสามล่ะ! พวกเจ้ามีอะไรมาชดใช้ให้เขา เขาต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวทนลำบากเหน็บหนาวเดียวดายห่างไกลนับพันลี้ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยได้ใช้ชีวิตสุขสบายเพราะขาดแม่ตั้งแต่ยังเล็ก แต่พวกเจ้ากับเจ้าแปดกลับรวมหัวกันกลั่นแกล้งเขาใส่ร้ายข้า จนเขาต้องรับบาปเคราะห์ที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น”“พี่สี่ ไม่ใช่ข้านะ ข้าไม่รู้เรื่องเลย ท่านอ