บันทึกทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญใหญ่หลวงทุพภิกขภัยเมื่อสองพันปีก่อนได้เกิดขึ้นจริง เมืองร้างพันลี้ แคว้นเล็กหลายแคว้นถึงกาลล่มสลายในนั้นยังรวมแคว้นฉี่ด้วยเช่นกันผู้อาวุโสมู่มีสีหน้าพลุ่งพล่านใจ “คุณผู้หญิง คุณต้องการขายม้วนไม้ไผ่กับเหรียญสามเหรียญนี้ใช่ไหม ผมซื้อทั้งหมด! หนึ่งพันล้านเป็นยังไง?”ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ อยากบอกว่าเปิดราคาสูงเกินไปแล้วแต่วัตถุโบราณจากแคว้นต้าฉี่มีแค่เจ้านี้เท่านั้น หายากเสียยิ่งกว่ายากหนึ่งพันล้านสูงมากก็จริง แต่ก็คู่ควรเธอพยักหน้า “ตกลง คุณต้องชำระโดยเร็วที่สุดนะคะ”ผู้อาวุโสมู่ยิ้มบอกให้คนไปจัดการโอนเงินเย่มู่มู่ตรวจสอบยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีแล้วก็บอกลากับผู้อาวุโสมู่ผู้อาวุโสมู่ยังอยากรั้งเธอไว้ เพราะรู้สึกว่าในมือเธอน่าจะยังมีของดีกว่านี้แต่สหายเก่าแก่ที่มาวันนี้มีเยอะเกินไป ล้วนแต่เป็นระดับหัวหน้าของพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ จึงไม่ได้รั้งไว้ แต่ขอหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเย่มู่มู่แทน*เย่มู่มู่ออกมาจากร้านขายวัตถุโบราณก็เดินทางไปนอกเมืองต่อฤดูกาลนี้เป็นช่วงที่แตงโมวางตลาดพอดีชาวไร่แตงโมนำแตงโมมาตั้งแผงขายริมถนน ด้านหลังก็คือไร่แตงโมพ่อค้
จ้านเฉิงอิ้นตวัดดาบไปมาก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศขวับ ๆ...เขาอุทานชมเชย “เป็นดาบที่ดีจริง ๆ!”ซ่งตั๋วถือดาบม่อเตาราชวงศ์ถังอย่างติดใจจนวางไม่ลง “ข้าน้อยทำอาวุธมานานหลายปีก็ยังไม่เคยเห็นดาบยาวที่คมกริบถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”เมื่อวานนำเหล็กกล้าชั้นดีไปหลอม เหล็กกล้าแข็งแกร่ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่จำเป็นต้องตีก็สามารถทำเป็นอาวุธได้โดยตรงเขานึกว่าเหล็กกล้าเหล่านั้นดีมากแล้วเสียอีกแต่เมื่อเทียบกับดาบม่อเตาที่ได้รับมาวันนี้กลับห่างชั้นกันไกลนี่ก็คืออาวุธที่ท่านเทพประทานให้เช่นนั้นหรือ เยี่ยมยอดกว่าของแคว้นต้าอวี่ไม่รู้ตั้งกี่เท่า!ทันใดนั้น ชุดเกราะกว่าพันชุดก็หล่นลงมาในคลังสรรพาวุธชุดเกราะผลิตอย่างพิถีพิถัน มีชั้นนอกชั้นในสองชั้น เกราะชั้นนอกเป็นแผ่นเหล็กทรงใบหลิวร้อยต่อกัน เกราะชั้นในบุด้วยผ้าฝ้ายและผ้าสำลีซ่งตั๋วใช้ฝักดาบโจมตีชุดเกราะอย่างแรงชุดเกราะไม่บุบยุบ มีเพียงรอยขีดข่วนเล็กน้อยเท่านั้นเขาตกตะลึงสุดแสน “ท่านแม่ทัพ ชุดเกราะนี้ดีกว่าชุดเกราะของพวกเราเสียอีกขอรับ!!”จ้านเฉิงอิ้นใช้มือแตะเกราะชั้นนอกที่เย็นเฉียบเบา ๆ แล้วชักกระบี่พกของตนออกมาฟันลงไปบนชุดเกราะเคร้ง~กระบี่ข
เมื่อเหล่าทหารเห็นดาบม่อเตาและชุดเกราะ ดวงตาก็พลันวาววับเฉินอู่ชักดาบม่อเตาออกจากฝักแล้วฟันไปกลางอากาศเสียงแหวกอากาศดังขวับเขาร้องเสียงดัง “ดาบที่ดี!”เปี้ยนจื่อผิงและหลี่หยวนจงจับชุดเกราะด้วยความหลงใหลไม่วางมือทหารใต้บังคับบัญชาพวกเขาล้วนแต่เป็นพลบุกทะลวงที่อยู่ทัพหน้า กองทัพขาดแคลนวัสดุ ชุดเกราะทองแดงพังแล้วไม่มีวัสดุมาซ่อมบำรุง ได้แต่ถอดเอาจากทหารที่เสียชีวิตไปแล้ว นำมาประกอบกันใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ชุดเกราะทุกชุดล้วนแต่ชำรุดยามนี้ได้เห็นชุดเกราะเหล็กกล้าใหม่เอี่ยมก็รู้สึกหลงใหลยินดียิ่งนักแผ่นเหล็กกล้าบนชุดเกราะแน่นหนาแข็งแกร่ง หมุดย้ำต่อเนื่อง ข้างในบุด้วยผ้าฝ้ายและผ้าสำลี สัมผัสนุ่มนิ่มไม่เสียดสีผิวหนัง ระดับการป้องกันสูงยิ่งเมื่อทหารได้สวมก็ช่วยลดการบาดเจ็บล้มตายได้เกินครึ่งจ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งทันทีว่าชุดเกราะและดาบม่อเตาจะจัดสรรให้ทหารทัพหน้าเสียก่อนเปี้ยนจื่อผิงและหลี่หยวนจงจับกลุ่มฝึกซ้อมทหารทัพหน้า ชุดเกราะบวกกับดาบม่อเตา คนสามคนจับกลุ่มหันหลังให้กัน สามารถต้านทานกองทัพทหารม้าที่เหี้ยมหาญที่สุดของเผ่าหมานได้ นอกจากนี้ยังคัดเลือกพลธนูที่มีเรี่ยวแรงแขนมากม
ตอนเย็น จ้านเฉิงอิ้นออกจากค่ายทหารกลับมายังจวนแม่ทัพตลอดทางไม่ปรากฏชาวบ้านร่างผ่ายผอมนอนรอความตายอยู่ข้างทางให้เห็นอีกแล้วบางครั้งก็จะเห็นแม่ม่ายตัวคนเดียวบางคนเดินไม่ไหว แต่ก็จะมีเพื่อนบ้านมาช่วยประคองพาไปต่อแถวรับโจ๊กอาหลี่จิตใจเอื้อเฟื้อ เขาจัดการให้คนแจกจ่ายโจ๊ก มีโจ๊กสองหม้อที่นำมาแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่หิวโหยจนรอไม่ไหวโดยเฉพาะพอพวกเขามาถึงก็จะได้รับประทานทันทีแจกจ่ายโจ๊กสองวัน คนทั้งเมืองล้วนได้กินกันหมดแล้ววันนี้ ชาวบ้านไม่เพียงแต่ได้รับโจ๊กหนึ่งถ้วย แต่ยังได้รับแตงโมคนละชิ้นอีกด้วยแตงโมที่เย่มู่มู่ส่งมามีจำนวนมากเกินไป ยามนี้ขุดหลุมเก็บไว้ในห้องใต้ดินแล้วเก็บไว้ในห้องใต้ดินไม่รู้ว่าจะสามารถเก็บไว้ได้นานเท่าไรจึงนำออกมาแจกจ่ายให้ทุกคนกินชาวบ้านเห็นแล้วก็คิดว่าท่านแม่ทัพแจกจ่ายโจ๊กแล้วยังแถมแตงโมให้อีกด้วย!คนที่ฉลาดหน่อยล้วนดูออกแล้วว่าด่านเจิ้นกวนไม่ขาดแคลนเสบียงอีกต่อไปแล้ว ท่านแม่ทัพจึงสามารถแจกจ่ายแตงโมให้ชาวบ้านในเมืองเช่นนี้ประกาศรับสมัครคนเข้ากองทัพเพิ่งเอาไปติดเมื่อวานนี้ก็มีคนมาสมัครถึงสองพันคนภายในวันเดียวคนเหล่านี้มาเพราะอยากลองดูว่าจะได้รับจัดสรรข
“ฉันยังต้องการเข็มและด้ายหลายชนิดสำหรับเย็บผ้า ต้องการในปริมาณมาก!”“ได้ค่ะ งานถนัดของฉันเลยค่ะคุณเย่ เรื่องนี้ไว้ใจฉันได้เลย”หัวหน้าฝ่ายขายกล่าวต่อว่า “โรงงานของเรายังมีคลังเก็บผ้าที่มีตำหนิเล็กน้อย ขายลดราคาที่เมตรละสองบาทห้าสิบสตางค์ คุณโอเคไหมคะ?”เย่มู่มู่พยักหน้า “ตกลง!”หัวหน้าฝ่ายขายดีใจมากและเรียกฝ่ายการเงินมาคำนวณเพราะจำนวนสินค้านั้นมากมายมหาศาล เกรงว่าคลังสินค้าทั้งสี่แห่งในเขตชานเมืองของเย่มู่มู่อาจไม่พอเก็บเย่มู่มู่จึงกล่าวว่า “ทยอยส่งมาในสามวันนะคะ คลังสินค้าของฉันเก็บไม่หมด!”“ตกลง ไม่มีปัญหาค่ะ”หลังจากฝ่ายการเงินคำนวณแล้ว พบว่ารวมทั้งผ้าและเข็มด้าย... คิดเป็นเงินทั้งหมดสามร้อยล้านบาทเย่มู่มู่ชำระเงินงวดแรก ส่วนที่เหลือจะชำระหลังของถูกส่งมาครบทั้งหมดหัวหน้าฝ่ายขายส่งเธอขึ้นรถด้วยรอยยิ้ม พร้อมยื่นนามบัตรให้ “คุณเย่คะ ถ้าต้องการวัสดุผ้าอีกเมื่อไหร่ โทรหาฉันได้เลยนะคะ”“เราไม่ได้มีแค่ผ้าสำหรับทำเสื้อผ้าเท่านั้น เรายังมีโรงงานย่อยที่ผลิตผ้าสำหรับทำเต็นท์ ผ้าเดนิม...”เย่มู่มู่คิดขึ้นมาได้ทันที “ผ้าลายพรางสำหรับทะเลทรายทำได้ไหมคะ?”“ทำได้ค่ะ หากคุณต้องการ เ
มีข่าวลือแพร่สะพัดออกมาว่าจวนแม่ทัพมีเสบียงอาหารจำนวนมาก วันนี้ผู้ที่มาต่อแถวรับข้าวต้มยังได้รับแตงโมหวานฉ่ำคนละชิ้นจ้าวโหย่วไฉยิ่งมั่นใจว่าจวนแม่ทัพต้องมีเสบียงอาหารมหาศาล!ก่อนที่กองทัพชนเผ่าหมานจะบุกลงใต้ เว่ยกวงเคยเป็นหัวโจกนักเลงที่มีชื่อเสียงในด่านเจิ้นกวน เขามีพี่น้องที่เคยเสี่ยงชีวิตร่วมกันในหน่วยลาดตระเวนบนถนนในด่านเจิ้นกวน เว่ยกวงถือว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลทั้งในด้านมืดและด้านสว่างปกติเวลาไปกินอาหารตามร้านค้าก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินร้านค้าที่มีกิจการดี ๆ ยินดีจ่ายค่าคุ้มครองให้โดยสมัครใจ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกอันธพาลเข้ามาก่อกวนในร้านเมื่อเว่ยกวงรับเงินไปแล้ว เขาย่อมทำงานแน่นอน หากมีใครมากินอาหารแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน เขาจะให้คนของเขาลากตัวออกไปแล้วซ้อมสั่งสอนแม้ว่าเขาจะเป็นนักเลง แต่ก็ยังถือว่ามีคุณธรรมเหตุผลที่จ้าวโหย่วไฉเลือกเว่ยกวงก็เพราะเว่ยกวงเคยถูกทหารประจำด่านเจิ้นกวนออกหมายจับมาก่อนเขารู้เส้นทางลับที่เชื่อมต่อระหว่างด่านเจิ้นกวนและโลกภายนอก ทำให้ไม่เคยถูกจับได้จ้าวโหย่วไฉต้องการส่งข่าวออกไปข้างนอก โดยวางแผนให้เผ่าหมานเข้ามาในด่านเจิ้นกวนผ่านเส้นทางลับ โจมตี
พวกเขาได้รับข่าวเลยรีบวางงานในมือ รุดมายังจวนแม่ทัพโดยทันที!เรื่องที่ด่านเจิ้นกวนมีเสบียงอาหารนั้นไม่อาจปกปิดได้อีกต่อไปพรุ่งนี้หรืออาจจะในกลางดึก กองทัพชนเผ่าหมานอาจบุกชายแดนมาถึงหน้ากำแพงเมืองตอนนี้ถ้ำธรรมชาติที่เป็นทางลับก็เป็นภัยคุกคามอีกจ้านเฉิงอิ้นจึงสั่งให้ทหารหนึ่งร้อยนายเฝ้าทางเข้าถ้ำแต่กองทัพชนเผ่าหมานสามแสนนาย ทหารเพียงหนึ่งร้อยนายย่อมไม่อาจต้านทานได้ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพียงแค่ต้องปกป้องประตูเมืองเท่านั้น แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องสู้รบทั้งสองด้าน ทหารตระกูลจ้านซึ่งมีกำลังพลน้อยอยู่แล้ว จะต้านทานการโจมตีของชนเผ่าหมานที่มาจากทั้งสองทิศทางได้อย่างไรทุกคนต่างมีสีหน้าตึงเครียดขณะนั้นเอง ทหารเข้ามารายงานข่าวที่หน้าประตูว่า “ท่านแม่ทัพ กองทัพชนเผ่าหมานบุกเข้ามาแล้วขอรับ”“เดิมทีพวกเขาตั้งค่ายห่างจากประตูเมืองสามสิบลี้ ตอนนี้กำลังเคลื่อนทัพเข้าใกล้ประตูเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ”เฉินขุยได้ยินเช่นนั้นก็ยกดาบใหญ่ขึ้นมาพลางตวาดลั่นอย่างโกรธแค้น “ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยขอนำทหารออกไปรับศึก!”จ้านเฉิงอิ้นออกคำสั่งว่า “ทหารทุกนายฟังคำสั่ง เตรียมพร้อมรับศึก!”“ขอรับ!”“เฉินอู่ นำทห
ตอนยังมีชีวิตอยู่พ่อของเย่มู่มู่พอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง ซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทระเบิดเธอใช้โทรศัพท์เครื่องเก่าของพ่อ และหาหมายเลขของผู้บริหารคนนั้นตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า เธอโทรหาผู้บริหาร ปลายสายรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย“มู่มู่...ทำไมถึงมีเวลามาโทรหาอาได้ล่ะ?”“อาเซียวคะ หนูอยากจะซื้อระเบิดจำนวนมาก คุณอาขายให้หนูได้ไหมคะ?”เซียวหัวได้ยินว่าเย่มู่มู่ต้องการซื้อวัตถุระเบิด จึงรู้สึกสงสัย “หนูจะรื้อถอนตึกอะไรล่ะ?”“พวกเราไม่ได้แค่ขายระเบิดเท่านั้น ต้องไปสำรวจและประเมินก่อน ถึงจะกำหนดปริมาณวัตถุระเบิดที่จะใช้ได้”“ระเบิดเป็นของอันตราย ทุกครั้งที่ขายต้องมีบันทึกไว้...”เย่มู่มู่ทนไม่ไหวจึงเอ่ยขัดอีกฝ่าย“คุณอาคะ หนูแค่ต้องการวัตถุระเบิด ต้องใช้เยอะด้วย เป็นชนิดที่เอาไประเบิดภูเขาได้น่ะค่ะ”“ไม่ได้ ยัยเด็กคนนี้จะหาเรื่องทำอะไรล่ะเนี่ย?”“คุณอาคะ หนูซื้อในราคาสามเท่าของตลาด!”เซียวหัวยังคงปฏิเสธ “ไม่ได้ อาไม่ยอมรับปากเรื่องแบบนี้หรอกนะ!”“ห้าเท่าค่ะ!”เสียงของเซียวหัวเริ่มไม่มั่นใจ “มู่มู่ อาไม่สามารถให้หนูซื้อไปทำเรื่องไม่ดีได้หรอกนะ”เย่มู่มู่พูดด้วยความร้อนใจ “
“ข้าจะออกจากเมืองไปฆ่าเขาเอง!”แม่ทัพผู้ทรยศต่อบ้านเมืองขาดน้ำไร้เสบียงคนหนึ่ง กลับยังกล้าไม่เห็นหัวพวกเขาให้เกียรติมันเกินไปแล้ว! จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยขึ้นว่า “เขาอยากได้ด่านเจิ้นกวน พวกเราก็ย่อมหมายจะได้กองกำลังของเขาเช่นกัน!” “คอยดูเถิด อีกหน่อย สวีหวยจะล้มเอง” สิ้นคำพูดของเขา ทันใดนั้น จากมุมอับหนึ่งของกระโจมข้าง ๆ ปืนล่าสัตว์ก็ยื่นออกมา มือปืนเหนี่ยวไก ยิงกระสุนตรงเข้าหัวใจของสวีหวย ปัง~ ระยะที่ใกล้เกินไป ทำให้สวีหวยและหลี่หู่รู้สึกตัว แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบหลีกได้ ทั้งสองรู้จักเพียงคันธนู แต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าปืน สวีหวยที่ถูกยิงก็ล้มลงทันที...หลี่หู่รีบตะโกนอย่างร้อนรน “มีนักฆ่า ทหาร”“เร็ว มาช่วยแม่ทัพ...”พลทหารในกระโจมใกล้เคียง เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ ก็คว้าดาบพุ่งเข้ามายังที่ซ่อนของเฉินขุยและพรรคพวกทันที... ฟิ้ว~ ดาบที่เพิ่งถูกยกขึ้น ก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินบนกำแพงเมืองตะวันตกยิงเข้าอย่างแม่นยำ ร่างนั้นล้มลงในทันที เสียงจากลำโพงบนกำแพงเมืองดังกึกก้อง ในค่ำคืนอันเงียบสงัด เสียงนั้นยิ่งชัดเจน! “หากคิดจะเข้าด่านเจิ้นกวน อย่าได้ประมาทหรือ
จ้านเฉิงอิ้นเดินออกจากกระโจม ร่วมดื่มเหล้าและกินเนื้อกับเหล่าทหาร ในช่วงเที่ยง พ่อครัวยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารสำหรับชาวเมือง มีทั้งปลานึ่ง เป็ดแย่ง ไก่ตุ๋น...กลิ่นหอมอบอวลของอาหารเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายทหาร ชาวบ้านที่เคยกินเพียงข้าวต้มขาวทุกวัน บางครั้งถึงกับต้องเอาข้าวสารไปแลกเนื้อม้ากับโรงครัวเพื่อประทังชีวิต แต่งานเลี้ยงฉลองชัยในวันนี้ กลับมีปลานึ่งที่ชาวบ้านจำนวนมากไม่เคยเห็นมาก่อน ในพื้นที่ตอนเหนือ แม้ก่อนจะเกิดภัยแล้ง ฝนก็ตกน้อยมาก ปลาจึงกลายเป็นของหายาก! จะพบได้เฉพาะในแม่น้ำชานเมืองใกล้เมืองหลวง ซึ่งแม่น้ำถูกชนชั้นสูงเหมาไว้เลี้ยงปลาปลาจึงเป็นอาหารที่ราคาแพงอย่างยิ่งในเมืองหลวง วันนี้ ชาวเมืองทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กต่างได้ลิ้มรสเนื้อปลาเป็นครั้งแรก รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้าของทุกคน พวกเขากินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ ยังมีไก่ตุ๋น เป็ดย่าง... และอาหารอร่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ชาวบ้านที่ตรากตรำทำงานหนักตลอดชีวิต ไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน สุราขาวและเบียร์มากกว่าพันลังถูกนำออกมา เหล่าทหารดื่มกินกันอย่างเต็
*หลังจากซ่อมกระโจมของจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ เถียนฉินเดินเข้ามารายงาน“แม่ทัพ สวีหวยกับกองกำลังคนและม้าหนึ่งแสนคน ตั้งค่ายพักที่ประตูทิศตะวันออก ไม่ยอมจากไปขอรับ”“สมาชิกในครอบครัวของพวกทหารล่ะ?”เถียนฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เมื่อคืน เพื่อล่อให้ท่านออกจากเมือง สมาชิกในครอบครัวหนึ่งหมื่นกว่าคนของทหาร ถูกฆ่าตายหกพันคน เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กที่บาดเจ็บจำนวนหนึ่งเท่านั้น!”“พวกนางอยากเข้าด่านเจิ้นกวน แต่สวีหวยไม่ยอมปล่อยคน”“วันนี้ แม่ทัพเฉินขุยเฉินอู่เกณฑ์ทหาร มีคนสนใจจำนวนมากขอรับ แต่กลับถูกสวีหวยฆ่าตายถึงสามคนที่ตรงนั้น คนที่เหลือเลยไม่มีใครกล้าขยับตัวอีก!”ในเวลาเดียวกัน เฉินขุยเปิดม่านกระโจมเดินเข้ามาหลังจากเขานั่งลง เขาดื่มน้ำคำใหญ่ก่อน จากนั้นเริ่มระบายความโกรธด่าทอสวีหวย“ในมือเขาไม่มีเสบียงอาหารแต่ก็ไม่ยอมให้นายทหารใต้บัญชาเข้าเมือง!”“และยังเชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนที่ติดตามเขา นับว่าโชคร้ายแปดชั่วอายุคน”“วางใจเถอะ สามีของหลานสาวข้าเฉิงจื่อเซียว กล่วว่าคืนนี้จะนำคนกลุ่มหนึ่งเข้าเมือง เขาทนการฆ่าผู้บริสุทธิ์ของสวีหวยไม่ไหวแล้วเช่นกัน”สวีหวยทำเช่นนี้ เขากำลังเดิมพันเดิมพั
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเธอซื้อของใช้ประจำวันมากหน่อยและส่งไปด่านเจิ้นกวนหลังจากพูดคุยกับจ้านเฉิงอิ้นเสร็จเธอชำระล้างง่าย ๆ แล้วลงไปข้างล่างเธอกินอาหารเช้าพร้อมใช้มือถือสั่งของผู้หญิงล้วนชอบซื้อของทุกคนเธอซื้อของอย่างมีความสุขมากเธอเข้าไปร้านค้าออนไลน์ของศูนย์การค้าท้องถิ่น สั่งซื้อน้ำหอม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ ลิปสติก ปากกาเขียนคิ้ว อายแชโดว์ รองพื้น โฟมล้างหน้าก่อน…ให้พี่ขนส่งหรือพี่รับจัดการเรื่องแทนส่งมาให้จากนั้นเธอซื้อของใช้มีประโยชน์เช่น ผ้าเช็ดทำความสะอาด ทรายขัดผิว สบู่กำมะถัน รองเท้าแตะ ถุงเท้า ถุงมือแรงงานและยากำจัดเหาต่อ…หนึ่งร้อยลังเป็นอย่างต่ำ เธอพูดคุยกับร้านค้า ให้เจ้าของร้านส่งของถึงหน้าประตู!หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของร้านข้าวมาพร้อมกับแอลกอฮอล์หนึ่งคันรถพี่ซุนเรียกยามมาช่วยขนถ่ายสินค้าเมื่อมีคนมาก การขนถ่ายจึงรวดเร็ว ของที่สั่งล้วนวางไว้ข้างในโกดังจอดรถของคฤหาสน์ หลังจากคนเดินออกไปแล้ว เย่มู่มู่ดึงประตูม้วนโกดังลงมาและทำการส่งแอลกอฮอล์เครื่องดื่มไปให้จากนั้นคนขับหวงขับรถมาส่งเนื้อสัตว์ไม่มีใครช่วยคนขับหวงขนถ่าย เธอจึงให้คนข
*จ้านเฉิงอิ้นนั่งลง หยิบกระดาษจับพู่กันแล้วตอบจดหมายเย่มู่มู่“ท่านเทพ ตื่นแล้วหรือ?”เย่มู่มู่มองเวลาเก้าโมงเช้า ยังดี ถือว่าตื่นเช้า!“ด่านเจิ้นกวนเริ่มงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จแล้วหรือ?”“ใช่ กำลังกินขอรับ”“ในค่ายทหารทำของอร่อยอะไรบ้าง?”“เมื่อคืนนำเนื้อม้ากลับมาได้จำนวนมาก จึงทำเนื้อม้าเป็นกะมะลังใหญ่ ยังมีพืชผักที่ส่งมาเมื่อครั้งก่อน มีข้าวสารนึ่งสุก พลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมกินด้วยกันทุกคน ทุกคนดีใจมาก...”กระบี่คมกริบที่แขวนไว้ในด่านเจิ้นกวนหายไปแล้วเย่มู่มู่จินตนาการได้ว่าทุกคนดีใจเพียงใดหนึ่งปี!หนึ่งปีเต็ม ๆ กองทัพตระกูลจ้านต้องสูญเสียคนถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนสองแสนคนล้มตายเสียชีวิตจากนี้ไป ทุกคนสามารถดำรงชีวิตต่อไปและเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ จะไม่มีกองทัพศัตรูปิดล้อมพวกเขาอีกแล้ว!“ทำดีมาก! นักเรียนจ้านเฉิงอิ้น เมื่อคืนเจ้าทำตัวกล้าหาญองอาจเป็นอย่างมาก!”“ท่านเทพยกยอเกินไป เป็นเพราะท่านเทพส่งเสื้อเกราะกันกระสุนกับปืนล่าสัตว์มาได้ทันเวลา ทำให้หน่วยดาบม่อเตาที่เป็นแนวหน้า ฆ่าฟันศัตรูได้ตามใจชอบราวกับเข้าไปในดินแดนไร้คน…”“อืม ในเม
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวหยุดเฉินขุย“เจ้าออกไปทางลับ ถ้ามีคนยอมติดตามกองทัพตระกูลจ้าน นำตัวกลับเข้ากองทัพ!”“ขอรับ แม่ทัพ!”“สำหรับสวีหวย ข้าไม่ลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง ถือว่าให้ความเมตตาที่สุดแล้ว!”“พระราชโองการนั่นที่เขากล่าวถึง ข้าออกรบชนะศึก ฮ่องเต้จะยกให้คนอื่นมารับช่วงด่านเจิ้นกวนต่อได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”เฉินขุยเฉินอู่พยักหน้าซ้ำ ๆ เห็นด้วย“ใช่ เป็นของปลอม สวีหวยประกาศพระราชโองการปลอม ความผิดของเขาต้องฆ่าทิ้งทันที!”“เพื่อเพิ่มความปรีดาให้แก่ท่าน ข้าน้อยจะไปกวาดล้างคนเลวข้างกายฮ่องเต้ ตัดหัวสวีหวยผู้ประกาศพระราชโองการปลอมเดี๋ยวนี้!”สองพี่น้องนำคนและม้าออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรจ้านเฉิงอิ้นจึงนั่งลงอีกครั้ง เห็นมั่วฝานทอดมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของสองพี่น้องพร้อมกับขมวดคิ้วเขาจึงถามมั่วฝาน “เป็นอะไรไป?”“ตอนนี้ยังฆ่าสวีหวยไม่ได้!”“เพราะเหตุใด?”มั่วฝานนำสารลับที่ได้รับวันนี้จากไทเฮา ยื่นให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดสารลับอ่าน คิ้วยาวดุจดาบพลางขมวดเล็กน้อยมั่วฝานกล่าวต่อ “บุตรสาวของสวีหวยได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากในพระราชวังถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้
อำนาจทางการทหารของกองทัพตระกูลจ้านจะถูกส่งต่อให้กับคนอื่นกองทัพตระกูลจ้านไม่เป็นที่พอใจในสายตาของฮ่องเต้ตั้งแต่ต้นวันนี้พวกเขามีเสบียงมีน้ำ มีอุปกรณ์ติดตัวที่ยอดเยี่ยม…สมาชิกราชวงศ์ต้าฉี่ประพฤติตนไร้สาระ เสนาบดีซูขูดรีดพลเมืองสภาพการณ์ของชาวเมือง ไม่ต่างจากด่านเจิ้นกวนในเวลานั้นภายในแคว้นต้าฉี่มีอิทธิพลหลายกลุ่มเริ่มผนึกตัว เพียงแต่ถูกกำลังทหารสองแสนคนขวางไว้ถ้าชาวเมืองมีชีวิตต่อไปได้ ใครจะรวมพลก่อกบฏอีกเล่าทุกคนล้วนอยู่ภายใต้หนทางตัน สุดท้ายจึงจำใจเลือกเส้นทางนี้จ้านเฉิงอิ้นทำลายกองทัพพันธมิตรของแคว้นฉู่กับแคว้นฉีอย่างแสนสาหัส ทำให้กองทัพเผ่าหมานต้องถอยทัพด้วยความปราชัย ชื่อเสียงของเขาในหมู่พลเมือง อยู่เหนือกว่าสมาชิกราชวงศ์ไปมากฮ่องเต้ไม่อาจยอมรับเขาได้ถอดชุดเกราะเป็นเพียงก้าวแรก ยึดอำนาจทางการทหารของแม่ทัพแล้วยังไม่สบายใจต้องประหารชีวิตแม่ทัพอย่างแน่นอน!พวกเขามีมิตรภาพที่ผ่านความตายมาด้วยกันทั้งนั้น เผชิญความอดอยากด้วยกันในด่านเจิ้นกวน ฆ่าศัตรูในสนามรบไปด้วยกันยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพสามารถติดต่อกับท่านเทพเช่นนั้นแม่ทัพจะกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้ในเวลานี้ ทุ
ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ
นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ