หลูซียืนตรงหน้าเย่มู่มู่และพูดกับเธอ “ไม่กี่คนเหล่านั้นเคยผ่านการฝึกต่อสู้!”ผู้อาวุโส่มู่ยิ้มแย้มกล่าว “หนุ่มน้อย สายตาไม่เลวเลยนี่ พวกเขาเคยผ่านการฝึกจริง!”จากนั้น เขาหันมองมวยผมประดับกวานบนศีรษะและจี้หยกมังกรพันประดับทองตรงเอวของมั่วฝาน“เด็กหนุ่มคนนี้ ผมขอดูหยกแขวนของคุณหน่อยได้ไหมครับ…”อ๋อ เย่มู่มู่ยังคิดอยู่ว่าทำไมเขาถึงอยู่รอทั้งที่ท้องฟ้าเริ่มค่ำแล้วที่แท้วัตถุโบราณบนตัวรัฐทายาทน้อยเตะตาเขานั่นเองมั่วฝานเป็นคนฉลาดจึงรู้ว่าภูมิหลังของผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ธรรมดาเพราะเขาผู้นี้ที่ทำให้พวกเขาออกจากสถานีตำรวจได้อย่างรวดเร็วเขาดึงหยกแขวนออกจากเอวแล้วโยนสะบัดให้ผู้อาวุโสมู่“ขอบคุณในความช่วยเหลือของท่านเมื่อครู่นี้ หยกแขวนชิ้นนี้ถือเป็นรางวัลแก่ท่าน!”เย่มู่มู่ถึงกับกระทืบเท้าอย่างร้อนใจวัตถุโบราณหยกแขวนอันเป็นมรดกสืบทอดกว่าสองพันปี ยกให้คนอื่นเปล่า ๆ อย่างนี้เลยเหรอเขารู้ไหมว่ามีมูลค่าเท่าไหร่?ช่างลูกที่ล้างผลาญเงินพ่อแม่ผู้อาวูโสมู่รับหยกแขวนไว้อย่างดีใจ ครั้นเดินมาถึงใต้เสาไฟข้างถนนก็มองดูอย่างละเอียด เป็นหยกแขวนประดับทองมีมังกรพันรอบ ปากคาบหยกแขวน หยกแขวนมีการ
สุดท้ายเย่มู่มู่เรียกแกร็บคาร์และส่งพวกเขาไปยังที่จอดรถของโรงแรมระดับห้าดาวหลูซีมองตึกสูงที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างรถยนต์ด้วยแววตาที่เป็นประกายแวววับส่วนรัฐทายาทน้อยเป็นคนเข้ากับคนง่ายและเริ่มสนทนาพูดคุยกับคนขับรถ“ผู้อาวุโสท่านนี้ ท่านมีใบขับขี่หรือไม่?”คนขับรถเป็นวัยกลางคน เขาหันมามองมั่วฝานหนึ่งทีรูปร่างหน้าตาก็เหมือนคน แต่เหมือนสมองจะมีปัญหา“เด็กหนุ่มคนนี้ ถามอะไรประหลาดจริง ฉันไม่มีใบขับขี่จะกล้ามาขับแกร็บคาร์เหรอ?!”“อ๋อ เช่นนั้นแล้วใบขับขี่ของท่านได้มาอย่างไรหรือ?”“สอบไงล่ะ หาโรงเรียนสอนขับรถและจ่ายเงิน เริ่มสอบตั้งแต่ทฤษฎีเกี่ยวกับกฎจราจร 1…ง่ายมาก ฉันสอบสองเดือนก็ได้ใบขับขี่มาแล้ว!”ดวงตามั่วฝานพลันลุกวาว เขาหันมามองเย่มู่มู่“ท่านเทพ ข้าอยากสอบใบขับขี่”เย่มู่มู่ “…”*พวกเขาเดินทางมาถึงโรงแรมและขับรถกระบะออกจากที่จอดรถเย่มู่มู่ส่งมั่วฝานกับหลูซีไว้ที่ศูนย์การค้าจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยและเสื้อผ้ารองเท้ายอดนิยมโดยเฉพาะก่อน ซึ่งอยู่ข้าง ๆ โรงแรมระดับห้าดาวเธอให้พวกเขาหาซื้อเสื้อผ้าก่อน จากนั้นค่อยพากลับไปชำระล้างตัวและมีเสื้อผ้าสับเปลี่ยนที่คฤหาสน์ขนาดของศูน
“แม่ทัพเฉินขุย…เป็นยา ท่านเทพส่งยามาให้!”“ยาเยอะมาก ยาที่เราเก็บบนรถบรรทุกตอนแรกก็เหลือไม่มากแล้ว ทหารบาดเจ็บกำลังประสบสภาวะขาดแคลนยารักษา ไม่คิดเลย ฮ่า ๆ ๆ ท่านเทพส่งมาทันเวลาจริง ๆ !”“ดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมียูกยาเหล่านี้ ทหารที่บาดเจ็บก็จะได้รับการรักษาที่ทันท่วงที”“แม่ทัพล่ะ? ฟื้นหรือยัง?”“ยังเลยขอรับ แต่สัญญาณชีพคงที่แล้ว”เย่มู่มู่พลันนึกได้บางอย่าง เธอหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาแล้วลงมือเขียน มั่วฝานกับหลูซีอยู่กับเธอ เธอจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ขอให้พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงหลังจากเธอส่งข้ามไปก็ได้ยินเสียงร้องก้องกังวานของผู้ชาย“จวงเหลียง ดูเร็วเข้า มั่วฝานกับหลูซีอยู่กับท่านเทพทั้งสองคน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้พวกเขาสุขสบายดีมาก!”“ท่านเทพจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี!”“ตอนนี้เมื่อรู้แล้วว่ารัฐทายาทกับหลูซีอยู่ที่ไหน ข้าก็วางใจแล้ว! เวลานี้รอเพียงแม่ทัพตื่นขึ้นมา”จวบจนฝั่งนั้นไม่ส่งเสียงใด ๆ มาอีก เย่มู่มู่จึงอุ้มแจกันขึ้นมาวางข้างที่นั่งคนขับ และกลับไปหามั่วฝานกับหลูซีที่ศูนย์การค้าเธอไปร้านที่หลูซีซื้อเสื้อผ้าก่อน แต่พบว่าไม่เห็นหลูซีเธอเข้าไปใกล้ร้านขายรองเท้าที่มั
พี่สาวมีเงินเห็นเย่มู่มู่ช่วยเขาจ่ายค่ารองเท้าจริง ๆ เลยดึงตัวเธอไปข้าง ๆ อย่างไม่ยอมจำนนริมฝีปากสีแดงอันใหญ่ของเธอกล่าว “น้องสาว ฉันให้เธอห้าแสน เธออย่างแย่งฉันเลยนะ รูปร่างหน้าตาผิวพรรณอ่อนนุ่มของเขาแบบนี้ ฉันไม่ขาดทุนหรอก…”เย่มู่มู่กล่าวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ไม่ได้ค่ะ!”“เธอไม่เชื่ออีกเหรอว่าฉันมีกำลัง?”พี่สาวมีเงินกัดฝันหยิบโทรศัพท์เปิดยอดเงินคงเหลือในธนาคารให้เย่มู่มู่ดูโห~ห้าร้อยกว่าล้าน!มีเงินสดหลักร้อยล้านในเมืองนี้ นับว่าเป็นกลุ่มคนชนชั้นสูงอย่างแท้จริง“น้องสาว เธออย่างแย่งฉันเลยหน่า! ฉันมีเงิน เธอสู้ไม่ไหวหรอก!”เย่มู่มู่มองหน้ามั่วฝานอีกครั้ง ริมฝีปากของเขาเป็นสีแดง ฟันขาว เกล้าผมเป็นมวยประดับกวานทองและมีปอยผมร่วงลงมาสองสามเส้นเขามีใบหน้าสวยละมุน เกิดมาในชาติตระกูลชนชั้นสูง พร้อมด้วยตำแหน่งท่านชายที่สืบทอดบรรดาศักดิ์มาจากบรรพบุรุษและมีสง่าราศีเด่นเป็นล้นพ้น!เมื่อปล่อยเขาอยู่ท่ามกลางผู้คน สามารถเป็นที่น่าจดจำได้จะว่าไปแล้ว เจ้าหนุ่มคนนี้ก็มีหน้าตาหล่อเหลาไม่เบา!ไม่แปลกใจเลยทำไมพี่สาวมีเงินถึงติดกับ“พี่คะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้”“นี่คือกำลังของฉัน ฉ
เย่มู่มู่กับพนักงานยังคิดว่าฟังผิดเดี๋ยวก่อน~โต๊ะข้าง ๆ เป็นการรวมตัวกินข้าวของบริษัท มีตั้งหลายสิบคนและเอาโต๊ะสองสามตัวมาต่อเข้าด้วยกัน“หนุ่มน้อย สั่งมากขนาดนั้นกินหมดเหรอคะ?”พนักงานมองเด็กอายุสิบสี่สิบห้าพร้อมกล่าวด้วยความประหลาดใจ “สั่งเยอะขนาดนี้ กินทิ้งกินขว้างไม่ได้นะ”เย่มู่มู่รู้ว่าเมื่อก่อนเขามีชีวิตที่ยากลำบาก อาหารมากมายเพียงนี้กินไม่หมดแน่แต่เมื่อเขาอยากกินเลยสั่งมาให้ทั้งหมด“เอาแบบเดียวกันทุกอย่างค่ะ ถ้ากินไม่หมดค่อยห่อกลับบ้านค่ะ!”“ค่ะ รบกวนรอสักครู่!”หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที เย่มู่มู่ตกตะลึงตาค้างที่เห็นหลูซีกินหมูหันจนหมดในเวลาเพียงสั้น ๆตอนแรกเขาใช้ตะเกียบคีบทีละแผ่นอย่างสุภาพ จากนั้นเริ่มใช้มือกินขาหมูเพียงไม่กี่นาทีเขากินหมูทั้งตัวจนหมดเกลี้ยงต่อด้วยไข่เยี่ยวม้า ปลาย่าง ห่านย่าง หัวกระต่ายตุ๋น ไก่ผัดหม่าล่า…เพียงเวลาครึ่งชั่วโมงกว่า มีจานชามใบใหญ่สิบกว่าอันวางซ้อนกันตรงหน้าเขาอาหารจานหลักทั้งโต๊ะถูกเขากินจนไม่เหลือและยังสั่งข้าวสวยเพิ่มหนึ่งถัง น้ำชาหนึ่งกา…หลังจากกินหมดแล้ว เขานั่งที่เก้าอี้อย่างสุขสบาย แหงนท้องโตและส่งเสียงเรอคำใหญ่
“ได้ยินกันหรือเปล่า? เขาไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารให้พวกคุณ รีบไสหัวออกไปซะ ก่อนที่จะไม่ได้ออกจากร้านนี้!”สาวงามเจ็ดแปดคนที่แต่งตัวเย้ายวนพร้อมใจกันเบะปาก ยิ้มเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูก“ดูหน้าตาก็ดูดีอยู่หรอก แต่ถ้าไม่มีเงินก็บอกมาตั้งแต่แรกสิ จะได้ไม่เสียเวลาฉัน!” “นั่นสิ อุตส่าห์มาที่ร้านแบบนี้ หวังจะเจอคนรวยหน่อย ๆ ตอนนี้แม้แต่ค่าทิปยังไม่ได้สักบาท!” “ซวยจริง ๆ ดันไปอ่อยคนจนเข้าให้!” พวกเธอพากันบิดเอวเดินจากไปอย่างไม่แยแสเย่มู่มู่กล่าวกับพนักงานร้านด้วยความรู้สึกผิด “ของพวกนี้ไม่เอาแล้วค่ะ เอาเก็บกลับไปได้เลย”จากนั้นเธอก็พามั่วฝานกับหลูซีออกมาจากร้าน และให้พวกเขาขึ้นรถบรรทุกขนาดเล็กระหว่างขับรถ เย่มู่มู่ก็เริ่มอธิบายให้สองคนจากยุคโบราณเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การเอาตัวรอดในโลกยุคใหม่“สาว ๆ ที่หน้าตาสวยดูดี ไม่ควรไว้ใจ โดยเฉพาะคนที่แต่งตัวเซ็กซี่ โชว์เนื้อหนัง หรือแต่งตัวเย้ายวนเกินไป”“พวกเธอทำงานในร้านแบบนี้ ซึ่งในโลกของพวกเจ้า ก็เหมือนกับสาว ๆ ในหอนางโลมในยุคโบราณนั่นแหละ”ในยุคโบราณ หญิงสาวในหอนางโลมหลายคนถูกบีบคั้นด้วยความยากลำบากในชีวิต ต้องขายตัวเพื่อเอาชีวิ
“ลำบากท่านแล้ว เอาไปแบ่งกินกับยามที่เฝ้าเวลากลางคืนด้วยนะคะ”พี่ซุนรับถุงอาหารไปด้วยความยินดี “ได้เลย ขอบคุณมากนะครับ!”เย่มู่มู่ขับรถต่อไปจนถึงโกดัง เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วมั่วฝานและหลูซีก็กระโดดลงจากรถก่อนจากนั้นเย่มู่มู่เปิดประตูรถ หยิบแจกันลงมาจากนั้น เย่มู่มู่เปิดประตูม้วนของโกดังขึ้นภายในโกดัง มีกล่องรองเท้าหลายร้อยกล่องเรียงกันอย่างเป็นระเบียบชุดสำเร็จรูปครึ่งร้านถูกบรรจุลงในกล่องกระดาษขนาดใหญ่ทั้งหมดเย่มู่มู่วางแจกันลง “แจกันนี้ดูเหมือนจะอัพเกรดได้แล้วนะ ข้าสามารถได้ยินเสียงรอบตัวจ้านเฉิงอิ้นได้!”“และยังสามารถเก็บเสบียงได้ ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง หากจ้านเฉิงอิ้นต้องการ ก็สามารถหยิบออกมาใช้ได้ตลอดเวลา” เมื่อมั่วฝานและหลูซีได้ยินดังนั้น ก็ดีใจจนออกนอกหน้ามั่วฝานรีบถามนางทันที“ท่านเทพ ท่านหมายความว่าต่อไปนี้หากท่านแม่ทัพต้องการเสบียง ก็ไม่ต้องขับรถตามหลัง สามารถหยิบออกมาใช้ได้ทันที ใช้เสร็จแล้วก็สามารถเก็บกลับเข้าไปได้อีกหรือ?” “ใช่”เย่มู่มู่วางมือลงบนแจกัน เธอหลับตาลง สัมผัสได้ถึงพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหมอกจาง ๆ แต่ก็กว้างขวางมาก!มั่วฝานดีใจเดินวนรอบแจกัน
หลังจากพ่อแม่ตายไป เย่มู่มู่ก็ใช้ชีวิตอย่างเลอะ ๆ เลือน ๆ มาตลอดจึงไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรกว่าในบ้านมีสิ่งของเพิ่มขึ้นมาโดยไร้สาเหตุยกตัวอย่างเช่นบางครั้งก็เป็นกระดาษเหลืองโบราณที่เขียนรายงานเกี่ยวกับการรบ ภัยแล้งและทุพภิกขภัยด้วยอักษรตัวเต็มบางคราก็เป็นเศษชามกระเบื้องเก่า ๆ ที่แตกไปครึ่งหนึ่งมีหนหนึ่งที่จู่ ๆ ในบ้านก็มีเศษดาบเปื้อนเลือดปรากฏขึ้นมาเธอถึงได้ค้นพบด้วยความตกอกตกใจ นึกว่าในบ้านมีผีแล้วเสียอีก!วันนี้ตอนกลางวันแสก ๆ ในบ้านอยู่ดี ๆ ก็มีเสื้อชั้นในยุคโบราณเปื้อนเลือดโผล่มา เสื้อชั้นในตัวนั้นมีสีออกเหลืองเปื้อนคราบเหงื่อไคลมือเธอไปสัมผัสโดนเข้าพอดี~อ้าก~เสื้อยังอุ่นอยู่เลย!เลือดก็อุ่นเหมือนกัน!เย่มู่มู่กรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจนานทีเดียว จนกระทั่งในบ้านไม่มีสิ่งของโผล่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอีก เธอถึงสงบสติเย็นลงได้เย่มู่มู่หยิบเสื้อชั้นในขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แน่ใจว่าเป็นเสื้อชั้นในแบบโบราณ เป็นของผู้ชาย เจ้าของเสื้อชั้นในตัวนี้สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ช่วงไหล่กว้างจุดที่เสื้อชั้นในปรากฏขึ้นคือ พาดอยู่บนปากแจกันดอกไม้ใบเขื่องตรงมุมห้องรับแขก
“ลำบากท่านแล้ว เอาไปแบ่งกินกับยามที่เฝ้าเวลากลางคืนด้วยนะคะ”พี่ซุนรับถุงอาหารไปด้วยความยินดี “ได้เลย ขอบคุณมากนะครับ!”เย่มู่มู่ขับรถต่อไปจนถึงโกดัง เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วมั่วฝานและหลูซีก็กระโดดลงจากรถก่อนจากนั้นเย่มู่มู่เปิดประตูรถ หยิบแจกันลงมาจากนั้น เย่มู่มู่เปิดประตูม้วนของโกดังขึ้นภายในโกดัง มีกล่องรองเท้าหลายร้อยกล่องเรียงกันอย่างเป็นระเบียบชุดสำเร็จรูปครึ่งร้านถูกบรรจุลงในกล่องกระดาษขนาดใหญ่ทั้งหมดเย่มู่มู่วางแจกันลง “แจกันนี้ดูเหมือนจะอัพเกรดได้แล้วนะ ข้าสามารถได้ยินเสียงรอบตัวจ้านเฉิงอิ้นได้!”“และยังสามารถเก็บเสบียงได้ ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง หากจ้านเฉิงอิ้นต้องการ ก็สามารถหยิบออกมาใช้ได้ตลอดเวลา” เมื่อมั่วฝานและหลูซีได้ยินดังนั้น ก็ดีใจจนออกนอกหน้ามั่วฝานรีบถามนางทันที“ท่านเทพ ท่านหมายความว่าต่อไปนี้หากท่านแม่ทัพต้องการเสบียง ก็ไม่ต้องขับรถตามหลัง สามารถหยิบออกมาใช้ได้ทันที ใช้เสร็จแล้วก็สามารถเก็บกลับเข้าไปได้อีกหรือ?” “ใช่”เย่มู่มู่วางมือลงบนแจกัน เธอหลับตาลง สัมผัสได้ถึงพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหมอกจาง ๆ แต่ก็กว้างขวางมาก!มั่วฝานดีใจเดินวนรอบแจกัน
“ได้ยินกันหรือเปล่า? เขาไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารให้พวกคุณ รีบไสหัวออกไปซะ ก่อนที่จะไม่ได้ออกจากร้านนี้!”สาวงามเจ็ดแปดคนที่แต่งตัวเย้ายวนพร้อมใจกันเบะปาก ยิ้มเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดูถูก“ดูหน้าตาก็ดูดีอยู่หรอก แต่ถ้าไม่มีเงินก็บอกมาตั้งแต่แรกสิ จะได้ไม่เสียเวลาฉัน!” “นั่นสิ อุตส่าห์มาที่ร้านแบบนี้ หวังจะเจอคนรวยหน่อย ๆ ตอนนี้แม้แต่ค่าทิปยังไม่ได้สักบาท!” “ซวยจริง ๆ ดันไปอ่อยคนจนเข้าให้!” พวกเธอพากันบิดเอวเดินจากไปอย่างไม่แยแสเย่มู่มู่กล่าวกับพนักงานร้านด้วยความรู้สึกผิด “ของพวกนี้ไม่เอาแล้วค่ะ เอาเก็บกลับไปได้เลย”จากนั้นเธอก็พามั่วฝานกับหลูซีออกมาจากร้าน และให้พวกเขาขึ้นรถบรรทุกขนาดเล็กระหว่างขับรถ เย่มู่มู่ก็เริ่มอธิบายให้สองคนจากยุคโบราณเข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การเอาตัวรอดในโลกยุคใหม่“สาว ๆ ที่หน้าตาสวยดูดี ไม่ควรไว้ใจ โดยเฉพาะคนที่แต่งตัวเซ็กซี่ โชว์เนื้อหนัง หรือแต่งตัวเย้ายวนเกินไป”“พวกเธอทำงานในร้านแบบนี้ ซึ่งในโลกของพวกเจ้า ก็เหมือนกับสาว ๆ ในหอนางโลมในยุคโบราณนั่นแหละ”ในยุคโบราณ หญิงสาวในหอนางโลมหลายคนถูกบีบคั้นด้วยความยากลำบากในชีวิต ต้องขายตัวเพื่อเอาชีวิ
เย่มู่มู่กับพนักงานยังคิดว่าฟังผิดเดี๋ยวก่อน~โต๊ะข้าง ๆ เป็นการรวมตัวกินข้าวของบริษัท มีตั้งหลายสิบคนและเอาโต๊ะสองสามตัวมาต่อเข้าด้วยกัน“หนุ่มน้อย สั่งมากขนาดนั้นกินหมดเหรอคะ?”พนักงานมองเด็กอายุสิบสี่สิบห้าพร้อมกล่าวด้วยความประหลาดใจ “สั่งเยอะขนาดนี้ กินทิ้งกินขว้างไม่ได้นะ”เย่มู่มู่รู้ว่าเมื่อก่อนเขามีชีวิตที่ยากลำบาก อาหารมากมายเพียงนี้กินไม่หมดแน่แต่เมื่อเขาอยากกินเลยสั่งมาให้ทั้งหมด“เอาแบบเดียวกันทุกอย่างค่ะ ถ้ากินไม่หมดค่อยห่อกลับบ้านค่ะ!”“ค่ะ รบกวนรอสักครู่!”หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที เย่มู่มู่ตกตะลึงตาค้างที่เห็นหลูซีกินหมูหันจนหมดในเวลาเพียงสั้น ๆตอนแรกเขาใช้ตะเกียบคีบทีละแผ่นอย่างสุภาพ จากนั้นเริ่มใช้มือกินขาหมูเพียงไม่กี่นาทีเขากินหมูทั้งตัวจนหมดเกลี้ยงต่อด้วยไข่เยี่ยวม้า ปลาย่าง ห่านย่าง หัวกระต่ายตุ๋น ไก่ผัดหม่าล่า…เพียงเวลาครึ่งชั่วโมงกว่า มีจานชามใบใหญ่สิบกว่าอันวางซ้อนกันตรงหน้าเขาอาหารจานหลักทั้งโต๊ะถูกเขากินจนไม่เหลือและยังสั่งข้าวสวยเพิ่มหนึ่งถัง น้ำชาหนึ่งกา…หลังจากกินหมดแล้ว เขานั่งที่เก้าอี้อย่างสุขสบาย แหงนท้องโตและส่งเสียงเรอคำใหญ่
พี่สาวมีเงินเห็นเย่มู่มู่ช่วยเขาจ่ายค่ารองเท้าจริง ๆ เลยดึงตัวเธอไปข้าง ๆ อย่างไม่ยอมจำนนริมฝีปากสีแดงอันใหญ่ของเธอกล่าว “น้องสาว ฉันให้เธอห้าแสน เธออย่างแย่งฉันเลยนะ รูปร่างหน้าตาผิวพรรณอ่อนนุ่มของเขาแบบนี้ ฉันไม่ขาดทุนหรอก…”เย่มู่มู่กล่าวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ไม่ได้ค่ะ!”“เธอไม่เชื่ออีกเหรอว่าฉันมีกำลัง?”พี่สาวมีเงินกัดฝันหยิบโทรศัพท์เปิดยอดเงินคงเหลือในธนาคารให้เย่มู่มู่ดูโห~ห้าร้อยกว่าล้าน!มีเงินสดหลักร้อยล้านในเมืองนี้ นับว่าเป็นกลุ่มคนชนชั้นสูงอย่างแท้จริง“น้องสาว เธออย่างแย่งฉันเลยหน่า! ฉันมีเงิน เธอสู้ไม่ไหวหรอก!”เย่มู่มู่มองหน้ามั่วฝานอีกครั้ง ริมฝีปากของเขาเป็นสีแดง ฟันขาว เกล้าผมเป็นมวยประดับกวานทองและมีปอยผมร่วงลงมาสองสามเส้นเขามีใบหน้าสวยละมุน เกิดมาในชาติตระกูลชนชั้นสูง พร้อมด้วยตำแหน่งท่านชายที่สืบทอดบรรดาศักดิ์มาจากบรรพบุรุษและมีสง่าราศีเด่นเป็นล้นพ้น!เมื่อปล่อยเขาอยู่ท่ามกลางผู้คน สามารถเป็นที่น่าจดจำได้จะว่าไปแล้ว เจ้าหนุ่มคนนี้ก็มีหน้าตาหล่อเหลาไม่เบา!ไม่แปลกใจเลยทำไมพี่สาวมีเงินถึงติดกับ“พี่คะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้”“นี่คือกำลังของฉัน ฉ
“แม่ทัพเฉินขุย…เป็นยา ท่านเทพส่งยามาให้!”“ยาเยอะมาก ยาที่เราเก็บบนรถบรรทุกตอนแรกก็เหลือไม่มากแล้ว ทหารบาดเจ็บกำลังประสบสภาวะขาดแคลนยารักษา ไม่คิดเลย ฮ่า ๆ ๆ ท่านเทพส่งมาทันเวลาจริง ๆ !”“ดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมียูกยาเหล่านี้ ทหารที่บาดเจ็บก็จะได้รับการรักษาที่ทันท่วงที”“แม่ทัพล่ะ? ฟื้นหรือยัง?”“ยังเลยขอรับ แต่สัญญาณชีพคงที่แล้ว”เย่มู่มู่พลันนึกได้บางอย่าง เธอหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาแล้วลงมือเขียน มั่วฝานกับหลูซีอยู่กับเธอ เธอจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ขอให้พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงหลังจากเธอส่งข้ามไปก็ได้ยินเสียงร้องก้องกังวานของผู้ชาย“จวงเหลียง ดูเร็วเข้า มั่วฝานกับหลูซีอยู่กับท่านเทพทั้งสองคน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้พวกเขาสุขสบายดีมาก!”“ท่านเทพจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี!”“ตอนนี้เมื่อรู้แล้วว่ารัฐทายาทกับหลูซีอยู่ที่ไหน ข้าก็วางใจแล้ว! เวลานี้รอเพียงแม่ทัพตื่นขึ้นมา”จวบจนฝั่งนั้นไม่ส่งเสียงใด ๆ มาอีก เย่มู่มู่จึงอุ้มแจกันขึ้นมาวางข้างที่นั่งคนขับ และกลับไปหามั่วฝานกับหลูซีที่ศูนย์การค้าเธอไปร้านที่หลูซีซื้อเสื้อผ้าก่อน แต่พบว่าไม่เห็นหลูซีเธอเข้าไปใกล้ร้านขายรองเท้าที่มั
สุดท้ายเย่มู่มู่เรียกแกร็บคาร์และส่งพวกเขาไปยังที่จอดรถของโรงแรมระดับห้าดาวหลูซีมองตึกสูงที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างรถยนต์ด้วยแววตาที่เป็นประกายแวววับส่วนรัฐทายาทน้อยเป็นคนเข้ากับคนง่ายและเริ่มสนทนาพูดคุยกับคนขับรถ“ผู้อาวุโสท่านนี้ ท่านมีใบขับขี่หรือไม่?”คนขับรถเป็นวัยกลางคน เขาหันมามองมั่วฝานหนึ่งทีรูปร่างหน้าตาก็เหมือนคน แต่เหมือนสมองจะมีปัญหา“เด็กหนุ่มคนนี้ ถามอะไรประหลาดจริง ฉันไม่มีใบขับขี่จะกล้ามาขับแกร็บคาร์เหรอ?!”“อ๋อ เช่นนั้นแล้วใบขับขี่ของท่านได้มาอย่างไรหรือ?”“สอบไงล่ะ หาโรงเรียนสอนขับรถและจ่ายเงิน เริ่มสอบตั้งแต่ทฤษฎีเกี่ยวกับกฎจราจร 1…ง่ายมาก ฉันสอบสองเดือนก็ได้ใบขับขี่มาแล้ว!”ดวงตามั่วฝานพลันลุกวาว เขาหันมามองเย่มู่มู่“ท่านเทพ ข้าอยากสอบใบขับขี่”เย่มู่มู่ “…”*พวกเขาเดินทางมาถึงโรงแรมและขับรถกระบะออกจากที่จอดรถเย่มู่มู่ส่งมั่วฝานกับหลูซีไว้ที่ศูนย์การค้าจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือยและเสื้อผ้ารองเท้ายอดนิยมโดยเฉพาะก่อน ซึ่งอยู่ข้าง ๆ โรงแรมระดับห้าดาวเธอให้พวกเขาหาซื้อเสื้อผ้าก่อน จากนั้นค่อยพากลับไปชำระล้างตัวและมีเสื้อผ้าสับเปลี่ยนที่คฤหาสน์ขนาดของศูน
หลูซียืนตรงหน้าเย่มู่มู่และพูดกับเธอ “ไม่กี่คนเหล่านั้นเคยผ่านการฝึกต่อสู้!”ผู้อาวุโส่มู่ยิ้มแย้มกล่าว “หนุ่มน้อย สายตาไม่เลวเลยนี่ พวกเขาเคยผ่านการฝึกจริง!”จากนั้น เขาหันมองมวยผมประดับกวานบนศีรษะและจี้หยกมังกรพันประดับทองตรงเอวของมั่วฝาน“เด็กหนุ่มคนนี้ ผมขอดูหยกแขวนของคุณหน่อยได้ไหมครับ…”อ๋อ เย่มู่มู่ยังคิดอยู่ว่าทำไมเขาถึงอยู่รอทั้งที่ท้องฟ้าเริ่มค่ำแล้วที่แท้วัตถุโบราณบนตัวรัฐทายาทน้อยเตะตาเขานั่นเองมั่วฝานเป็นคนฉลาดจึงรู้ว่าภูมิหลังของผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ธรรมดาเพราะเขาผู้นี้ที่ทำให้พวกเขาออกจากสถานีตำรวจได้อย่างรวดเร็วเขาดึงหยกแขวนออกจากเอวแล้วโยนสะบัดให้ผู้อาวุโสมู่“ขอบคุณในความช่วยเหลือของท่านเมื่อครู่นี้ หยกแขวนชิ้นนี้ถือเป็นรางวัลแก่ท่าน!”เย่มู่มู่ถึงกับกระทืบเท้าอย่างร้อนใจวัตถุโบราณหยกแขวนอันเป็นมรดกสืบทอดกว่าสองพันปี ยกให้คนอื่นเปล่า ๆ อย่างนี้เลยเหรอเขารู้ไหมว่ามีมูลค่าเท่าไหร่?ช่างลูกที่ล้างผลาญเงินพ่อแม่ผู้อาวูโสมู่รับหยกแขวนไว้อย่างดีใจ ครั้นเดินมาถึงใต้เสาไฟข้างถนนก็มองดูอย่างละเอียด เป็นหยกแขวนประดับทองมีมังกรพันรอบ ปากคาบหยกแขวน หยกแขวนมีการ
“ใช่ เมื่อมีบัตรประชาชน จะไปที่ไหนก็สะดวก สามารถนั่งรถ นั่งเรือ นั่งเครื่องบิน สามารถเดินทางไกลท่องเที่ยวสุดขอบโลก สามารถไปดูทิวทัศน์ที่ต่างประเทศได้…”มั่วฝานตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง “ถ้าลงทะเบียนบ้านแล้ว ข้าก็จะกลายเป็นคนในโลกของท่านเทพ ฮ่า ๆ ๆ …ข้าจะทำ!”ถ้าจ้านเฉิงอิ้นรู้ว่าเขามีบัตรประชาชนกับทะเบียนบ้านที่เป็นของโลกท่านเทพ ต้องจุกอกตายแน่ครั้นนึกถึงตรงนี้ มั่วฝานก็หัวเราะอย่างหนำใจจะทำบัตรประชาชนต้องถ่ายรูป หลังจากพวกเขาถอดชุดเกราะและเผยชุดเกราะกันกระสุนระดับสูงข้างในออกมาภาพตรงหน้านี้ทำให้ตำรวจผู้มาช่วยถ่ายรูปยังมองตาค้างจึงรีบเรียกหัวหน้าเข้ามา…จวบจน เย่มู่มู่เปิดประวัติการซื้อเสื้อเกราะกันกระสุนบนพินซีซีให้ดูจึงยอมรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่าสองสามคนนี้อยากเล่นการรบจำลอง จึงได้สวมเสื้อเกราะกันกระสุนเพื่อความสมจริงมากขึ้นบวกกับมีโทรศัพท์จากข้างบนว่าให้รีบส่งคนกลับไปโดยด่วนพวกเขาทำงานอย่างหน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่และลงบันทึกเลขที่การสั่งซื้อของเย่มู่มู่แต่พอถึงเวลาแจ้งอายุ หลูซีกล่าวว่าปีนี้เขาอายุสิบเจ็ดปี แบบอายุลวงก็สิบเจ็ดปีหัวหน้าสถานีเรียกเย่มู่มู่เข้ามาพูดคุย
ทนไว้!คนทั้งกลุ่มถูกตำรวจนำตัวมายังสถานีตำรวจตำรวจยังไม่เชื่อเลยว่าหลูซีอายุน้อย ๆ กลับล้มบอดีการ์ดได้ยี่สิบกว่าคนครั้นกล้องวงจรปิดในห้องพักถูกโอนถ่ายออกมาเพราะปัญหาจากมุมกล้อง กล้องวงจรปิดจึงไม่สามารถจับภาพคนแต่งตัวเลียนแบบต้นฉบับชุดโบราณสองคนนี้เข้ามายังห้องพักชุดรับรองแบบทางการได้อย่างไรพวกเขาปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไรแต่ทุกคนล้วนเห็นฝีมืออันฉับไวของหลูซี มันเร็วมากเสียจนกล้องวงจรปิดยังจับความเคลื่อนไหวของเขาไม่ทันมองเห็นเพียงเงาวับวาบทำบอดีการ์ดตัวสูงโปร่งยี่สิบกว่าคนล้มลงพื้นพวกเขาเห็นคนที่มีฝีมือเก่งกาจขนาดนี้เป็นครั้งแรกคุณหญิงลู่ยังร้องโวยวายต้องการให้จับตัวหลูซีกับเย่มู่มู่ทนายสวีจึงเข้ามาประกันตัวเธอบวกกับเธอเป็นผู้เสียหาย กลับเป็นคุณหญิงลู่กับลู่ฉีหยางที่มีความคิดกักขังหน่วงเหนี่ยวเธออย่างผิดกฎหมายก่อนตามมาด้วยบอดีการ์ดของพวกเขากระทำการลงมือแม้ว่าเด็กหนุ่มสองคนนี้ทำเพื่อปกป้องเย่มู่มู่และลงมือหนักไปบ้างแต่ก็ทำไปเพราะป้องกันตนเองคำพูดต้นฉบับของทนายสวีกล่าวไว้ว่า ใครจะไปรู้ว่าบอดีการ์ดเหล่านี้จะอ่อนแอปวกเปียกและไม่สู้คนถึงเพียงนี้ส่วนลู่ฉีหยางอาจเป็