แชร์

บทที่ 207

ผู้เขียน: มู่โร่ว
ดวงตาทั้งสองของสวีหวยเบิกกว้างราวกับกลอง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดที่ทรยศเช่นนี้

ต้าฉี่ไม่มีฮ่องเต้น้อยได้ แต่ขาดแม่ทัพใหญ่ไม่ได้หมายความว่าอย่างไร

พวกเขาไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา นี่คือการกบฏอย่างเปิดเผย!

เฉินขุยจัดการให้ฮูหยิน หลานสาวและเด็กขึ้นรถม้าแล้ว

ส่วนตนก็ขึ้นไปบนหลังม้า แล้วมองไปที่สวีหวยอย่างมองลงไปเบื้องล่าง

“ท่านแม่ทัพใหญ่ให้ข้ามาบอกเจ้าว่า ถ้าอยากได้อาหารและน้ำ ต้องมาที่ด่านเจิ้นกวนเอง...”

“เอาแต่ซ่อนตัวอยู่นอกด่านเจิ้นกวน มองดูเศษซากที่ล่มสลายของด่านเจิ้นกวน เจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ทัพแคว้นต้าฉี่ มีสิทธิ์มั่นอกมั่นใจอะไรจะไปเสวยสุขการสนับสนุนของท่านแม่ทัพ!”

สวีหวยปกป้องด่านถงกวนมายี่สิบปี เป็นแม่ทัพสูงที่สุด

ไม่มีใครกล้าพูดขนาดนี้กับเขา

แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังต้องให้เกียรติเขาอยู่สามส่วน

เฉินขุยเป็นเพียงสุนัขรับใช้ของจ้านเฉินอิ้น ที่ทรยศต่อฮ่องเต้ กล้ามาดูถูกเขาถึงเพียงนี้

สองมือเขากำเป็นหมัดแน่น แล้วพูดด้วยความโกรธ “หุบปาก เจ้ากล้าขัดต่อราชโองการของฮ่องเต้ กำลังเตรียมจะก่อกบฏอยู่ใช่หรือไม่?”

เฉินขุยเลี้ยวหัวม้า แล้วยิ้มอย่างประชดประชัน

“เจ้าต้องการใช้อ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 208

    ใบหน้าของพวกนางไม่ได้ล้างหน้ามานาน แต่มวยผมก็ถูกหวีอย่างพิถีพิถันฮูหยินเฉินกวาดตามอง กวักมือเรียกฮูหยินทั้งสาม แล้วพูดด้วยรอยยิ้มมีเมตตา “มาสิ ฮูหยินทั้งสามมานี่!”สามีของฮูหยินทั้งสามมีตำแหน่งขุนนางระดับเดียวกับเฉินขุยเฉินขุยเกิดมาในตระกูลโหวที่มีสถานะทางครอบครัวสูงกว่าทหารธรรมดา แคว้นต้าฉี่ให้ความสำคัญกับภูมิหลัง สถานะของฮูหยินเฉินสูงกว่าสตรีชั้นสูงทั้งสามคนนี้พวกนางเดินไปที่รถม้า แล้วทำความเคารพต่อฮูหยินเฉิน“ข้าน้อยคารวะฮูหยินเฉิน”ฮูหยินเฉินหยิบลูกอมหนึ่งกำมือออกมามอบให้ฮูหยินคนแรกด้วยรอยยิ้ม“มานี่สิ เอาไปแบ่งให้ลูก ๆ กินเถอะ!”เมื่อฮูหยินคนแรกเห็นว่าเป็นลูกอม นางตกใจมาก ไม่คิดว่าในด่านเจิ้นกวนจะมีลูกอมนางปฏิเสธอยู่หลายครั้ง “นี่จะรับได้อย่างไรเจ้าคะ?”ลูกอมในฐานะที่เป็นสินค้าที่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ นางรู้ว่ามันมีค่าเพียงใดฮูหยินเฉินหยิบข้าวห้าชั่งสามถุงและน้ำแร่สามขวดออกมาจากห้องโดยสารรถม้า มอบให้ฮูหยินทั้งสามคน“จริง ๆ แล้วของพวกนี้เก็บไว้ให้อวิ๋นเหนียง ในเมื่อนางไปกับข้าแล้ว ฮูหยินทั้งสามเอาไปเถอะ”“วันหน้า หากมีเรื่องทุกข์ร้อนอันใดก็ไปหาข้า ข้าช่วยได้ข้าจะช

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 209

    เช้าตรู่ เย่มู่มู่รับสายจากผู้อาวุโสมู่และรองผู้อำนวยการจางผู้อาวุโสมู่มาถึงหน้าประตูพร้อมกับรองผู้อำนวยการจางและผู้อำนวยการนักสะสมรายใหญ่สองคนจากคราวที่แล้วก็ตามมาด้วย ผู้อาวุโสจางสวมแว่นตา ผู้อาวุโสสวี่บุคลิกสุภาพและสง่างามกลุ่มคนขับรถมาถึงนอกคฤหาสน์ของเย่มู่มู่อย่างยิ่งใหญ่พนักงาน บอดีการ์ด และคนขับรถรออยู่ด้านนอกเย่มู่มู่พาพวกเขาไปที่ห้องอาหาร พนักงานในครัวของบ้านพักตากอากาศเซียนหยวน ส่งอาหารเช้ามาเรียบร้อยแล้วผู้อาวุโสมู่หยิบซาลาเปานึ่งร้อน ๆ บนโต๊ะขึ้นมา พลางถามเย่มู่มู่ขณะกิน“เครื่องลายครามโบราณล่ะครับ?”เย่มู่มู่เปิดประตูบานเลื่อนที่เชื่อมระหว่างห้องครัวและห้องรับแขก“นี่ค่ะ อยู่ในห้องรับแขก มาดูเองเลยค่ะ!”พวกเขาคิดว่าของโบราณที่เย่มู่มู่จะให้ยืมนั้นเป็นเพียงชามกระเบื้องไม่กี่ใบเท่านั้นใครก็คิดไม่ถึงว่า จะมีของโบราณหลายร้อยชิ้นวางอยู่ในห้องรับแขกของเธอนี่มันหลายร้อยชิ้นเชียวนะ!นักเล่นของโบราณเหล่านี้ จะเคยเห็นจำนวนมากเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันตอนนี้ พวกเขารู้สึกเหมือนกับหนูตกถังข้าวสารวิ่งไปที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายสักพักก็ดูข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 210

    ไม่คิดเลยว่าจะมีค่ามากขนาดนี้ผู้อาวุโสจางเสนอราคา “หนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบล้าน!”ผู้อาวุโสมู่ “สองพันห้าร้อยล้าน!”ผู้อำนวยการหลิวก็อยากประมูลด้วยเช่นกันแต่ใช้เงินจำนวนมากไปกับการปรับปรุงและบำรุงรักษาพิพิธภัณฑ์ กองทุนที่จังหวัดจัดสรรมาให้ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนพวกเขาซื้อของโบราณราคาแพงอีกเมื่อของโบราณล้ำค่าไปตกอยู่ในมือของนักสะสม เขายังปวดใจมาก“คุณหนูเย่ พวกเราหารือกันหน่อยได้ไหมครับ กาน้ำชาสามารถจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์สักระยะหนึ่งก่อนค่อยนำออกไปขายได้ไหมครับ?”เย่มู่มู่พยักหน้า “ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ผู้ซื้อก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย!”“พวกเขาจะยินดีให้ความร่วมมือแน่นอนครับ!”ตอนนี้เป็นตลาดของผู้ขายแล้วเธอยังมีของโบราณมากมายหากนักสะสมรายใหญ่หลายรายอยากทำธุรกิจกับเธอ พวกเขาจะร่วมมืออย่างแน่นอนเป็นไปตามคาด พวกเขาทั้งหมดพยักหน้าตกลง“ตราบใดที่ขายให้ผม อย่าว่าแต่แสดงในพิพิธภัณฑ์ ต่อให้ต้องจัดแสดงอีกสองสามปีผมก็ยินดีครับ”ในที่สุดผู้อาวุโสจางก็ซื้อกาน้ำชารูปทรงน่าเกลียดในราคาสามพันล้านเขาเซ็นสัญญากับผู้อำนวยการหลิวเจิ้งชิงโดยจะจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์เป็นเวลาสามปี มีค่าชดเชยความเส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 211

    เมื่อผู้อาวุโสมู่เห็นว่าเย่มู่มู่จะเปิดร้านขายวัตถุโบราณ ก็ถามทันทีว่า “ร้านค้าข้าง ๆ ผมจะเซ้งออกไป คุณต้องการหรือเปล่าครับ?”เย่มู่มู่เคยไปย่านวัตถุโบราณเพียงครั้งเดียว เธอลืมไปแล้วว่า ร้านค้าที่อยู่ติดกับร้านของผู้อาวุโสมู่เป็นแบบไหนผู้อาวุโสมู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดคลิปของร้านค้าด้านข้างให้เย่มู่มู่ ๆ ดู“เถ้าแก่ร้านข้าง ๆ วางแผนจะปล่อยร้านให้คนอื่น พื้นที่ร้อยกว่าตารางเมตร มีสองชั้น เทียบกับร้านเล็ก ๆ ของผมแล้วกว้างขวางกว่ามาก”“ร้านค้าต่าง ๆ ในย่านวัตถุโบราณเป็นที่ต้องการมาก ถ้าคุณต้องการ ผมจะโทรหาเถ้าแก่ ช่วยคุณเซ้งต่อมา”ผู้อาวุโสสวี่และผู้อาวุโสจาง สองตาแก่ ต่างพากันเดาะลิ้นโดยไม่ได้นัดหมายตาแก่นี่คิดจะเอายัยหนูไว้ใกล้ ๆ จะได้ประโยชน์ก่อนใครเขานี่ถึงขนาดช่วยคนเขาเซ้งร้านที่อยู่ข้าง ๆ แล้วช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆเย่มู่มู่ดูคลิปอย่างตั้งใจ ร้านค้าแบ่งออกเป็นชั้นบนกับชั้นล่างสองชั้น แต่ละชั้นมีขนาดร้อยกว่าตารางเมตรสำหรับถนนย่านวัตถุโบราณและเครื่องหยก ถือได้ว่ากว้างขวางแล้วการตกแต่งดูมีระดับเป็นอย่างมาก บนชั้นวางของจัดแสดงของชิ้นเล็ก ๆ จากสมัยราชวงศ์ชิงไว้เธอแยกข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 212

    ส่งไปให้จ้านเฉิงอิ้นเธอเขียนจดหมายว่า “เด็กกำพร้าสองพันคน จะต้องสร้างโรงเรียนสักแห่ง”ส่วนโรงเรียนคืออะไรนั้น เย่มู่มู่แกะโทรศัพท์เครื่องใหม่ออก จากนั้นดาวน์โหลดคำแนะนำของโรงเรียนสิบกว่าแห่งลงไปรวมถึงโรงเรียนประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย และโรงเรียนที่เด็กในวัยต่าง ๆ เข้าเรียนหลังจากเธอส่งโทรศัพท์มือถือไปให้จ้านเฉิงอิ้นแล้ว ก็หยิบกระดาษใบที่สามบนพื้นขึ้นมาเป็นมั่วฝานส่งจดหมายมา บอกว่าประทัดและอากาศยานไร้คนขับใกล้จะหมดแล้ว จำเป็นจะต้องรีบเติมของส่วนสาเหตุว่าทำไมอากาศยานไร้คนขับถึงถูกใช้หมดเร็วขนาดนี้นั้นเพราะเขาใช้อากาศยานไร้คนขับบรรทุกระเบิด บุกเข้าไปในทัพของศัตรูโดยตรง ดังนั้นตอนนี้ จึงมีอากาศยานไร้คนขับเหลืออยู่เพียงสิบสามลำเท่านั้น!ฟ้าด้านนอกยังไม่มืด เย่มู่มู่อุ้มแจกันลงไปชั้นล่าง ขับรถกระบะตรงไปที่ร้านค้าออฟฟิเชียลของแบรนด์ที่ขายอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งเป็นศูนย์ขนาดใหญ่และมีสินค้าครบครันในเมืองโดยตรงเธอซื้ออากาศยานไร้คนขับบรรทุกหนัก ที่สามารถส่งสินค้า พ่นยาฆ่าแมลง และบรรทุกของได้ถึงห้าสิบกิโลกรัมแต่ราคาที่ขายนั้นแพงมาก ลำละสี่แสนเก้าหมื่นเก้าพันบาท อีกนิดเดียวก็จะห้า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 213

    ฮ่องเต้ทั้งสุภาพและมีมารยาท เจตนาจะดึงเขาไปเป็นพวกเขาเริ่มจากการชื่นชมความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการป้องปรามเผ่าหมานของจ้านเฉิงอิ้นก่อนที่จ้านเฉิงอิ้นไม่ได้รับความสำคัญ เป็นเพราะฮ่องเต้แคว้นฉี่ตาบอด มองคนไม่เป็นจึงคิดจะยึดอำนาจการทหาร ของแม่ทัพใหญ่ที่มีผลงานการรบอันเกรียงไกรเช่นนี้หากจ้านเฉิงอิ้นเต็มใจออกจากแคว้นฉี่ ฮ่องเต้แคว้นอวี่จะมอบงานสำคัญให้เขา ให้เขาควบคุมอำนาจทหารของแคว้นอวี่ทั้งหมดและจะรับกองทัพตระกูลจ้านและราษฎรในด่านเจิ้นกวนทั้งแปดหมื่นชีวิตภายใต้การดูแลของเขา ไว้ทั้งหมดเช่นกันและจะแบ่งที่นาให้ชาวบ้านทุกคนด้วยแม้จะกล่าวเช่นนั้น ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่ใต้หล้าแร้นแค้น ไร่นาไม่อาจเพาะปลูกเสบียงอาหาร ที่ดินนี้จะให้หรือไม่ แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างกันมากนักแต่หากจ้านเฉิงอิ้นไม่เต็มใจไปจากด่านเจิ้นกวน ประสงค์จะทำงานให้แคว้นฉี่ต่อไป เยี่ยงนั้นก็ไม่เป็นไรเขาได้ให้คณะทูตเตรียมเงินทองและเครื่องใช้ที่ทำจากหยกจำนวนมาก มาเจรจาค้าขายกับจ้านเฉิงอิ้นแคว้นอวี่ต้องการซื้อเสบียง กับหญ้าและอาหารที่วัวม้ากิน หากสามารถขนน้ำกลับไปด้วยจำนวนหนึ่งก็ยิ่งดีส่วนเงินทองและเครื่องหยกนั้น คณะท

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 214

    ทันทีที่เริ่มเปิดการแลกเปลี่ยน ก็จะเป็นการเปิดเผยไพ่ใบสำคัญที่สุดของจ้านเฉิงอิ้นออกไปท่านเทพไม่ต้องการให้เขาตกอยู่ในอันตราย จึงได้ปฏิเสธแล้วนางดีเหลือเกินจริง ๆคิดแทนตัวเขา คิดแทนราษฎรของด่านเจิ้นกวนอยู่เสมอเหมือนกับวันนี้ ที่เขาปรารถนาจะขอเพียงหนังสือและปากกาเท่านั้นแต่นางกลับคิดถึงการสร้างโรงเรียน โรงอาหาร หอพัก…เพื่อบ่มเพาะเลี้ยงดูบรรดาเด็กกำพร้าอย่างจริงจังหากนางไม่เห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยน เช่นนั้นก็ช่างเถอะจ้านเฉิงอิ้นเรียกสวี่หมิงมา “เจ้าจงไปบอกทูตแคว้นอวี่ที่ประตูเมืองว่า ข้าไม่ตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยน”“แน่นอนว่า พวกเขาเดินทางมาไกลนับพันลี้ จงหาน้ำเต้ามาใส่น้ำและมอบขนมปังสักสองสามชิ้นให้พวกเขาเถอะ“แล้วค่อยส่งคนกลับไป!”สวี่หมิงรับคำ “ขอรับ ท่านแม่ทัพ”เขาออกจากกระโจมไปจัดการแล้วเดิมคิดว่าไล่แคว้นอวี่ไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าต่อมา แคว้นเยี่ยนและแคว้นหย่ง…ก็ส่งคณะทูตมาซื้อเสบียงด้วยเช่นกันทว่าท่าทางของทูตจากสองแคว้นก้าวร้าวอย่างยิ่ง แม้แต่เทียบคารวะก็ไม่มี เมื่อมาถึงด่านเจิ้นกวนก็ให้คนทุบประตูดังปัง ๆ ๆ ทันทีกระทั่งหน้าไม้ราชวงศ์ฉินถูกยิงลงมาจากกำแพงเมือง ยิงท

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 215

    เมื่อเย่มู่มู่ส่งอากาศยานไร้คนขับเสร็จ ก็กลับไปพักผ่อนที่คฤหาสน์วันถัดมา เธอไปที่ร้านวัตถุโบราณ หานักออกแบบภายในมาออกแบบร้านใหม่อีกครั้งผู้อาวุโสมู่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน เขาช่วยออกความเห็นให้เธออย่างแข็งขันว่าวัตถุโบราณในร้านของเธอมีมูลค่าสูง จะต้องติดตั้งกระจกกันกระสุน และจะต้องติดตั้งสองชั้นด้วยสัญญาณเตือนภัยก็ต้องมีการติดตั้งให้พร้อมพรักส่วนกล้องวงจรปิดนั้น ไม่อาจปล่อยหลุดรอดมุมอับใดไปแม้แต่มุมเดียววัตถุโบราณส่วนใหญ่เป็นเครื่องกระเบื้องเคลือบ ต้องออกแบบตามแนวทางของงานนิทรรศการเครื่องลายครามฐานล่างของถาดต้องหมุนได้ แสงไฟต้องส่องถึงในองศาและทิศทางต่าง ๆ เพื่อแสดงความงดงามของเครื่องลายครามออกมานักออกแบบทำตามข้อเรียกร้อง ดีไซน์แบบแปลนออกมาเมื่อเย่มู่มู่และผู้อาวุโสมู่ได้เห็นก็ล้วนรู้สึกพอใจเธอจึงมอบการตกแต่งร้านให้เธออย่างวางใจ และบอกนักออกแบบลงมือทำได้อย่างเต็มที่ ผู้อาวุโสมู่ก็อยู่ที่ร้านข้าง ๆ เมื่อมีเวลาว่างก็จะมาช่วยตรวจดูงานด้วยหลังจากบอกลาผู้อาวุโสมู่ เย่มู่มู่ก็กลับไปที่รถ แล้วจึงได้เห็นกระดาษข้อความแผ่นเล็ก ๆ ที่จ้านเฉิงอิ้นส่งมาเรื่องที่ด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเ

บทล่าสุด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 452

    ราวกับจะเป็นสัญชาตญาณ กลัวว่าคะแนนของตนจะไม่ดี จะทำให้คุณหนูเย่ไม่พอใจเขาขยันเป็นอย่างมาก ตั้งใจเรียนสุดชีวิตตอนนี้ นอกจากกินข้าว นอนหลับ เวลาทั้งหมดก็ใช้อยู่กับการเรียนนักเรียนพรรค์นี้ต้องบังคับตัวเองเรียน อาจจะลำบาก ไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ระดับสูงอาจารย์ในแต่ละวิชา แต่ละคนประเมินผลให้เขาไม่เลวเลยทีเดียว เคารพอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง และขยันมาก เพียงแต่พื้นฐานแย่เกินไปเย่มู่มู่ทำได้เพียงให้อั่งเปาซองโตไป ขอให้บรรดาอาจารย์ใส่ใจให้มาก ๆ หน่อยยังมีอีกหนึ่งปัญหาคือ พื้นฐานของเขาอ่อนเกินไป หากเข้าในโรงเรียนตระกูลไฮโซ ไม่ต้องคิดเลยคะแนนต้องต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดอยู่แล้ว กลัวว่าเขาจะปรับตัวไม่ได้ช่างเถอะ ด้วยทักษะมือเท้าของเขา คงไม่ถูกคนอื่นรังแกแน่นอนวันต่อมา เย่มู่มู่ หลูหมิง หลูซี นั่งเครื่องบินมายังตำบลเล็ก ๆ ด้วยกันผู้นำของเทศบาลตำบลมาต้อนรับพวกเขาพวกเขาคิดว่า ผู้ที่มาจะเป็นทีมทีมหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นคนของบริษัท ไม่คิดเลยว่าผู้ที่มาจะเป็นเด็กวัยรุ่นสามคน เด็กผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เด็กอายุสิบกว่าปีหนึ่งคนและเด็กวัยรุ่นที่อารมณ์ค่อนข้างรุนแรงคนหนึ่งเทศบาลตำบลเองก็เพิ่งเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 451

    จ้านเฉิงอิ้นเองก็สัมผัสได้ ในที่ว่างเปล่ามีห้องหับเล็ก ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกสองห้องแลคเกอร์สีขาว หน้าต่างกระจก ด้านในมีอุปกรณ์นานาชนิดอาทิ ท่อ จอบ พลั่ว และยังมีปุ๋ย เมล็ดพันธุ์พืช เมล็ดพันธุ์ผักนานาชนิด...ยังมีรถสามล้อคันเล็กอีกหนึ่งคัน และบัวรดน้ำเป็นอุปกรณ์ใช้รดน้ำต้นไม้ของท่านเทพแท้บ้านทางพวกเขาก็หน้าตาเป็นเช่นนี้นี่เอง เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นระเบียบ ทาด้วยสีขาว ใช้กระจกแสนงดงามมาทำเป็นหน้าต่างน่าเสียดาย เขายังไม่ทันได้สังเกตห้องจนพอใจ ก็ถูกย้ายไปแล้วบัดนี้เขายิ่งมีความสนใจกับโรงงานที่ท่านเทพกล่าวมากขึ้นเข้าไปใหญ่ตุบเย่มู่มู่ส่งหนังสือเรื่องไฟฟ้า สิ่งปลูกสร้าง ฐานของสิ่งปลูกสร้าง และหนังสืออื่น ๆ มานางกล่าวว่า “แม้ที่ดินทางด้านพวกเจ้า จะถูกแดดเผาจนแข็ง แต่เมื่อย้ายโรงงานไป ระยะแรกก็ยังต้องทำฐานให้มั่นคง”“เจ้าเอาหนังสือพวกนี้ไปอ่านก่อน อ่านด้วยกันกับช่างเบื้องล่าง สร้างฐานเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้เริ่มก่อสร้างโรงงาน!”เย่มู่มู่กล่าวจบ ก็ไม่มีข้อความอีกเนื่องจาก พนักงานในตำบลส่งข้อความมาบอกว่า “คุณหนูเย่ เทศบาลตำบลเปิดประชุมและตัดสินใจว่า จะขายโรงงานหนึ่งร้อยล้าน ท

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 450

    แถมตำแหน่งที่ตั้งยังอยู่ในเขตภูเขาสามสายวางไว้ในปัจจุบันตอนนี้โรงงานไม่มีคนเฝ้า เต็มไปด้วยวัชพืชแต่เครื่องมือตีเหล็กยังสามารถใช้งานได้เธอต้องการย้ายโรงงานทั้งหมดไปที่ยุคโบราณไม่มีไฟฟ้า เราก็มีวิธีเล่นแบบไม่มีไฟฟ้าแต่อาวุธสามารถผลิตในยุคโบราณได้ดีที่สุดยุคปัจจุบัน~เว้นแต่จะซื้อจากต่างประเทศ ไม่อย่างนั้นจะถูกจับตามองไม่ช้าก็เร็วแต่เมื่อมองไปทั่วโลก นอกจากอุตสาหกรรมของจีนที่พัฒนาแล้ว จะซื้อจากที่ไหนได้อีกเย่มู่มู่จึงขนส่งโรงงานจ้านเฉิงอิ้นได้ยินเย่มู่มู่พูดเช่นนั้น ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก“ท่านเทพ จริงหรือ? ย้ายโรงงานตีเหล็กมา สามารถตีเหล็กเหมือนดาบราชวงศ์ถังได้?”“น่าจะต่างกันเล็กน้อย แต่เจ้าวางใจ ข้าจะซื้อวัตถุดิบเหล็กสำเร็จรูปด้วย”“โรงงานเป็นเพียงการใช้แร่เหล็ก แยกเหล็กบริสุทธิ์ออกมา”“การตีเป็นอาวุธ ต้องใช้ไฟฟ้า เป็นโรงงานอื่น!”“ไม่เป็นไร ข้าจะคิดหาวิธี หาโรงงานที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า!”คำพูดของเย่มู่มู่ ทำให้จ้านเฉิงอิ้นก็รู้สึกตื่นเต้นจนความคิดพลุ่งพล่านโรงงานตีเหล็กบริสุทธิ์...เขาจินตนาการไม่ออกว่าใหญ่แค่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไรเขานึกถึงอาวุธที่ท่านประทานมา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 449

    ตอนเช้าตรู่ เย่มู่มู่ได้ยินเสียงจ้านเฉิงอิ้นเคาะแจกันเบาๆ“ท่านเทพ อยู่หรือไม่?”“อยู่สิ? เจ้าตื่นเช้าจัง?”จ้านเฉิงอิ้นไม่พูด เพียงแค่สอดกระดาษแผ่นหนึ่งเข้าไปในแจกันเย่มู่มู่หยิบกระดาษที่ลอยลงมาเห็นเนื้อหาที่เขียนอยู่บนนั้นดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความตกตะลึง“ไม่นะ หัวหน้ากองทัพธงเหลือง มู่ฉีซิว ที่แท้ก็เป็นคนยุคปัจจุบันเหรอ?”“เขา เป็นคนยุคปัจจุบัน และยังเป็นหนุ่มวิศวะจากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วย?”“หึ คนคนนี้ช่างหลงตัวเองนัก คิดว่าตนเองข้ามเวลามาแล้ว จะสามารถเตะหลี่ขุย ต่อยจางเฟย เหมือนกับพระเอกในนิยาย เปลี่ยนราชวงศ์ ตั้งตนเป็นอ๋องเหรอ?”“เขาคิดง่ายเกินไปแล้ว!”“เดี๋ยวนะ...”เย่มู่มู่เห็นด้านหลัง มู่ฉีซิวผู้นี้ทำหน้าที่ล้างสมองให้กับเหล่าชาวบ้านที่มาพึ่งพาเขาไปพร้อมกัน อีกด้านหนึ่งกลับทำลายราชวงศ์ที่ใกล้ล่มสลายต้าฉี่ล่มสลาย~เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!เสนาบดีซูสมรู้ร่วมคิดกับกองทัพธงเหลือง และมอบเงินจำนวนมากให้พวกเขาก่อกบฏอีกด้านหนึ่งก็ยังอยู่ในต้าฉี่ ใช้กลวิธีต่างๆ ขูดรีดทรัพย์สินของประชาชน สนับสนุนศัตรู!ตอนนี้ยังกล้าซื้อระเบิดมาซุ่มโจมตีสังหารคนส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 448

    แต่ก่อนเป็นผู้สูงอายุที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่รู้ทำไม เย่มู่มู่รู้สึกว่าเขาเย็นชาลงมากอาจเป็นเพราะลู่ฉีหยางพาเธอไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่พอใจพนักงานเก่าของบริษัทหายไปหลายคน มีพนักงานหน้าใหม่เข้ามามากมายเย่มู่มู่ถามรองประธาน เขาพูดว่า “บริษัทต้องการลดขนาด ช่วงนี้ธุรกิจทำยาก แม้ว่าบริษัทจะพัฒนาไปได้ดี แต่ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นก็ควรประหยัด ปีที่แล้วมีบริษัทปิดตัวลงมากมาย”เย่มู่มู่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหาร จึงไม่ได้พูดอะไรมากหลังจากเยี่ยมชมบริษัท ไม่พบปัญหาพิเศษอะไร จึงจากไปเธอใกล้จะต้องกลับไปเรียนหนังสือที่เมืองหลวงแล้วไม่มีเวลาอยู่ที่นี่มากนักบริษัทไลฟ์สดได้จัดตั้งทีมงานเฉพาะ ตอนนี้ทีมขยายเป็นสองสามร้อยคนสร้างพื้นที่สำนักงานไว้ใต้บ้านพักตากอากาศ สร้างบ้านตามสไตล์โบราณ กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมพื้นหลังของบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนเธอมอบบริษัทไลฟ์สดให้กับอดีตผู้จัดการบ้านพักตากอากาศเซียนหยวนยังรับสมัครรองประธานที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดอีกคนหลังจากมอบบริษัทให้พวกเขา เธอก็สบายใจเย่มู่มู่จะไปเรียนหนังสือที่เมืองหลวง แต่อายุของหลูซี เขาต้องไปโ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 447

    เรื่องราวเหล่านี้ พวกเขาแอบสืบมาอย่างลับๆ โดยใช้บุญคุณเล็กๆ น้อยๆ กับทหารที่ติดตามมู่ฉีซิวมานานหลังจากที่รู้แน่ชัดถึงตัวตนของมู่ฉีซิว พวกเขาก็รู้ว่า คนผู้นี้ไม่ควรปล่อยให้เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดแม้แต่รัฐทายาทก็ยังดีกว่าเขา อย่างน้อยรัฐทายาทก็ยังรักษาความดีงามไว้แต่มู่ฉีซิวกลับไม่มีความดีงามขั้นพื้นฐานเลยหลังจากที่กลุ่มคนปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง ก็แยกย้ายกันไป และมอบขนมปังกรอบให้กับทหารเด็กที่ช่วยเฝ้ายามให้เขานำกลับบ้านไปให้แม่กินทหารเด็กก็วิ่งกลับไปอย่างมีความสุขค่ำคืนมาเยือน~หวังเซิ่งเปลี่ยนชุดดำ สวมเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ด้านใน หยิบธนูราชวงศ์ฉินขึ้นไปบนหลังคาอาคารที่สูงที่สุดในเมืองเขาหมอบราบอยู่บนนั้นเขาใช้กล้องส่องทางไกล มองเห็นห้องประชุมของแม่ทัพสูงสุดของกองทัพลู่เจ๋อภายในห้องสว่างไสวกองทัพลู่เจ๋อทำเช่นนี้มาหลายวันติดต่อกัน!พวกเขาคงรู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก หากยังคงโจมตีต่อไป เกรงว่าจะไม่ได้อะไรเลย และยังจะสูญเสียไพ่ตายแปดหมื่นคนทั้งหมดที่นี่หวังเซิ่งคำนวณระยะทาง ใช้ปลายลูกธนูราชวงศ์ฉินสอดจดหมายกระดาษสีขาว เล็งไปที่ห้องฟิ้ว~เสียงแหวกอากาศดังขึ้นในยามค

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 446

    “มี!”“คืนนี้ ข้าจะยิงธนูหนึ่งดอก ผูกจดหมายไว้ที่ลูกธนู ให้แม่ทัพลู่เจ๋อไปสวามิภักดิ์กับกองทัพตระกูลจ้าน คนของพวกเขาหนีไปไม่น้อย เหลือเพียงแปดหมื่น หากยังสู้ต่อไป เฮอะ ไม่เกินครึ่งเดือน ตายเรียบแน่!”“ต้องการให้พวกเราช่วยกำบังหรือไม่?”“ไม่ต้อง ข้ารู้ว่าควรยิงธนูจากมุมไหน จึงจะตรงไปยังกระโจมแม่ทัพลู่เจ๋อ!”“เอาล่ะ อาหารที่ท่านแม่ทัพมอบให้พวกเรา เก็บซ่อนไว้ให้ดี อย่าให้ใครพบ หัวหน้าอาจเป็นคนจากโลกของท่านเทพ!”หวังเซิ่งพูดจบ กระโจมก็เงียบกริบใช่ พวกเขาได้ยินกันหมดมู่ฉีซิวไม่ใช่คนของโลกนี้ดังนั้น เขาจึงมีความคิดแปลกใหม่มากมายเขาเปลี่ยนเกลือหยาบให้เป็นเกลือขาวละเอียด วางขายในเมืองหลวง และยังส่งออกไปขายแคว้นอื่นได้ ทำเงินได้มากมายเขายังผลิตสบู่ ที่คล้ายกับของที่ท่านเทพมอบให้เพียงแต่ว่างานหยาบกว่า กลิ่นหอมสู้ของที่ท่านเทพประทานมาไม่ได้สบู่เป็นที่นิยมในหมู่ขุนนางแคว้นต่างๆทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลเขายังเปิดโรงเตี๊ยมและร้านอาหาร ปรุงอาหารที่ขุนนางต้าฉี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่น หม้อไฟ บาร์บีคิว ตลาดกลางคืน...เงินที่เขาหาได้ กองเป็นภูเขา!เขาเริ่มต้นสะสมความมั่งคั่งอย่างรวดเร็

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 445

    หวังเซิ่งและหลีชิงสบตากัน พวกเขาเห็นความตกตะลึงในดวงตาของกันและกันแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าผู้ชายสายวิศวะคืออะไร!แต่พวกเขาจดจำคำพูดของมู่ฉีซิวไว้ได้หัวหน้ากองทัพกบฏ เขาไม่ใช่คนในยุคนี้อาจมาจากโลกของท่านเทพในยุคปัจจุบันไม่น่าแปลกใจที่ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไป กองทัพธงเหลืองล้มล้างอำนาจของต้าฉี่และสถาปนาแคว้นกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด!ข่าวนี้สำคัญมาก ทั้งคู่สบตากันแล้วถอยออกจากกระโจมขณะกำลังจากไป ได้พบกับรองแม่ทัพเซวียเหวินเต๋อ ผู้ที่เคยสนับสนุนหวังเซิ่ง!เซวียเหวินเต๋อเรียกหวังเซิ่งและคนอื่น ๆ “พวกเจ้าไม่ได้จะไปพบหัวหน้าหรือ? ทำไมถึงกลับมา!”หวังเซิ่งย่องเข้าไปกระซิบข้างหูเซวียเหวินเต๋อเบา ๆ ว่า “ชู่... ตอนนี้หัวหน้ากำลังโกรธอยู่ในกระโจม กาน้ำชาและชุดจอกสุราถูกปาทิ้งหมดแล้ว อารมณ์เขาไม่ดี เราอย่าไปหาเรื่องใส่ตัวเลยดีกว่า”“รอเขาอารมณ์ดีแล้ว พวกเราค่อยไปพบ!”หวังเซิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงชั้นวางตกแตกดังมาจากข้างในเซวียเหวินเต๋อลูบจมูก หันหลังกลับ และเดินจากไปพร้อมกับคนอื่น ๆเขายังรู้สึกกลัว “โชคดีที่เจ้าเตือนข้า หัวหน้าเขาเป็นอะไร? ทำไมถึงโกรธขนาดนี้!”ปกติหัวหน้าอารมณ์ค

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 444

    ตอนนี้ฮ่องเต้โตแล้ว เผด็จการและหยิ่งผยอง รวบอำนาจไว้ในมือตนเองเขาฆ่าพรรคพวกของเสนาบดีไปมากมาย แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะยังไม่แตกหักแต่ฮ่องเต้องค์น้อยก็รวบอำนาจ และค่อย ๆ คิดจะกำจัดเขาฮ่องเต้องค์น้อยในวัยเยาว์กับตอนนี้ เหมือนเป็นคนละคนวัยเยาว์เป็นเพียงหุ่นเชิด ควบคุมได้ง่ายพอโตขึ้น เหมือนคนวิกลจริต อารมณ์แปรปรวน พร้อมที่จะชักดาบฆ่าคนได้ทุกเมื่อเรื่องที่เขาสมรู้ร่วมคิดกับกองทัพธงเหลือง หากถูกเปิดโปงต่อหน้าฮ่องเต้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ เพียงแค่ฮ่องเต้จับผิดเขาได้ เขาจะต้องถูกประหารชีวิตเมื่อคิดถึงตรงนี้ เสนาบดีซูก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมาเขาเดินวนเวียนในห้องหนังสือ สถานการณ์ตอนนี้เขาจะพลิกฟื้นได้อย่างไร จะรอดชีวิตก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงพิโรธได้อย่างไรหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็บอกหลี่สวิน “เรียกนายบัญชีสิบคนมา ภายในหนึ่งชั่วยาม ให้ตรวจนับทรัพย์สินทั้งหมดในจวน โฉนดที่ดิน โฉนดบ้าน คฤหาสน์ ร้านค้าหลายแห่งบนถนนไม่กี่สาย และสถานที่เก็บเสบียง...”“จัดทำเป็นบัญชี ข้าจะเข้าวังตอนค่ำ เพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”“อีกอย่าง หวยหนานอ๋องชอบอนุคนใหม่ไม่ใช่หรือ? เจ้าสั่งคนให้อนุแต่งตัวให้สว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status