ทว่าฉู่เฉินกลับทำหน้าจริงจัง เย่ชิ่นเหยียนได้แต่ถอนหายใจกล่าวว่า “เขานอกใจ”คำธรรมดาสามคำก็เหนือกว่าคำพูดนับพันนับหมื่นแล้วฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เรื่องในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไป ตอนที่อายุยังน้อยใครไม่เคยเจอคนโง่เง่าบ้างล่ะ?” พรืด! ในกลุ่มคนรอบข้างที่เฝ้าดูความคึกคัก ในที่สุดก็มีคนอดไม่ไหวหัวเราะออกมาสถานการณ์ของหยางเส้าหัวในตอนนี้เลยดูกระอักกระอ่วนมากยิ่งขึ้น ถูกฉู่เฉินชี้หน้าด่าว่าโง่เง่า เขากลับไม่อาจพูดแย้งกลับอะไรได้“คุณฉู่ คุณคิดดีแล้วจริง ๆ เหรอว่าจะเป็นศัตรูกับตระกูลหยาง?”หยวนคุนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง“ทำไมครับ?” ฉู่เฉินหันหน้ามองไปทางหยวนคุน “คุณฉู่อย่าเข้าใจผิดครับ ผมหมายความว่าในเมื่อคุณเป็นลูกค้าของบริษัทจำหน่ายรถเรา ถ้าเกิดมีความต้องการ บริษัทจำหน่ายรถของเราสามารถให้บริการคุ้มครองคุณได้ทุกเมื่อ” “การรับประกันว่าลูกค้าทุกท่านสามารถออกไปได้อย่างปลอดภัยคือหน้าที่ของบริษัทจำหน่ายรถเราครับ” หยวนคุนทำสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความหวั่นไหวเลยสักนิดเดียว ทว่าได้แสดงจุดยืนออกมาแล้วหยางเส้าหัวที่ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทั
“ฉู่เฉิน”หลังจากที่รับนามบัตรแล้ว ฉู่เฉินก็เอ่ยปากพูดอย่างเฉยชาก่อนจะโทรศัพท์ไปตามหมายเลขบนนามบัตร เมื่อเสียงดังขึ้นเพียงหนึ่งครั้ง ฉู่เฉินก็วางสายหยวนคุนอดอึ้งไม่ได้ ก่อนจะเข้าใจทันทีแล้วแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา“ไม่มีนามบัตร ขอโทษด้วยนะครับ แต่ว่าเป็นเพื่อนกันได้”ฉู่เฉินกล่าวจบก็ยัดนามบัตรเข้าไปในอกหยวนคุนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นกล่าวว่า “น้องชาย ถ้าเกิดต้องการอะไร สามารถโทรเข้าเบอร์นั้นได้ตลอดเวลา ไม่มีใครในเจียงจงทำร้ายคุณได้หรอก”ฉู่เฉินก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะจับมือกับหยวนคุนแล้วพูดว่า “คนที่ทำร้ายผมได้ยังไม่เกิดมาหรอกครับ” หยวนคุนตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “น้องชายมีมาดไม่ธรรมดาจริง ๆ ผมขอตัวก่อนนะ” เมื่อเห็นหยวนคุนเดินไปไกลแล้ว ใบหน้าของหยางเส้าหัวก็เผยรอยยิ้มหยันที่ดุดันออกมาตราบใดที่หยวนคุนไม่สอดมือ วันนี้ฉู่เฉินจะต้องตายอย่างแน่นอน!ในขณะที่เย่ชิ่นเหยียนขับรถสปอร์ตกลับมาที่โชว์รูมรถ ชายชราผมสีดอกเลาสวมเสื้อคอจีนสองคนก็เดินลงมาจากรถเก๋งสีดำเมื่อเห็นชายชราสองคนนี้ หลายคนในที่แห่งนี้ก็ร้องอุทานออกมาเย่ชิ่นเหยียนตกใจจนสะ
หมอนี่บ้าไปแล้วหรือไง?นั่นคือผู้อาวุโสฮวากับผู้อาวุโสกู่ เป็นตัวตนที่แม้แต่ปรมาจารย์จินเจิ้นหลงเห็นก็ต้องคุกเข่าโขกหัวคารวะคนอื่นเขาไม่ได้หาเรื่องคุณก็โชคดีมากแล้วคุณกลับกล้าหาเรื่องเองเนี่ยนะ?!เย่ชิ่นเหยียนเครียดจนพูดไม่ออกแล้ว มือเล็ก ๆ ที่ดึงแขนของฉู่เฉินไว้ก็สั่นเทาไม่หยุด ถึงแม้เธอจะรู้จักกับฉู่เฉินได้ไม่นาน แต่เธอไม่อยากให้ฉู่เฉินเกิดเรื่องขึ้นมาจริง ๆ“สหายน้อย คุณกำลังพูดกับผมเหรอ?” ฮวาว่านโหลวหันตัวกลับมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“ถ้าไม่ได้พูดกับคุณ แล้วพูดกับอากาศหรือไง?”ฉู่เฉินหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วจุดไฟทันที เขาสูบพ่นควันพลางเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “คนที่เที่ยวข่มผู้อื่นโดนอาศัยว่าตัวเองอาวุโสกว่า ผมเห็นมาเยอะแล้ว แต่ว่าคนที่อายุเท่าคุณแต่ยังทำตัวอวดเก่ง ผมไม่ค่อยเห็นจริง ๆ” แค่ก ๆๆ...ฮวาว่านโหลวอดกระแอมไอแรง ๆ ไม่ได้ เขาอวดเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่?ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าวันนี้ยังมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า นายคิดว่าเรื่องนี้จะแล้วกันไปแบบนี้เหรอ? ให้ทางรอดนายแท้ ๆ แต่นายจะหาเรื่องตายเองให้ได้“ดูเหมือ
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าวินาทีต่อมาฉู่เฉินจะถูกพลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวสองสายนี้กดดันจนคุกเข่าลงทันที ฉู่เฉินกลับแค่นเสียงเย็นแล้วโบกมือหนึ่งที พลังกดดันอันน่ากลัวสองสายหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา!เมื่อเห็นฉากนี้ ฮวาว่านโหลวกับกู่ฉางเซิงตกตะลึงไปเล็กน้อย แม้แต่หยางเส้าหัวก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง ยังนึกว่าตัวเองมองผิดไปใช่หรือเปล่า พลังกดดันสองสายของผู้แข็งแกร่งระดับฝึกปราณชั้นเจ็ดถูกฉู่เฉินจัดการง่ายดายขนาดนี้เชียวเหรอ?“เจ้าหนุ่ม คิดไม่ถึงว่าคุณจะเก็บงำฝีมือไว้ลึกมากเลย”กู่ฉางเซิงหรี่ตา จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน!จนกระทั่งตอนนี้เอง เขากับฮวาว่านโหลวถึงตระหนักได้ว่าที่แท้ฉู่เฉินก็เป็นสุดยอดฝีมือระดับฝึกปราณชั้นเจ็ดเหมือนกัน! แม้ในใจของเขาจะตกตะลึงอย่างยิ่ง แต่ว่าต่อให้ฉู่เฉินเอาชนะหนึ่งในพวกเขาได้ก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้เลย สองต่อหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้อย่างยุติธรรมระหว่างระดับเดียวกัน ฉู่เฉินก็ไม่มีทางรอดไปได้เด็ดขาด“เลิกพูดจาไร้สาระ พวกคุณสองคนจะเข้ามาทีละคน หรือว่าเข้ามาพร้อมกัน?” ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ไม่เห็นกู่ฉางเซิงกับฮวาว่านโหลวอยู่ในสายตาเลย แค่ระดับ
“ผู้อาวุโสกู่กับผู้อาวุโสเป็นยอดคนเร้นกาย เมื่อกี้ไว้หน้าเขามากพอแล้ว แต่เขากลับไม่รู้ผิดชอบชั่วดี คนแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วจะก่อเภทภัยใหญ่หลวงขึ้นมา”เย่ชิ่นเหยียนกลอกตาใส่เชอฮุย เธอไม่ได้คิดแบบนี้เลยฉู่เฉินทำแบบนี้ก็มีต้องมีเหตุผลของฉู่เฉิน อีกอย่างเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเธอ เธอจะทอดทิ้งฉู่เฉินได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น อาการป่วยของคุณย่ายังต้องพึ่งพาฉู่เฉินด้วย ต่อให้ฉู่เฉินยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตระกูลหยางจริง ๆ เย่ชิ่นเหยียนก็ไม่มีทางถอยหนีเป็นอันขาด!หยางเส้าหัวยิ่งมองฉู่เฉินด้วยสีหน้าเหมือนกำลังชมละครสนุก ๆ พูดตามตรง ฐานะนักสู้ของฉู่เฉินทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกแปลกใจจริง ๆ แต่แล้วอย่างไรล่ะ?มีผู้อาวุโสฮวากับผู้อาวุโสกู่อยู่ ฉู่เฉินยังสร้างความปั่นป่วนอะไรได้อีก?หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนช่วยตระกูลหยางต้านทานคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำมาแล้วกี่ครั้ง และช่วยตระกูลหยางกำจัดเภทภัยต่อหนทางในการพัฒนามาแล้วกี่ครั้งฉู่เฉินกล้าท้าทายพวกเขาสองคน นี่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย!ถ้าเกิดฉู่เฉินยอมถอยทันที ฮวาว่านโหลวกับกู่ฉางเซิงก็คงมอบทางรอดให้ฉู่เฉินเพราะเกรงต่อคำวิพากษ์ว
ในความคิดของเขา แม้ว่าจะอยู่ระดับเดียวกัน แต่การต่อกรกับเด็กรุ่นหลังอย่างฉู่เฉินไม่จำเป็นต้องลงแรงมากมายเลยแค่ใช้กระบวนท่าเดียวก็สามารถทำให้ฉู่เฉินพิการได้ง่าย ๆ แล้วนอกจากนี้ถ้าเกิดจัดการฉู่เฉินได้ในกระบวนท่าเดียวก็สามารถสร้างบารมีต่อหน้าผู้คนได้พอดี!ถึงอย่างไรตั้งแต่ห้าปีก่อน เขากับกู่ฉางเซิงก็ไม่เคยได้ลงมือเลยผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ต้องทำให้ผู้คนในวงการเดียวกันของเจียงจงรู้ว่าเขาฮวาว่านโหลวยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าจะอายุมากแล้ว!ใช้เรื่องนี้มาสร้างความสั่นสะเทือนให้กับพวกคนถ่อยที่พยายามท้าทายเขานอกจากนี้การฆ่าฉู่เฉินยิ่งฆ่าอย่างเด็ดขาด ยิ่งสามารถสร้างชื่อเสียงบารมีให้กับเขาได้เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเสียดายคือฉู่เฉินเป็นเพียงคนรุ่นเยาว์ที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้น ถ้าเกิดวันนี้คนที่เขาเผชิญหน้าด้วยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมานาน เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งนี้ก็จะมีความหมายต่อเขามากขึ้นฉู่เฉินเห็นว่าปลายเท้าของอีกฝ่ายพุ่งตรงมาที่หน้าอกของตัวเอง เขาก็เบี่ยงตัวเล็กน้อยอย่างไม่รีบร้อนตื่นตระหนก หลบลูกเตะทะลวงหัวใจของฮวาว่านโหลวทันที “ไม่เลว คนที่สามารถหลบลูกเตะนี้ของผมได้
ฉากนี้ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์สูดลมหายใจเย็นเยียบติดต่อกันเย่ชิ่นเหยียนก็ลอบหวาดเสียวแทนฉู่เฉินในใจ เมื่อเห็นฉู่เฉินหลบการโจมตีเข้าเป้าของตัวเองอีกครั้ง ฮวาว่านโหลวก็หงุดหงิดเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่รอให้ออกกระบวนท่าจนเสร็จก็ทะยานตัวขึ้นมาตามไล่ฆ่าฉู่เฉินตูม! ฉู่เฉินกับฮวาว่านโหลวปะทะกระบวนท่ากันกลางอากาศอีกครั้ง ก่อนที่ร่างทั้งสองพากันลอยออกไปสิ่งเดียวที่แตกต่างกันคือฉู่เฉินกางแขนสองข้างลอยละล่องลงพื้นราวกับห่านป่าแต่ฮวาว่านโหลวกลับต้องลำบากมากกว่า เขาตีลังกาในอากาศหลายที ตอนที่สองเท้าร่อนลงพื้นก็ถอยหลังไปหลายก้าวถึงจะฝืนยืนทรงตัวได้เมื่อเทียบกับท่าทางสบาย ๆ ของฉู่เฉินแล้ว เวลานี้ฮวาว่านโหลวกลับมีสีหน้าย่ำแย่สุดขีดการโจมตีที่ปะทะด้วยเมื่อครู่นี้ทำให้เลือดลมในกายของเขาพลุ่งพล่านไม่หยุด เหมือนมีลมปราณกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นมาที่หน้าอก ไม่อาจควบคุมได้เลย“พรวด!” วินาทีต่อมา ฮวาว่านโหลวกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ทันที ตัวสั่นโงนเงนอยู่หลายครั้งกู่ฉางเซิงที่อยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ก็อดตกใจยกใหญ่ไม่ได้ไม่จำเป็นต้องถามเลย จะต้องเป็นเพราะกระบวนท่าที่ปะทะกันเมื่อครู่นี้อย่างแน่นอน ฉู่เฉินไ
เมื่อเห็นกระบวนท่านี้ของฮวาว่านโหลว กู่ฉางเซิงก็ทำหน้าตกตะลึงออกมา ขณะเดียวกันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ นี่เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งหลอมรวมเคล็ดวิชาตลอดทั้งชีวิตของฮวาว่านโหลว ต่อให้เป็นกู่ฉางเซิงก็ไม่กล้าไปรับง่าย ๆ เหมือนกันนอกจากนี้ นี่ก็เป็นสุดยอดวิชาที่สร้างชื่อเสียงให้ฮวาว่านโหลวมาหลายปี เคยพลิกสถานการณ์มาหลายครั้ง สังหารสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่มีระดับพลังสูงกว่าฮวาว่านโหลวฉู่เฉินกลับหัวเราะหยัน ในสายตาของคนอื่น ความเร็วของฮวาว่านโหลวไวจนไม่อาจแยกแยะด้วยตาเปล่า แต่ว่าในสายตาของฉู่เฉิน ความเร็วของเขาช้าเหมือนเต่าคลานก็ไม่ปาน“นี่ก็คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของคุณเหรอ?” ฉู่เฉินยิ้ม ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างนักสู้กับผู้บำเพ็ญเพียรจะไม่สามารถลบเลือนด้วยการสั่งสมระดับพลังและประสบการณ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันโดยแก่นแท้ ต่อให้ฮวาว่านโหลวใช้พลังทั้งหมด มันก็เป็นแค่พละกำลังของมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือว่านักสู้ เมื่ออยู่ต่อหน้าฟ้าดินล้วนอ่อนแอเกินไปตราบใดที่ยังไม่ได้ก้าวข้ามขั้นนั้นแล้วตระหนักรู้ถึงกลไกขอ
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ