หมอนี่บ้าไปแล้วหรือไง?นั่นคือผู้อาวุโสฮวากับผู้อาวุโสกู่ เป็นตัวตนที่แม้แต่ปรมาจารย์จินเจิ้นหลงเห็นก็ต้องคุกเข่าโขกหัวคารวะคนอื่นเขาไม่ได้หาเรื่องคุณก็โชคดีมากแล้วคุณกลับกล้าหาเรื่องเองเนี่ยนะ?!เย่ชิ่นเหยียนเครียดจนพูดไม่ออกแล้ว มือเล็ก ๆ ที่ดึงแขนของฉู่เฉินไว้ก็สั่นเทาไม่หยุด ถึงแม้เธอจะรู้จักกับฉู่เฉินได้ไม่นาน แต่เธอไม่อยากให้ฉู่เฉินเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ“สหายน้อย คุณกำลังพูดกับผมเหรอ?” ฮวาว่านโหลวหันตัวกลับมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“ถ้าไม่ได้พูดกับคุณ แล้วพูดกับอากาศหรือไง?”ฉู่เฉินหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วจุดไฟทันที เขาสูบพ่นควันพลางเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “คนที่เที่ยวข่มผู้อื่นโดนอาศัยว่าตัวเองอาวุโสกว่า ผมเห็นมาเยอะแล้ว แต่ว่าคนที่อายุเท่าคุณแต่ยังทำตัวอวดเก่ง ผมไม่ค่อยเห็นจริง ๆ” แค่ก ๆๆ...ฮวาว่านโหลวอดกระแอมไอแรง ๆ ไม่ได้ เขาอวดเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่?ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าวันนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า นายคิดว่าเรื่องนี้จะแล้วกันไปแบบนี้เหรอ? ให้ทางรอดนายแท้ ๆ แต่นายจะหาเรื่องตายเองให้ได้“ดูเหมือ
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าวินาทีต่อมาฉู่เฉินจะถูกพลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวสองสายนี้กดดันจนคุกเข่าลงทันที ฉู่เฉินกลับแค่นเสียงเย็นแล้วโบกมือหนึ่งที พลังกดดันอันน่ากลัวสองสายหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา!เมื่อเห็นฉากนี้ ฮวาว่านโหลวกับกู่ฉางเซิงตกตะลึงไปเล็กน้อย แม้แต่หยางเส้าหัวก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง ยังนึกว่าตัวเองมองผิดไปใช่หรือเปล่า พลังกดดันสองสายของผู้แข็งแกร่งระดับฝึกปราณชั้นเจ็ดถูกฉู่เฉินจัดการง่ายดายขนาดนี้เชียวเหรอ?“เจ้าหนุ่ม คิดไม่ถึงว่าคุณจะเก็บงำฝีมือไว้ลึกมากเลย”กู่ฉางเซิงหรี่ตา จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน!จนกระทั่งตอนนี้เอง เขากับฮวาว่านโหลวถึงตระหนักได้ว่าที่แท้ฉู่เฉินก็เป็นสุดยอดฝีมือระดับฝึกปราณชั้นเจ็ดเหมือนกัน! แม้ในใจของเขาจะตกตะลึงอย่างยิ่ง แต่ว่าต่อให้ฉู่เฉินเอาชนะหนึ่งในพวกเขาได้ก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้เลย สองต่อหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้อย่างยุติธรรมระหว่างระดับเดียวกัน ฉู่เฉินก็ไม่มีทางรอดไปได้เด็ดขาด“เลิกพูดจาไร้สาระ พวกคุณสองคนจะเข้ามาทีละคน หรือว่าเข้ามาพร้อมกัน?” ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ไม่เห็นกู่ฉางเซิงกับฮวาว่านโหลวอยู่ในสายตาเลย แค่ระดับ
“ผู้อาวุโสกู่กับผู้อาวุโสเป็นยอดคนเร้นกาย เมื่อกี้ไว้หน้าเขามากพอแล้ว แต่เขากลับไม่รู้ผิดชอบชั่วดี คนแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วจะก่อเภทภัยใหญ่หลวงขึ้นมา”เย่ชิ่นเหยียนกลอกตาใส่เชอฮุย เธอไม่ได้คิดแบบนี้เลยฉู่เฉินทำแบบนี้ก็มีต้องมีเหตุผลของฉู่เฉิน อีกอย่างเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเธอ เธอจะทอดทิ้งฉู่เฉินได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น อาการป่วยของคุณย่ายังต้องพึ่งพาฉู่เฉินด้วย ต่อให้ฉู่เฉินยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตระกูลหยางจริง ๆ เย่ชิ่นเหยียนก็ไม่มีทางถอยหนีเป็นอันขาด!หยางเส้าหัวยิ่งมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าเหมือนกำลังชมละครสนุก ๆ พูดตามตรง ฐานะนักสู้ของฉู่เฉินทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกแปลกใจจริง ๆ แต่แล้วอย่างไรล่ะ?มีผู้อาวุโสฮวากับผู้อาวุโสกู่อยู่ ฉู่เฉินยังสร้างความปั่นป่วนอะไรได้อีก?หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนช่วยตระกูลหยางต้านทานคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำมาแล้วกี่ครั้ง และช่วยตระกูลหยางกำจัดเภทภัยต่อหนทางในการพัฒนามาแล้วกี่ครั้งฉู่เฉินกล้าท้าทายพวกเขาสองคน นี่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย!ถ้าเกิดฉู่เฉินยอมถอยทันที ฮวาว่านโหลวกับกู่ฉางเซิงก็คงมอบทางรอดให้ฉู่เฉินเพราะเกรงต่อคำวิพากษ์ว
ในความคิดของเขา แม้ว่าจะอยู่ระดับเดียวกัน แต่การต่อกรกับเด็กรุ่นหลังอย่างฉู่เฉินไม่จำเป็นต้องลงแรงมากมายเลยแค่ใช้กระบวนท่าเดียวก็สามารถทำให้ฉู่เฉินพิการได้ง่าย ๆ แล้วนอกจากนี้ถ้าเกิดจัดการฉู่เฉินได้ในกระบวนท่าเดียวก็สามารถสร้างบารมีต่อหน้าผู้คนได้พอดี!ถึงอย่างไรตั้งแต่ห้าปีก่อน เขากับกู่ฉางเซิงก็ไม่เคยได้ลงมือเลยผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ต้องทำให้ผู้คนในวงการเดียวกันของเจียงจงรู้ว่าเขาฮวาว่านโหลวยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าจะอายุมากแล้ว!ใช้เรื่องนี้มาสร้างความสั่นสะเทือนให้กับพวกคนถ่อยที่พยายามท้าทายเขานอกจากนี้การฆ่าฉู่เฉินยิ่งฆ่าอย่างเด็ดขาด ยิ่งสามารถสร้างชื่อเสียงบารมีให้กับเขาได้เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเสียดายคือฉู่เฉินเป็นเพียงคนรุ่นเยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้น ถ้าเกิดวันนี้คนที่เขาเผชิญหน้าด้วยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมานาน เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะมีความหมายต่อเขามากขึ้นฉู่เฉินเห็นว่าปลายเท้าของอีกฝ่ายพุ่งตรงมาที่หน้าอกของตัวเอง เขาก็เบี่ยงตัวเล็กน้อยอย่างไม่รีบร้อนตื่นตระหนก หลบลูกเตะทะลวงหัวใจของฮวาว่านโหลวทันที “ไม่เลว คนที่สามารถหลบลูกเตะนี้ของผมได้
ฉากนี้ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์สูดลมหายใจเย็นเยียบติดต่อกันเย่ชิ่นเหยียนก็ลอบหวาดเสียวแทนฉู่เฉินในใจ เมื่อเห็นฉู่เฉินหลบการโจมตีเข้าเป้าของตัวเองอีกครั้ง ฮวาว่านโหลวก็หงุดหงิดเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่รอให้ออกกระบวนท่าจนเสร็จก็ทะยานตัวขึ้นมาตามไล่ฆ่าฉู่เฉินตูม! ฉู่เฉินกับฮวาว่านโหลวปะทะกระบวนท่ากันกลางอากาศอีกครั้ง ก่อนที่ร่างทั้งสองพากันลอยออกไปสิ่งเดียวที่แตกต่างกันคือฉู่เฉินกางแขนสองข้างลอยละล่องลงพื้นราวกับห่านป่าแต่ฮวาว่านโหลวกลับต้องลำบากมากกว่า เขาตีลังกาในอากาศหลายที ตอนที่สองเท้าร่อนลงพื้นก็ถอยหลังไปหลายก้าวถึงจะฝืนยืนทรงตัวได้เมื่อเทียบกับท่าทางสบาย ๆ ของฉู่เฉินแล้ว เวลานี้ฮวาว่านโหลวกลับมีสีหน้าย่ำแย่สุดขีดการโจมตีที่ปะทะด้วยเมื่อครู่นี้ทำให้เลือดลมในกายของเขาพลุ่งพล่านไม่หยุด เหมือนมีลมปราณกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นมาที่หน้าอก ไม่อาจควบคุมได้เลย“พรวด!” วินาทีต่อมา ฮวาว่านโหลวกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ทันที ตัวสั่นโงนเงนอยู่หลายครั้งกู่ฉางเซิงที่อยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ก็อดตกใจยกใหญ่ไม่ได้ไม่จำเป็นต้องถามเลย จะต้องเป็นเพราะกระบวนท่าที่ปะทะกันเมื่อครู่นี้อย่างแน่นอน ฉู่เฉินไ
เมื่อเห็นกระบวนท่านี้ของฮวาว่านโหลว กู่ฉางเซิงก็ทำหน้าตกตะลึงออกมา ขณะเดียวกันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ นี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งหลอมรวมเคล็ดวิชาตลอดทั้งชีวิตของฮวาว่านโหลว ต่อให้เป็นกู่ฉางเซิงก็ไม่กล้าไปรับง่าย ๆ เหมือนกันนอกจากนี้ นี่ก็เป็นสุดยอดวิชาที่สร้างชื่อเสียงให้ฮวาว่านโหลวมาหลายปี เคยพลิกสถานการณ์มาหลายครั้ง สังหารสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่มีระดับพลังสูงกว่าฮวาว่านโหลวฉู่เฉินกลับหัวเราะหยัน ในสายตาของคนอื่น ความเร็วของฮวาว่านโหลวไวจนไม่อาจแยกแยะด้วยตาเปล่า แต่ว่าในสายตาของฉู่เฉิน ความเร็วของเขาช้าเหมือนเต่าคลานก็ไม่ปาน“นี่ก็คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณเหรอ?” ฉู่เฉินยิ้ม ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างนักสู้กับผู้บำเพ็ญเพียรจะไม่สามารถลบเลือนด้วยการสั่งสมระดับพลังและประสบการณ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันโดยแก่นแท้ ต่อให้ฮวาว่านโหลวใช้พลังทั้งหมด มันก็เป็นแค่พละกำลังของมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือว่านักสู้ เมื่ออยู่ต่อหน้าฟ้าดินล้วนอ่อนแอเกินไปตราบใดที่ยังไม่ได้ก้าวข้ามขั้นนั้นแล้วตระหนักรู้ถึงกลไกขอ
ฉู่เฉินยิ้มหยันพลางส่ายหน้า เมื่อกี้เขาใช้วิธีการของนักสู้โจมตีฮวาว่านโหลวล้วน ๆ เพียงแต่ว่าต่อให้ฉู่เฉินไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด การโจมตีสุดชีวิตของอีกฝ่ายก็ยังคงทำให้เขาผิดหวังอย่างมากดูท่าความห่างชั้นระหว่างนักสู้กับผู้บำเพ็ญเพียรจะไม่ง่ายเหมือนอย่างที่ฉู่เฉินจินตนาการไว้เมื่อครู่นี้ “เป็นไปไม่ได้!” ฮวาว่านโหลวเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระตุ้นก็ไม่ปาน เขาคำรามสุดเสียงว่า “เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่คุณจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ผมไม่เชื่อ!” ฉู่เฉินแบมือกล่าวว่า “ความจริงก็อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว คุณอ่อนแอเกินไปจริง ๆ อ่อนแอจนผมกลัวว่าแค่ต่อยส่ง ๆ ทำให้คุณตัวระเบิดได้แล้ว”ฉู่เฉินเอามือสองข้างไพล่หลังแล้วเดินไปหาฮวาว่านโหลว “เป็นไปไม่ได้...” ฮวาว่านโหลวเห็นฉู่เฉินเดินเข้ามา จากนั้นก็มีพายุหมุนเกิดขึ้นใต้เท้าของเขา ดูดเศษหินที่กระจายเต็มพื้นลอยขึ้นไปในอากาศเวลานี้เอง กลิ่นอายของความตายพลันปกคลุมตัวเขา “เดิมทีคิดว่าคุณพูดจาโอหังขนาดนั้น คงจะมีความสามารถอยู่บ้างจริง ๆ เฮ้อ”ฉู่เฉินถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าคุณไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นคู่ฝึกซ้อมของผมเลยด้วยซ้ำ”
ราชันขาอุดรผู้ยิ่งใหญ่ จนกระทั่งตายก็ไม่อาจเหลือแม้แต่ศพที่สมบูรณ์ได้ฉากนี้ ใครเห็นแล้วไม่ขวัญหนีดีฝ่อ?ทั่วทั้งห้องโถงตกอยู่ท่ามกลางความเงียบงันอย่างเนิ่นนานถึงขนาดที่ผู้คนรอบข้างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำเวลานี้เอง ภายในห้องออฟฟิศชั้นสอง หยวนคุนมองฉู่เฉินด้วยสายตาคมกริบข้างกายเขามีชายวัยกลางคนสวมเสื้อแบบจีนสั้นสีดำ เอ่ยพลางขมวดคิ้วมุ่นว่า “เจ้าสำนัก ท่านจะรับเขาเข้าหงเหมินเหรอครับ?”หยวนคุนส่ายหน้าเล็กน้อย ลูกเหล็กในมือส่งเสียงดังกังวานใส ก่อนจะเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “คนระดับนี้ พวกเราอยากรับก็รับเลยได้ยังไง?” “คบเป็นเพื่อนไว้ก็พอ แต่ต้องระวังหมอนี่ให้มาก ๆ”หยวนคุนกล่าวจบก็หันตัวเดินจากไป ไม่เหลียวมองไปทางห้องโถงจัดแสดงอีกเลย จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนาน ฉู่เฉินถึงค่อย ๆ หันหน้ามามองกู่ฉางเซิงแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าจะให้ผมตายโดยไม่เหลือศพครบถ้วนสินะ?” “ฝ่ามือเหล็กอะไรนั่นของคุณ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเทียบกับเขาแล้วเป็นยังไง? มาเถอะ ผมรีบ” กู่ฉางเซิงที่เมื่อกี้ยังทำสีหน้ายโสโอหัง พอถูกฉู่เฉินชี้นิ้วใส่ตัวสั่นขึ้นมาฉับพลัน เขากับฮวาว่านโหลวอยู่
แม้ว่าฉู่เฉินจะมีมรดกของมังกรเฒ่า แต่เวลานี้เขาตกอยู่ท่ามกลางอาคมประตูกลมหัศจรรย์โดยสิ้นเชิงแล้วตั้งแต่โบราณมาวิชาประตูกลมหัศจรรย์ก็คือวิชาลี้ลับที่แย่งชิงพลังจากฟ้าเพื่อสร้างโชค ลึกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเห็นใต้เท้าของฉู่เฉินเกิดเป็นน้ำวน “กินคน” เสิ่นเจี้ยนเฟิงรีบตะโกนเสียงดังบอกเกาเซิ่งอี้ว่า “รีบไปเร็วเข้า! ที่นี่กำลังจะถล่มแล้ว!”เมื่อสิ้นเสียงพูด เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็พุ่งปราดออกไป เกาเซิ่งอี้เองก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย รีบทะยานออกไปอย่างรวดเร็วโครม!วินาทีต่อมา ทั่วทั้งห้องโถงถล่มลงไปจริง ๆ เกิดเป็นหลุมลึกที่มองไม่เห็นพื้นขึ้นมาที่ใต้ดินโครมคราม!ชั่วขณะหนึ่ง อาณาเขตคฤหาสน์กว่าครึ่งคล้ายกับอยู่ท่ามกลางทรายดูดในทะเลทราย แม้แต่ตัวคฤหาสนทั้งหลังก็จมลงไปในหลุมลึกเช่นกันส่วนฉู่เฉินก็จมลงไปสู่ใต้ดินตามคฤหาสน์ไปเช่นเดียวกัน“ฮ่า ๆๆ...”เสิ่นเจี้ยนเฟิงเห็นฉู่เฉินโดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแล้ว เขาก็อดแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังไม่ได้แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กไม่รู้ความ ยังกล้าอวดดีต่อหน้าพวกเราอีกเหรอ? นี่ก็คือจุดจบของแก!”จางจิ่งหลงมองคฤหาสน์ที่โดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแวบหนึ่ง ก่อนจ
ฉู่เฉินกลับไม่สนใจเขาเลย เพราะว่าจางจิ่งหลงที่อยู่ข้างหลังเขาก็ออกหมัดสังหารเข้ามาเช่นกัน“ลองดูหมัดมังกรดำของฉัน!”ฟิ้ว!สายลมรุนแรงที่ขนาบโดยหมอกดำพุ่งตรงมาที่กลางหลังของฉู่เฉิน“ตายซะ!”ในขณะเดียวกัน เกาเซิ่งอี้พุ่งกายหลายครั้งราวกับภูตผีจนมาถึงด้านหลังของฉู่เฉิน เขายกฝ่ามือดำทะมึนขึ้นมาก่อนจะฟาดตรงไปที่เอวของฉู่เฉินถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะพุ่งตัวหลบหมัดมังกรดำของจางจิ่งหลงแล้ว แต่เขาก็รับหมัดของเกาเซิ่งอี้ไปเต็ม ๆผัวะ!ลอบโจมตีสำเร็จ เกาเซิ่งอี้ยกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มหยันออกมาสุดท้ายฉู่เฉินก็ยังเด็กเกินไป ไม่เคยผ่านประสบการณ์ต่อสู้ตะลุมบอนเช่นนี้มาก่อนขอเพียงเขาโดนฝ่ามือนี้ แค่ไอชั่วร้ายด้านในก็เพียงพอเปลี่ยนให้ฉู่เฉินกลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองแล้วอย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมา รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างโดยสิ้นเชิงฉู่เฉินถูกเขาซัดฝ่ามือใส่เอว ไม่เพียงไม่ล้มลงคาที่ แต่ว่าลมปราณกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าไอชั่วร้ายของเขาไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับฉู่เฉินเลย ตรงกันข้ามยังเป็นยาบำรุงให้ฉู่เฉินแทนเวรเอ๊ย!นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?ต้องรู้เอาไว้ว่า วิชาที่เขาฝึกฝนคือ
เมื่อไอชั่วร้ายแผ่กระจายออกมา อุณหภูมิรอบด้านพลันลดฮวบลงถึงจุดเยือกแข็งในพริบตา เวลานี้เอง ผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันส่ายหน้า แปดเก้าในสิบส่วนคิดว่าฉู่เฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วถูกยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสามคนล้อมเอาไว้ แม้ว่าร่างกายของฉู่เฉินเป็นเหล็ก จะบดขยี้ตะปูหลายเล่มได้เหรอ?ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นเกาเซิ่งอี้ที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดในหมู่ทั้งสามคนก็ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายเหมือนกัน“คนแซ่ฉู่ ต่อให้ฉันต้องตายก็จะให้แกตายไปเป็นเพื่อนด้วย”ทางด้านข้าง ฉีอวี่ไท่ที่นอนประคับประคองชีวิตอยู่บนเสาปูนมาตลอด ไอเป็นเลือดไปพลาง เอ่ยพร้อมกับหัวเราะหยันติดต่อกันไปพลางเวลานี้เอง เขารู้ว่าอวัยวะภายในของตัวเองถูกฉู่เฉินทำลายจนหมดแล้ว ต่อให้ฉู่เฉินไม่ฆ่าเขา เขาก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่พอเขาเห็นฉู่เฉินโดนยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสามคนรุมโจมตี ดวงตาก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งส่วนผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่ชมความคึกคัก เวลานี้ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความอันตรายเลยพากันถอยออกไปจากห้องโถง หลบออกไปไกลถึงอย่างไรยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสี่คนต่อสู้กัน ต่อให้
“ไอ้หนู แกล้าดีนักนะ!”จางจิ่งหลงถลึงตาสองข้างอย่างเกรี้ยวกราด เดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองฉู่เฉินอย่างขุ่นเคืองเกาเซิ่งอี้ก็ลุกขึ้นมาช้า ๆ แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเย็นชาว่า “ฉู่เฉิน แกโอหังเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? ต่อให้อาจารย์ของแกมาก็ไม่กล้าท้าทายพวกเราสามคนพร้อมกันหรอก!”เสิ่นเจี้ยนเฟิงลุกขึ้นมาเช่นกันแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม เปิดเผยความสามารถมากเกินไป บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”ถังเทียนอวี่เป็นอัจฉริยะของตระกูลถังจริง ๆ แต่ถึงอย่างเขาก็มีแค่พลัง ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้จริงเท่าไหร่นัก แต่พวกเกาเซิ่งอี้กับจางจิ่นหลงไม่เหมือนกันตลอดทางมาเดินมานี้ มีใครบ้างที่ไม่ได้ผ่านศึกมานับร้อย?เมื่อเทียบกันแล้ว ความสามารถอันน้อยนิดของถังเทียนอวี่ไม่นับว่าเป็นอะไรเลยพูดได้ว่า ถึงแม้จะอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสี่เหมือนกัน แต่ถังเทียนอวี่สองคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางจิ่งหลงยิ่งไม่ต้องพูดถึงจางจิ่งหลงกับเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่เป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นสี่นอกจากนี้ เกาเซิ่งอี้ก็อยู่ห่างจากระดับสร้างรากฐานชั้นสี่แค่ก้าวเดียวเท่านั้น“เดิมทีฉันไม่อยากเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ขอเพียงแกย
พรวด!คราวนี้ เจ็บมากเกินไปแล้วถังเทียนอวี่อ้าปากกว้างกระอักเลือดคำโตโดยที่มีเศษอวัยวะภายในปะปนอยู่ด้วยออกมาแม้แต่แสงสีทองบนร่างของเขาสายนั้นก็หมองหม่นลงไปในพริบตาเวลานี้ถังเทียนอวี่รู้สึกแค่ว่าเหมือนอวัยวะภายในเคลื่อนที่หมดแล้ว เจ็บจนเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนขึ้นมา อ้าปากกว้าง ทว่าร้องโหยหวนไม่ออกแม้แต่นิดเดียว“นี่ก็คืออัจฉริยะของตระกูลถังเหรอ?”ฉู่เฉินใช้เท้าเหยียบใบหน้าของถังเทียนอวี่ แล้วขยี้กับพื้นไม่หยุด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “ต่อให้เป็นหมูก็ยังเก่งกว่าอัจฉริยะแบบนี้อีกมั้ง?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หางตาของถังเทียนอวี่ก็แทบจะเบิกโพลง เขากัดฟันแน่น ปรายตามองฉู่เฉินพลางเอ่ยว่า “นะ...นายกล้าดูถูก...”“ผัวะ!”ฉู่เฉินเตะเข้าที่ปากของถังเทียนอวี่ จากนั้นก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “ผมดูถูกตระกูลถังของคุณแล้ว คุณจะทำอะไรผมได้? ผมดูถูกคุณแล้ว คุณจะทำอะไรได้?”ถังเทียนอวี่โกรธจนตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่ก็เป็นเหมือนกับที่ฉู่เฉินพูดไว้ ตันเถียนของเขาถูกฉู่เฉินเตะจนแตกไปหมดแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?เวลานี้ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่อยู่รอบด้านต่างมองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาที่เ
บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่นั่งใกล้หน้าประตูมากมาย เห็นกับตาว่าแม้แต่รถกอล์ฟก็ถูกอัดจนผิดรูปไปแล้ว พวกเขาก็รีบถอยไปทางมุมกำแพง กลัวว่าจะต้องตายอย่างอนาถโดยไร้ความผิดส่วนหมัดของถังเทียนอวี่นี้ก็มีอานุภาพสะเทือนฟ้าดินจริง ๆพูดได้ว่าเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ฉู่เฉินเคยพบเจอนับตั้งแต่ที่เข้าวงการมาถึงอย่างไรตระกูลถังก็เป็นตัวตนที่กดขี่ทั้งเมืองได้ด้วยตระกูลเดียว ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์หรือความสามารถของตัวถังเทียนอวี่เอง สำนักเล็ก ๆ ระดับล่างอย่างสำนักเสวียนเทียนกับสำนักอวี้ซือไม่อาจเทียบได้เลยพูดได้ว่าสำนักเล็ก ๆ ทั้งสองนั้นเป็นเพียงเศษธุลีที่ลอยวนเวียนอยู่ขอบโลกแห่งการหยั่งรู้เท่านั้นแต่ตระกูลถังกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตัวตนที่สามารถสยบทั้งเมืองได้ด้วยพลังอำนาจของตระกูล มีใครบ้างที่ไม่ได้มาจากสำนักใหญ่ ครอบครองวิชาชั้นสูงเป็นมรดกตกทอด?เวลานี้เอง ภายในดวงตาของถังเทียนอวี่เต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นเยียบ แทบอยากจะต่อยฉู่เฉินให้เนื้อแหลกละเอียดในหมัดเดียวเมื่อเห็นเขาจะลงมือสังหารฉู่เฉินจริง ๆ เกาเซิ่งอี้ที่นั่งอยู่บนที่สูงรีบเอ่ยปากกล่าวว่า “หลานถัง ห้ามต่อยเขาให้ตายในหมัดเดียวเด็ดขาด
เธอไม่อยากเอาชีวิตเล็ก ๆ ของตัวเองไปทิ้งตอนนี้ที่หลิ่วหรูเยียนยังอยู่กับฉู่เฉินไม่ไปไหน ก็เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเขา ให้ช่วยพวกเธอสองแม่ลูกก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ก็เท่านั้น ไม่ตายเป็นเพื่อนฉู่เฉินแน่!“ฉู่เฉิน คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลยนะ หรือว่านายจะลองยอมรับปากพวกเขาไปก่อนดีไหม ถึงยังไง...”ไม่รอให้หลิ่วหรูเยียนพูดจบ ฉู่เฉินก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดขัดขึ้นมา “พวกมันเคยเป็นใครมาก่อนฉันไม่รู้ แต่อีกไม่นาน เดี๋ยวพวกมันก็จะเป็นศพแล้ว”ซี้ด!ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ บรรดานักธุรกิจทรงอิทธิพลหลายคนที่นั่งอยู่รอบ ๆ ถึงกับสูดหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจติด ๆ กันชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านล่างแถวหน้าสุดก็ลุกขึ้นยืน และพูดกับฉู่เฉิน “นี่น้องชาย แกรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?”“คนที่อยู่ตรงนั้นน่ะ คือปรมาจารย์เสิ่น บุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดของตระกูลผู้บำเพ็ญพรตแห่งปินเฉิง!”“ส่วนท่านผู้อาวุโสท่านนี้ คือผู้นำตระกูลจางแห่งเซียงเฉิงเชียวนะ!”“แล้วก็ยังท่านผู้นั้นอีก เขาคือถังเทียนอวี่อัจฉริยะของตระกูลถังแห่งอวิ๋นเฉิง!“มีท่านไหนบ้างที่สามารถเทียบเคียงกับคนแบบฉันและแกได้? เอ
“แม่คุณแซ่อะไรเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะมองเกาเซิ่งอี้ด้วยแววตาแข็งกร้าว“แก! แกหมายความว่าอะไร?”ใบหน้าของเกาเซิ่งอี้แฝงไปด้วยความเยือกเย็น เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะจ้องฉู่เฉินตาเขม็ง“คุณสั่งให้ผมมอบหยกโลหิตกิเลนให้คุณ ผมก็ต้องยอมมอบให้คุณง่าย ๆ? แล้วถ้าผมบอกให้คุณมอบชีวิตให้ผม คุณจะยอมปาดคอฆ่าตัวตายไหม?”ฉู่เฉินพูดออกมาด้วยสีหน้าหยันเกาเซิ่งอี้หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธในใจเอาไว้ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “นี่ไอ้หนุ่ม แกไม่รู้คุณสมบัติที่แท้จริงของหยกโลหิตกิเลนด้วยซ้ำ ถ้าแกมีมันอยู่ในมือ ก็ถือเป็นการทำลายสมบัติที่มีค่าและยังจะนำพาปัญหายิ่งใหญ่ตามมาอีก”“การให้แกมอบหยกโลหิตกิเลนให้ฉัน ก็เพราะหวังดีต่อแกนะ”ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างหนักแล้วพูดว่า “พูดได้มีเหตุผลดีจริง ๆ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ ก็ปรากฏความเย้ยหยันออกมา เพราะยังไงสุดท้ายแล้วฉู่เฉินก็ต้องยอมศิโรราบอยู่ดีไม่ใช่หรือไง?แต่ในวินาทีถัดมา ไม่ใช่แค่ถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ เท่านั้น แม้แต่เกาเซิ่งอี้เองก็ถึงกับหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธ เพราะคำพูดต่อมาของฉู่เฉิน“ความจ
บางทีสักวันหนึ่ง เธออาจจะสามารถเหยียบผู้ชายเฮงซวยพวกนี้ให้จมดินได้ในตอนนี้ คนที่ตกใจมากที่สุดก็ยังเป็นฉีอวี่ไท่ ความจริงแล้ว ฉีอวี่ไท่เป็นคนเดียวในรุ่นที่สองของตระกูลฉีที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเคยกราบอาจารย์เก่ง ๆ หลายคนตอนที่ตระกูลฉีมาพึ่งพิงเกาเซิ่งอี้ เขาก็มีพลังระดับปรมาจารย์แล้ว และหลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหลายปี ประกอบกับทรัพยากรจำนวนมากที่เกาเซิ่งอี้มอบให้ เขาจึงประสบความสำเร็จเหมือนในวันนี้แต่ฉู่เฉินกลับสามารถใช้ลูกเตะเดียวทำลายพลังของเขา สะเทือนอวัยวะภายในร่างของเขาจนเละอย่างน้อยสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ฉู่เฉินต้องเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานอย่างแน่นอนในความทรงจำของเขา ตระกูลฉู่แห่งเจียงจง ไม่มีพื้นฐานด้านการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และในช่วงเวลาสามปีที่พ่อแม่ของฉู่เฉินหายสาบสูญไป ฉู่เฉินก็อยู่ในสภาพ เกือบตายตลอดเวลาอย่าว่าแต่การฝึกวรยุทธ์หรือบำเพ็ญพรตเลย แม้แต่การลุกขึ้นยืนและเดิน สำหรับฉู่เฉินแล้ว นี่เป็นเพียงความฝันที่ไม่สามารถเป็นความจริงได้ในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือน ทำไมฉู่เฉินถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้?เมื่อครู่เขาได้ทำการยืนยันหล