อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินผลักประตูห้องเข้าไป เขาพึ่งเดินไปถึงห้องโถง ก็เห็นต้วนหลิงเวยสวมชุดกี่เพ้าสีแดงเพลิงที่เปิดคอเล็กน้อย พิงพนักแขนของโซฟาไว้อยู่รอยผ่าที่ชายกระโปรงของเธอหยุดลงตรงบริเวณต้นขา เผยให้เห็นขาอันขาวราวกับหิมะของเธอที่ปกปิดไว้อย่างแน่นหนาด้วยถุงน่องไหมสีขาวดวงตาที่กระตือรือร้นและน่าหลงใหลคู่หนึ่งจ้องมองไปที่ฉู่เฉินด้วยท่าทีมึนงงเธอดมกลิ่น เธอยังสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่คละคลุ้งในห้องอีกด้านหนึ่ง ต้วนหลิงเวยสวมใส่ชุดคนรับใช้ นอนตะแคงบนเตียงโดยกางลำตัวที่สวยงามออก เท้าสีชมพูของเธอเปลือยเปล่า มองดูฉู่เฉินด้วยดวงตาที่สวยงามเช่นเดียวกันซี้ดๆ!ดุดัน!ฉู่เฉินสัมผัสถึงพลังงานอันตรายบางอย่างที่จะพยายามจะดูดเขา“พวกเธอ...”ฉู่เฉินยืนอยู่ข้างหน้าประตู ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า แต่เขากลับถามด้วยความกลัดกลุ้มใจเมื่อคืนที่ทำศึกรักกัน สองพี่น้องนักฆ่านี่คงไม่ได้ถูกเขาพิชิตใช่ไหม?โดยเฉพาะยัยคนเล็กต้วนหลิงเวยนั้น ภายในใจของเธอจะซ่อนความเคียดแค้นและความโกรธไว้มากขนาดไหนกันนะ?ในเมื่อการพูดคุยสองครั้งล้วนแต่ไม่เป็นมิตรแม้ว่าคืนเมื่อวานการพูดคุยจะถือว่าไหลลื่น แต่นี่ไม่ได้หม
ขณะนี้ทุกท่วงท่าที่สองพี่น้องกำลังทำอยู่นั้น ช่างยั่วยวนเหลือเกินโดยเฉพาะต้วนหลิงเวย ที่ดูน่าหลงใหลและเย้ายวนใจยิ่งกว่า ด้วยดวงตาที่สวยงามระยิบระยับราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ทำให้ผู้คนรู้สึกทนไม่ได้ในฐานะที่เป็นนักฆ่าชั้นเลิศ เธอเข้าใจผู้ชายมากที่สุดแล้ววินาทีต่อมา ก็เห็นเพียงแต่ต้วนหลิงเวยที่เอียงศีรษะ และเอียงคอที่เหมือนหยกของเธอไปข้างหน้าริมฝีปากสีแดง เธอคาบองุ่นไว้ แล้วเข้าไปใกล้ๆ ริมฝีปากของฉู่เฉินด้วยการดูดริมฝีปากอย่างอ่อนโยนและการใช้ลิ้นอย่างชาญฉลาด องุ่นที่ปอกเปลือกแล้วก็ถูกส่งเข้าไปในปากของฉู่เฉินน้ำองุ่นค่อยๆ ไหลออกมาจากมุมปากของต้วนหลิงเวยอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ไหลลงไปคอเสื้อของเธอ เทคนิคนี้มันสุดยอดไปเลยแม้แต่ฉู่เฉินก็ยังสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาแอบตกใจคนที่เคยได้รับการฝึกฝนนี่ไม่เหมือนใครจริงๆ ถ้าหากเทียบกับกู้รั่วเสวี่ยและหลินชือหย่าที่เป็นมือใหม่ต้วนหลิงเสวี่ยก็กะพริบตายั่วยวนเช่นกัน เลียนแบบการกระทำของต้วนหลิงเวยด้วยการป้อนองุ่นเข้าปากของฉู่เฉิน แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การเคลื่อนไหวของเธอก็ดูเกร็งและอึดอัดกว่ามากขนาดเปลือกองุ่นก็ยังปอกไม่เรียบร้
“หึ วันใดวันหนึ่ง ฉันกับพี่สาวฉันจะทำให้นายไม่อยากออกจากบ้านตั้งฟ้าสางยันตะวันตก”ต้วนหลิงเวยพูดออกมาด้วยความมั่นใจเรื่องอื่นเธออาจจะไม่แน่ใจ แต่เรื่องรับมือกับผู้ชาย เธอทำได้แน่นอนไม่อย่างนั้น ตอนที่เธอตามล่าหัวหน้าแอฟริกาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ทำไมเธอไม่เสียตัวล่ะ?“งั้นฉันจะรอการกระทำของพวกเธอนะ”ฉู่เฉินยิ้มอย่างร้ายกาจ เอามือลูบไปที่จมูกของต้วนหลิงเวย หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไป ต้วนหลิงเสวี่ยมองไปที่ต้วนหลิงเวยที่ดูผิดหวัง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “พี่บอกเธอแล้วว่าอาจจะมีบางเรื่องที่ไม่คาดคิดแทรกเข้ามา อีกทั้งสาวสวยรอบกายของนายท่านมากมาย หากอยากจะมัดใจเขาให้อยู่หมัด นั่นไม่เรื่องง่ายเลย”ต้วนหลิงเวยส่งเสียงหึในลำคอ “ฮึ! ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าในโลกนี้จะมีผู้ชายที่ฉันเอาไม่อยู่”พูดจบเธอก็หยิบเชอร์รี่ในจานยัดเข้าไปในปากของเธอ พร้อมทั้งเคี้ยวอย่างโมโห……อีกด้านหนึ่ง ตอนที่ฉู่เฉินผลักประตูออกจากบ้านใหญ่ฉู่เฉิน หลี่ฮุยยังคงคุกเข่าอยู่ข้างนอกประตูอย่างเชื่อฟัง“ว้าว คุณชายหลี่คุกเข่ามั่นคงดีจริงๆ นะเนี่ย”ฉู่เฉินยิ้มเห็นฟันให้กับหลี่ฮุย หลี่ฮุยสกัดกั้นความโกรธไว้ในใจ ก้มหั
“ฉู่...”“ชู่!”ฉู่เฉินเหลือบมองไปที่หลี่เจี้ยนเย่ที่นอนตะแคงอยู่ เขาเอามือทำท่าชู่ใส่จางหลิงจางหลิงก็เข้าใจโดยทันที ดูแล้วนี่น่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉู่เฉินทำแบบนี้ ดูคล่องแคล่วจริงๆเพี้ยะ!ในตอนที่จางหลิงดึงฉู่เฉินเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ ฉู่เฉินก็ยกมือขึ้นมา แล้วฟาดเข้าไปที่ก้นงอนของเธอ“อ๊ะ!”จางหลิงตกใจเป็นอย่างมาก เธอถึงร้องออกมาทันทีหลี่เจี้ยนเย่ราวกับว่าได้ยินเสียงอะไร เขาขยับหัว แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมา แต่เสียงกรนเบาลงไปอย่างเห็นได้ชัดนี่ทำให้จางหลิงกังวล ถ้าหลี่เจี้ยนเย่ตื่นมาตอนนี้ แล้วเห็นฉู่เฉินที่อยู่ข้างๆ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าจุดจบจะเป็นอย่างไรแม้ว่าหลี่เจี้ยนเย่อยากจะยกเธอให้ฉู่เฉิน แต่ไม่มีทางจะใช้วิธีแบบนี้ที่ให้เขาเห็นกับตาแน่นอนอีกอย่างหนึ่งแม้ว่าหลี่เจี้ยนเย่จะจับจุดอ่อนของฉู่เฉินได้แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งฉู่เฉินรับ “ของขวัญ” ที่ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เขาอาจจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อตระกูลหลี่หรือเปล่า?แต่การที่แอบกินลับๆ แบบนี้ ฉู่เฉินไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร“มากับฉันค่ะ”จางหลิงกระซิบเบาๆ ข้างๆ หูของฉู่เฉินจากนั้นเธอก็ดึงฉู่เฉินและเดินอย่างย่องออกจากห้องน
“แค่กๆ!”จางหลิงปิ๊งไอเดียในยามคับขัน ส่งเสียงกระแอมผ่านม่านหลี่เจี้ยนเย่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา หันไปมองทางมุ้งแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วพูดว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว ยังไม่อาบน้ำอีก?”“อา… ใช่ อากาศร้อนแล้ว เนื้อตัวมีแต่เหงื่อ ไม่อาบน้ำก็นอนไม่ได้ ใช่สิ คะ… คุณหลับแล้วไม่ใช่เหรอ”จางหลิงแทบจะตึงเกร็งไปทั้งตัวแล้ว หากหลี่เจี้ยนเย่เปิดม่านขึ้น เขาก็จะเห็นฉู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างชัดเจน!“อืม ผมมาสูดอากาศหน่อย เราอาบน้ำด้วยกันดีกว่า”พูดจบ หลี่เจี้ยนเย่ยื่นมือออกไปจะเปิดม่านขึ้น เขาไม่ได้อาบน้ำแบบสามีภรรยากับจางหลิงมานานแล้ว วันนี้จังหวะเหมาะพอดี ถือโอกาสนี้ปลดปล่อยอารมณ์และความเครียดไปด้วย“หยุดนะ!”หัวใจของจางหลิงแทบจะกระเด็นออกมาแล้ว เธอตวาดเสียงดังลั่นออกไปโดยไม่รู้ตัว หลี่เจี้ยนเย่ถึงกับอึ้งงัน เขาเลิกคิ้ว มองเข้าไปหลังม่านอย่างสงสัยเอ๊ะ?ทำไมรู้สึกเหมือนจางหลิงตัวสูงขึ้นสิบกว่าเซนติเมตรในพริบตาเลยล่ะเงานั่นสูงกว่าหลี่เจี้ยนเย่ด้วยซ้ำ นี่มันอะไรกันภายใต้การขับเคลื่อนแห่งความสงสัย หลี่เจี้ยนเย่สาวเท้าเดินไปข้างหน้า แล้วเขาก็พบว่าพอเงาร่างของเขาสาดสะท้อนบนผ้าม่าน ส่วนสูงของเขาก็เหม
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงเงยหน้ามองโคมไฟบนเพดาน แสงไฟนี่ก็ประหลาดจริงๆ ส่องเงาคนคนเดียวให้กลายเป็นสองคนได้จากนั้นก็หยิบโฟมล้างหน้าบนชั้นวาง และเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าชั่วขณะหนึ่ง เสียงน้ำซู่ซ่าทั้งขึ้นพร้อมกันทั้งจากอ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำ หลี่เจี้ยนเย่ไม่สงสัยอะไร เพียงล้างหน้าเสร็จ จากนั้นก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกจากห้องน้ำไปจางหลิงได้ยินเสียงปิดประตู ก็อึ้งค้างด้วยความมึนงงฉู่เฉินจะโชคดีเกินไปแล้วมั้ง ถ้าเมื่อกี้หลี่เจี้ยนเย่เปิดม่าน ถึงแม้จะเห็นแค่แวบเดียว เธอกับฉู่เฉินจบเห่แน่นอน“ทำไมดูคุณเหมือนจะกลัวมาก”ฉู่เฉินโน้มตัวลงมาข้างหูของจางหลิง กระซิบถามด้วยน้ำเสียงกระเส่าเร่าร้อน“ละ… แล้วคุณไม่กลัวเหรอ มีแค่ผ้าม่านกั้นไว้อย่างนี้”ตอนนี้จางหลิงไม่ใช่แค่ขาสั่น แม้แต่เสียงพูดยังติดๆ ขัดๆ ไปด้วย น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่สถานการณ์ชวนหวาดเสียวแล้ว แต่เรียกว่าสถานการณ์ชวนหวาดกลัวมากกว่า“ไม่เป็นไร ถึงเขามาเจอเข้าก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงคุณก็เป็นฝ่ายยั่วผมเอง”ฉู่เฉินยิ้มอย่างร้ายกาจจางหลิงได้ยินอย่างนั้นก็อยู่ไม่ติดกระทั่งหนึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไป ฉู่เฉินจึงได้กระโดดออกจากหน้าต่างห้อง
หลังจากเดินผ่านเส้นทางภูเขาด้านหน้าคฤหาสน์ ทั้งสองเดินมาถึงประตูของอาคารไม้สูงใหญ่หลังหนึ่งเวลานี้ แสงไฟในอาคารสว่างเจิดจ้า สองข้างทางมีชายหนุ่มร่างกายกำยำ สวมใส่ชุดสีดำยืนเรียงรายกันอยู่ยี่สิบกว่าคนบนเก้าอี้ไท่ซือที่อยู่ตรงกลางห้องโถงใหญ่ ชายชราผมขาวอายุราวเจ็ดสิบปีคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้นแม้ชายชราจะอายุมากแล้ว แต่ดวงตาพยัคฆ์คู่นั้นกลับยังคงมีประกายเจิดจรัส ให้ความรู้สึกมีบารมีน่าเกรงขามเขาผู้นี้ก็คือผู้กุมอำนาจตระกูลหยางแห่งเมืองหลงเฉิง นายท่านใหญ่แห่งตระกูลหยาง หยางติ่งเทียน!ข้างกายเขามีชายชราอายุราวหกสิบปีคนหนึ่งในชุดสีดำนั่งอยู่ชายชรานั่งหลับตาทำสมาธิ ในมือหมุนลูกเหล็กไปเรื่อยๆ มือที่แห้งเหี่ยวดุจกิ่งไม้มีเส้นเลือดนูนชัดราวกับหนอนตัวใหญ่ชายชราชุดดำคนนี้ ก็คือหูเจี้ยนเซิง หนึ่งในสองภูติวายุดำแห่งตระกูลหยางด้านข้าง หยางเทียนหยางและหยางเทียนฉีสองพี่น้องก็นั่งอยู่ด้วยด้านล่างยังมีลูกหลานตระกูลหยางอีกสิบกว่าคนยืนเรียงรายอยู่ แต่ละคนล้วนหันมามองทางประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“หยางเทียนหลงคารวะนายท่านใหญ่!”ขณะเอ่ย หยางเทียนหลงหมอบต่ำกับพื้น คลานเข่าเข้าไปในห้องโถงใหญ่“
แต่พอเรื่องพัวพันถึงผู้บำเพ็ญพรต ถึงขั้นที่อาจดึงสำนักที่อยู่เบื้องหลังของฉู่เฉินให้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย หยางติ่งเทียนจึงได้ลังเลแล้วลังเลเล่าทว่าในเมื่อแม้แต่หูเจี้ยนเซิงก็พูดอย่างนี้แล้ว ว่าฆ่าฉู่เฉินไปก็ไม่ได้นำพาความเดือดร้อนอะไรมาให้ อย่างนั้นเขาจะมัวกลัวอะไรอยู่อีก“อาวุโสหู อย่างนั้นแค้นอันใหญ่หลวงของหลานชายผมก็คงต้องฝากอาวุโสหูให้ช่วยสะสางแทนด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าต้องเตรียมตัวอะไรก่อนหรือไม่”หยางติ่งเทียนถามอย่างใส่ใจการต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญพรตต่างจากนักสู้ทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นถึงยอดฝีมือผู้ฝึกปราณขั้นเจ็ด หูเจี้ยนเซิงแม้เป็นผู้ฝึกปราณขั้นเก้า อย่างไรก็ไม่ควรประมาทเลินเล่อ“โปรดให้ผมยืมกระบี่ชื่อหลงไปใช้ นอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”หูเจี้ยนเซิงพูดกับหยางติ่งเทียนอย่างจริงจังว่า “พรุ่งนี้ก่อนอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผมจะนำหัวของมันกลับมารายงานต่อหน้าผู้นำตระกูลให้ได้”คำพูดของเขาทำให้หยางติ่งเทียนสบายใจขึ้นมา เขารีบหันไปสั่งหยางเทียนฉีที่อยู่ข้างๆ ว่า “เทียนฉี ไปหยิบกระบี่ชื่อหลงในคลังเก็บของมา”ผ่านไปไม่นาน หยางเทียนฉีประคองกระบี่ล้ำค่าสีแดงสดที่ส่อง
“เหอะ ๆ...นะ....นี่เป็นฟ้า...ลิขิต...”ฉีอวี่ไท่พูดจบก็คอเอียง และสิ้นลมหายใจคาที่จนกระทั่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงานเลี้ยงถึงค่อยยืนตรงตัวสั่นระริก มองฉู่เฉินด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจกลัว“คุณฉู่ พะ...พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาของหอการค้าตะวันออกใหญ่เท่านั้นนะ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกคุณไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยนะครับ!”ชายวัยกลางคนที่เยาะหยันฉู่เฉินก่อนหน้านี้ ขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อเห็นเขาคุกเข่า ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ แทบจะคุกเข่าลงไปตาม ๆ กันถึงแม้เฉียนหลงวิลล่าจะสร้างขึ้นมาอย่างใหญ่โตโอ่อ่า แต่ปัญหาคือที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองมากเกินไป ต่อให้ฉู่เฉินฆ่าพวกเขาไปด้วยแล้วป้อนให้ผีดิบเลือดคลั่งกินจนหมด ก็คงไม่มีใครรู้เลยนอกจากนี้ ต่อให้สืบได้ว่าพวกเขาโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นแล้วจะทำอย่างไรได้?ใครจะต่อกรกับเจ้านั่นได้?ว่ากันว่าใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำ เพียงแต่ยังไม่ถึงช่วงเวลาความเป็นความตาย เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว คุกเข่าโขกหัวจะนับเป็นอะไรได้?“คุณฉู่ พวกเราไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นะครับ นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าเกาเซิ่งอี้จ
“ฉู่เฉิน กะ...นายแกทำอะไร? เลี้ยงศพฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ!” เมื่อเห็นผีดิบเลือดคลั่ง เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็ตื่นตระหนกทันทีสิ่งที่เขาฝึกฝนคือวิชาประตูกลมหัศจรรย์ และเคยได้ยินเรื่องของผีดิบเลือดคลั่งมาบ้าง เขายิ่งไม่อยากโดนผีดิบเลือดคลั่งกลืนกินทั้งเป็นฉู่เฉินไม่สนใจเสิ่นเจี้ยนเฟิงเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าย่อตัวลงมาตบหน้าเกาเซิ่งอี้แล้วพูดว่า “บอกมา ปีนั้นคุณลักพาตัวพ่อแม่ของผมไปใช่ไหม ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน!”ม่านตาของเกาเซิ่งอี้หดลงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้ารัว ๆ แล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”“อ้อ? เหรอครับ? ดูเหมือนว่าต้องช่วยคุณฟื้นความทรงจำให้ดีสักหน่อยแล้วสินะ”เมื่อสิ้นเสียงพูดของฉู่เฉิน เขาก็เอานิ้วชี้ไปยังเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่ทรุดอยู่กับพื้นแล้วเอ่ยว่า “เจ้าทึ่ม กินอาหารได้แล้ว” “โฮก!”เมื่อเห็นเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่หายใจรวยริน ภายในม่านตาที่มืดดำคู่นั้นของเจ้าทึ่มพลันเปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ก่อนส่งเสียงคำรามที่น่าพรั่นพรึงออกมาพวกผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจที่อยู่ในที่แห่งนี้ตกใจกลัวจนขดตัว ไม่กล้ามองอีกเลย “ไอ้คนแซ่ฉู่ แกแม่งจะต้องไม่ตายดี!”เสิ่นเจี้ยนเฟิงถูกเจ้าทึ่มค
สำนักใหญ่ของโลกบำเพ็ญเพียรเกือบทั้งหมดล้วนรวมตัวกันอยู่ในเขตอันกว้างใหญ่นี้ส่วนพวกเขาอย่างมากสุดก็เป็นได้แค่ปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นหากต่อสู้กับฉู่เฉินอย่างถึงที่สุดจริง ๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาเลย“ใช่แล้ว ขอเพียงแกปล่อยพวกเราไป พวกเราจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกไปเด็ดขาด แกก็จะหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนโลกแห่งการหยั่งรู้ตามฆ่าได้ด้วย” เสิ่นเจี้ยนเฟิงเอ่ยเสริมโดยที่แฝงการข่มขู่ไว้กึ่งหนึ่งเช่นกัน“ฉู่เฉิน หยุดดีกว่านะ พวกเราหาเรื่องคนพวกนี้ไม่ไหวหรอก”หลิ่วหรูเยียนเห็นฉู่เฉินยังคงเงียบไม่พูดไม่จาก็รีบลุกออกมาพูดเกลี้ยกล่อมในความคิดของเธอ วันนี้ฉู่เฉินได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาแล้วนอกจากนี้ ตั้งแต่นี้ไป มณฑลเจียงจะไม่มีหอการค้าตะวันออกใหญ่อะไรอีก ส่วนบรรดาผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็ได้เห็นความสามารถของฉู่เฉินกับตาตัวเองแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ แทบทุกคนต่างรู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉู่เฉินเช่นนี้ไม่ว่าวันหน้าฉู่ซื่อกรุ๊ปจะไปหาใครที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ อีกฝ่ายล้วนต้องช่วยเหลือฉู่ซื่อกรุ๊ปโดยไม่มีเงื่อนไขสำหรับหลิวหรูเยียนแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นผลประโย
“เมื่อกี้คุณไม่ได้พูดแบบนี้นี่นา ผมไม่เดินเข้ามา แล้วคุณจะฆ่าผมได้ยังไงล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้ม เพียงแต่ในความคิดของเกาเซิ่งอี้ รอยยิ้มของเขาน่าหวาดหวั่นเกินไป ทำให้คนตกใจกลัวมากเกินไปจริง ๆ“มะ...เมื่อกี้เห็นชัด ๆ ว่าแกโดนวิชาหุ่นเชิดของฉันไปแล้ว โดนฝังลึกอยู่ใต้ดินไปแล้ว เป็นไปได้ยังไง...” เสิ่นเจี้ยนเฟิงเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองไปทางฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม นี่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยเขาถึงขนาดใช้วิชาหุ่นเชิดที่เคยสังหารยอดฝีมือระดับเดียวกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คนพวกนั้นแต่ละคนล้วนเป็นพวกมีประสบการณ์โชกโชนที่ผ่านศึกมานับร้อยแม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจหนีพ้นเคราะห์ไปได้ ฉู่เฉินทำได้ยังไง...ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “คุณหมายถึงเจ้านี่เหรอ?”สิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็หยิบหุ่นฟางออกมาจากด้านหลัง หุ่นฟาง?!ม่านตาของเสิ่นเจี้ยนเฟิงหดลงเล็กน้อย เขาคุ้นเคยกับหุ่นฟางตัวนั้นเป็นอย่างดี สำนักอวี้ซือ แต่เจ้าสำนักอวี้ซือเพิ่งจะฝึกปรือถึงระดับสร้างรากฐานชั้นสาม ฉู่เฉินไม่มีทางป็นคนของสำนักอวี้ซือได้เลย “วิชาหุ่นเชิดของคุณไม่เลวเอามาก ๆ เลยจริง ๆ แต่ว่าเมื่อเทียบกับ
แม้ว่าฉู่เฉินจะมีมรดกของมังกรเฒ่า แต่เวลานี้เขาตกอยู่ท่ามกลางอาคมประตูกลมหัศจรรย์โดยสิ้นเชิงแล้วตั้งแต่โบราณมาวิชาประตูกลมหัศจรรย์ก็คือวิชาลี้ลับที่แย่งชิงพลังจากฟ้าเพื่อสร้างโชค ลึกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเห็นใต้เท้าของฉู่เฉินเกิดเป็นน้ำวน “กินคน” เสิ่นเจี้ยนเฟิงรีบตะโกนเสียงดังบอกเกาเซิ่งอี้ว่า “รีบไปเร็วเข้า! ที่นี่กำลังจะถล่มแล้ว!”เมื่อสิ้นเสียงพูด เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็พุ่งปราดออกไป เกาเซิ่งอี้เองก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย รีบทะยานออกไปอย่างรวดเร็วโครม!วินาทีต่อมา ทั่วทั้งห้องโถงถล่มลงไปจริง ๆ เกิดเป็นหลุมลึกที่มองไม่เห็นพื้นขึ้นมาที่ใต้ดินโครมคราม!ชั่วขณะหนึ่ง อาณาเขตคฤหาสน์กว่าครึ่งคล้ายกับอยู่ท่ามกลางทรายดูดในทะเลทราย แม้แต่ตัวคฤหาสนทั้งหลังก็จมลงไปในหลุมลึกเช่นกันส่วนฉู่เฉินก็จมลงไปสู่ใต้ดินตามคฤหาสน์ไปเช่นเดียวกัน“ฮ่า ๆๆ...”เสิ่นเจี้ยนเฟิงเห็นฉู่เฉินโดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแล้ว เขาก็อดแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังไม่ได้แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กไม่รู้ความ ยังกล้าอวดดีต่อหน้าพวกเราอีกเหรอ? นี่ก็คือจุดจบของแก!”จางจิ่งหลงมองคฤหาสน์ที่โดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแวบหนึ่ง ก่อนจ
ฉู่เฉินกลับไม่สนใจเขาเลย เพราะว่าจางจิ่งหลงที่อยู่ข้างหลังเขาก็ออกหมัดสังหารเข้ามาเช่นกัน“ลองดูหมัดมังกรดำของฉัน!”ฟิ้ว!สายลมรุนแรงที่ขนาบโดยหมอกดำพุ่งตรงมาที่กลางหลังของฉู่เฉิน“ตายซะ!”ในขณะเดียวกัน เกาเซิ่งอี้พุ่งกายหลายครั้งราวกับภูตผีจนมาถึงด้านหลังของฉู่เฉิน เขายกฝ่ามือดำทะมึนขึ้นมาก่อนจะฟาดตรงไปที่เอวของฉู่เฉินถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะพุ่งตัวหลบหมัดมังกรดำของจางจิ่งหลงแล้ว แต่เขาก็รับหมัดของเกาเซิ่งอี้ไปเต็ม ๆผัวะ!ลอบโจมตีสำเร็จ เกาเซิ่งอี้ยกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มหยันออกมาสุดท้ายฉู่เฉินก็ยังเด็กเกินไป ไม่เคยผ่านประสบการณ์ต่อสู้ตะลุมบอนเช่นนี้มาก่อนขอเพียงเขาโดนฝ่ามือนี้ แค่ไอชั่วร้ายด้านในก็เพียงพอเปลี่ยนให้ฉู่เฉินกลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองแล้วอย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมา รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างโดยสิ้นเชิงฉู่เฉินถูกเขาซัดฝ่ามือใส่เอว ไม่เพียงไม่ล้มลงคาที่ แต่ว่าลมปราณกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าไอชั่วร้ายของเขาไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับฉู่เฉินเลย ตรงกันข้ามยังเป็นยาบำรุงให้ฉู่เฉินแทนเวรเอ๊ย!นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?ต้องรู้เอาไว้ว่า วิชาที่เขาฝึกฝนคือ
เมื่อไอชั่วร้ายแผ่กระจายออกมา อุณหภูมิรอบด้านพลันลดฮวบลงถึงจุดเยือกแข็งในพริบตา เวลานี้เอง ผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันส่ายหน้า แปดเก้าในสิบส่วนคิดว่าฉู่เฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วถูกยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสามคนล้อมเอาไว้ แม้ว่าร่างกายของฉู่เฉินเป็นเหล็ก จะบดขยี้ตะปูหลายเล่มได้เหรอ?ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นเกาเซิ่งอี้ที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดในหมู่ทั้งสามคนก็ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายเหมือนกัน“คนแซ่ฉู่ ต่อให้ฉันต้องตายก็จะให้แกตายไปเป็นเพื่อนด้วย”ทางด้านข้าง ฉีอวี่ไท่ที่นอนประคับประคองชีวิตอยู่บนเสาปูนมาตลอด ไอเป็นเลือดไปพลาง เอ่ยพร้อมกับหัวเราะหยันติดต่อกันไปพลางเวลานี้เอง เขารู้ว่าอวัยวะภายในของตัวเองถูกฉู่เฉินทำลายจนหมดแล้ว ต่อให้ฉู่เฉินไม่ฆ่าเขา เขาก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่พอเขาเห็นฉู่เฉินโดนยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสามคนรุมโจมตี ดวงตาก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งส่วนผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่ชมความคึกคัก เวลานี้ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความอันตรายเลยพากันถอยออกไปจากห้องโถง หลบออกไปไกลถึงอย่างไรยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสี่คนต่อสู้กัน ต่อให้
“ไอ้หนู แกล้าดีนักนะ!”จางจิ่งหลงถลึงตาสองข้างอย่างเกรี้ยวกราด เดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองฉู่เฉินอย่างขุ่นเคืองเกาเซิ่งอี้ก็ลุกขึ้นมาช้า ๆ แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเย็นชาว่า “ฉู่เฉิน แกโอหังเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? ต่อให้อาจารย์ของแกมาก็ไม่กล้าท้าทายพวกเราสามคนพร้อมกันหรอก!”เสิ่นเจี้ยนเฟิงลุกขึ้นมาเช่นกันแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม เปิดเผยความสามารถมากเกินไป บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”ถังเทียนอวี่เป็นอัจฉริยะของตระกูลถังจริง ๆ แต่ถึงอย่างเขาก็มีแค่พลัง ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้จริงเท่าไหร่นัก แต่พวกเกาเซิ่งอี้กับจางจิ่นหลงไม่เหมือนกันตลอดทางมาเดินมานี้ มีใครบ้างที่ไม่ได้ผ่านศึกมานับร้อย?เมื่อเทียบกันแล้ว ความสามารถอันน้อยนิดของถังเทียนอวี่ไม่นับว่าเป็นอะไรเลยพูดได้ว่า ถึงแม้จะอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสี่เหมือนกัน แต่ถังเทียนอวี่สองคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางจิ่งหลงยิ่งไม่ต้องพูดถึงจางจิ่งหลงกับเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่เป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นสี่นอกจากนี้ เกาเซิ่งอี้ก็อยู่ห่างจากระดับสร้างรากฐานชั้นสี่แค่ก้าวเดียวเท่านั้น“เดิมทีฉันไม่อยากเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ขอเพียงแกย
พรวด!คราวนี้ เจ็บมากเกินไปแล้วถังเทียนอวี่อ้าปากกว้างกระอักเลือดคำโตโดยที่มีเศษอวัยวะภายในปะปนอยู่ด้วยออกมาแม้แต่แสงสีทองบนร่างของเขาสายนั้นก็หมองหม่นลงไปในพริบตาเวลานี้ถังเทียนอวี่รู้สึกแค่ว่าเหมือนอวัยวะภายในเคลื่อนที่หมดแล้ว เจ็บจนเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนขึ้นมา อ้าปากกว้าง ทว่าร้องโหยหวนไม่ออกแม้แต่นิดเดียว“นี่ก็คืออัจฉริยะของตระกูลถังเหรอ?”ฉู่เฉินใช้เท้าเหยียบใบหน้าของถังเทียนอวี่ แล้วขยี้กับพื้นไม่หยุด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “ต่อให้เป็นหมูก็ยังเก่งกว่าอัจฉริยะแบบนี้อีกมั้ง?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หางตาของถังเทียนอวี่ก็แทบจะเบิกโพลง เขากัดฟันแน่น ปรายตามองฉู่เฉินพลางเอ่ยว่า “นะ...นายกล้าดูถูก...”“ผัวะ!”ฉู่เฉินเตะเข้าที่ปากของถังเทียนอวี่ จากนั้นก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “ผมดูถูกตระกูลถังของคุณแล้ว คุณจะทำอะไรผมได้? ผมดูถูกคุณแล้ว คุณจะทำอะไรได้?”ถังเทียนอวี่โกรธจนตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่ก็เป็นเหมือนกับที่ฉู่เฉินพูดไว้ ตันเถียนของเขาถูกฉู่เฉินเตะจนแตกไปหมดแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?เวลานี้ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่อยู่รอบด้านต่างมองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาที่เ