หยางชิงเหอและจวงเหลียง รวมทั้งเซี่ยเวยและคนอื่น ๆ มาถึงยอดเขาจนพบจ้านเฉิงอิ้นหยางชิงเหอกล่าว “แม่ทัพ ข้าติดตั้งโรงงานเสร็จแล้ว ข้าปรับแก้ตามพิมพ์เขียวหนึ่งรอบ โดยทั่วไปไม่มีปัญหา”“แต่จะใช้งานได้หรือไม่ ต้องรอเผาหม้อต้มใหญ่พรุ่งนี้และทดสอบการหลอมเหล็กดู!”“ถ้าดำเนินงานได้ปกติ ท่านเคยรับปากแล้วว่าจะส่งข้ากลับไป!”จ้านเฉิงอิ้นเอามือข้างเดียวไขว้ข้างหลังและพยักหน้าตอบรับ“แม่นางหยางจงวางใจ แม่ทัพข้าพูดคำไหนคำนั้น”“ถ้าหาก วันพรุ่งนี้โรงงานสามารถทำงานได้ ช่วยส่งข้าข้ามไปตอนกลางคืนได้หรือไม่?”“ได้สิ!”พอได้ยินจ้านเฉิงอิ้นกล่าวเช่นนี้เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเธอมองเสี่ยวเถาที่ตามมาด้วย ข้างหลังเสี่ยวเถามีเด็กผู้ชายกับมารดาของเขาหลังจากเด็กน้อยถูกหวังเซิ่งเก็บขึ้นรถแล้ว เขาจัดให้พักในกระโจมข้าง ๆ หยางชิงเหอช่างสองคนถูกจัดให้ไปทำงานในโรงช่างตีเหล็กเด็กผู้ชายกับมารดาของเขาและเสี่ยวเถา ถูกจัดให้ไปดูแลหยางชิงเหอ แต่ละคนจะได้รับเสบียงอาหารหกชั่งในทุก ๆ เดือนสามคนคอยทำอาหารและทำความสะอาด เวลาที่เหลือก็ไปช่วยงานเกษตรตอนนี้ได้ดำเนินการเพาะปลูกแล้วกว่าที่ดินหกหมู่เด็กผู้ชายเร
เย่มู่มู่ถามจ้านเฉิงอิ้น “ฮ่องเต้ตอบตกลงหรือยัง?”“ไม่รู้ วันนี้มีขุนนางชนเสาเสียชีวิตหนึ่งคน แต่ฮ่องเต้ให้ทูตของแคว้นเยียนกับชนเผ่าหมานอยู่ต่อ กลางคืนจัดงานเลี้ยงต้อนรับ!”เย่มู่มู่ได้ยินเรื่องราวนี้แล้วเธอรู้สึกโกรธในความไม่ยุติธรรม“ราษฎรยังไม่มีกินและคนอดอยากก็อยู่ทั่วทุกหนแห่ง ฮ่องเต้กลับจัดงานเลี้ยงต้อนรับข้าศึก เขามีชีวิตที่ดีเกินไปจนลืมไปว่าชนเผ่าหมานเคยปิดล้อมด่านเจิ้นกวนหนึ่งปีและฆ่าทหารต้าฉี่ตายไปไม่รู้เท่าไหร่”“คนเช่นนี้ไร้ซึ่งความชอบธรรมข้างในจิตใจ ไม่คู่ควรแก่การเป็นจักรพรรดิ!”“จ้านเฉิงอิ้น ไม่ต้องกลัวนะ…พวกเข้ากล้าปราบปรามเจ้า ข้าก็จะฆ่าพวกเขาให้ตาย!”“กองกำลังข้าศึกห้าแสนห้าหมื่นคนเจ้ายังจัดการได้ ต่อให้แคว้นเยียนกับชนเผ่าหมานร่วมมือกับกองทัพธงเหลือง แต่จะเป็นภัยคุกคามต่อเจ้าจริง ๆ หรือ ข้าว่าไม่!”“เจ้าเพียงแค่ผิดหวังในฮ่องเต้และราชสำนักเท่านั้น! ลองนึกถึงตระกูลจ้านสามรุ่นของเจ้า ที่ถวายชีวิตให้กับจักรพรรดิผู้เหลวไหลเพียงนี้ดูสิ มันไม่คุ้มกับเจ้าและกองทัพตระกูลจ้านที่ตายไปหรอก!”“พวกเขากล้าก่อปัญหา เจ้าก็โจมตีกลับได้เช่นกัน ให้บทเรียนกับพวกเขาสักหน่อย!”“ด่า
“โอ้โฮ เยี่ยมมาก! สู้แบบนี้มีโอกาสชนะกี่ส่วน?”“แปดเก้าส่วน ด่านเจิ้นกวนมีอู๋ซานหลาง เปี้ยนจื่อผิงพวกเขาคอยประจำการ ข้ายังทิ้งรถให้พวกเขา ขอแค่พวกเขาพาคนขึ้นรถมากหน่อย ไปกลับไม่กี่วันก็กำจัดเมืองของชนเผ่าหมานให้สิ้นซากได้แล้ว!”“ดี กำจัดชนเผ่าให้สิ้นซากก็ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเช่นกัน จากนี้ไปถ้าพวกเขายังคิดรวมตัวกันต่อต้านเจ้าอีก ก็ต้องคำนึงความสามารถของตนเองบ้างแล้วล่ะ!”“กองหน้าสู้ไม่ไหว กองหลังถูกฆ่าล้างทั้งเผ่า กล้ามาสู้กับเจ้านั่นเท่ากับวิ่งเข้าหาความตาย!”“อื้ม!”“เอาละ ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็รีบพักผ่อนเถอะ!”“ขอรับ!”จ้านเฉิงอิ้นพูดคุยกับเย่มู่มู่เสร็จอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาจะไม่รู้สึกเสียใจกับฮ่องเต้น้อยที่เสร็จศึกแล้วจะฆ่าขุนพลอีกตอนนี้เขาไม่มีเวลามานั่งเศร้าโศกเสียใจเขาเรียกตัวเฉินขุย เฉินอู่ เซี่ยเวยและจ้าวเฉียนเข้ามาในกระโจมตั้งแต่คืนนั้นสารลับที่ขุนนางในราชสำนักส่งมาวันนี้ทุกคนได้เห็นหมดแล้วฮ่องเต้น้อยเห็นว่าชื่อเสียงของจ้านเฉิงอิ้นโด่งดังและเหนือกว่าเขา เหนือกว่ากองทัพธงเหลืองเวลานี้กลับจะร่วมมือกับกองทัพธงเหลืองและสังหารเขากองทัพตระกูลจ้าน
เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ เห็นตะเกียงน้ำมันแกว่งอยู่ข้างในรถม้าเสียงประหนึ่งปีศาจร้ายที่คุ้นเคยดังขึ้น “ตื่นแล้ว?”หยางชิงเหอตื่นตกใจลืมตาทันทีเธอ มองเห็นมู่ฉีซิวม่านรถม้าไม่ได้เปิดออก แต่มั่นใจได้ว่าเธอยังอยู่ในพื้นที่ค่ายทหารของกองทัพตระกูลจ้านร่างกายเธออ่อนปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อยไม่รู้ว่ามู่ฉีซิวป้อนยาอะไรเข้าไปให้เธอกิน!“นะ นายอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”มู่ฉีซิวใช้สายตาชั่วร้ายจับจ้องหยางชิงเหอ ทันใดนั้น เขาเอามือบีบคางเธออย่างแรงและดึงเธอขึ้นมาจนได้สบตาเข้ากับแววตาแดงก่ำ โกรธเคืองและชั่วร้ายของเขา“หยางชิงเหอ เธอกล้าแกล้งตายได้ยังไง เธอกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!”หยางชิงเหอหัวเราะ“ทำไมล่ะ พอไม่มีฉัน กองทัพธงเหลืองของนายก็ทำอะไรไม่เป็นแล้วเหรอ?”เขาคลายมือจากหยางชิงเหอและดึงผ้าไหมม้วนออกมาเช็ดมือพร้อมกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “อย่ามองตนเองสำคัญขนาดนั้น ไม่มีเธอ ฉันก็ผลิตออกมาได้เหมือนกัน”“แต่ฉันมองเธอเป็นแฟน ทะนุถนอมดั่งของล้ำค่า ถึงกระทั่งไปสู่ขอกับตระกูลชุยที่ป๋อหลิง พูดคุยกับบิดาและมารดาตระกูลชุยว่าเธอมีความสำคัญกับฉันมากและต้องมาเป็นอนุภรรยารับใช้ของฉันให้ได้!!”“ฉันไปมา
เมื่อจ้านเฉิงอิ้นได้รับรายงานจากเถียนฉินว่า มู่ฉีซิวพยายามลักพาตัวหยางชิงเหอ และเกือบจะทำสำเร็จทั้ง ๆ ที่รอบตัวหยางชิงเหอมีหวังเซิ่ง อดีตไส้ศึกที่เคยแทรกซึมเข้ากองทัพธงเหลืองคอยคุ้มกัน!แต่เขาก็เกือบทำสำเร็จจ้านเฉิงอิ้นรีบลุกจากเตียง และรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุหยางชิงเหอได้รับผลจากยากล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำให้ร่างกายไร้เรี่ยวแรงและมือทั้งสองข้างถูกมัดเนื่องจากถูกโยนลงจากหลังม้า ร่างกายจึงมีรอยถลอกจากการขูดขีดกับก้อนหินหลายแห่งที่คอมีรอยนิ้วมือจากการบีบเค้นอย่างชัดเจนถึงกระนั้น สภาพจิตใจของนางก็ยังถือว่าดีอยู่แม่นางน้อยชุบน้ำจนผ้าเปียกแล้วส่งให้เสี่ยวเถาเสี่ยวเถาร้องไห้ไปพร้อมกับเช็ดรอยถลอกที่หลังมือของหยางชิงเหอจ้านเฉิงอิ้นถามหวังเซิ่ง “เกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าทั้งห้าคนอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของมั่วฝาน มีทั้งความระมัดระวังและฝีมือ แต่ทำไมถึงปล่อยให้มู่ฉีซิวทำสำเร็จ?”หวังเซิ่งก้มหน้าและกล่าวขออภัยต่อจ้านเฉิงอิ้น“ท่านแม่ทัพ พวกเราทั้งห้าคนถูกหลอกให้แยกย้ายกันไป ตอนที่แม่นางหยางกำลังตรวจงานที่โรงงาน พวกเรากระจายกำลังกันเฝ้าระวังอยู่รอบนอก แต่แล้วก็มีกลุ่มคนปรากฏตัวขึ้นและแยก
“แต่ท่านแม่ทัพวางใจเถิด เขาสู้ท่านไม่ได้หรอก!”หยางชิงเหอคิดถึงอนาคตที่มู่ฉีซิวจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อแย่งชิงบัลลังก์...ความฝันอันสวยงามของเขาถูกจ้านเฉิงอิ้นทำลายตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้นเพียงคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็มีความสุข“ท่านแม่ทัพ ท่านกลับไปเถิด พรุ่งนี้พวกเราจะเลือกฤกษ์งามยามดี แล้วลองเผาหม้อน้ำกัน!”“ได้!”คืนนี้ หวังเซิ่งกอดดาบเหิงเตาราชวงศ์ถังนอนเฝ้าหน้ากระโจมของหยางชิงเหอทั้งคืนอีกสี่คนที่อยู่กับเขาก็ไม่ได้หลับเช่นกันคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย พรุ่งนี้แม่นางหยางก็จะจากไปแล้วพวกเขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องกับนางอีกไม่ได้ จะต้องส่งนางกลับไปอย่างปลอดภัย*วันรุ่งขึ้น ประชาชนต่างก็วุ่นวายตั้งแต่เช้าตรู่ขนแร่จากภูเขาแร่และใส่ลงในหม้อน้ำขนาดใหญ่ใต้หม้อน้ำมีการจุดไฟเผาถ่านหิน...เนื่องจากถ่านหินเป็นก้อนเล็ก จึงใช้เวลานานกว่าจะลุกไหม้จนแดงปล่องควันหนึ่งเริ่มมีควันดำลอยขึ้นมาตามมาด้วยปล่องที่สอง สาม และสี่...ปล่องควันทั้งสี่ที่สูงตระหง่านเสียดฟ้า ต่างพ่นควันดำออกมาถ่านหินลุกไหม้จนแดงช่างตีเหล็กต่างตักแร่ใส่หม้อน้ำทีละพลั่วหลังจากการเผาไหม้หลายชั่วยาม หม้อน้
ในขณะที่ทุกคนกำลังโห่ร้องยินดี...หยางชิงเหอกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องตีขึ้นรูปใหม่ แค่เทเหล็กหลอมลงในแม่พิมพ์ แล้วเปิดออกก็จะได้ดาบเล่มใหม่แล้ว”“เพียงแต่ว่า โรงงานถลุงเหล็กแห่งนี้ เดิมทีผลิตมีดทำครัว ซึ่งมีดทำครัวนั้นมีความเหนียวและความแข็งแกร่งสูง โดยเฉพาะมีดทำครัวในยุคแปดศูนย์ ทนทานมาก”“หากเราเปลี่ยนแม่พิมพ์เป็นดาบม่อเตา ดาบเหิงเตาราชวงศ์ถัง หรือกระบี่...”“ก็จะสามารถผลิตออกมาได้อย่างไม่ขาดสาย คนงานเพียงแค่ร่วมแรงกันเปิดแม่พิมพ์ออกเท่านั้นก็พอ”“แม่พิมพ์นี้ต้องขนส่งมาจากยุคปัจจุบัน และต้องทำให้มันเข้ากับเครื่องจักรด้วย ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก!”เธอหันไปมองจ้านเฉิงอิ้น~เธออยู่ในกองทัพตระกูลจ้านมานานพอสมควร จึงรู้เรื่องราวเบื้องลึกอยู่บ้างเช่น สิ่งของจากยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าจ้านเฉิงอิ้นสามารถเชื่อมต่อระหว่างยุคปัจจุบันและยุคโบราณได้!แต่เป็นเพราะเขามีแจกันที่สามารถเชื่อมต่อกับยุคปัจจุบันได้...มีหญิงสาวคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน เป็นลูกเศรษฐี คอยส่งเสบียงมาให้พวกเขาอย่างต่อเนื่องข้อเรียกร้องเดียวคือจ้านเฉิงอิ้นต้องรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่นหญิงสาวคนนั้นช่างใจดีเหลือเกิน ส่งทั้งน้ำ
เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยระดับ 985 ผ่านไป 10 ปี ไม่รู้ว่าความสามารถในการแข่งขันในตลาดยังคงมีอยู่หรือไม่มิเช่นนั้น เธอคงต้องหารายได้สักหน่อยก่อนกลับไปถ้าไม่ได้จริง ๆ คงต้องนำวัตถุโบราณไปขายจะกลับไปยุคปัจจุบันมือเปล่าไม่ได้เด็ดขาดมิฉะนั้น สิบปีของวัยสาวจะสูญเปล่า เงินเก็บก็ไม่มี บ้านก็ซื้อไม่ได้ ข้าวก็ไม่มีจะกินแล้วจะกลับไปทำไมกัน!ถ้าเกิดพ่อแม่ถามขึ้นมาว่า สิบปีที่ผ่านมาเธอหายไปไหนจะตอบอย่างไร?เธอพูดกับจ้านเฉิงอิ้นว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าเห็นว่าในคลังยังมีแม่พิมพ์เก่าอยู่ หากจะสร้างใหม่คงจะยุ่งยาก แต่ข้าสามารถสอนพวกท่านลับแม่พิมพ์ได้!”“แม่พิมพ์นั้นแข็งมาก แม้แต่ในยุคปัจจุบัน ยังต้องใช้เครื่องจักรกลในการผลิต!”“ข้าจะช่วยพวกท่านสร้างแม่พิมพ์หัวลูกศรของหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน ท่านจะให้เงินข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะได้เลื่อนเวลากลับไปอีกสักสองสามวัน!”เหล่าแม่ทัพต่างเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความนัยเดิมทีพวกเขาอยากจะรั้งตัวแม่นางหยางไว้สักระยะหนึ่งแต่เมื่อได้เอ่ยปากสัญญาว่าจะส่งนางกลับในตอนค่ำไปแล้วตอนนี้เมื่อภารกิจสำเร็จลุล่วง พวกเขาก็ไม่อาจกลับคำพูดได้ตอนนี้แม่นางหยางเอ่ยปา
นางตะโกนด้วยความยินดี “เสี่ยวเถา ชีเหนียง หยางซี... ข่าวดี! ต่อไปข้าจะเป็นแม่ทัพที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก เป็นแม่ทัพหญิงเพียงหนึ่งเดียว!”“ข้าก็จะมีที่ดินศักดินาและคฤหาสน์!!”“ชื่อของข้าจะต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ปรากฏอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”“ข้าดีใจมาก รู้อย่างนี้ ข้าควรจะเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้านให้เร็วกว่านี้!”ทุกคนมองดูหยางชิงเหอวิ่งออกไปด้วยความยินดี ต่างก็เผยรอยยิ้มสตรีในยุคนี้ ส่วนใหญ่อยู่แต่ในเรือนอย่างสงบ ไม่ค่อยออกไปเผชิญโลกภายนอกจุดจบของพวกนางก็ไม่พ้นการถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์หากมีสตรีอย่างหยางชิงเหอกลายเป็นแม่ทัพหญิงขึ้นมาจริง ๆ จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแผ่นดินนี่เป็นเรื่องดี!ท่านเทพเคยกล่าวไว้ โลกของพวกเขามีความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงท่านเทพสืบทอดทรัพย์สมบัติมหาศาลจากบิดามารดา จึงมีเงินมากมายมาช่วยเหลือพวกเขาและมั่วฝาน ผู้ที่เคยเห็นโลกที่ชายหญิงเท่าเทียมกัน เป็นผู้ที่มีสิทธิ์พูดมากที่สุดเพราะเขาอาศัยอยู่ในยุคปัจจุบันเป็นเวลาหนึ่งเดือนบนถนนหนทาง เขาเห็นสตรีขับรถยน
อันที่จริง ฮ่องเต้ทรงต้องการให้จ้านเฉิงอิ้นกำจัดกองทัพเผ่าหมานเผ่าหมานต่างหากที่จะสั่นคลอนรากฐานของต้าฉี่แน่นอนว่า เผ่าหมานเข้ามาในต้าฉี่ได้ก็เพราะฮ่องเต้ทรงอนุญาต เพื่อที่จะล้อมปราบจ้านเฉิงอิ้นใครจะไปรู้...การล้อมปราบกลับล้มเหลว!เชิญเทพมาง่าย แต่ส่งเทพกลับยาก!กองทัพเผ่าหมานสองแสนนายหันกลับมาโจมตีเมืองหลวง ตอนนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงสองร้อยลี้ดังนั้น ข้อเสนอของจ้านเฉิงอิ้น ฮ่องเต้จะต้องทรงยินยอมอย่างแน่นอนกองทัพตระกูลจ้านสังหารกองทัพธงเหลือง เป็นการขจัดเสี้ยนหนามในพระทัยของฮ่องเต้หากกำจัดเผ่าหมานได้ ฮ่องเต้ก็จะไม่มีอะไรต้องกังวลอีกดังนั้น ไม่ว่าจ้านเฉิงอิ้นจะเสนออะไร ตราบใดที่ไม่ใช่การยึดราชบัลลังก์เขาก็จะทรงยินยอม!จ้านเฉิงอิ้นกล่าวว่า “ผู้บัญชาการลั่วกลับไปรายงานเขา ข้าจะกำจัดเผ่าหมาน และจะช่วยเหลือตัวประกันหลายหมื่นคนออกมา”“เพียงแค่ฮ่องเต้ทรงอนุญาตตามข้อเสนอของข้า!”ผู้บัญชาการลั่วและหวงกงกงก็วางใจลงได้ในที่สุดใครจะคาดคิด จ้านเฉิงอิ้นกลับเปลี่ยนน้ำเสียง “การปราบปรามผู้ลี้ภัยคือทอง เงิน และอัญมณีล้ำค่าหนึ่งร้อยหีบ แต่การสังหารเผ่าหมานม่อเป่ยเป็นราคาอีกอย่าง
ทว่าหวงกงกงก็ทำได้เพียงตะโกนก้องอยู่ในใจ ไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำนี่คือดินแดนของกองทัพตระกูลจ้าน ด้านนอกมีกองทหารสองแสนนาย หากเขาพูดมากไปกว่านี้แม้เพียงประโยคเดียว วันนี้คงไม่ได้ออกจากที่นี่เขาสั่นเทาพลางกล่าวขออภัยต่อเฉินขุย “ขะ...ข้าน้อยจะกลับไปทูลฝ่าบาทขอรับ”“เอาเถิด ข้าก็จะไม่ทำร้ายขันทีอย่างเจ้า เอาอย่างนี้ ให้เขาส่งตัวบิดามารดาของข้า และครอบครัวของท่านแม่ทัพใหญ่ รวมถึงพี่ใหญ่... ส่งมาให้หมด!”“อีกอย่าง ราชโองการสำนึกผิดอย่าได้ลืม ต้องเขียนก็ต้องเขียน ตอนที่ราชบัลลังก์และชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยังคิดจะนั่งอยู่ในตำแหน่งอย่างสบาย ๆ อีกหรือ ให้เขาทำอะไรก็ต้องทำ!”“สุดท้าย ท่านแม่ทัพใหญ่และเหล่าแม่ทัพสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่แก่ต้าฉี่ สมควรได้รับการเลื่อนบรรดศักดิ์ ได้รับบำเหน็จรางวัล จะงดเว้นที่ดินพันครัวเรือนไม่ได้เลย แม้แต่หนึ่งหมู่ก็ต้องมอบให้ครบ!” “เจ้ากลับไปบอกเขา หากตกลงตามนี้ กองทัพตระกูลจ้านจะส่งทหารไปปราบปรามผู้ลี้ภัยทันที”“หากไม่ตกลง ก็ให้เขาหาทางอื่นเอาเอง ก็รอให้ผู้ลี้ภัยในเมืองหลวงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน!”หวงกงกงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากไม่หยุด สั่นเท
มั่วฝานทอดสายตาไปยังหวงกงกง ก่อนจะเหลือบมองลั่วปิน แล้วคลี่พัดออกโบกเบา ๆรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏบนใบหน้า“เฮอะ ทำไม ยามนี้ราชสำนักคิดจะใช้งานท่านแม่ทัพใหญ่อีกแล้วหรือ?”“ตอนที่เชื้อเชิญแคว้นเยี่ยนและเผ่าหมานมาร่วมกันกำจัดกองทัพตระกูลจ้าน เหตุใดจึงไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งจะต้องพึ่งพาท่านแม่ทัพใหญ่?”“ตอนนี้เพียงแค่มีราชโองการก็คิดจะให้ท่านแม่ทัพไปปราบปรามผู้ลี้ภัย ไยถึงได้คิดตื้นเขินยิ่งนัก?”“ราชสำนักมัวแต่กอบโกยผลประโยชน์ พอถึงคราวที่ต้องพึ่งพาท่านแม่ทัพใหญ่ ก็ใช้เพียงราชโองการฉบับเดียว หวังจะให้ท่านแม่ทัพใหญ่เอาชีวิตเข้าแลก”“ยามที่ไม่ต้องการใช้งานท่านแม่ทัพใหญ่ แม้แต่กองกำลังรักษาเมืองก็ยังถูกส่งออกมา เพียงเพื่อหวังจะกำจัดท่านแม่ทัพใหญ่ให้สิ้นซาก!”“ฮ่องเต้ไม่เคยคิดถึงวันนี้เลยหรือ?”“แล้วนี่อะไรกัน ไม่มีสิ่งใดตอบแทน เพียงกระดาษแผ่นเดียวก็หวังจะให้ท่านแม่ทัพใหญ่เอาชีวิตเข้าแลก เจ้ากลับไปบอกเขา....”“ให้ฮ่องเต้ทรงเขียนราชโองการสำนึกผิด ประกาศต่อใต้หล้า ขอโทษต่อบรรพบุรุษและราษฎรของราชวงศ์ต้าฉี่”“ต้องเขียนให้ชัดเจนว่า ฮ่องเต้ทรงร่วมมือกับกองทัพธงเหลืองอย่างไร เชิญแคว้นเยี่ยน
แม่ทัพใหญ่จ้านเฉิงอิ้นหวังให้เขาอย่าเพิ่งมองการณ์ไกล ยึดเมืองหลวงแคว้นฉู่ให้ได้เสียก่อนเมื่อยึดได้แล้ว จงรักษาเมืองไว้ให้มั่นครั้นจ้านเฉิงอิ้นสะสางเรื่องราวในแคว้นต้าฉี่เสร็จสิ้น แคว้นแรกที่จะยกทัพไปตีก็คือต้าฉู่สำหรับกองทัพตระกูลจ้านผู้เกรียงไกรในใต้หล้า การเปิดฉากศึกแรกด้วยชัยชนะอันงดงาม ยึดครองแคว้นต้าฉู่ที่เคยยิ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งมาไว้ในกำมือ จะเป็นขวัญและกำลังใจอันยอดเยี่ยมแก่เหล่าทหารขณะนั้นเอง พลทหารนายหนึ่งควบม้าเข้ามาหน้าประตู “รายงาน ท่านแม่ทัพใหญ่ มีราชโองการจากฮ่องเต้ขอรับ”บรรดาแม่ทัพต่างลุกขึ้นยืน สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่ได้เพียงสามวัน เมื่อวานเพิ่งสังหารกองทัพธงเหลืองจนสิ้น วันนี้ฮ่องเต้ก็ทรงมีราชโองการมาหรือว่าฮ่องเต้ทรงมีสายลับอยู่ในกองทัพ?ข่าวช่างรวดเร็วเหลือเกินครั้งนี้ กองกำลังรักษาพระองค์เป็นผู้นำขันทีคนสนิทของฮ่องเต้มาอ่านราชโองการด้วยตนเององครักษ์มีจำนวนสองร้อยนาย ขันทีสามคน!เหล่าองครักษ์และขันทีต่างเหลือบมองรถม้าบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่จอดเรียงรายอยู่ตามถนนพวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ดูไม่ธรรมดาอย่าง
ครั้งก่อนที่เขาส่งเสบียงไปให้ จ้านเฉิงอิ้นสั่งให้หลี่หยวนจงบุกเข้าไปในพระราชวังต้าฉู่ กวาดล้างจวนขุนนางต่าง ๆ และยึดเมืองหลวงของแคว้นฉู่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?ถ้าเขายังคงโง่เขลารอให้ฉู่อ๋องกลับมา เพื่อที่จะวางระเบิดสังหารเขากลางทางพวกเขาอาจจะถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นหวังว่าหลี่หยวนจงจะฉลาดพอและยังมีอีกเรื่องหนึ่ง มั่วฝานได้รับจดหมายลับจากด้านเจิ้นกวน!นักฆ่าสองคนที่มั่วฝานส่งไป ฉือซานและฉือลิ่ว เดินทางถึงด่านเจิ้นกวนอย่างราบรื่นพวกเขาจอดรถไว้นอกเมืองก่อน และลอบเข้าไปในเมืองในตอนกลางคืนพวกเขาไม่ได้รบกวนใครขณะเข้าเมือง และตรงไปยังค่ายพักของอดีตลูกน้องสวีหวยสังหารคนไปหลายคนในคืนเดียววันรุ่งขึ้น เมื่ออดีตลูกน้องของสวีหวยตื่นขึ้นมา พบว่ามีแม่ทัพเสียชีวิตถึงสามคน ทุกคนต่างตกตะลึงพวกเขาบอกว่าอู๋ลี่เป็นคนฆ่าคนของพวกเขาแต่คนของอู๋ลี่กลับไม่ยอมรับพวกเขาก็เลยสู้กันอีกจากเดิมที่มีแม่ทัพสิบคน เหลืออยู่เจ็ดคน ในระหว่างการต่อสู้ ก็มีคนถูกฆ่าตายไปอีกสองคนอย่างปริศนาคนที่เหลืออีกห้าคนถึงได้รู้ตัวคนของพวกเขากำลังถูกปองร้าย ถูกลอบสังหาร!พวกเขาไม่กล้าประมาทอีกต่อไป และย
เมื่อเห็นเหวินเหลียนเยว่กำลังทำงานอยู่เขาก็เริ่มทำงานบ้าง!อาจเป็นเพราะครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุน หรือได้รับการถ่ายทอดมาในครอบครัว หรือไม่ก็อาจเป็นพรสวรรค์เขาให้เย่มู่มู่ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพหลายแห่งก่อนครึ่งหนึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยี อีกส่วนหนึ่งเป็นบริษัทด้านการแพทย์และพลังงานเย่มู่มู่เพิ่งค้นพบว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่บ้านเกิดของเธอจู่ ๆ ก็มีบริษัทหนึ่งผุดขึ้นมา ซึ่งมีธุรกิจทับซ้อนกับกลุ่มฟู่ลี่กรุ๊ปน่าแปลกที่บริษัทนี้ดำเนินกิจการได้ค่อนข้างดีจางเฉินซีกล่าวว่า “รายได้ของบริษัทนี้เพิ่มขึ้นสิบเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อไม่นานมานี้ ยังไม่ค่อยมีใครสนใจบริษัทนี้เท่าไหร่ ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าซื้อหุ้น”“เมื่อรัฐบาลประกาศรายชื่อบริษัทสำคัญด้านพลังงานใหม่ ราคาหุ้นของบริษัทนี้จะพุ่งสูงขึ้น!”เขาแนะนำให้เย่มู่มู่ซื้อหุ้นของบริษัทนี้อย่างต่อเนื่องเย่มู่มู่จึงมอบบัญชีหุ้นให้เขาจัดการโดยตรงช่วงบ่าย พวกเขายังคงทำงานต่อ แต่เธอจำเป็นต้องออกไปข้างนอกสินค้าที่สั่งไว้เมื่อวานมาถึงแล้ว และส่วนหนึ่งถูกขนส่งไปยังโกด
จางเฉินซีหันกลับไปมองเหวินเหลียนเยว่ พลางยกนิ้วโป้งให้“กล้าทำเรื่องสำคัญขนาดนี้โดยไม่บอกที่บ้านก่อนเนี่ย... เธอมันแน่จริง ๆ”เหวินเหลียนเยว่ยกไหล่ “ก็ไม่นี่คะ ต่อให้พวกเขารู้ ก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่ดี”“ทำไมเธอถึงได้มั่นอกมั่นใจขนาดนี้นะ?”“ก็งานนี้ผู้อาวุโสมู่เป็นคนแนะนำให้ฉันเองนี่นา พวกเขาก็เป็นลูกศิษย์เขาทั้งนั้น จะกล้าขัดใจได้ยังไง?”จางเฉินซีได้แต่ตอบกลับอย่างขัดเขินว่า “สุดยอด!”ระหว่างขับรถ จางเฉินซีก็เหลือบมองหลูหมิงเป็นระยะหลูหมิงสวมชุดลำลองธรรมดา ๆ บนเสื้อยังมีโลโก้สามร้อยหกสิบองศา ติดอยู่ ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าผ้าใบทั่วไปของรองเท้ายี่ห้อเท่อปู้ดูยังไงชุดนี้ก็ราคาไม่เกินห้าร้อยหยวน“น้องชายคนนี้ชื่ออะไรเหรอ?”หลูหมิงไม่ได้สนใจเขา รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูเหลาะแหละไม่น่าไว้ใจความประทับใจแรกของเขาที่มีต่อจางเฉินซีจึงไม่ค่อยดีนักเย่มู่มู่แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน “เขาชื่อหลูหมิง เป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉัน!”“ว้าว! บอดี้การ์ดเหรอเนี่ย น้องหลูหมิงฝีมือเป็นยังไงบ้าง? ไว้เรามาประลองกันหน่อยไหม ฉันเองก็เคยได้สายดำเทควันโดนะ!”หลูหมิงที่เงียบมาตลอดทาง จู่ ๆ ก
หลังจากจางเฉินซีเซ็นสัญญาเข้าทำงานแล้ว เลขาที่ผู้อาวุโสมู่แนะนำไว้ก็มาถึงเดิมทีเย่มู่มู่คิดว่า จะเป็นประเภทเดียวกับเวินลี่ เป็นประเภทหญิงสาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถรอบด้านผู้ที่มาเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้ากลมเล็ก ใส่แว่นตากรอบดำ สวมเสื้อฮู้ดสีขาว ดูเหมือนจะเป็นนักศึกษานึกไม่ถึงเลยว่าเลขาจะอาศัยอยู่ในประเทศที่สวยงามในแถบยุโรปมาตั้งแต่เด็ก และเติบโตที่นั่นเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยการเมืองและกฎหมายจีนตะวันออก เรียนจบและเข้าทำงานที่สำนักงานกฎหมายชั้นนำ มีใบอนุญาตทนายความความสามารถของเธอสามารถเปิดสำนักงานทนายความได้ด้วยตนเองสาวน้อยคนนี้เป็นคนที่เงียบอย่างมาก หน้าตาน่ารัก และเป็นสาวน้อยที่สวยคนหนึ่งพอพวกเขาเซ็นสัญญากันเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตามเย่มู่มู่ไปเมื่อจางเฉิงซีมาถึงที่หน้ารถของเย่มู่มู่ ก็มองเห็นมายบัคแบบโบราณคันหนึ่ง จึงส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ“ฉันไม่ได้ขับรถสับปะรังเคที่เก่าขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย!”พอเขากล่าวจบ ก็ถูกคุณปู่เขกด้วยไม้เท้าอีกครั้ง“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นไม่ต้องขับแล้ว ให้มู่มู่ไป!”“คุณปู่ นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่คุณแม่ซื