“ถ้าเรื่องนี้ได้รับการยืนยัน ชีวิตนี้คุณจะทั้งร่ำรวยและยิ่งใหญ่ ห้ามพลาดเด็ดขาดในช่วงเวลาสำคัญนี้!”เย่มู่มู่รีบปฏิเสธทันที “ไม่หรอกน่า ฉันไม่มีวันพลาดแน่นอน วางใจได้เลย!"เวินลี่วางสายแล้วหันมาบอกเย่มู่มู่ “ฉันจองตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งให้พวกคุณแล้ว ออกเดินทางพรุ่งนี้ ถ้ายังไม่กลับ ป้าหลิว คงรอจนแทบถอดใจแล้ว ทางวิทยาลัยติดต่อคุณไม่ได้ เลยโทรหาฉันหลายรอบแล้ว!”“คุณขอลาไปเดือนหนึ่งเต็ม ๆ แล้วนะ จะถ่วงเวลาอีกไม่ได้แล้ว ฉันบอกอาจารย์ที่ปรึกษาว่าคุณจะกลับไปภายในไม่กี่วันนี้แน่นอน”“เอาล่ะ ๆ ฉันเข้าใจแล้ว!”เย่มู่มู่มองหลูหมิงแวบหนึ่ง พวกเขาสามคนได้ปรึกษากันก่อนเข้ามาในเมืองหลวงหลูซีจะเข้าเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หนึ่งในโรงเรียนเอกชนระดับสูง ยังไงผลการเรียนก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว คงทำได้แค่ค่อย ๆ ติวเสริมในชั้นปีที่หนึ่งเย่มู่มู่ครุ่นคิด เส้นทางสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามระบบปกติคงหวังไม่ได้แล้วถ้าอย่างนั้น ลองใช้เส้นทางสายกีฬาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหมนะอย่างอื่นอย่าเพิ่งพูด วิชากังฟูดั้งเดิมก็น่าจะพอไม่ต้องถึงขั้นเข้าทีมระดับจังหวัดหรือติดทีมชาติ ขอแค่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไปได้ก็พอแต
เนื่องจากเย่มู่มู่พูดคำไหนคำนั้น แม้เป็นเงินทุนที่จัดซื้อ ขอแค่ให้ใบแจ้งชำระกับเธอ เธอก็จะโอนค่าใช้ง่านไปโดยตรงและให้ค่าคอมมิชชั่นวันนั้นเลย ให้จริง ๆ ไม่หักภาษีเลยแม้แต่บาทเดียววันนี้ พวกเขาทำเงินน้อยที่สุด ต่างยังทำเงินได้สองร้อยล้าน ถ้าค่าคอมมิชชั่นของสินค้าในรถทุกคันคือสี่พันบาท ก็ไม่ต่างอะไรกับเงินค่าขนสินค้าหนึ่งเที่ยวของพวกเขาเลยแถมยังไม่ต้องเติมน้ำมันเอง รถของตนไม่ได้รับความเสียหาย แถมยังมีเงินเดือนพื้นฐาน ทุกวันยังมีใช้จ่ายไปทำงานนอกสถานที่อีก“ทำครับ ขอแค่คุณหนูเย่ต้องการ ก็โทรหาเรา จะขับรถไปขนทันทีครับ!”“อย่าว่าแต่เมืองหลวงเลย ต่อให้คุณไปรัสเซีย ผมก็จะทำให้คุณ!”เย่มู่มู่เห็นทุกคนยินดี ก็ดีใจเป็นอย่างมาก“อืม ขนของของบริษัทไลฟ์สดก่อน ก่อนให้พวกคุณไปชานเมือง ฉันจะโทรหาเขา ไม่ทำให้พวกคุณต้องลำบากใจ!”“ได้ครับ เราจะคอยฟัง!”พวกเขาเองก็รู้ว่า เย่มู่มู่ต่างหากที่เป็นเถ้าแก่บริษัทไลฟ์สดฉะนั้นพอเธอต่อสาย ผู้จัดการบริษัทไลฟ์สดก็ไม่ปล่อยเขาไปไม่ได้เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว ใกล้จะสี่ทุ่มครึ่งแล้วเย่มู่มู่ก็เรียกให้ทุกคนไปกินมื้อดึกที่โรงอาหารก่อนค่อยไปเหล่าคนขับปฏิเส
“ไม่ใช่ครับ ผู้บริหารระดับสูงในบริษัทที่พ่อคุณเก็บไว้ต่างหาก คุณต้องจับตาดูพวกเขาเอาไว้...”“ตามที่ช่างแว่นตาสืบเจอล่าสุด เบาะแสอยู่ที่บริษัทของพ่อคุณ ห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูงของฟู่ลี่กรุ๊ป”“รายละเอียดห้องนั้น ยังสืบไม่ได้ ต้องใช้เวลาอีกหน่อย แต่คนที่จ้างวานฆ่าคุณ ไม่ได้มีแค่คนเดียว”“ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ในเมืองนี้เหมือนกัน มาจากโครงข่ายคลับธุรกิจที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง! นั่นไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะเข้าไปได้!”“แถมยังเป็นชั้นดาดฟ้า ต้องมีบัตรวีไอพี!”“จริงสิ นักฆ่าคนนั้นตายแล้ว ในห้องขังบอกว่าฆ่าตัวตาย!”“แต่ ผมได้ยินข่าววงในที่ลูกพี่ลูกน้องของผมบอกว่า ในห้องของเขาไม่มีของอะไรเลย แปรงสีฟัน หวีก็โดนเก็บไปหมด ให้แค่แก้วน้ำใช้แล้วทิ้งกับทิชชู่และผ้าขนหนูใช้แล้วทิ้งเท่านั้น”“กระทั่งเสื้อผ้าก็แขวนไม่ได้ แค่แขวนของน้ำหนักสิบกิโล ก็จะฉีกขาดแล้ว...”“แต่ว่า เขาก็ตายไปทั้งอย่างนี้ เหลวไหลเกินไปแล้ว!”“คุณต้องระวังตัวเอาไว้ ตามประสบการณ์ที่ผมหากินด้วยการเป็นนักเลงตอนยังหนุ่ม คนคนนี้ตายไปโดยไม่มีหลักฐาน ครั้งหน้าพวกเขาต้องลอบฆ่าคุณโหดเหี้ยมขึ้นแน่!”เย่มู่มู่เงียบไปอยู่นานสอ
เย่มู่มู่วางสาย ก่อนจะทอดถอนใจเสียงหนึ่งหลังจากนั้นก็ส่งข้อความหาเวินลี่ข้อความหนึ่ง“เวินลี่ พรุ่งนี้ฉันจะไปเมืองหลวง อยากเลือกบอดี้การ์ด ช่วยฉันจัดการหน่อยนะ”เวินลี่ไม่ได้ถามหาเหตุผล ได้แต่ตอบกลับเธอ“ได้ค่ะคุณหนูเย่ มีเงื่อนไขไหมคะ?”“ฝีมือดี นิสัยดีมีคุณธรรม ประวัติตัวบุคคลและครอบครัวสะอาด!”“คุณหนูเย่ พรุ่งนี้คุณไปถึงเมืองหลวงแล้ว ฉันจะส่งพนักงานไปให้ทันทีค่ะ!”“ขอบคุณเวินลี่มาก ๆ!”เธอไม่ได้ตอบข้อความกลับอีก!เวินลี่ช่วยเธอค่อนข้างเยอะ แม้จะบอกว่าเธอเป็นคนดูแลร้านขายวัตถุโบราณเองทั้งหมด เครือข่ายค้าขายและการเรียกเก็บเงินเธอเป็นคนดำเนินการทั้งสิ้นเนื่องจากเรื่องส่วนตัวของเย่มู่มู่ ยังเพิ่มปริมาณงานเพิ่มเติมมาอีกไม่น้อยอย่างเช่นรถบรรทุกน้ำมันสามสิบคันของวันนี้ ล้วนได้รถที่ผ่านการทดสอบฉุกเฉินขนถังน้ำมันเข้ามาจากต่างจังหวัดผ่านเส้นสายของเวินลี่ทั้งสิ้น เย่มู่มู่ต้องให้ค่าเหนื่อยเธอก้อนหนึ่งหากให้เงิน บางทีเธออาจจะไม่รับเย่มู่มู่วางมือไว้บนแจกัน ค้นหาในที่ว่างเปล่าของแจกัน จนเจอของที่เหมาะกับการให้เป็นของขวัญเจอกำไลข้อมือทองคำฝังอัญมณีและทำลายฉลุอันหนึ่งในมุมก
มอบให้เป็นหน้าที่คนอื่นในบ้านพักตากอากาศ เธอก็ไม่วางใจพวกเขาสามคนขึ้นนั่งบนรถกระบะ ขณะขับมาถึงตีนเขา เจอเข้ากับพี่ซุนพอดีเย่มู่มู่ส่งกุญแจบ้านให้พี่ซุน ให้เขามาดูแลบ้านเวลาว่าง สองสามวันทำความสะอาดครั้งหนึ่ง และจะให้เงินเขาเป็นค่าตอบแทนพี่ซุนรู้ว่าเย่มู่มู่จะไปเข้าเรียนที่เมืองหลวง ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนของเธอก็จะจากไปด้วยเขาขับรถไปส่งพวกเขาสามคนที่สนามบินหลังลงจากรถ เย่มู่มู่ก็ส่งกุญแจรถกระบะให้พี่ซุนบอกว่าคนขับหวงเป็นคนขายรถให้เธอ ยังไม่ได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ ให้เขาไปจัดการกับคนขับหวง ส่วนรถยกให้เขาเลยพี่ซุนกำลังคิดจะปฏิเสธ เย่มู่มู่ก็หอบแจกันเข้าไปตรงที่ตรวจตั๋วแล้วที่เวินลี่จองให้เป็นชั้นเฟิร์สคลาส เมื่อเย่มู่มู่ขึ้นไปบนเครื่องบินก็เอนเบาะนอนทันทีหลูซีกับหลูหมิงยังคงล้วงโทรศัพท์ออกมาถ่ายโน่นถ่ายนี่ ราวกับเด็กน้อยชอบอยากรู้อยากเห็นเช่นเดิมแม้ทั้งสองคนจะไม่พูด ทว่าสีหน้าแววตาตื่นเต้นฉายออกมานานแล้ว มือถือแทบจะจ่ออยู่บนหน้าต่าง ถ่ายวิวถนนในเมืองที่ค่อย ๆ เล็กลง ถ่ายท้องฟ้าครามเมฆก้อนขาว ถ่ายเครื่องบินบินผ่านชั้นเมฆทั้งสองคนตื่นเต้นจนหน้าค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้น
หลังจากพ่อแม่ตายไป เย่มู่มู่ก็ใช้ชีวิตอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ มาตลอดจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรกว่าในบ้านมีสิ่งของเพิ่มขึ้นมาโดยไร้สาเหตุยกตัวอย่างเช่นบางครั้งก็เป็นกระดาษเหลืองโบราณที่เขียนรายงานเกี่ยวกับการรบ ภัยแล้งและทุพภิกขภัยด้วยอักษรตัวเต็มบางคราก็เป็นเศษชามกระเบื้องเก่า ๆ ที่แตกไปครึ่งหนึ่งมีหนหนึ่งที่จู่ ๆ ในบ้านก็มีเศษดาบเปื้อนเลือดปรากฏขึ้นมาเธอถึงได้ค้นพบด้วยความตกอกตกใจ นึกว่าในบ้านมีผีแล้วเสียอีก!วันนี้ตอนกลางวันแสก ๆ ในบ้านอยู่ดี ๆ ก็มีเสื้อชั้นในยุคโบราณเปื้อนเลือดโผล่มา เสื้อชั้นในตัวนั้นมีสีออกเหลืองเปื้อนคราบเหงื่อไคลมือเธอไปสัมผัสโดนเข้าพอดี~อ้าก~เสื้อยังอุ่นอยู่เลย!เลือดก็อุ่นเหมือนกัน!เย่มู่มู่กรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจนานทีเดียว จนกระทั่งในบ้านไม่มีสิ่งของโผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีก เธอถึงสงบสติเย็นลงได้เย่มู่มู่หยิบเสื้อชั้นในขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แน่ใจว่าเป็นเสื้อชั้นในแบบโบราณ เป็นของผู้ชาย เจ้าของเสื้อชั้นในตัวนี้สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ช่วงไหล่กว้างจุดที่เสื้อชั้นในปรากฏขึ้นคือ พาดอยู่บนปากแจกันดอกไม้ใบเขื่องตรงมุมห้องรับแขก
จ้านเฉิงอิ้นหันขวับไปทางนั้น แจกันเขรอะฝุ่นตรงมุมผนังมีน้ำพุ่งออกมาไม่หยุดน้ำพุ่งรุนแรงมาก สาดถูกอาภรณ์ของเขากับหมอซ่งจนเปียกชุ่มเขาผุดลุกขึ้นยืน มือสองข้างกำแน่นจนสั่นน้อย ๆ“นี่ คือน้ำงั้นรึ?”ทุกคนไม่ได้เห็นน้ำมาครึ่งค่อนปีแล้ว หมอซ่งใช้สองมือกอบน้ำมาดื่มหวานเย็นชุ่มชื้น เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!เขาร้องเสียงดังด้วยความพลุ่งพล่านใจ “ท่านแม่ทัพ เป็นน้ำจริง ๆ ด้วย!”เหล่าทหารในด่านเจิ้นกวนเฝ้ารอน้ำทุกวัน รอมาครึ่งค่อนปีแล้วขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน ขุดไปสิบกว่าบ่อ ขุดลงไปลึกเกินสามสิบจั้ง[1]แล้วก็เจอแต่ทรายเหลืองแห้ง ๆ ไม่เจอน้ำแต่อย่างใดหมอซ่งนำชามแตกเป็นรูมารองน้ำให้แม่ทัพ ประคองด้วยสองมือที่สั่นระริก“ท่านแม่ทัพ ท่านลองชิมดูสิ”จ้านเฉิงอิ้นใช้มือข้างเดียวรับมาจิบคำหนึ่ง หวานเย็นชื่นใจ เป็นน้ำสะอาดเขาดื่มรวดเดียวจนหมด!“สวรรค์ประทานน้ำอมฤต สวรรค์ไม่ได้ต้องการให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าพินาศ!”สิ้นคำ นายทหารหลายนายก็ถลาเข้ามาด้วยความยินดี ใช้สองมือรองน้ำดื่มอึก ๆ ๆหมอซ่งรองน้ำให้แม่ทัพอีกชาม ส่งมาให้เขาดื่มนายทหารหลายนายนั้นดื่มน้ำไปพลางเอ่ยด้วยความยินดี “ท่านแม่ทัพ เทพยดาบ
จ้านเฉิงอิ้นยัดกล่องข้าวใส่อกพวกเขา “เดี๋ยวท่านเทพก็ประทานอาหารให้ข้าอีกนั่นแหละ พวกเจ้ารับไว้เถอะ”นายทหารทั้งสิบคนมองหน้ากัน อยากบ่ายเบี่ยง แต่แล้วก็นึกถึงคนในครอบครัวที่หิวโหยจนเหลือเพียงลมหายใจรวยรินรู้สึกว่าในอกหนักอึ้งนับพันชั่ง!อู๋ซานหลางที่ในครอบครัวมีลูกชายอายุยังน้อยใกล้จะหิวตายรับมาคนแรกเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เอ่ยทั้งน้ำตาคลอหน่วย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ข้าสามารถเอากลับไปส่งที่บ้านก่อนได้หรือไม่ ภรรยากับลูกข้าหิวจนใกล้จะไม่ไหวแล้ว”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “รีบเอาไปส่งเถอะ!”อู๋ซานหลางกอดกล่องข้าววิ่งกลับบ้านไปก่อนนายทหารอีกเก้านายซ่อนกล่องข้าวไว้ในอก นำอาหารกลับไปส่งที่บ้านจ้านเฉิงอิ้นกำชับให้พวกเขากลับมาเร็วหน่อย จะได้มากินโจ๊กด้วยกันอย่าดูแคลนข้าวกับอาหารหนึ่งกล่องเชียว ถ้านำไปต้มเป็นโจ๊ก คนทั้งครอบครัวรับประทานอย่างประหยัดก็สามารถเก็บไว้กินได้สองวัน ช่วยให้ไม่อดตายในช่วงหลายวันนี้หากผสมใบไม้เปลือกไม้ลงไปยังสามารถเก็บไว้ได้นานกว่านั้นช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป นายทหารทั้งสิบก็กลับมา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งเครียด ขอบตาแดงเรื่อหลังนั่งลง อาหลี่ก็ยกหม้อโจ๊กเข้ามาข้
มอบให้เป็นหน้าที่คนอื่นในบ้านพักตากอากาศ เธอก็ไม่วางใจพวกเขาสามคนขึ้นนั่งบนรถกระบะ ขณะขับมาถึงตีนเขา เจอเข้ากับพี่ซุนพอดีเย่มู่มู่ส่งกุญแจบ้านให้พี่ซุน ให้เขามาดูแลบ้านเวลาว่าง สองสามวันทำความสะอาดครั้งหนึ่ง และจะให้เงินเขาเป็นค่าตอบแทนพี่ซุนรู้ว่าเย่มู่มู่จะไปเข้าเรียนที่เมืองหลวง ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนของเธอก็จะจากไปด้วยเขาขับรถไปส่งพวกเขาสามคนที่สนามบินหลังลงจากรถ เย่มู่มู่ก็ส่งกุญแจรถกระบะให้พี่ซุนบอกว่าคนขับหวงเป็นคนขายรถให้เธอ ยังไม่ได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ ให้เขาไปจัดการกับคนขับหวง ส่วนรถยกให้เขาเลยพี่ซุนกำลังคิดจะปฏิเสธ เย่มู่มู่ก็หอบแจกันเข้าไปตรงที่ตรวจตั๋วแล้วที่เวินลี่จองให้เป็นชั้นเฟิร์สคลาส เมื่อเย่มู่มู่ขึ้นไปบนเครื่องบินก็เอนเบาะนอนทันทีหลูซีกับหลูหมิงยังคงล้วงโทรศัพท์ออกมาถ่ายโน่นถ่ายนี่ ราวกับเด็กน้อยชอบอยากรู้อยากเห็นเช่นเดิมแม้ทั้งสองคนจะไม่พูด ทว่าสีหน้าแววตาตื่นเต้นฉายออกมานานแล้ว มือถือแทบจะจ่ออยู่บนหน้าต่าง ถ่ายวิวถนนในเมืองที่ค่อย ๆ เล็กลง ถ่ายท้องฟ้าครามเมฆก้อนขาว ถ่ายเครื่องบินบินผ่านชั้นเมฆทั้งสองคนตื่นเต้นจนหน้าค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้น
เย่มู่มู่วางสาย ก่อนจะทอดถอนใจเสียงหนึ่งหลังจากนั้นก็ส่งข้อความหาเวินลี่ข้อความหนึ่ง“เวินลี่ พรุ่งนี้ฉันจะไปเมืองหลวง อยากเลือกบอดี้การ์ด ช่วยฉันจัดการหน่อยนะ”เวินลี่ไม่ได้ถามหาเหตุผล ได้แต่ตอบกลับเธอ“ได้ค่ะคุณหนูเย่ มีเงื่อนไขไหมคะ?”“ฝีมือดี นิสัยดีมีคุณธรรม ประวัติตัวบุคคลและครอบครัวสะอาด!”“คุณหนูเย่ พรุ่งนี้คุณไปถึงเมืองหลวงแล้ว ฉันจะส่งพนักงานไปให้ทันทีค่ะ!”“ขอบคุณเวินลี่มาก ๆ!”เธอไม่ได้ตอบข้อความกลับอีก!เวินลี่ช่วยเธอค่อนข้างเยอะ แม้จะบอกว่าเธอเป็นคนดูแลร้านขายวัตถุโบราณเองทั้งหมด เครือข่ายค้าขายและการเรียกเก็บเงินเธอเป็นคนดำเนินการทั้งสิ้นเนื่องจากเรื่องส่วนตัวของเย่มู่มู่ ยังเพิ่มปริมาณงานเพิ่มเติมมาอีกไม่น้อยอย่างเช่นรถบรรทุกน้ำมันสามสิบคันของวันนี้ ล้วนได้รถที่ผ่านการทดสอบฉุกเฉินขนถังน้ำมันเข้ามาจากต่างจังหวัดผ่านเส้นสายของเวินลี่ทั้งสิ้น เย่มู่มู่ต้องให้ค่าเหนื่อยเธอก้อนหนึ่งหากให้เงิน บางทีเธออาจจะไม่รับเย่มู่มู่วางมือไว้บนแจกัน ค้นหาในที่ว่างเปล่าของแจกัน จนเจอของที่เหมาะกับการให้เป็นของขวัญเจอกำไลข้อมือทองคำฝังอัญมณีและทำลายฉลุอันหนึ่งในมุมก
“ไม่ใช่ครับ ผู้บริหารระดับสูงในบริษัทที่พ่อคุณเก็บไว้ต่างหาก คุณต้องจับตาดูพวกเขาเอาไว้...”“ตามที่ช่างแว่นตาสืบเจอล่าสุด เบาะแสอยู่ที่บริษัทของพ่อคุณ ห้องทำงานของผู้บริหารระดับสูงของฟู่ลี่กรุ๊ป”“รายละเอียดห้องนั้น ยังสืบไม่ได้ ต้องใช้เวลาอีกหน่อย แต่คนที่จ้างวานฆ่าคุณ ไม่ได้มีแค่คนเดียว”“ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ในเมืองนี้เหมือนกัน มาจากโครงข่ายคลับธุรกิจที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง! นั่นไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะเข้าไปได้!”“แถมยังเป็นชั้นดาดฟ้า ต้องมีบัตรวีไอพี!”“จริงสิ นักฆ่าคนนั้นตายแล้ว ในห้องขังบอกว่าฆ่าตัวตาย!”“แต่ ผมได้ยินข่าววงในที่ลูกพี่ลูกน้องของผมบอกว่า ในห้องของเขาไม่มีของอะไรเลย แปรงสีฟัน หวีก็โดนเก็บไปหมด ให้แค่แก้วน้ำใช้แล้วทิ้งกับทิชชู่และผ้าขนหนูใช้แล้วทิ้งเท่านั้น”“กระทั่งเสื้อผ้าก็แขวนไม่ได้ แค่แขวนของน้ำหนักสิบกิโล ก็จะฉีกขาดแล้ว...”“แต่ว่า เขาก็ตายไปทั้งอย่างนี้ เหลวไหลเกินไปแล้ว!”“คุณต้องระวังตัวเอาไว้ ตามประสบการณ์ที่ผมหากินด้วยการเป็นนักเลงตอนยังหนุ่ม คนคนนี้ตายไปโดยไม่มีหลักฐาน ครั้งหน้าพวกเขาต้องลอบฆ่าคุณโหดเหี้ยมขึ้นแน่!”เย่มู่มู่เงียบไปอยู่นานสอ
เนื่องจากเย่มู่มู่พูดคำไหนคำนั้น แม้เป็นเงินทุนที่จัดซื้อ ขอแค่ให้ใบแจ้งชำระกับเธอ เธอก็จะโอนค่าใช้ง่านไปโดยตรงและให้ค่าคอมมิชชั่นวันนั้นเลย ให้จริง ๆ ไม่หักภาษีเลยแม้แต่บาทเดียววันนี้ พวกเขาทำเงินน้อยที่สุด ต่างยังทำเงินได้สองร้อยล้าน ถ้าค่าคอมมิชชั่นของสินค้าในรถทุกคันคือสี่พันบาท ก็ไม่ต่างอะไรกับเงินค่าขนสินค้าหนึ่งเที่ยวของพวกเขาเลยแถมยังไม่ต้องเติมน้ำมันเอง รถของตนไม่ได้รับความเสียหาย แถมยังมีเงินเดือนพื้นฐาน ทุกวันยังมีใช้จ่ายไปทำงานนอกสถานที่อีก“ทำครับ ขอแค่คุณหนูเย่ต้องการ ก็โทรหาเรา จะขับรถไปขนทันทีครับ!”“อย่าว่าแต่เมืองหลวงเลย ต่อให้คุณไปรัสเซีย ผมก็จะทำให้คุณ!”เย่มู่มู่เห็นทุกคนยินดี ก็ดีใจเป็นอย่างมาก“อืม ขนของของบริษัทไลฟ์สดก่อน ก่อนให้พวกคุณไปชานเมือง ฉันจะโทรหาเขา ไม่ทำให้พวกคุณต้องลำบากใจ!”“ได้ครับ เราจะคอยฟัง!”พวกเขาเองก็รู้ว่า เย่มู่มู่ต่างหากที่เป็นเถ้าแก่บริษัทไลฟ์สดฉะนั้นพอเธอต่อสาย ผู้จัดการบริษัทไลฟ์สดก็ไม่ปล่อยเขาไปไม่ได้เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว ใกล้จะสี่ทุ่มครึ่งแล้วเย่มู่มู่ก็เรียกให้ทุกคนไปกินมื้อดึกที่โรงอาหารก่อนค่อยไปเหล่าคนขับปฏิเส
“ถ้าเรื่องนี้ได้รับการยืนยัน ชีวิตนี้คุณจะทั้งร่ำรวยและยิ่งใหญ่ ห้ามพลาดเด็ดขาดในช่วงเวลาสำคัญนี้!”เย่มู่มู่รีบปฏิเสธทันที “ไม่หรอกน่า ฉันไม่มีวันพลาดแน่นอน วางใจได้เลย!"เวินลี่วางสายแล้วหันมาบอกเย่มู่มู่ “ฉันจองตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่งให้พวกคุณแล้ว ออกเดินทางพรุ่งนี้ ถ้ายังไม่กลับ ป้าหลิว คงรอจนแทบถอดใจแล้ว ทางวิทยาลัยติดต่อคุณไม่ได้ เลยโทรหาฉันหลายรอบแล้ว!”“คุณขอลาไปเดือนหนึ่งเต็ม ๆ แล้วนะ จะถ่วงเวลาอีกไม่ได้แล้ว ฉันบอกอาจารย์ที่ปรึกษาว่าคุณจะกลับไปภายในไม่กี่วันนี้แน่นอน”“เอาล่ะ ๆ ฉันเข้าใจแล้ว!”เย่มู่มู่มองหลูหมิงแวบหนึ่ง พวกเขาสามคนได้ปรึกษากันก่อนเข้ามาในเมืองหลวงหลูซีจะเข้าเรียนมัธยมปลายชั้นปีที่หนึ่งในโรงเรียนเอกชนระดับสูง ยังไงผลการเรียนก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว คงทำได้แค่ค่อย ๆ ติวเสริมในชั้นปีที่หนึ่งเย่มู่มู่ครุ่นคิด เส้นทางสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามระบบปกติคงหวังไม่ได้แล้วถ้าอย่างนั้น ลองใช้เส้นทางสายกีฬาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไหมนะอย่างอื่นอย่าเพิ่งพูด วิชากังฟูดั้งเดิมก็น่าจะพอไม่ต้องถึงขั้นเข้าทีมระดับจังหวัดหรือติดทีมชาติ ขอแค่สอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไปได้ก็พอแต
เย่มู่มู่พยักหน้ารัว ๆ “แน่นอนค่ะ! ของมาถึงมือหนูแล้ว ก็ไม่เกี่ยวกับอาอีกต่อไป!”"ดี! อาเตือนหนูแล้วนะ ถ้ามีปัญหาทีหลัง อย่ามาหาอาล่ะ!"เย่มู่มู่หัวเราะออกมา “โอเคค่ะ! หนูไม่มีวันไปหาอาแน่นอน!”ข้าวของถูกขนย้ายเกือบหมดแล้ว เย่มู่มู่เช็กตัวเลขจากเครื่องชั่งน้ำหนัก เห็นว่าจำนวนถูกต้องเป๊ะ!“สามร้อยตันไม่มีพลาด หนูจะโอนเงินส่วนที่เหลือให้เดี๋ยวนี้!”พอเจ้าของโรงงานกับเซียวหัวเห็นยอดเงินหนึ่งพันล้านที่ถูกโอนเข้ามา สีหน้าของทั้งคู่ก็ปิดไม่มิดอีกต่อไปขายวัตถุระเบิดมันเสี่ยงก็จริง แต่เงินมันดีเกินไป!แต่หากเดินกลางคืนบ่อยเข้า อาจจะเจอผีเข้าสักวัน!ครั้งนี้ เจ้าของโรงงานกับเซียวหัวปฏิเสธคำชวนมื้อเที่ยงจากเย่มู่มู่ พวกเขารีบขับรถกลับไปทันทีเพียงแต่เซียวหัวขับรถออกไปก่อนส่วนเจ้าของโรงงานขึ้นไปนั่งบนรถบรรทุกขนาดใหญ่ พอเครื่องยนต์ติดแล้ว รถก็จอดนิ่งอยู่ตรงทางเข้าเย่มู่มู่เห็นท่าทีผิดปกติ จึงเดินเข้าไปถามเจ้าของโรงงาน “รถเสียเหรอคะ? ในตัวเมืองมีอู่ซ่อมรถนะ จะให้พาไปซ่อมไหมคะ?"เจ้าของโรงงานหยิบนามบัตรออกจากกระเป๋าสตางค์ แล้วยื่นให้เย่มู่มู่เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผมกับเซียวหัวทำธุร
“ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เป็นอย่างไรบ้าง ฮ่องเต้น้อยทำให้พวกเขาลำบากหรือไม่”สองพี่น้องพูดพลางดวงตาแดงก่ำมั่วฝานขับรถมาหยุดตรงหน้าพวกเขา ก่อนจะโบกมือเรียก“ขึ้นรถเถอะ ทหารทุกคนเตรียมพร้อมแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นมีมิติพิเศษ ส่วนใหญ่จึงเก็บเสบียงไว้ข้างใน เหลือเพียงน้ำและอาหารสำหรับไม่กี่วัน อาวุธบางส่วน และอาหารม้าไว้บนรถเท่านั้นภายในรถมีพื้นที่กว้างขวาง ทหารจึงไม่ต้องเบียดเสียดกันมากนักสองพี่น้องขึ้นรถของมั่วฝานจวงเหลียงเป็นคนขับ ส่วนมั่วฝานนั่งเบาะข้างคนขับเฉินขุยและเฉินอู่นั่งแถวกลาง ขณะที่ซ่งตั๋วและจ้านเฉิงอิ้นนั่งอยู่ด้านหลังมั่วฝานหันกลับไปมองสองพี่น้อง “เลิกร้องได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะถ่ายรูปหน้าแย่ ๆ ของท่านไปให้พี่สะใภ้ดู ดูสิว่านางจะหัวเราะเยาะเจ้าอย่างไร!”เฉินขุยตาเบิกโพลงอย่างดุดันทันที “อย่าเชียวนะ! ไม่อย่างนั้นข้าจะฟาดเจ้าให้เข็ด!”มั่วฝานเหลือบมองจ้านเฉิงอิ้นและซ่งตั๋วที่นั่งอยู่เบาะหลัง ทั้งสองกำลังดูแผนที่และปรึกษากันว่าจะเลือกเส้นทางใดตอนนี้ แม่น้ำแห้งขอด เส้นทางริมแม่น้ำใกล้ที่สุด แต่ทรายอาจเยอะจนรถติดหล่มหากเลือกทางขึ้นเขา ถนนก็ขรุขระเต็มไปด้วยหลุมบ่อ อาจ
แม่ทัพหนุ่มประสานมือคารวะ ก่อนโค้งคำนับจ้านเฉิงอิ้นอย่างลึกซึ้งใบหน้าหนุ่มแน่นที่ยังดูไร้เดียงสา ค่อย ๆ เก็บซ่อนแววหยิ่งทะนงและท้าทายเมื่อครู่ลงไปสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ดวงตาที่เคยไร้ชีวิตชีวากลับเปล่งประกายขึ้น พร้อมด้วยความหวังครั้งใหม่“ข้า เซี่ยงหงเซวียน ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณ ณ ที่นี้ ว่าจะเดินตามท่านแม่ทัพใหญ่ ขอเป็นทหารม้าแนวหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่ในการออกรบพิชิตใต้หล้า...”จ้านเฉิงอิ้นประคองเขาขึ้น พลางแย้มยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก “ดี คราวนี้เมื่อกลับไปยังแคว้นเยี่ยน ต้องรักษาแผ่นดินต้าเยี่ยนเอาไว้ให้ได้!”เหล่าเชลยศึกแคว้นเยี่ยนทั้งหมดต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานมือคำนับพร้อมกัน เปล่งเสียงกึกก้องเป็นหนึ่งเดียว“พวกเราขอสาบานว่าจะปกป้องแคว้นเยี่ยนด้วยชีวิต ไม่ให้ท่านแม่ทัพใหญ่ต้องผิดหวัง!”“ไปเถอะ หากเจอพวกเผ่าหมานอย่าได้หวาดกลัว พวกเจ้าไม่ได้ด้อยกว่าพวกมัน!”“ขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นมองส่งพวกเขาจากไป ครึ่งหนึ่งนั่งอยู่บนรถม้าที่สั่นโคลงไปมาด้านล่างของเกวียนบรรทุกเสบียง ส่วนด้านบนมีเหล่าทหารยืนหรือนั่งเบียดเสียดกันทหารเจ็ดหมื่นนายควบม้า...ม้าที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี
“แม้ว่าเขาจะไม่ขยายอิทธิพลในแคว้นต้าฉี่ แต่หากไปยังแคว้นอื่น ก็ยังคงเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากอยู่ดี!”ถูกแล้ว มั่วฝานพูดไม่ผิดหากมู่ฉีซิวยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ต้องตายถึงสามร้อยครั้งก็ยังฟื้นคืนมาได้ด้วยนิสัยของเขา ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดก็ต้องตั้งหลักได้อย่างแน่นอนหากปล่อยให้เขามีโอกาสเติบใหญ่ เกรงว่าจะกลับมาแก้แค้นได้อีก!เฉียนเซียงตัวตะโกนบอกเหล่าทหาร “ไป ไป ไป ไปกินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วพวกเราจะออกเดินทางทันที ไปฆ่ามู่ฉีซิวให้ได้ จะได้ล้างแค้นให้กับสี่เดือนที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพราะเขา!”เหล่าทหารต่างขานรับพร้อมเพรียง ก่อนจะพากันนั่งล้อมวงที่โต๊ะอาหารเมื่อเห็นกับข้าวมากมายจัดเรียงเต็มโต๊ะทุกคนต่างอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง“โห ข้าเกิดมาในตระกูลมั่งคั่ง ไม่เคยขาดแคลนเงินทอง แต่ไม่เคยเห็นโต๊ะอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน!”“กระต่ายตัวใหญ่ทั้งตัวถูกย่างแบบนี้เลยหรือ?”“ห่านนี่ก็ด้วย พวกเราปกติเอาไปต้มซุปกันแท้ ๆ!”“กลิ่นเครื่องเทศนี่มันอะไรกัน หอมเหลือเกิน! หากสามารถนำเครื่องเทศพวกนี้ไปขายยังดินแดนต่าง ๆ คงทำเงินได้มหาศาลแน่!”หยางชิงเหอมองคนกลุ่มนี้ “พวกเขาสู้กับมู่ฉีซิวมา