“คุณฉู่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ก่อนหน้านี้อาจมีบางเรื่องที่ฉันเข้าใจไม่หมด คุณว่าเอาอย่างนี้ดีไหมคะ กลับไปกับฉันก่อน ฉันจะตรวจสอบ… ตรวจสอบให้ชัดเจน”เจียงอิ่งพยายามควบคุมน้ำเสียงและความเร็วในการพูดให้ดูเรียบนิ่ง ไม่ลนลานแต่อย่างไรเธอก็เป็นเพียงหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วยังขาดประสบการณ์อีกมาก สุดท้ายก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความกระสับกระส่ายอยู่ดีแต่แค่เพียงน้อยนิด ก็ยังมากพอให้ฉู่เฉินสังเกตเห็นได้“ได้ครับ”ฉู่เฉินค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก่อนจะโบกมือให้เจียงเหวินป๋อกับจ้าวเจวียน “อธิบดีเจียง คาดว่าที่นี่คงไม่มีธุระให้ทั้งสองท่านจัดการแล้ว เชิญกลับเถอะครับ”พูดจบ เขาก็เดินตามเจียงอิ่งออกไปพอเห็นว่าฉู่เฉินจะไปแล้ว เจียงเหวินป๋อก็รีบเดินตามไป“คุณฉู่ รอเดี๋ยวครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษากับคุณหน่อย”เจียงเหวินป๋อดึงฉู่เฉินไปด้านหนึ่ง ก่อนจะกระซิบเบาๆ ว่า “คุณฉู่ คุณว่าหนังสือให้อภัยของผม…”ที่จริงตอนนี้เขาถูกสั่งพักงานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติงานเท่านั้น แต่หากปล่อยไว้นาน ด้านหนึ่งเรื่องนี้จะส่งผลเสียต่อตำแหน่งของเขาในกรมอย่างใหญ่หลวงในอีกด้าน หากมีคนหมายจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของ
เข้าขากันดีจนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผัวเมียกันสุดท้าย จ้าวเจวียนมีสีหน้าพึงพอใจ จากนั้นฉู่เฉินก็เดินออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับเจียงอิ่งอย่างให้ความร่วมมือ ทิ้งเจียงเหวินป๋อให้ยืนอยู่กับความรู้สึกอันสับสนวุ่นวายอยู่เพียงลำพัง……มาถึงหน้าประตู ฉู่เฉินกำชับกวนเหล่ยอีกสองสามคำ ก่อนจะออกไปกับเจียงอิ่งพอขึ้นรถ เจียงอิ่งขับรถพลางถามด้วยความสงสัยว่า “ประธานฉู่ใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอคะ? แค่เลขาคนหนึ่งก็ให้เงินเดือนถึงสามแสนอย่างนี้?”“คุณคิดว่าเธอควรได้เท่าไรล่ะ?” ฉู่เฉินถามเจียงอิ่งเงียบคำตอบของฉู่เฉินทำเอาเจียงอิ่งจิตใจสับสนว้าวุ่นฟังยังไงก็รู้สึกมีความหมายแฝงเหมือนฉู่เฉินกำลังซื้อประเวณี แต่เธอกลับไม่มีหลักฐานที่จริงฉู่เฉินไม่ได้ทำเพื่อตัวจ้าวเจวียน แต่ฉู่เฉินจะไม่ปล่อยให้กวนเหล่ยครอบครองเขาแต่เพียงผู้เดียวเด็ดขาด อย่างน้อยก็ต้องทำอย่างนี้ในบริษัทหากไม่มีคนมาคานอำนาจกับกวนเหล่ย ไม่นานต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่นอนโจวน่ามีความสามารถในด้านนี้จริง แต่ยังไงเธอก็ยังเด็กเกินไป วิธีคิดยังห่างชั้นกับจ้าวเจวียนอีกไกลถ้าหากจ้าวเจวียนสามารถคานอำนาจกับกวนเหล่ยในบริษัทได้ ฉู่เฉินก็คงวางใ
นี่มัน…ฟางอวี่เจิ้งยิ้มแห้งๆ เขาวางเทียบยาของฉู่เฉินลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างอาลัยอาวรณ์ และเหลือบมองเจียงอิ่งที่กำลังเม้มปาก ใบหน้าแดงก่ำไปทั้งดวงแวบหนึ่ง“คือว่า… เทียบยานี้ซับซ้อนเกินไป ถ้าอย่างไรทั้งสองพูดคุยกันให้ละเอียดก่อนดีไหม? ผม…”ฉู่เฉินกลอกตาใส่ฟางอวี่เจิ้ง “คุณจะยอมยกกระดูกให้งั้นเหรอ?”“เปล่านะครับ เปล่าๆ”ฟางอวี่เจิ้งรีบโบกมือ กระดูกมังกรของเขายังต้องเก็บไว้ผลิตเจ้าสามอยู่ จะยอมยกให้ง่ายๆ ได้ยังไงพริบตาต่อมา ฟางอวี่เจิ้งรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรู้งาน ได้ยินเสียงประตูห้องทำงานปิดดังปัง เจียงอิ่งสะดุ้ง!มือเล็กๆ ยกขึ้นกุมคอเสื้อโดยสัญชาตญาณ เธอมองหน้าฉู่เฉินอย่างแตกตื่น“จะเปิดเทียบยาหรือไม่ ก็แล้วแต่”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจียงอิ่งเม้มปาก ก่อนจะทำสีหน้าเด็ดเดี่ยว และเชิดหน้าเล็กๆ นั่นขึ้นเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”“ว่ามา”ฉู่เฉินเองก็เป็นคนตรงไปตรงมา ทุกการตอบแทนย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้ว“ฉัน… ฉันหวังว่าหากคุณฉู่มีโอกาสได้พบท่านผู้ว่าการเฉียว ช่วยพูดชมสามีฉันหน่อย อีกอย่าง… โครงการซ่อมแซมสะ
ชีวิตคนเรามักมีเรื่องที่ไม่สมหวังอยู่เสมอ“ก็ได้ งั้นผมจะไม่บังคับคุณก็แล้วกัน”ฉู่เฉินกล่าว เขาเก็บมือถือ สาวเท้าไปที่โต๊ะทำงานเจียงอิ่งเห็นฉู่เฉินเดินมาหาตัวเอง ก็รีบหันหลังกลับไป ยกขาข้างหนึ่งพาดขึ้นบนโต๊ะ กัดเม้มริมฝีปากแน่นๆ เหมือนเตรียมตัวจะรับศึกหนักอย่างไรอย่างนั้นจะโทษเธอก็ไม่ได้ ใครใช้ให้ของฉู่เฉินใหญ่เกินไปล่ะพอนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เธอก็เกร็งไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น ประเด็นคือไม่รู้ว่าไซส์จะพอดีกับรูหรือไม่ จะเจ็บมากรึเปล่านะ?“อึก…”พอฉู่เฉินมาถึง เจียงอิ่งโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ถึงจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังส่งเสียงครางออกจากลำคออย่างควบคุมไม่ได้ฉู่เฉินเองก็อดตะลึงไม่ได้เหมือนกันรังนกเย็น!แม่งเอ๊ย ฉู่เฉินสะท้านไปทั้งตัว เขาเก็บสมบัติล้ำค่าได้แล้วสิความเย็นที่แผ่กระจายออกมานั่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อสงครามเริ่มต้น ในห้องมีเพียงเสียงดังเป็นจังหวะระรัว แต่กลับไม่มีเสียงร้องใดๆ แม้แต่น้อยเส้นผมดำสลวยของเจียงอิ่งกระเพื่อมไหวไปตามจังหวะการสั่นของร่างกาย สยายปรกหน้าผากจนยุ่งเหยิงเชี่ยฟางอวี่เจิ้งที่เดินกลับไปกลับมาอย
เมื่อการแก้แค้นอันดุเด็ดเผ็ดมันของเจียงอิ่งเริ่มขึ้น ฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ไหลสู่ร่างกาย ขณะเดียวกัน พลังวิญญาณที่จุดตันเถียนก็กำลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง จนแทบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉู่เฉินถึงจุดสุดยอดในพริบตานับตั้งแต่ที่เขาก้าวข้ามสู่การฝึกปราณขั้นเจ็ด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่เต็มเปี่ยมขนาดนี้ ถึงขั้นที่เขารู้สึกว่าจุดชี่ไห่กับจุดตันเถียนของเขาแทบจะระเบิดออกมาแล้วหากมีแต่รับเข้าไม่ได้ถ่ายออกแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอนฉู่เฉินสะท้านไปทั้งตัว พลังวิญญาณที่แทบล้นทะลักออกมา ระบายออกมาในรูปแบบของเหลวซี้ด!ฉู่เฉินรู้สึกราวกับโลกทั้งใบหมุนคว้าง อาจเพราะฝึกปราณเข้มข้นเกินไป หรืออาจเพราะพลังวิญญาณมากเกินไป สภาพเขาตอนนี้เหมือนคนเมา เดินเซกลับไปนั่งที่โซฟาเจียงอิ่งยืนประคองตัวเองอยู่กับโต๊ะทำงาน เธอหอบหายใจอย่างหนักหน่วง บอกตามตรง วันนี้เธอเหนื่อยจนหมดแรงแล้วหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ปวดหลังปวดเอว สะโพกก็แทบกระตุกอยู่แล้วเหงื่อหอมไหลลู่ลงมาตามเส้นผมของเธอ หยดลงบนโต๊ะทำงานของฟางอวี่เจิ้ง ผสมปนเปกับน้ำกลั่
หลังจากที่เขาเดินวนอยู่บนทางเดินอีกรอบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดห้องทำงานก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจ ไม่รู้ว่าโต๊ะทำงานตัวใหม่ของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างโต๊ะตัวนั้นทำมาจากไม้จันทน์เชียวนะ แล้วเขาก็เป็นคนควักเงินเองด้วย ตั้งเก้าหมื่นกว่าบาท……“คุณแยกห้องนอนกับสามีมานานแค่ไหนแล้ว?”ฉู่เฉินม้วนปอยผมของเจียงอิ่งเล่น พลางยิ้มถามไอ้แซ่หลูนั่นเป็นตัวอย่างชั้นดีของคนหวงก้างจริงๆ ผิวส้มตากแห้งชั้นดีขนาดนี้ ปล่อยไว้ให้แห้งเฉาอย่างนี้ มันน่าด่าจริงๆ!“ทำไมคุณถึงได้รู้ไปหมดทุกอย่าง?”เจียงอิ่งขมวดคิ้ว จ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อนี่เป็นความลับสุดยอดของเธอ เธอไม่เคยบอกให้ใครรู้ แม้แต่น้องชายของเธอก็ยังไม่รู้“คับ!”ฉู่เฉินเป็นคนพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความมาเสมอ“คุณ!”เจียงอิ่งเอากำปั้นทุบเอวของเขาแรงๆ พูดอ้อมๆ หน่อยไม่ได้เลยเหรอ?“ผมคิดว่านี่เป็นการประเมินผู้หญิงที่สั้นและตรงที่สุดแล้วนะ”คำพูดนี้กลับออกมาจากใจฉู่เฉินจริงๆแค่คำเดียวสั้นๆ ก็เอาชนะคำพูดได้มากมายหมื่นล้านคำแล้ว ทำไมต้องพูดอะไรให้มากความด้วยล่ะ?“เชอะ”เจียงอิ่งจ้องพิจารณาฉู่เฉิน หยักยิ้มมุ
“ข้อ...เข่าเสื่อม?”ฉู่เฉินลูบคลำเรียวขาเนียนนุ่มงดงามของเจียงอิ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ เธออายุน้อยแค่นี้จะมีโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างไร?“ลูบขาคนอื่นแล้วยังหาเหตุผลดูดี ดูท่าทางคุณจะไม่ใช่หมอจริง ๆ”เจียงอิ่งกล่าวพลางปรับเปลี่ยนมุมของร่างกาย ยืดเรียวขาที่ยาวงดงามออกมาพาดไว้บนตักของฉู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะตอนเด็ก ๆ รักสวยรักงามมากเกินไป หน้าหนาวเลยยังสวมกระโปรงสั้นกับถุงน่อง หนาวจนจะแข็งอยู่แล้ว”“หลังจากนี้ไม่สวมก็ไม่เป็นไรแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยด้วยความมั่นใจมาก “ได้คืบจะเอาศอก แค่สูตรยาเมื่อกี้ของคุณ รักษาได้ทุกโรคเลยหรือไง?” ดวงหน้าเล็กของเจียงอิ่งแดงระเรื่อ ยื่นริมฝีปากเล็กพลางเอ่ย“ก็เกือบ ๆ ถ้าไม่เชื่อพรุ่งนี้คุณก็จะรู้เอง รับรองว่าคุณจะตัวเบาเหมือนนกนางแอ่น เดินขึ้นตึกสูง กระโดดข้ามตึกได้เหมือนเดินบนพื้นราบเลย”อันที่จริงคำพูดนี้เป็นความจริง เนื่องจากเจียงอิ่งมีคุณสมบัติร่างกายพิเศษ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อฉู่เฉินมาก แต่ยังมีประโยชน์ต่อเธอค่อนข้างมากด้วยเช่นกันทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ใช่ผู้บำเพ็ญพรตไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงสัมผัสได้ถึงค
ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้เธอเพิ่งถูกฟางอวี่เจิ้งกับฉู่เฉินรวมหัวกันหลอกฟันไปหนึ่งครั้งเลยไม่ใช่หรือไง?ไม่สิ!สองครั้งเลยต่างหาก!นี่มันไร้มนุษยธรรมเกิดไปแล้วหรือเปล่า? กลางวันแสก ๆ ท้องฟ้าสว่างไสว พวกคุณรวมหัวกันหลอกฟันแบบนี้เหมาะสมแล้วเหรอ?“อ้อ...จริงสิ”ฟางอวี่เจิ้งตบหน้าผากตัวเองทีหนึ่ง เกือบจะลืมเรื่องสำคัญไปเลย โชคดีที่ฉู่เฉินเอ่ยเตือน เขาถึงค่อยเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “เป็นนายท่านใหญ่เฉียวเฉิงโส่วในตระกูลของพวกเรา”“ได้ยินว่าสมัยก่อนนายท่านใหญ่เป็นวีรบุรุษสงครามในกองทัพ แต่ได้ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ ซึ่งอาการหนักขึ้นไปตามอายุ ตอนนี้...”พอกล่าวถึงตรงนี้ ฟางอวี้เจิงพลันเปลี่ยนเรื่องว่า “เฉียวเฉิงโส่วเคยหาหมอชื่อดังนับไม่ถ้วน ขนาดบุคคลอย่างฮว่าจิ่วหยางก็เคยเชิญมา แต่ว่าทุกคนต่างจนปัญญากับโรคของนายท่านใหญ่” “หลายวันก่อนโชคดีได้ทานข้าวร่วมกับเฉียวเฉิงโส่ว เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ ผมก็รับปากไปอย่างลวก ๆ แต่ว่ายังไม่เจอคนที่เหมาะสมมาโดยตลอด” “เมื่อวานวิชาแพทย์ของน้องฉู่ทำให้ผมได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริง ๆ ดังนั้นพวกคำพูดที่พูดไว้ในข้อความเลยไม่ได้พูดกับ...หัวหน้าแผนกเจียง แต่ว่าผมมีความตั้งใจนี