ราชันขาอุดรผู้ยิ่งใหญ่ จนกระทั่งตายก็ไม่อาจเหลือแม้แต่ศพที่สมบูรณ์ได้ฉากนี้ ใครเห็นแล้วไม่ขวัญหนีดีฝ่อ?ทั่วทั้งห้องโถงตกอยู่ท่ามกลางความเงียบงันอย่างเนิ่นนานถึงขนาดที่ผู้คนรอบข้างไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำเวลานี้เอง ภายในห้องออฟฟิศชั้นสอง หยวนคุนมองฉู่เฉินด้วยสายตาคมกริบข้างกายเขามีชายวัยกลางคนสวมเสื้อแบบจีนสั้นสีดำ เอ่ยพลางขมวดคิ้วมุ่นว่า “เจ้าสำนัก ท่านจะรับเขาเข้าหงเหมินเหรอครับ?”หยวนคุนส่ายหน้าเล็กน้อย ลูกเหล็กในมือส่งเสียงดังกังวานใส ก่อนจะเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “คนระดับนี้ พวกเราอยากรับก็รับเลยได้ยังไง?” “คบเป็นเพื่อนไว้ก็พอ แต่ต้องระวังหมอนี่ให้มาก ๆ”หยวนคุนกล่าวจบก็หันตัวเดินจากไป ไม่เหลียวมองไปทางห้องโถงจัดแสดงอีกเลย จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนาน ฉู่เฉินถึงค่อย ๆ หันหน้ามามองกู่ฉางเซิงแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าจะให้ผมตายโดยไม่เหลือศพครบถ้วนสินะ?” “ฝ่ามือเหล็กอะไรนั่นของคุณ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเทียบกับเขาแล้วเป็นยังไง? มาเถอะ ผมรีบ” กู่ฉางเซิงที่เมื่อกี้ยังทำสีหน้ายโสโอหัง พอถูกฉู่เฉินชี้นิ้วใส่ตัวสั่นขึ้นมาฉับพลัน เขากับฮวาว่านโหลวอยู่
หยางเส้าหัวกระเสือกกระสนลุกขึ้นมาจากพื้น เขาไม่สนใจกางเกงที่เปียกชื้น ชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “รากฐานของตระกูลหยางเรา เศรษฐีใหม่อย่างแกจะมาเทียบได้ยังไง” “ถึงแม้ผู้อาวุโสฮวาจะตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีผู้อาวุโสกู่อยู่นะ!”“อาศัยแค่ฝ่ามือทรายเหล็กของผู้อาวุโสกู่ก็สามารถตบแกจนกลายเป็นเนื้อเละ ๆ ได้แล้ว!”ฟึบ! เขาเพิ่งจะพูดจบ กระบี่ยาวที่ส่องประกายเย็นเยียบไปทั่วพลันปรากฏขึ้นในมือของฉู่เฉินกระบี่เล่มนี้เพิ่งจะปรากฏขึ้นในมือของฉู่เฉิน ความมั่นใจที่กู่ฉางเซิงเพิ่งหากลับมาได้พลันมลายหายไปทันทีแม้ว่าเขาไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร แต่ก็เป็นยอดฝีมือระดับฝึกปราณชั้นเจ็ด แค่เห็นก็ดูออกว่ากระบี่ในมือของฉู่เฉินเล่มนั้นไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอนมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นกระบี่ล้ำค่าระดับของวิเศษกลิ่นอายของความตายปกคลุมเหนือศีรษะของกู่ฉางเซิงในพริบตาเวลานี้กู่ฉางเซิงเคียดแค้นหยางเส้าหัวกับผู้ติดตามหลายคนข้างกายเขาจะตายอยู่แล้วจริง ๆนี่ตั้งใจเร่งให้เขาไปตายไม่ใช่หรือไง?“ใช่เหรอครับ? ฝ่ามือเหล็ก? ได้ งั้นก็เข้ามาเถอะ” ฉู่เฉินกวักนิ้วให้กู่ฉางเซิง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีพิษภัย“
อันที่จริงกู่ฉางเซิงทำทุกอย่างนี้ก็เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น ขอเพียงคนของแก๊งมังกรมาถึง เขาก็จะปลอดภัยแล้วเพียงแต่ว่าพวกหยางเส้าหัวไม่รู้แผนการเหล่านี้ในใจของเขาเลย เมื่อเห็นกู่ฉางเซิงตั้งท่าพร้อมสู้กับฉู่เฉินจริง ๆ แต่ละคนก็ตะโกนเชียร์กู่ฉางเซิงด้วยความตื่นเต้น“ผู้อาวุโสกู่ลงมือแล้ว จะต้องฆ่าไอ้หมอนี่ทิ้งแน่!” “ฉันว่าผู้อาวุโสกู้ไม่มีทางทำให้พวกเราผิดหวังแน่นอน” “ควรฟาดไอ้หมอนี่ให้แบนเป็นแป้งย่างตั้งนานแล้ว ผู้อาวุโสกู่เกรียงไกร!” เสียงตะโกนของผู้คนรอบข้างทำให้ใบหน้าของกู่ฉางเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจออกมาอย่างเต็มเปี่ยม “พร้อมแล้วสินะ?”ฉู่เฉินยิ้มจาง ๆ เดินไปหากู่ฉางเซิง“เจ้าหนุ่ม คุณต้องคิดให้ดี ๆ นะ ไม่รู้ว่ามีดวงวิญญาณอาฆาตของยอดฝีมือมากเท่าไหร่ที่อยู่ภายใต้ฝ่ามือทรายเหล็กนี้ของผม เมื่อประมือกันแล้ว คุณไม่มีทางให้ถอยแล้วนะ”กู่ฉางเซิงพูดพลางก้าวเดินแปดทิศวนรอบฉู่เฉิน ดวงตาฝ้าฟางจ้องเขม็งไปที่กระบี่ยาวในมือของฉู่เฉิน ฉู่เฉินอดเลิกคิ้วไม่ได้แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “จะสู้ก็สู้สิ คุณจะเดินวนอะไร?”“เจ้าหนุ่ม นี่คุณไม่เข้าใจสินะ นักสู้ใช้วรยุทธ์มากำจัดคนชั่วสนับสนุนผู้
หืม?กู่ฉางเซิงได้ยินคำกล่าวก็ขมวดคิ้วมองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “ปกป้องฉันให้รอดตาย? เด็กไร้ยางอายอย่างคุณพูดออกมาได้ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะคุณให้คนไปแจ้งแก๊งมังกร เวลานี้ คุณคงเป็นศพอยู่ที่นี่ไปนานแล้ว!”ฉู่เฉินได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “ใช่เหรอครับ?”“งั้นผมขอถามเจียงหย่วนหน่อยว่า ใครเรียกคนของแก๊งมังกรมากันแน่” ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินค่อย ๆ หันหน้ามองไปทางเจียงหย่วน เวลานี้เจียงหย่วนก็มองเห็นฉู่เฉินแล้วเช่นกัน เขารีบเดินมาหาฉู่เฉินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะประสานมือคารวะกล่าวว่า “คุณฉู่”เมื่อเห็นฉากนี้ ไม่ว่าจะเป็นกู่ฉางเซิงหรือว่าพวกหยางเส้าหัวต่างก็ตกใจ! ฉู่เฉินมีความสัมพันธ์กับคนของแก๊งมังกรด้วยเหรอ?นี่เป็นเรื่องที่กู่ฉางเซิงคิดไม่ถึงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางของเจียงหย่วน ดูเหมือนหวาดกลัวฉู่เฉินมากเลยแย่แล้ว!กู่ฉางเซิงอดรู้สึกหนักอึ้งไม่ได้ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ปรายตามองเจียงหย่วนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าเจียง คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ?” เจียงหย่วนได้ยินคำกล่าวแล้วจะกล้าปิดบังที่ไหน เขายื่นแท็บเล็ตในมือให้ฉู่เฉินโดยตรงแล้วพูดว่า “คุณฉู่ เมื่
ตุบ!หยางเส้าหัวสมกับเป็นลูกชายเศรษฐีอันดับหนึ่ง คุกเข่าลงอย่างคล่องแคล่วฉับไว ไม่มีอืดอาดยืดยาดเลยแม้แต่น้อย “พะ...พี่ฉู่ ผมผิดไปแล้ว ผมเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้”ในขณะที่หน้าผากของหยางเส้าหัวกำลังจะแตะพื้น กลับถูกหนังรองเท้าของฉู่เฉินขวางไว้ ปากของหยางเส้าหัวเลยสัมผัสแนบชิดกับหนังรองเท้าของฉู่เฉินทันที“พี่ฉู่ ผมยอมแล้วจริง ๆ” หยางเส้าหัวเงยหน้าขึ้นมา มองฉู่เฉินด้วยท่าทางน่าสงสาร “ขอโทษคุณหนูเย่!” ฉู่เฉินเอานิ้วชี้ไปที่เย่ชิ่นเหยียนแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่งหยางเส้าหัวได้ยินคำกล่าว ความเคียดแค้นที่ยากจะสังเกตเห็นก็แล่นวาบขึ้นมาในดวงตา เขาก้มหน้าลง กัดฟันสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มน่ารักน่าเอ็นดูแทน“ครับ ๆๆ ผมจะโขกหัวขอโทษคุณหนูเย่เดี๋ยวนี้เลย” หยางเส้าหัวเองก็ทำตัวเชื่อฟังมากพอ เวลานี้การทำตัวอวดดีก็เท่ากับรนหาที่ตาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีแผนสำรองหยางเส้าหัวฉวยโอกาสตอนที่กู่ฉางเซิงถูกฆ่าเมื่อสักครู่นี้ ส่งข้อความไปให้หยางเทียนหลงแล้ว เนื่องจากเวลากระชั้นชิด ดังนั้นจึงบอกแค่ว่าเขาอยู่ในสถานการณ์คับขัน รีบม
“แม่งเอ๊ย! ไว้ฉันรอดพ้นคราวนี้ไปได้ พวกนายหน้าไหนก็อย่าคิดจะอยู่ดีมีสุขเลย!”หยางเส้าหัวลอบสาบานในใจพลางโทรศัพท์หาพ่อของตัวเอง“ฉันรีบไปแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ให้เขารอฉันซะ!” เพิ่งจะรับสายโทรศัพท์ เสียงตวาดทุ้มต่ำของชายวัยกลางคนก็ดังมาจากฝั่งตรงข้าม ก่อนจะวางสายไปฉู่เฉินแสยะยิ้ม มองหยางเส้าหัวพลางกล่าวว่า “โอ้ ดูท่าทางคุณชายเส้าจะมีแผนสำรองด้วยสินะ?”เพียะ!เมื่อสิ้นเสียงพูด หยางเส้าหัวยังไม่ทันจะเอ่ยปาก ฉู่เฉินก็ตบหน้าหยางเส้าหัวไปฉาดใหญ่“พี่ฉู่ คะ...คุณเข้าใจผิดแล้ว พะ...พ่อของผม...พ่อของผมจะต้องรู้แน่เลยว่าผมซื้อรถแล้ว ดังนั้นถึงได้...”เพียะ ๆๆ!หยางเส้าหัวยังกล่าวไม่ทันจบ ฉู่เฉินก็ตบซ้ายขวาเข้าที่บ้องหูของเขาจนดังกังวานไปอีกสามที ตบหยางเส้าหัวจนมีเลือดไหลซึมจากมุมปาก ฟันกระเด็นออกไปหนึ่งซี่“คุณชายเส้า นี่คุณกำลังดูถูกสติปัญญาของผมสินะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่เฉินพลันแข็งทื่อ สายตาที่ส่องประกายเย็นเยียบจับจ้องไปที่หยางเส้าหัว“พี่ฉู่ ผมผิดไปแล้วจริง ๆ อีกไม่นานพ่อของผมก็จะมาถึงแล้ว พอเขามาแล้ว ผม...ผมจะให้เขาชดใช้ค่าเสียหายของพี่ฉู่ยังไม่ได้อีกเหรอ? ขอร้องละอย่าตี
ฉู่เฉินเลิกคิ้วขึ้น มองหยางเทียนหลงด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเอ่ยว่า “ผมสมควรตาย? คุณไม่อยากรู้หรือไงว่าลูกชายของคุณทำเรื่องอะไรไว้บ้าง?” หยางเทียนหลงได้ยินคำกล่าวก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยว่า “ไม่ว่าลูกชายฉันจะทำอะไรแล้วมันยังไง? แต่ว่าจะแตะต้องลูกชายฉันไม่ได้!” หยางเทียนหลงพูดพลางก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที อำนาจบารมีรอบกายของผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งมานานยิ่งปะทุขึ้นมาแม้แต่ผู้คนรอบข้างที่เฝ้าดูความคึกคักต่างก็ตกใจกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว เย่ชิ่นเหยียนตัวสั่นเทิ้มเช่นกัน ก่อนจะหลบไปอยู่ข้างหลังฉู่เฉิน “ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็แตะต้องเขาไม่ได้ทั้งนั้น?” ใบหน้าของฉู่เฉินผุดรอยยิ้มใคร่ครวญขึ้นมา“ถูกต้อง! ตระกูลหยางของพวกเราก็เผด็จการแบบนี้แหละ ตอนนี้ฉันให้เวลาแกห้านาที คุกเข่าโขกหัวขอโทษลูกชายฉันซะ! ไม่อย่างนั้น ฉันจะล้างบางครอบครัวแกทั้งโคตร!” เพียะ!คำพูดของเขาเพิ่งจะหลุดออกมา เสียงตบหน้ากังวานใสอย่างยิ่งก็ดังไปทั่วทั้งบริเวณ หยางเทียนหลงกุมแก้มซ้ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาตกตะลึงไอ้เด็กเวรนี่ถึงกับกล้าตบหน้าเขา?! ไม่ใช่แค่หยางเทียนหลงที่ตกตะล
“กะ...แกกล้าให้ฉันคุกเข่าให้แก ไม่กลัวตระกูลหยางของฉันแก้แค้นเลยหรือไง?” ไม่ว่าจะพูดอีกอย่างไร หยางเทียนหลงก็เป็นผู้นำตระกูลสาขานี้ของตระกูลหยาง ให้เขายอมรับผิดได้ แต่จะให้เขาคุกเข่าไม่ได้เป็นอันขาด“แก้แค้น?”ฉู่เฉินหัวเราะ มองหยางเทียนหลงอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “ผมกลับอยากฟังว่าคุณจะเอาอะไรมาแก้แค้นผม? สวะไร้ค่ากลุ่มนี้เหรอ? หรือว่าแข่งกับผมว่าใครรวยกว่ากัน?”“มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง? นั่นน่าจะเป็นเรื่องเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมั้ง ผมก็ใช้เงินฟาดตระกูลของพวกคุณให้ตายได้” “ไม่คุกเข่าก็ตายซะ!”เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปาก แม้แต่หยางเทียนหลงก็สูดลมหายใจเย็นเยียบในสมองพลันมีคำหนึ่งแล่นแวบขึ้นมา— ‘ยาบำรุงปราณ’ในฐานะที่เป็นตระกูลชั้นนำของเจียงจง ตระกูลหยางย่อมรู้ข่าวเรื่องยาบำรุงปราณที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าไปทั่วทั้งมณฑลเจียงนอกจากนี้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์สั้น ๆ บริษัทลึกลับแห่งหนึ่งได้อาศัยสำนักเฟิ่งกอบโกยรายได้ไปเกือบหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านในมณฑลเจียงแม้แต่หยางเทียนหลงก็ค่อนข้างรู้สึกหวั่นเกรงสินทรัพย์ก้อนนี้เหนือกว่าตระกูลหยางในตอนนี้ไปไกลแล้วเพียงแต่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น บริษัทท
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ