อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉิน หลูติ้งไห่และคนอื่นๆ กลับมายังที่ว่าการมณฑลด้วยกันแม้ว่าในตอนนี้จะเป็นเวลาที่ดึกแล้วก็ตาม แต่ห้องทำงานในที่ว่าการมณฑลยังคงมีแสงไฟสว่างจ้าหลูติ้งไห่และโจวอวี้หมิงเข้าไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งหมดให้เกาหมิงหลายฟังตามความเป็นจริง“ผู้ว่าการมณฑลเกาคะ ที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่ความผิดของผู้บัญชาการเซียว อีกทั้งเขาสู้จนสุดชีวิตไม่กลัวตายเลยค่ะ ฉันคิดว่าลงโทษสถานเบาก็ได้แล้วค่ะ”โจวอวี้หมิงมองไปที่เกาหมิงหลายด้วยสีหน้าเรียบนิ่งคนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต มีคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายสิบราย ทำให้มือของเกาหมิงหลายที่เซ็นลายเซ็นสั่นเทาไม่หยุด“ฉันเข้าใจแล้ว พวกคุณออกไปเถอะ”เกาหมิงหลายออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำหลูติ้งไห่และโจวอวี้หมิงมองไปที่ฉู่เฉินแวบหนึ่ง แล้วรีบเดินออกไปจากห้องทำงานเกาหมิงหลายที่เงียบมาสักพักหนึ่ง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา เขาฝืนยิ้มออกมาแล้วมองไปที่ฉู่เฉิน “เสียวฉู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นผลงานของคุณทั้งนั้น”“เมื่อกี้ผมได้ยินพวกเขาบอกว่า คุณจัดการผีดิบเลือดคลั่งนั่นแล้วเหรอครับ?”ฉู่เฉินพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมาว่า “
“อืม เขาถือว่าเป็นเพื่อนเก่าคนหนึ่งของฉัน เดี๋ยวถ้าเจอหลิงเอ๋อร์แล้ว พวกคุณก็ลองคุยกันนะครับ พวกคุณอายุไล่เลี่ยกันเลย ควรมีการติดต่อกันบ้างเพื่อไม่ให้ห่างเหินเกินไป”เกาหมิงหลายพูดจบก็เบนหน้ามองไปนอกกระจกรถกู้รั่วเสวี่ยแอบมองเกาหมิงหลายด้วยความระมัดระวัง นี่มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคำพูดของเขาแฝงอะไรไว้อยู่ฉู่เฉินกลับหลับตาสงบสติอารมณ์ ในใจของเขายังคงคิดถึงเสี่ยวหนานหมอกโลหิตที่ขวานผ่าใจปล่อยออกมานั้นเหมือนกับผีดิบเลือดคลั่ง หรือว่าผีดิบเลือดคลั่งนี่จะเกี่ยวข้องกับเธองั้นเหรอ?ในขณะที่ฉู่เฉินกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น รถก็ค่อยๆ จอดฉู่เฉินเปิดประตูรถ หลังจากนั้นเขาก็วิ่งไปตรงหน้าผีดิบเลือดคลั่ง “รออยู่ข้างหน้าประตูนะ ห้ามไปไหนเด็ดขาดถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน”พูดจบ เขาถึงเดินตามเกาหมิงหลายเข้าไปข้างในบ้านพักผู้ว่าการ์ดที่อยู่หน้าประตูมองไปที่ผีดิบเลือดคลั่งที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ด้านข้าง หลังจากนั้นเขาถึงโค้งคำนับให้กับเกาหมิงหลายและคนอื่นๆในตอนนั้นเอว ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออกอย่างกะทันหัน ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นปรากฏที่ประตูเห็นหญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างเพรียวบาง หน้าตาสวยงาม ผิวขาวดั่งหิม
ฉู่เฉินได้ยินเช่นนั้น หันหน้ามองที่เกาอวี้หลิงหัวเราะอย่างนิ่งๆ “คุณหนูเกา ถ้าผมเดาไม่ผิดคนที่วางค่ายกลหินร้อยนี่ไว้มาจากฮ่องกงใช่ไหมครับ?”เกาอวี้หลิงหัวเราะอย่าดูถูก เธอไม่สนใจฉู่เฉิน แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องครัวทันทีเกาหมิงหลายเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น “เสียวฉู่ คุณอย่าถือสาเธอเลยนะ ตั้งแต่ที่แม่ของเธอเสียไป ยัยเด็กนี่ก็เอาแต่งมงายอยู่กับฮวงจุ้ย” “ทั้งวันเอาแต่ไม่ปรมาจารย์คนนู้น ก็ปรมาจารย์คนนี้ เธอทำในบ้านรกไปหมด”“มาครับ ไม่ต้องสนใจเธอ พวกเรามากินข้าวกันดีกว่า”ระหว่างที่พูด เกาหมิงหลายก็ดึงฉู่เฉินมา พร้อมทั้งเรียกมานั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารด้วยกันเกาอวี้หลิงยกสลัดจีนมาแล้ววางลงบนโต๊ะอาหาร กล่าวด้วยท่าทางดื้อรั้นว่า “พ่อพูดจาเหลวไหลอะไรกันคะ การจัดวางฮวงจุ้ยแบบนี้เป็นผลงานของผู้สืบทอดลู่หวนเฟิงจากทงเทียนลู่เลยนะคะ”“คุณรู้ที่มาที่ไปของหินพวกนี้ไหมครับ?”พูดจบ เกาอวี้หลิงชี้ไปที่ก้อนหินพวกนั้นด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่คือหินก่านตังจากภูเขาหวงซาน นี่คือหินแคล้วคลาดจากภูเขาซงซาน ยังมีก้อนนี้...”เกาอวี้หลิงกล่าวถึงทุกๆ ก้อนหินอย่างละเอียด ราวกับเป็นการพูดถึงสิ่งที่คุ้นเ
เธอไม่ด่าออกไปนั่นก็ถือว่ามีมารยาทมากพอแล้วกู้รั่วเสวี่ยตอนนี้ก็ใบหน้าขาวซีดเธอมองไปที่ลูกน้องของฉู่เฉินคนนั้น เขาก็ทำอะไรไม่คิดนี่บ้านของผู้ว่าการเชียวนะ คิดจะทุบก็ทุบเลยได้ยังไง เขาเอาความกล้ามาจากไหน?พูดจริงๆ นะ เมื่อเห็นภาพเล่านี้ฉู่เฉินก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันทีถ้าเขาลงมือเองแม้ว่าจะยุ่งยากไปหน่อย แต่ก็คงไม่ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้มุมปากของเกาหมิงหลายก็กระตุกเล็กน้อย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัดเขาไม่ได้เสียดายกระถางต้นไม้นั้นหรอก แต่เขาเสียดายอาหาร และซุปต่างๆ ที่หกเต็มพื้น“วันนี้คุณจะต้องให้คำตอบกับฉัน!”เกาอวี้หลิงเห็นว่าชายหนุ่มร้างซูบผอมยังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างงงงวย ราวกับว่าไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด เธอยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้น ยื่นมือเข้าไปคว้าคอเสื้อของผีดิบเลือดคลั่งไว้ ไม่ว่าเธอจะขยับเขาแรงแค่ไหนก็ตาม ฝ่ายตรงเขาก็เหมือนไม่ได้สติ ยืนแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แม้แต่มองเธอก็ยังไม่มองเลยท่าทางแบบนี้ของเขามันยิ่งทำให้เธอโมโหทำให้เกาอวี้หลิงโกรธจนจะบ้าคลั่งอยู่แล้วถึงว่าจะไม่ขอโทษ เกาอวี้หลิงก็จะไม่โกรธขนาดนี้ฉู่เฉินสีหน้าเคร่งขรึม พูดขึ้นมาอ
“อ่ะแฮ่ม!”เกาหมิงทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว กู้รั่วเสวี่ยยังนั่งดูอยู่ข้างๆ อยู่เลย ลูกสาวของเขาตัวจะติดฉู่เฉินอยู่แล้ว นี่มันใช้ได้ที่ไหน!“เอ่อ... ผู้ว่าการพูดก่อนเลยครับ ผม... ไม่สะดวก...”ฉู่เฉินกลืนน้ำลาย เขาที่อยู่ห่างจากเกาอวี้หลิงตั้งไกลก็สามารถมองเห็นร่องขาวลึกของเกาอวี้หลิงได้โดยเฉพาะก้อนกลมที่อวบอิ่มนั่น แค่มองก็รู้แล้วว่านุ่มมากๆ ยั่วเขาต่อหน้าเกาหมิงหลายแบบนี้มันจะดีเหรอ?ที่สำคัญคือสีหน้าของกู้รั่วเสวี่ยเห็นได้ชัดว่าไม่ปกติแล้วด้านหนึ่งมีกลิ่นหอมพัดมากระทบหน้า อีกด้านหนึ่งคือความเย็นยะเยือกที่แผ่เข้ามา ฉู่เฉินรับมือไหวจริงๆ“มีอะไรที่ไม่สะดวกกัน พวกคุณ... ระหว่างพวกคุณ...”“อ่ะแฮ่ม!”เกาหมิงหลายยอมใจลูกสาวของตัวเองจริงๆเขากระแอมออกมาดังๆ อีกครั้ง หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องที่ฉู่เฉินกำราบผีดิบเลือดคลั่งได้ให้ฟังอีกครั้ง“ว้าว!”เกาอวี้หลิงเมื่อฟังจบ แววตาที่เคารพก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อมือเล็กๆ ทั้งสองของเธอประสานกันที่หน้าอก ความอิ่มเอิบทั้งสองข้างยิ่งดูโดดเด่น กลมกลึง และใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกู้รั่วเสวี่ยเหลือบมองฉู่เฉิน เมื่อเห็นว่าสายตาของเขาแทบจะหลุดไปตร
โดยเฉพาะชุดซีทรูแขนสั้นนั้นที่พลิ้วตามการเคลื่อนไหวของเธอ ให้ความรู้สึกวับ ๆ แวม ๆ ยั่วยวนมากจริงๆ“นี่มันเรื่องเข้าใจผิดนะครับ คุณหนูเกาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธออยากจะขอความช่วยเหลือจากผม”ฉู่เฉินพูดไปด้วย ใช้หลังมือสัมผัสที่ขาที่เนียนนุ่มและสวยของกู้รั่วเสวี่ยไปด้วย พอไม่มีถุงน่องซีทรูสีดำแล้ว ความรู้สึกไม่เหมือนกันจริงๆช่วงนี้ผิวของกู้รั่วเสวี่ยดีขึ้นเรื่อยๆ น่าจะเป็นเพราะร่างของเขามีประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงผิว“หึ ใครจะไปรู้ว่าช่วยไปช่วยมาอาจจะไปช่วยบนเตียงก็ได้!”ระหว่างที่พูด กู้รั่วเสวี่ยก็ปัดมือใหญ่ของฉู่เฉินออกไป หลังจากนั้นเธอก็สตาร์ตรถมุ่งหน้าไปยังเจียงจง“มีเหตุผล ฮวงจุ้ยบนเตียงดีถึงจะต่อได้เรื่อย ๆ ยังไงละครับ”ฉู่เฉินยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วพูดขึ้นมา“อะไรนะคะ?”กู้รั่วเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ นี่มันเป็นการเตรียมตัวขึ้นเตียงดีๆ นี่เอง“หึ! ช่วยนักใช่ไหม!”ระหว่างที่พูด กู้รั่วเสวี่ยก็จอดรถที่ข้างทางทางด่วน หลังจากนั้นก็พลิกตัวขึ้นคร่อมบนร่างฉู่เฉินจากนั้นกู้รั่วเสวี่ยก็ร้อนแรงไม่หยุดหย่อน ทำเอาฉู่เฉินนั่งตัวตรงโดยอัตโนมัติ เขาหัวเราะอย่างเขินอาย “ลูกสาวตระกูลมหาเศ
“ไม่ต้องกลัวนะ มีผมอยู่นี่ทั้งคน เดี๋ยวคุณคอยอยู่ในรถไว้ อย่าหนีไปไหนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”พูดจบฉู่เฉินก็หยิบกางเกงตัวใหญ่ขึ้นมาใส่ ก่อนจะเปิดประตูรถและกระโดดลงไปเขามองปี้คุนที่ใบหน้าอึมครึม และมองไปยังหลี่ว์เจิ้งหยางที่ดูเหมือนจะหน้าแดงผิดปกติ เจ้าหมอนี่น่าจะไปกินอะไรที่ไม่ควรกินมา ดูจากสีหน้าแล้วอีกไม่นานคงมีต้นไม้สักต้นต้องโชคร้ายอีกแล้ว“อะไรกัน ยังไม่พอใจกับเข็มฝนลูกแพร์ที่เจอครั้งที่แล้วเหรอ?”ขณะพูดฉู่เฉินมองไปรอบๆ และชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ในระยะไกล ก่อนจะหันไปพูดกับหลี่ว์เจิ้งหยาง “ความสุขของคุณอยู่ตรงนั้น”“ความสุขบ้าอะไร!”หลี่ว์เจิ้งหยางกัดฟันกรอด ก่อนจะดึงกระบี่ยาวออกจากหลังเสียงดังเคร้งแต่ปี้คุนเคยบอกเขาว่าฉู่เฉินตอนนี้เป็นยอดฝีมือในระยะสร้างรากฐานขั้นหนึ่งแล้ว หลี่ว์เจิ้งหยางก็ไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะทุ่มพลังทั้งหมดออกไปดังนั้นเขาจึงแค่ถือกระบี่ยาวไว้ในมือและเดินวนรอบๆ ฉู่เฉินไม่กล้าเข้าไปโจมตีฉู่เฉินมองเขาด้วยสายตาดูถูก ก่อนจะหันไปมองปี้คุน และขมวดคิ้วถามว่า “ตระกูลหลี่จากเมืองหมอตูส่งคุณมาใช่ไหม?”ปี้คุนส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ก่อนจะยืนไขว้มือไว้ด
เมื่อสิ้นเสียงคำพูด สีหน้าของปี้คุนเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ก่อนจะสะบัดฝ่ามือออกไปหนึ่งครั้ง ทันทีที่ลมบนฝ่ามือของเขาถูกผลักออกไป พื้นที่รอบๆ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง“โครม!”วินาทีถัดมา สองฝ่ามือปะทะกัน เกิดคลื่นพลังสีขาวที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แผ่กระจายออกไปในอากาศอย่างรุนแรงทว่า สิ่งที่ปี้คุนจินตนาการไว้ว่าร่างของชายร่างซูบผอมถูกกระแทกจนกระเด็นไปไกลกลับไม่เกิดขึ้น ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกว่าฝ่ามือของตัวเองเหมือนตบลงบนภูเขาหิน แข็งจนถูกแรงสะท้อนทำให้เซถอยไปหลายก้าว ซี้ดๆ !ปี้คุนถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกตะลึง! “ฟู่!”แต่ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวได้ ฝ่ามือผอมแห้งที่ดำคล้ำก็ตบลงมาอีกครั้งเมื่อเห็นดังนั้น ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาพร้อมไขว้มือไว้ด้านหลัง เดินก้าวเข้าหาหลี่ว์เจิ้งหยางทีละก้าว“หืม?”ในตอนนี้หลี่เจิ้งหยางเองก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ดูเหมือนว่าปี้คุนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายผอมแห้งคนนั้นเลยสักนิด กลับเป็นฝ่ายที่ถูกกดดันเสียเอง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เพียะ!ยังไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรออก ฝ่ามือของฉู่เฉินก็ฟาดเข้ามาเสียแล้
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ