เดินเข้าไปในตึกเจียงซิน ฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยก็เดินตรงไปตามทางเดินยาวไปยังห้องอาหารที่สร้างขึ้นกลางแม่น้ำซงในขณะนั้นเอง ภายในห้องโถงที่กว้างขวาง มีศาสตราจารย์ผมหงอกเพียงสามคนอายุประมาณห้าสิบ และมีชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่ที่โต๊ะหัวหน้าที่ปลายเบาะนั่งด้านข้าง ยังมีหญิงสาวผมหยิกใหญ่คนหนึ่งซึ่งน่าจะมีอายุราวสามสิบต้นๆ นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วยเห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนที่นั่งตรงกลางน่าจะเป็นประธานฟางอวี่เจิ้งในตำนานเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากข้างนอก ฟางอวี่เจิ้งและชายอีกสามคนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา โบกมือให้กับกู้รั่วเสวี่ย “คุณหนูใหญ่กู้ ยินดีต้อนรับ”กู้รั่วเสวี่ยก็ยิ้มทักทายทุกคน “ลุงฟาง ศาสตราจารย์หลิน ศาสตราจารย์จาง ศาสตราจารย์เฝิงสวัสดีค่ะ”หลังจากนั้นเธอก็ผายมือไปที่ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แนะนำเขาให้กับฉู่เฉิน “ท่านนี้คือประธานฟางอวี่เจิ้งค่ะ”“ประธานฟางสวัสดีครับ” ฉู่เฉินกล่าวขึ้นมาฟางอวี่เจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมาหลังจากที่กู้รั่วเสวี่ยได้แนะนำหลินจื้อหง จางเสวี่ยเหยียน เฝิงว่านชางทั้งสามคนเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปจับแ
ตอนนี้จะไม่พูดถึงขนาดของรังนกว่ากว้างแค่ไหนแต่ขาทั้งสองข้างนั้นหนีบเอวของฟางอวี่เจิ้งไว้แน่นชนิดที่ว่าเขย่าก็ไม่ออกกู้รั่วเสวี่ยจึงบีบเอวฉู่เฉินไปหนึ่งที แล้วกระซิบขึ้นมาเบาๆ ว่า “พี่ดูให้ดีๆ สิ”ฉู่เฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พร้อมทั้งกระซิบข้างหูกู้รั่วเสวี่ยว่า “ไม่งั้นเขาจะบอกเหรอว่า ไม่ใช่การเล่นสนุกของผู้หญิงบางคนที่น่ากลัว แต่เป็นเสน่ห์และความเย้ายวนของหญิงสาววัยสามสิบกว่าที่มักมีความรู้และทักษะมากมาย ทำให้พวกเธอน่าดึงดูดและน่าหลงใหล”“ผมว่าตอนนี้ประธานฟางของเราน่าจะโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ”ตู้ม!เมื่อได้ยินประโยคนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นว่ากู้รั่วเสวี่ยกับฉู่เฉินหัวเราะอย่างมีความสุข เหล่าศาสตราจารย์ทั้งหลายก็ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดหากจะให้พูด รุ่นน้องแบบฉู่เฉินเห็นได้ชัดเลยว่ากู้รั่วเสวี่ยพามาให้รู้จักหน้าตาแต่เมื่อนั่งลงแล้ว แม้แต่แก้วน้ำชาเขาก็ยังไม่ดื่มเพื่อแสดงความเคารพต่อพวกเขาเลย เอาแต่ยิ้มหัวเราะกับกู้รั่วเสวี่ยนี่มันหมายความว่าไม่เห็นพวกเขาสามคนในสายตาทั้งสามคนสบตากัน สุดท้ายก็เป็นเฝิงว่านชางเป็นคนเปิดปากพูดขึ้นมาก่อนว่า “พ่อห
เงียบสงัด!ฉู่เฉินพูดคำว่า ‘ไม่แข็ง’ ออกมาสองคำ บริเวณรอบๆ ก็เข้าสู่ความเงียบสงัดปัง!ผ่านไปสักพัก ฟางอวี่เจิ้งก็ใบหน้าแดงก่ำ เขาตบโต๊ะอย่างแรง ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน ใช้นิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่! แกพูดอะไรไร้สาระ!”“แกคิดว่าแกรู้จักกับคุณหนูใหญ่กู้แล้วจะแข็งข้ออย่างไรก็ได้งั้นเหรอ!”“แค่ฉันออกคำสั่งไปก็สามารถยกเลิกคุณสมบัติการเข้าร่วมของแกได้!”เขาโมโหจริงๆ แล้ว!ไม่แข็งเป็นคำพูดต้องห้ามของผู้ชายอีกอย่างเขาพึ่งสี่สิบ แม้ว่าบางครั้งตอนเริ่มต้นอาจจะยากลำบากไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่จะไม่แข็งเลยแม้ว่าที่ฉู่เฉินพูดจะเป็นความจริง แต่เขาก็ไม่ควรพูดต่อนหน้าคนมากมายขนาดนี้ แฉจุดอ่อนของเขางั้นเหรอ“ประธานฟางดุดันขนาดนี้ จะไม่แข็งได้อย่างไร ฉันว่าแกไม่แข็งมากกว่า”เฝิงว่านชางพูดเยาะเย้ยขึ้นมา“ประธานฟางจะไม่แข็งได้อย่างไร เมื่อวาน...”หลี่คลื่นยักษ์พูดไปได้แค่ครึ่งหนึ่ง เธอก็คิดได้ว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่เหมาะสม เธอจึงเก็บคำพูดประโยคหลังไว้ ฉู่เฉินเม้มริมฝีปาก วางแก้วชาลงแล้วพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “หากผมพูดไม่ผิด เมื่อวานประธานฟางน่าจะกินยาเม็ดสีฟ้าเข้าไปใช่ไหมคร
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็จิบชาแล้วพูดขึ้นมาว่า “ผมขอพนันไว้เลยว่า ในใต้หล้านี้มีเพียงแค่ผมที่สามารถรักษาให้คุณกลับไปเป็นชายฉกรรจ์แบบเดิมได้ อีกทั้งรักษาให้หายภายในสองวัน บอกลาการใช้ยาเม็ดฟ้าตลอดไป”“หากประธานฟางยังบอกว่าผมพูดจาไร้สาระอีก อย่างนั้นผมก็ขอตัวก่อนนะครับ โบราณกล่าวไว้ว่า ใครเชื่อก็จะหายจากโรค”พูดจบ ฉู่เฉินก็ลุกยืนขึ้น หันหลังเดินออกไป“ฮึ ยังหนุ่มยังแน่นไม่รู้จักร่ำเรียนให้ดี”“ฉันไม่ชอบพวกเด็กหนุ่มที่ไปไหนก็เอาแต่พูดเรื่องไม่แข็ง”“อีกทั้งยังทำเป็นว่าต้องเป็นนายเท่านั้น คงมีแค่นายเท่านั้นแหละที่คิดออกมาได้”เฝิงว่านชางและคนอื่นๆ ก็กลอกสายตาเยาะเย้ยให้ฉู่เฉิน และหันหน้าไปหาฟางอวี่เจิ้งฟางอวี่เจิ้งในตอนนี้กลับสีหน้าเคร่งขรึมจ้องไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉิน ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่ได้แสร้งทำ แต่กำลังจะเดินออกจากประตูจริงๆ ฟางอวี่เจิ้งก็ไม่สามารถกลั้นหายใจได้อีกต่อไป และรีบตะโกนใส่ชายในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ประตู “เสี่ยวหวัง หยุดเขาไว้”เมื่อประโยคนั้นสิ้นสุดลง ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเฟิงว่านชางและอีกสองคน ฟางอวี่เจิ้งไล่ตามฉู่เฉินอย่างรวด
ห้าปีที่ไม่แข็ง ในตอนนี้ไอ้ลูกชายของเขาก็โงหัวขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรฟางอวี่เจิ้งก็ต้องจุดประทัดฉลองสักหน่อยหลี่คลื่นยักษ์ก็พยักหน้ารัวๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “อืม ได้ค่ะ ฉันจะบอกว่าฉันไปทำงานนอกสถานที่แล้วกัน”เชี่ย!ฉู่เฉินแอบชื่นชมทั้งสองคนในใจ“ประธานฟางแม้ว่าอาการของคุณจะดีขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ยังต้องทำการรักษาที่ต้นตอ อีกทั้งยังต้องกินยาบำรุงวิญญาณควบคู่ไปด้วยถึงจะได้ผล ดังนั้นก่อนที่จะรักษาต้นตอ ขอความกรุณาคุณอย่าหักโหมมากเกินไปนะครับ”ฉู่เฉินตักเตือนฟางอวี่เจิ้งเมื่อได้ยินดังนั้น ฟางอวี่เจิ้งก็พยักหน้าตอบรับ “โอเคครับ ผมจะปฏิบัติตามคำสั่งของหมอเทวดาฉู่ครับ!”หลังจากนั้น เขาก็หันหน้าพูดกับหลี่คลื่นยักษ์ว่า “งานประชุมเย็นนี้ยกเลิกไปก่อนนะ”หลี่คลื่นยักษ์งงงวยไปหมด เธอพึ่งส่งข้อความไป ตอนนี้งานประชุมกลับถูกยกเลิกงั้นเหรอ?แม่งเอ๊ย นี่มันทำเอาเธอทำตัวไม่ถูกนะแต่ว่าตอนนี้ฟางอวี่เจิ้งถือว่าคำพูดของฉู่เฉินเป็นคำพูดศักดิ์สิทธิ์ เขาจะกล้าฝ่าฝืนได้อย่างไร?ในเมื่อหมอเทวดาฉู่บอกแล้วว่าอย่าหักโหมจนเกินไป อย่างนั้นเขาค่อยใช้วันหลังแล้วกันเฝิงว่านชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ก็มองอย่
หลี่คลื่นยักษ์แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยารู้ไหมว่าเธอยอมพลีกายไปให้เขาไปแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยได้สัมผัสความสัมพันธ์แบบที่ฟางอวี่เจิ้งทำกับฉู่เฉินเลยแม้แต่กู้รั่วเสวี่ยก็คิดไม่ถึงว่า ระยะเวลากินข้าวเพียงสั้นๆ ฉู่เฉินและฟางอวี่เจิ้งจะกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานได้ นี่มันน่าทึ่งมากจริงๆแต่เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็ยิ่งมีความรู้สึกดีๆ ต่อฉู่เฉินตอนแรกเธอคิดแค่ว่าฉู่เฉินไม่เหมือนใครแต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าฉู่เฉินถูกกำหนดไว้ให้ยิ่งใหญ่ และจะมีชื่อเสียงและความสำเร็จในเร็วๆ นี้!ดังนั้นความรู้สึกดีๆ ที่กู้รั่วเสวี่ยมีต่อฉู่เฉินนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในตอนนั้นเอง หลี่คลื่นยักษ์ที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักกู้รั่วเสวี่ยเบาๆ เธอโน้มตัวเข้าไปข้างหูกู้รั่วเสวี่ยแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณกู้คะ รบกวนขอช่องทางการติดต่อของคุณฉู่ให้ฉันได้ไหมคะ?”“คุณอย่าเข้าใจผิดไปนะคะ นี่เป็นความประสงค์ของประธานฟาง เมื่อกี้คุณฉู่ก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ จำเป็นต้องรักษาให้ถึงรากลึก อีกทั้งยังต้องกินยาบำรุงวิญญาณอะไรนั่นอีกไม่ใช่หรือคะ?”“คุณก็รู้นี่คะ ว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ประธานฟางเขาไม่กล้าออกหน้าหรอกค่ะ
อีกด้านหนึ่ง กู้รั่วเสวี่ยก็ส่งฉู่เฉินกลับบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ หลังจากนั้นเธอก็ขับเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อจัดการงานในบริษัทของเธอฉู่เฉินบอกลากู้รั่วเสวี่ย เขากำลังจะไปที่บริษัทเพื่อตรวจดูว่าร่างกายของกวนเหล่ยฟื้นฟูถึงไหนแล้วคราวที่แล้วมันก็น่าตื่นเต้นจริงๆ นะ เขาว่ายัยเด็กน้อยนั่นคงจะตกใจน่าดูฉู่เฉินยังไม่ทันออกจากประตูก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา“ฮัลโหล? คุณฉู่ใช่ไหมคะ?”ปลายสาย มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมาฉู่เฉินขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้โทรไปหาใครมั่วซั่วนะ?มีคนต้องการทำธุรกิจเลยติดต่อเขามางั้นเหรอ?“คุณคือ...”ฉู่เฉินขมวดคิ้วถามขึ้นมา“ฉันหลี่จิงจิงไงคะ คุณฉู่ผู้สูงส่งนี่ขี้ลืมจริงๆ นะคะ เมื่อกี้เรานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกันไงคะ”อ้อ!ฉู่เฉินพึ่งจะนึกออก นึกตั้งนานที่แท้ก็หลี่คลื่นยักษ์นี่เอง ว่าแต่เธอมีช่องทางการติดต่อของเขาได้อย่างไร?ฉู่เฉินเต็มไปด้วยความสับสน ถามขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า “ผู้อำนวยการหลี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”“คุณฉู่ ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอคะว่าประธานฟางยังต้องกินยาบำรุงวิญญาณอะไรนั่นอีก? ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกไหมคะ ถ้าฉันจะขอรายล
เฟอร์นิเจอร์การตกแต่งต่างๆ ในห้องนั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครลูกโป่งสีชมพูลูกใหญ่ถูกวางไว้ที่ที่วางตรงกลางห้อง ข้างๆ ลูกโป่งยังเปลอีกด้วยเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ เปลนั้นเป็นการออกแบบที่มีเอกลักษณ์มาก เก้าอี้นั้นถูกแบ่งเป็นสองชั้นบนและล่าง ชั้นเป็นรูอาจจะเพราะมีเด็กซนมาทำทิ้งไว้ข้างๆ เตียงไม่ได้วางดอกกุหลาบไว้ แต่กลับเป็นของที่ลักษณะเหมือนสว่านไฟฟ้า เพียงแต่ว่าหัวของสว่านนั้นมีลักษณะที่แปลกประหลาด หากเทียบเคียงรูปร่างต่างๆ แล้วน่าจะเล็กกว่าของฉู่เฉินไปมากเลยล่ะเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามีไว้ทำอะไรในส่วนของวอลล์เปเปอร์บนผนังล้วนแต่เป็นภาพวาดที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ทำให้ผู้คนเขินอายเมื่อมองไปมีทั้งคนผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า และคนผิวสีแทน ทุกตัวมีสีหน้าแสดงออกแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนเน้นธีมเดียวกัน นั่นก็คือการล่อลวง!“ผู้อำนวยการหลี่ลงโทษคนไปแล้วกี่คนครับ?”ฉู่เฉินมองไปที่แส้สีดำแล้วหยิบขึ้นมา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่จิงจิงหัวเราะคิกคัก หลังจากนั้นเธอก็หยิบแส้จากมือของฉู่เฉินโยนทิ้งไปอีกด้าน พูดขึ้นมาอย่างเหนียมอายว่า “นอกจากคุณ ฉันก็ไม่เคยมาที่แบบนี้กับคนอื่นมาก่อนค่ะ”เอ๋?
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ