ลมและน้ำค้างในด่านเจิ้นกวน ดูเหมือนจะไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้บนใบหน้าของนางนางสวมชุดหรูหรา ท่วงท่าดูสง่างามไม่ได้ต่างจากตอนก่อนแต่งงานเลยไม่สิ สวยยิ่งกว่าตอนอยู่ในเมืองหลวงเสียอีก!ล้วนแต่แต่งงานกับแม่ทัพเหมือนกัน แต่อวิ๋นเหนียงกลับดูซูบผอมเหมือนจะล้มได้ตลอดเวลาลูกในอ้อมแขนของนาง ร้องไห้ออกมาจนไม่มีแรงจะร้องแล้ว ราวกับจะขาดใจตายได้ทุกเมื่อนางอุ้มลูกพร้อมกับร้องไห้พุ่งเข้าไปกอดอาเล็กของนางฮูหยินเฉินรีบประคองเด็กเอาไว้ แล้วปลอบใจนางเสียงของนางแหบแห้ง ริมฝีปากแตกอย่างรุนแรงเพราะความแห้งกร้านฮูหยินเฉินเรียกสาวใช้ ให้เปิดขวดน้ำแร่ให้นางดื่มอวิ๋นเหนียงไม่ได้ดื่มน้ำรสหวานเช่นนี้มานานแล้ว จึงหยิบขวดน้ำขึ้นมากรอกใส่ปาก ดื่มลงไปทั้งเร็วและรีบร้อน เมื่อน้ำใกล้จะถึงก้นขวด ถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าสามีไม่ได้ดื่มน้ำดี ๆ เช่นนี้มานานแล้วนางส่งน้ำที่เหลือให้เฉิงจื่อเซียวเฉิงจื่อเซียวรับขวดน้ำแร่โปร่งแสงมา แล้วดื่มน้ำหมดในอึกเดียวเขาใช้ลิ้นเลียน้ำหยดสุดท้าย ก่อนจะวางขวดน้ำลงอย่างไม่เต็มใจฮูหยินเฉินพูดกับเฉิงจื่อเซียว “ข้าอยากพาอวิ๋นเหนียงกับลูกกลับไปที่ด่านเจิ้นกวน เจ้าอยากไปกับพวก
ดวงตาทั้งสองของสวีหวยเบิกกว้างราวกับกลองนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดที่ทรยศเช่นนี้ ต้าฉี่ไม่มีฮ่องเต้น้อยได้ แต่ขาดแม่ทัพใหญ่ไม่ได้หมายความว่าอย่างไรพวกเขาไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา นี่คือการกบฏอย่างเปิดเผย!เฉินขุยจัดการให้ฮูหยิน หลานสาวและเด็กขึ้นรถม้าแล้วส่วนตนก็ขึ้นไปบนหลังม้า แล้วมองไปที่สวีหวยอย่างมองลงไปเบื้องล่าง“ท่านแม่ทัพใหญ่ให้ข้ามาบอกเจ้าว่า ถ้าอยากได้อาหารและน้ำ ต้องมาที่ด่านเจิ้นกวนเอง...”“เอาแต่ซ่อนตัวอยู่นอกด่านเจิ้นกวน มองดูเศษซากที่ล่มสลายของด่านเจิ้นกวน เจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ทัพแคว้นต้าฉี่ มีสิทธิ์มั่นอกมั่นใจอะไรจะไปเสวยสุขการสนับสนุนของท่านแม่ทัพ!”สวีหวยปกป้องด่านถงกวนมายี่สิบปี เป็นแม่ทัพสูงที่สุดไม่มีใครกล้าพูดขนาดนี้กับเขาแม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องให้เกียรติเขาอยู่สามส่วนเฉินขุยเป็นเพียงสุนัขรับใช้ของจ้านเฉินอิ้น ที่ทรยศต่อฮ่องเต้ กล้ามาดูถูกเขาถึงเพียงนี้สองมือเขากำเป็นหมัดแน่น แล้วพูดด้วยความโกรธ “หุบปาก เจ้ากล้าขัดต่อราชโองการของฮ่องเต้ กำลังเตรียมจะก่อกบฏอยู่ใช่หรือไม่?”เฉินขุยเลี้ยวหัวม้า แล้วยิ้มอย่างประชดประชัน“เจ้าต้องการใช้อ
ใบหน้าของพวกนางไม่ได้ล้างหน้ามานาน แต่มวยผมก็ถูกหวีอย่างพิถีพิถันฮูหยินเฉินกวาดตามอง กวักมือเรียกฮูหยินทั้งสาม แล้วพูดด้วยรอยยิ้มมีเมตตา “มาสิ ฮูหยินทั้งสามมานี่!”สามีของฮูหยินทั้งสามมีตำแหน่งขุนนางระดับเดียวกับเฉินขุยเฉินขุยเกิดมาในตระกูลโหวที่มีสถานะทางครอบครัวสูงกว่าทหารธรรมดา แคว้นต้าฉี่ให้ความสำคัญกับภูมิหลัง สถานะของฮูหยินเฉินสูงกว่าสตรีชั้นสูงทั้งสามคนนี้พวกนางเดินไปที่รถม้า แล้วทำความเคารพต่อฮูหยินเฉิน“ข้าน้อยคารวะฮูหยินเฉิน”ฮูหยินเฉินหยิบลูกอมหนึ่งกำมือออกมามอบให้ฮูหยินคนแรกด้วยรอยยิ้ม“มานี่สิ เอาไปแบ่งให้ลูก ๆ กินเถอะ!”เมื่อฮูหยินคนแรกเห็นว่าเป็นลูกอม นางตกใจมาก ไม่คิดว่าในด่านเจิ้นกวนจะมีลูกอมนางปฏิเสธอยู่หลายครั้ง “นี่จะรับได้อย่างไรเจ้าคะ?”ลูกอมในฐานะที่เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ นางรู้ว่ามันมีค่าเพียงใดฮูหยินเฉินหยิบข้าวห้าชั่งสามถุงและน้ำแร่สามขวดออกมาจากห้องโดยสารรถม้า มอบให้ฮูหยินทั้งสามคน“จริง ๆ แล้วของพวกนี้เก็บไว้ให้อวิ๋นเหนียง ในเมื่อนางไปกับข้าแล้ว ฮูหยินทั้งสามเอาไปเถอะ”“วันหน้า หากมีเรื่องทุกข์ร้อนอันใดก็ไปหาข้า ข้าช่วยได้ข้าจะช
เช้าตรู่ เย่มู่มู่รับสายจากผู้อาวุโสมู่และรองผู้อำนวยการจางผู้อาวุโสมู่มาถึงหน้าประตูพร้อมกับรองผู้อำนวยการจางและผู้อำนวยการนักสะสมรายใหญ่สองคนจากคราวที่แล้วก็ตามมาด้วย ผู้อาวุโสจางสวมแว่นตา ผู้อาวุโสสวี่บุคลิกสุภาพและสง่างามกลุ่มคนขับรถมาถึงนอกคฤหาสน์ของเย่มู่มู่อย่างยิ่งใหญ่พนักงาน บอดีการ์ด และคนขับรถรออยู่ด้านนอกเย่มู่มู่พาพวกเขาไปที่ห้องอาหาร พนักงานในครัวของบ้านพักตากอากาศเซียนหยวน ส่งอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้วผู้อาวุโสมู่หยิบซาลาเปานึ่งร้อน ๆ บนโต๊ะขึ้นมา พลางถามเย่มู่มู่ขณะกิน“เครื่องลายครามโบราณล่ะครับ?”เย่มู่มู่เปิดประตูบานเลื่อนที่เชื่อมระหว่างห้องครัวและห้องรับแขก“นี่ค่ะ อยู่ในห้องรับแขก มาดูเองเลยค่ะ!”พวกเขาคิดว่าของโบราณที่เย่มู่มู่จะให้ยืมนั้นเป็นเพียงชามกระเบื้องไม่กี่ใบเท่านั้นใครก็คิดไม่ถึงว่า จะมีของโบราณหลายร้อยชิ้นวางอยู่ในห้องรับแขกของเธอนี่มันหลายร้อยชิ้นเชียวนะ!นักเล่นของโบราณเหล่านี้ จะเคยเห็นจำนวนมากเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันตอนนี้ พวกเขารู้สึกเหมือนกับหนูตกถังข้าวสารวิ่งไปที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายสักพักก็ดูข
ไม่คิดเลยว่าจะมีค่ามากขนาดนี้ผู้อาวุโสจางเสนอราคา “หนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบล้าน!”ผู้อาวุโสมู่ “สองพันห้าร้อยล้าน!”ผู้อำนวยการหลิวก็อยากประมูลด้วยเช่นกันแต่ใช้เงินจำนวนมากไปกับการปรับปรุงและบำรุงรักษาพิพิธภัณฑ์ กองทุนที่จังหวัดจัดสรรมาให้ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนพวกเขาซื้อของโบราณราคาแพงอีกเมื่อของโบราณล้ำค่าไปตกอยู่ในมือของนักสะสม เขายังปวดใจมาก“คุณหนูเย่ พวกเราหารือกันหน่อยได้ไหมครับ กาน้ำชาสามารถจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์สักระยะหนึ่งก่อนค่อยนำออกไปขายได้ไหมครับ?”เย่มู่มู่พยักหน้า “ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ผู้ซื้อก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย!”“พวกเขาจะยินดีให้ความร่วมมือแน่นอนครับ!”ตอนนี้เป็นตลาดของผู้ขายแล้วเธอยังมีของโบราณมากมายหากนักสะสมรายใหญ่หลายรายอยากทำธุรกิจกับเธอ พวกเขาจะร่วมมืออย่างแน่นอนเป็นไปตามคาด พวกเขาทั้งหมดพยักหน้าตกลง“ตราบใดที่ขายให้ผม อย่าว่าแต่แสดงในพิพิธภัณฑ์ ต่อให้ต้องจัดแสดงอีกสองสามปีผมก็ยินดีครับ”ในที่สุดผู้อาวุโสจางก็ซื้อกาน้ำชารูปทรงน่าเกลียดในราคาสามพันล้านเขาเซ็นสัญญากับผู้อำนวยการหลิวเจิ้งชิงโดยจะจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นเวลาสามปี มีค่าชดเชยความเส
เมื่อผู้อาวุโสมู่เห็นว่าเย่มู่มู่จะเปิดร้านขายวัตถุโบราณ ก็ถามทันทีว่า “ร้านค้าข้าง ๆ ผมจะเซ้งออกไป คุณต้องการหรือเปล่าครับ?”เย่มู่มู่เคยไปย่านวัตถุโบราณเพียงครั้งเดียว เธอลืมไปแล้วว่า ร้านค้าที่อยู่ติดกับร้านของผู้อาวุโสมู่เป็นแบบไหนผู้อาวุโสมู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดคลิปของร้านค้าด้านข้างให้เย่มู่มู่ ๆ ดู“เถ้าแก่ร้านข้าง ๆ วางแผนจะปล่อยร้านให้คนอื่น พื้นที่ร้อยกว่าตารางเมตร มีสองชั้น เทียบกับร้านเล็ก ๆ ของผมแล้วกว้างขวางกว่ามาก”“ร้านค้าต่าง ๆ ในย่านวัตถุโบราณเป็นที่ต้องการมาก ถ้าคุณต้องการ ผมจะโทรหาเถ้าแก่ ช่วยคุณเซ้งต่อมา”ผู้อาวุโสสวี่และผู้อาวุโสจาง สองตาแก่ ต่างพากันเดาะลิ้นโดยไม่ได้นัดหมายตาแก่นี่คิดจะเอายัยหนูไว้ใกล้ ๆ จะได้ประโยชน์ก่อนใครเขานี่ถึงขนาดช่วยคนเขาเซ้งร้านที่อยู่ข้าง ๆ แล้วช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆเย่มู่มู่ดูคลิปอย่างตั้งใจ ร้านค้าแบ่งออกเป็นชั้นบนกับชั้นล่างสองชั้น แต่ละชั้นมีขนาดร้อยกว่าตารางเมตรสำหรับถนนย่านวัตถุโบราณและเครื่องหยก ถือได้ว่ากว้างขวางแล้วการตกแต่งดูมีระดับเป็นอย่างมาก บนชั้นวางของจัดแสดงของชิ้นเล็ก ๆ จากสมัยราชวงศ์ชิงไว้เธอแยกข
ส่งไปให้จ้านเฉิงอิ้นเธอเขียนจดหมายว่า “เด็กกำพร้าสองพันคน จะต้องสร้างโรงเรียนสักแห่ง”ส่วนโรงเรียนคืออะไรนั้น เย่มู่มู่แกะโทรศัพท์เครื่องใหม่ออก จากนั้นดาวน์โหลดคำแนะนำของโรงเรียนสิบกว่าแห่งลงไปรวมถึงโรงเรียนประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย และโรงเรียนที่เด็กในวัยต่าง ๆ เข้าเรียนหลังจากเธอส่งโทรศัพท์มือถือไปให้จ้านเฉิงอิ้นแล้ว ก็หยิบกระดาษใบที่สามบนพื้นขึ้นมาเป็นมั่วฝานส่งจดหมายมา บอกว่าประทัดและอากาศยานไร้คนขับใกล้จะหมดแล้ว จำเป็นจะต้องรีบเติมของส่วนสาเหตุว่าทำไมอากาศยานไร้คนขับถึงถูกใช้หมดเร็วขนาดนี้นั้นเพราะเขาใช้อากาศยานไร้คนขับบรรทุกระเบิด บุกเข้าไปในทัพของศัตรูโดยตรง ดังนั้นตอนนี้ จึงมีอากาศยานไร้คนขับเหลืออยู่เพียงสิบสามลำเท่านั้น!ฟ้าด้านนอกยังไม่มืด เย่มู่มู่อุ้มแจกันลงไปชั้นล่าง ขับรถกระบะตรงไปที่ร้านค้าออฟฟิเชียลของแบรนด์ที่ขายอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งเป็นศูนย์ขนาดใหญ่และมีสินค้าครบครันในเมืองโดยตรงเธอซื้ออากาศยานไร้คนขับบรรทุกหนัก ที่สามารถส่งสินค้า พ่นยาฆ่าแมลง และบรรทุกของได้ถึงห้าสิบกิโลกรัมแต่ราคาที่ขายนั้นแพงมาก ลำละสี่แสนเก้าหมื่นเก้าพันบาท อีกนิดเดียวก็จะห้า
ฮ่องเต้ทั้งสุภาพและมีมารยาท เจตนาจะดึงเขาไปเป็นพวกเขาเริ่มจากการชื่นชมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการป้องปรามเผ่าหมานของจ้านเฉิงอิ้นก่อนที่จ้านเฉิงอิ้นไม่ได้รับความสำคัญ เป็นเพราะฮ่องเต้แคว้นฉี่ตาบอด มองคนไม่เป็นจึงคิดจะยึดอำนาจการทหาร ของแม่ทัพใหญ่ที่มีผลงานการรบอันเกรียงไกรเช่นนี้หากจ้านเฉิงอิ้นเต็มใจออกจากแคว้นฉี่ ฮ่องเต้แคว้นอวี่จะมอบงานสำคัญให้เขา ให้เขาควบคุมอำนาจทหารของแคว้นอวี่ทั้งหมดและจะรับกองทัพตระกูลจ้านและราษฎรในด่านเจิ้นกวนทั้งแปดหมื่นชีวิตภายใต้การดูแลของเขา ไว้ทั้งหมดเช่นกันและจะแบ่งที่นาให้ชาวบ้านทุกคนด้วยแม้จะกล่าวเช่นนั้น ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่ใต้หล้าแร้นแค้น ไร่นาไม่อาจเพาะปลูกเสบียงอาหาร ที่ดินนี้จะให้หรือไม่ แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างกันมากนักแต่หากจ้านเฉิงอิ้นไม่เต็มใจไปจากด่านเจิ้นกวน ประสงค์จะทำงานให้แคว้นฉี่ต่อไป เยี่ยงนั้นก็ไม่เป็นไรเขาได้ให้คณะทูตเตรียมเงินทองและเครื่องใช้ที่ทำจากหยกจำนวนมาก มาเจรจาค้าขายกับจ้านเฉิงอิ้นแคว้นอวี่ต้องการซื้อเสบียง กับหญ้าและอาหารที่วัวม้ากิน หากสามารถขนน้ำกลับไปด้วยจำนวนหนึ่งก็ยิ่งดีส่วนเงินทองและเครื่องหยกนั้น คณะท
“ข้าจะออกจากเมืองไปฆ่าเขาเอง!”แม่ทัพผู้ทรยศต่อบ้านเมืองขาดน้ำไร้เสบียงคนหนึ่ง กลับยังกล้าไม่เห็นหัวพวกเขาให้เกียรติมันเกินไปแล้ว! จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยขึ้นว่า “เขาอยากได้ด่านเจิ้นกวน พวกเราก็ย่อมหมายจะได้กองกำลังของเขาเช่นกัน!” “คอยดูเถิด อีกหน่อย สวีหวยจะล้มเอง” สิ้นคำพูดของเขา ทันใดนั้น จากมุมอับหนึ่งของกระโจมข้าง ๆ ปืนล่าสัตว์ก็ยื่นออกมา มือปืนเหนี่ยวไก ยิงกระสุนตรงเข้าหัวใจของสวีหวย ปัง~ ระยะที่ใกล้เกินไป ทำให้สวีหวยและหลี่หู่รู้สึกตัว แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบหลีกได้ ทั้งสองรู้จักเพียงคันธนู แต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าปืน สวีหวยที่ถูกยิงก็ล้มลงทันที...หลี่หู่รีบตะโกนอย่างร้อนรน “มีนักฆ่า ทหาร”“เร็ว มาช่วยแม่ทัพ...”พลทหารในกระโจมใกล้เคียง เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ ก็คว้าดาบพุ่งเข้ามายังที่ซ่อนของเฉินขุยและพรรคพวกทันที... ฟิ้ว~ ดาบที่เพิ่งถูกยกขึ้น ก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินบนกำแพงเมืองตะวันตกยิงเข้าอย่างแม่นยำ ร่างนั้นล้มลงในทันที เสียงจากลำโพงบนกำแพงเมืองดังกึกก้อง ในค่ำคืนอันเงียบสงัด เสียงนั้นยิ่งชัดเจน! “หากคิดจะเข้าด่านเจิ้นกวน อย่าได้ประมาทหรือ
จ้านเฉิงอิ้นเดินออกจากกระโจม ร่วมดื่มเหล้าและกินเนื้อกับเหล่าทหาร ในช่วงเที่ยง พ่อครัวยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารสำหรับชาวเมือง มีทั้งปลานึ่ง เป็ดแย่ง ไก่ตุ๋น...กลิ่นหอมอบอวลของอาหารเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายทหาร ชาวบ้านที่เคยกินเพียงข้าวต้มขาวทุกวัน บางครั้งถึงกับต้องเอาข้าวสารไปแลกเนื้อม้ากับโรงครัวเพื่อประทังชีวิต แต่งานเลี้ยงฉลองชัยในวันนี้ กลับมีปลานึ่งที่ชาวบ้านจำนวนมากไม่เคยเห็นมาก่อน ในพื้นที่ตอนเหนือ แม้ก่อนจะเกิดภัยแล้ง ฝนก็ตกน้อยมาก ปลาจึงกลายเป็นของหายาก! จะพบได้เฉพาะในแม่น้ำชานเมืองใกล้เมืองหลวง ซึ่งแม่น้ำถูกชนชั้นสูงเหมาไว้เลี้ยงปลาปลาจึงเป็นอาหารที่ราคาแพงอย่างยิ่งในเมืองหลวง วันนี้ ชาวเมืองทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กต่างได้ลิ้มรสเนื้อปลาเป็นครั้งแรก รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้าของทุกคน พวกเขากินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ ยังมีไก่ตุ๋น เป็ดย่าง... และอาหารอร่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ชาวบ้านที่ตรากตรำทำงานหนักตลอดชีวิต ไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน สุราขาวและเบียร์มากกว่าพันลังถูกนำออกมา เหล่าทหารดื่มกินกันอย่างเต็
*หลังจากซ่อมกระโจมของจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ เถียนฉินเดินเข้ามารายงาน“แม่ทัพ สวีหวยกับกองกำลังคนและม้าหนึ่งแสนคน ตั้งค่ายพักที่ประตูทิศตะวันออก ไม่ยอมจากไปขอรับ”“สมาชิกในครอบครัวของพวกทหารล่ะ?”เถียนฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เมื่อคืน เพื่อล่อให้ท่านออกจากเมือง สมาชิกในครอบครัวหนึ่งหมื่นกว่าคนของทหาร ถูกฆ่าตายหกพันคน เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กที่บาดเจ็บจำนวนหนึ่งเท่านั้น!”“พวกนางอยากเข้าด่านเจิ้นกวน แต่สวีหวยไม่ยอมปล่อยคน”“วันนี้ แม่ทัพเฉินขุยเฉินอู่เกณฑ์ทหาร มีคนสนใจจำนวนมากขอรับ แต่กลับถูกสวีหวยฆ่าตายถึงสามคนที่ตรงนั้น คนที่เหลือเลยไม่มีใครกล้าขยับตัวอีก!”ในเวลาเดียวกัน เฉินขุยเปิดม่านกระโจมเดินเข้ามาหลังจากเขานั่งลง เขาดื่มน้ำคำใหญ่ก่อน จากนั้นเริ่มระบายความโกรธด่าทอสวีหวย“ในมือเขาไม่มีเสบียงอาหารแต่ก็ไม่ยอมให้นายทหารใต้บัญชาเข้าเมือง!”“และยังเชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนที่ติดตามเขา นับว่าโชคร้ายแปดชั่วอายุคน”“วางใจเถอะ สามีของหลานสาวข้าเฉิงจื่อเซียว กล่วว่าคืนนี้จะนำคนกลุ่มหนึ่งเข้าเมือง เขาทนการฆ่าผู้บริสุทธิ์ของสวีหวยไม่ไหวแล้วเช่นกัน”สวีหวยทำเช่นนี้ เขากำลังเดิมพันเดิมพั
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเธอซื้อของใช้ประจำวันมากหน่อยและส่งไปด่านเจิ้นกวนหลังจากพูดคุยกับจ้านเฉิงอิ้นเสร็จเธอชำระล้างง่าย ๆ แล้วลงไปข้างล่างเธอกินอาหารเช้าพร้อมใช้มือถือสั่งของผู้หญิงล้วนชอบซื้อของทุกคนเธอซื้อของอย่างมีความสุขมากเธอเข้าไปร้านค้าออนไลน์ของศูนย์การค้าท้องถิ่น สั่งซื้อน้ำหอม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ ลิปสติก ปากกาเขียนคิ้ว อายแชโดว์ รองพื้น โฟมล้างหน้าก่อน…ให้พี่ขนส่งหรือพี่รับจัดการเรื่องแทนส่งมาให้จากนั้นเธอซื้อของใช้มีประโยชน์เช่น ผ้าเช็ดทำความสะอาด ทรายขัดผิว สบู่กำมะถัน รองเท้าแตะ ถุงเท้า ถุงมือแรงงานและยากำจัดเหาต่อ…หนึ่งร้อยลังเป็นอย่างต่ำ เธอพูดคุยกับร้านค้า ให้เจ้าของร้านส่งของถึงหน้าประตู!หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของร้านข้าวมาพร้อมกับแอลกอฮอล์หนึ่งคันรถพี่ซุนเรียกยามมาช่วยขนถ่ายสินค้าเมื่อมีคนมาก การขนถ่ายจึงรวดเร็ว ของที่สั่งล้วนวางไว้ข้างในโกดังจอดรถของคฤหาสน์ หลังจากคนเดินออกไปแล้ว เย่มู่มู่ดึงประตูม้วนโกดังลงมาและทำการส่งแอลกอฮอล์เครื่องดื่มไปให้จากนั้นคนขับหวงขับรถมาส่งเนื้อสัตว์ไม่มีใครช่วยคนขับหวงขนถ่าย เธอจึงให้คนข
*จ้านเฉิงอิ้นนั่งลง หยิบกระดาษจับพู่กันแล้วตอบจดหมายเย่มู่มู่“ท่านเทพ ตื่นแล้วหรือ?”เย่มู่มู่มองเวลาเก้าโมงเช้า ยังดี ถือว่าตื่นเช้า!“ด่านเจิ้นกวนเริ่มงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จแล้วหรือ?”“ใช่ กำลังกินขอรับ”“ในค่ายทหารทำของอร่อยอะไรบ้าง?”“เมื่อคืนนำเนื้อม้ากลับมาได้จำนวนมาก จึงทำเนื้อม้าเป็นกะมะลังใหญ่ ยังมีพืชผักที่ส่งมาเมื่อครั้งก่อน มีข้าวสารนึ่งสุก พลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมกินด้วยกันทุกคน ทุกคนดีใจมาก...”กระบี่คมกริบที่แขวนไว้ในด่านเจิ้นกวนหายไปแล้วเย่มู่มู่จินตนาการได้ว่าทุกคนดีใจเพียงใดหนึ่งปี!หนึ่งปีเต็ม ๆ กองทัพตระกูลจ้านต้องสูญเสียคนถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนสองแสนคนล้มตายเสียชีวิตจากนี้ไป ทุกคนสามารถดำรงชีวิตต่อไปและเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ จะไม่มีกองทัพศัตรูปิดล้อมพวกเขาอีกแล้ว!“ทำดีมาก! นักเรียนจ้านเฉิงอิ้น เมื่อคืนเจ้าทำตัวกล้าหาญองอาจเป็นอย่างมาก!”“ท่านเทพยกยอเกินไป เป็นเพราะท่านเทพส่งเสื้อเกราะกันกระสุนกับปืนล่าสัตว์มาได้ทันเวลา ทำให้หน่วยดาบม่อเตาที่เป็นแนวหน้า ฆ่าฟันศัตรูได้ตามใจชอบราวกับเข้าไปในดินแดนไร้คน…”“อืม ในเม
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวหยุดเฉินขุย“เจ้าออกไปทางลับ ถ้ามีคนยอมติดตามกองทัพตระกูลจ้าน นำตัวกลับเข้ากองทัพ!”“ขอรับ แม่ทัพ!”“สำหรับสวีหวย ข้าไม่ลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง ถือว่าให้ความเมตตาที่สุดแล้ว!”“พระราชโองการนั่นที่เขากล่าวถึง ข้าออกรบชนะศึก ฮ่องเต้จะยกให้คนอื่นมารับช่วงด่านเจิ้นกวนต่อได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”เฉินขุยเฉินอู่พยักหน้าซ้ำ ๆ เห็นด้วย“ใช่ เป็นของปลอม สวีหวยประกาศพระราชโองการปลอม ความผิดของเขาต้องฆ่าทิ้งทันที!”“เพื่อเพิ่มความปรีดาให้แก่ท่าน ข้าน้อยจะไปกวาดล้างคนเลวข้างกายฮ่องเต้ ตัดหัวสวีหวยผู้ประกาศพระราชโองการปลอมเดี๋ยวนี้!”สองพี่น้องนำคนและม้าออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรจ้านเฉิงอิ้นจึงนั่งลงอีกครั้ง เห็นมั่วฝานทอดมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของสองพี่น้องพร้อมกับขมวดคิ้วเขาจึงถามมั่วฝาน “เป็นอะไรไป?”“ตอนนี้ยังฆ่าสวีหวยไม่ได้!”“เพราะเหตุใด?”มั่วฝานนำสารลับที่ได้รับวันนี้จากไทเฮา ยื่นให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดสารลับอ่าน คิ้วยาวดุจดาบพลางขมวดเล็กน้อยมั่วฝานกล่าวต่อ “บุตรสาวของสวีหวยได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากในพระราชวังถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้
อำนาจทางการทหารของกองทัพตระกูลจ้านจะถูกส่งต่อให้กับคนอื่นกองทัพตระกูลจ้านไม่เป็นที่พอใจในสายตาของฮ่องเต้ตั้งแต่ต้นวันนี้พวกเขามีเสบียงมีน้ำ มีอุปกรณ์ติดตัวที่ยอดเยี่ยม…สมาชิกราชวงศ์ต้าฉี่ประพฤติตนไร้สาระ เสนาบดีซูขูดรีดพลเมืองสภาพการณ์ของชาวเมือง ไม่ต่างจากด่านเจิ้นกวนในเวลานั้นภายในแคว้นต้าฉี่มีอิทธิพลหลายกลุ่มเริ่มผนึกตัว เพียงแต่ถูกกำลังทหารสองแสนคนขวางไว้ถ้าชาวเมืองมีชีวิตต่อไปได้ ใครจะรวมพลก่อกบฏอีกเล่าทุกคนล้วนอยู่ภายใต้หนทางตัน สุดท้ายจึงจำใจเลือกเส้นทางนี้จ้านเฉิงอิ้นทำลายกองทัพพันธมิตรของแคว้นฉู่กับแคว้นฉีอย่างแสนสาหัส ทำให้กองทัพเผ่าหมานต้องถอยทัพด้วยความปราชัย ชื่อเสียงของเขาในหมู่พลเมือง อยู่เหนือกว่าสมาชิกราชวงศ์ไปมากฮ่องเต้ไม่อาจยอมรับเขาได้ถอดชุดเกราะเป็นเพียงก้าวแรก ยึดอำนาจทางการทหารของแม่ทัพแล้วยังไม่สบายใจต้องประหารชีวิตแม่ทัพอย่างแน่นอน!พวกเขามีมิตรภาพที่ผ่านความตายมาด้วยกันทั้งนั้น เผชิญความอดอยากด้วยกันในด่านเจิ้นกวน ฆ่าศัตรูในสนามรบไปด้วยกันยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพสามารถติดต่อกับท่านเทพเช่นนั้นแม่ทัพจะกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้ในเวลานี้ ทุ
ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ
นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ