ห้าปีที่ไม่แข็ง ในตอนนี้ไอ้ลูกชายของเขาก็โงหัวขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรฟางอวี่เจิ้งก็ต้องจุดประทัดฉลองสักหน่อยหลี่คลื่นยักษ์ก็พยักหน้ารัวๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “อืม ได้ค่ะ ฉันจะบอกว่าฉันไปทำงานนอกสถานที่แล้วกัน”เชี่ย!ฉู่เฉินแอบชื่นชมทั้งสองคนในใจ“ประธานฟางแม้ว่าอาการของคุณจะดีขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ยังต้องทำการรักษาที่ต้นตอ อีกทั้งยังต้องกินยาบำรุงวิญญาณควบคู่ไปด้วยถึงจะได้ผล ดังนั้นก่อนที่จะรักษาต้นตอ ขอความกรุณาคุณอย่าหักโหมมากเกินไปนะครับ”ฉู่เฉินตักเตือนฟางอวี่เจิ้งเมื่อได้ยินดังนั้น ฟางอวี่เจิ้งก็พยักหน้าตอบรับ “โอเคครับ ผมจะปฏิบัติตามคำสั่งของหมอเทวดาฉู่ครับ!”หลังจากนั้น เขาก็หันหน้าพูดกับหลี่คลื่นยักษ์ว่า “งานประชุมเย็นนี้ยกเลิกไปก่อนนะ”หลี่คลื่นยักษ์งงงวยไปหมด เธอพึ่งส่งข้อความไป ตอนนี้งานประชุมกลับถูกยกเลิกงั้นเหรอ?แม่งเอ๊ย นี่มันทำเอาเธอทำตัวไม่ถูกนะแต่ว่าตอนนี้ฟางอวี่เจิ้งถือว่าคำพูดของฉู่เฉินเป็นคำพูดศักดิ์สิทธิ์ เขาจะกล้าฝ่าฝืนได้อย่างไร?ในเมื่อหมอเทวดาฉู่บอกแล้วว่าอย่าหักโหมจนเกินไป อย่างนั้นเขาค่อยใช้วันหลังแล้วกันเฝิงว่านชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ก็มองอย่
หลี่คลื่นยักษ์แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยารู้ไหมว่าเธอยอมพลีกายไปให้เขาไปแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยได้สัมผัสความสัมพันธ์แบบที่ฟางอวี่เจิ้งทำกับฉู่เฉินเลยแม้แต่กู้รั่วเสวี่ยก็คิดไม่ถึงว่า ระยะเวลากินข้าวเพียงสั้นๆ ฉู่เฉินและฟางอวี่เจิ้งจะกลายเป็นพี่น้องร่วมสาบานได้ นี่มันน่าทึ่งมากจริงๆแต่เมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็ยิ่งมีความรู้สึกดีๆ ต่อฉู่เฉินตอนแรกเธอคิดแค่ว่าฉู่เฉินไม่เหมือนใครแต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าฉู่เฉินถูกกำหนดไว้ให้ยิ่งใหญ่ และจะมีชื่อเสียงและความสำเร็จในเร็วๆ นี้!ดังนั้นความรู้สึกดีๆ ที่กู้รั่วเสวี่ยมีต่อฉู่เฉินนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในตอนนั้นเอง หลี่คลื่นยักษ์ที่อยู่ข้างๆ ก็ผลักกู้รั่วเสวี่ยเบาๆ เธอโน้มตัวเข้าไปข้างหูกู้รั่วเสวี่ยแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณกู้คะ รบกวนขอช่องทางการติดต่อของคุณฉู่ให้ฉันได้ไหมคะ?”“คุณอย่าเข้าใจผิดไปนะคะ นี่เป็นความประสงค์ของประธานฟาง เมื่อกี้คุณฉู่ก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ จำเป็นต้องรักษาให้ถึงรากลึก อีกทั้งยังต้องกินยาบำรุงวิญญาณอะไรนั่นอีกไม่ใช่หรือคะ?”“คุณก็รู้นี่คะ ว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ประธานฟางเขาไม่กล้าออกหน้าหรอกค่ะ
อีกด้านหนึ่ง กู้รั่วเสวี่ยก็ส่งฉู่เฉินกลับบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ หลังจากนั้นเธอก็ขับเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อจัดการงานในบริษัทของเธอฉู่เฉินบอกลากู้รั่วเสวี่ย เขากำลังจะไปที่บริษัทเพื่อตรวจดูว่าร่างกายของกวนเหล่ยฟื้นฟูถึงไหนแล้วคราวที่แล้วมันก็น่าตื่นเต้นจริงๆ นะ เขาว่ายัยเด็กน้อยนั่นคงจะตกใจน่าดูฉู่เฉินยังไม่ทันออกจากประตูก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา“ฮัลโหล? คุณฉู่ใช่ไหมคะ?”ปลายสาย มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมาฉู่เฉินขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้โทรไปหาใครมั่วซั่วนะ?มีคนต้องการทำธุรกิจเลยติดต่อเขามางั้นเหรอ?“คุณคือ...”ฉู่เฉินขมวดคิ้วถามขึ้นมา“ฉันหลี่จิงจิงไงคะ คุณฉู่ผู้สูงส่งนี่ขี้ลืมจริงๆ นะคะ เมื่อกี้เรานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกันไงคะ”อ้อ!ฉู่เฉินพึ่งจะนึกออก นึกตั้งนานที่แท้ก็หลี่คลื่นยักษ์นี่เอง ว่าแต่เธอมีช่องทางการติดต่อของเขาได้อย่างไร?ฉู่เฉินเต็มไปด้วยความสับสน ถามขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า “ผู้อำนวยการหลี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”“คุณฉู่ ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอคะว่าประธานฟางยังต้องกินยาบำรุงวิญญาณอะไรนั่นอีก? ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกไหมคะ ถ้าฉันจะขอรายล
เฟอร์นิเจอร์การตกแต่งต่างๆ ในห้องนั้นมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครลูกโป่งสีชมพูลูกใหญ่ถูกวางไว้ที่ที่วางตรงกลางห้อง ข้างๆ ลูกโป่งยังเปลอีกด้วยเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ เปลนั้นเป็นการออกแบบที่มีเอกลักษณ์มาก เก้าอี้นั้นถูกแบ่งเป็นสองชั้นบนและล่าง ชั้นเป็นรูอาจจะเพราะมีเด็กซนมาทำทิ้งไว้ข้างๆ เตียงไม่ได้วางดอกกุหลาบไว้ แต่กลับเป็นของที่ลักษณะเหมือนสว่านไฟฟ้า เพียงแต่ว่าหัวของสว่านนั้นมีลักษณะที่แปลกประหลาด หากเทียบเคียงรูปร่างต่างๆ แล้วน่าจะเล็กกว่าของฉู่เฉินไปมากเลยล่ะเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามีไว้ทำอะไรในส่วนของวอลล์เปเปอร์บนผนังล้วนแต่เป็นภาพวาดที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่ทำให้ผู้คนเขินอายเมื่อมองไปมีทั้งคนผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า และคนผิวสีแทน ทุกตัวมีสีหน้าแสดงออกแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนเน้นธีมเดียวกัน นั่นก็คือการล่อลวง!“ผู้อำนวยการหลี่ลงโทษคนไปแล้วกี่คนครับ?”ฉู่เฉินมองไปที่แส้สีดำแล้วหยิบขึ้นมา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่จิงจิงหัวเราะคิกคัก หลังจากนั้นเธอก็หยิบแส้จากมือของฉู่เฉินโยนทิ้งไปอีกด้าน พูดขึ้นมาอย่างเหนียมอายว่า “นอกจากคุณ ฉันก็ไม่เคยมาที่แบบนี้กับคนอื่นมาก่อนค่ะ”เอ๋?
รู้ไหมว่าแรงจับของหลี่จิงจิงนั้นกำลังพอดีเลยในระหว่างที่เธอจับไว้นั้น สามารถทำให้วิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ในร่างกายของฉู่เฉินโคจรขึ้นมาได้ในขณะที่พลังวิญญาณหมุนเวียนอยู่ในร่างกายของเขา ก็มีหมอกสีขาวบางๆ ลอยขึ้นมาจากทะเลปราณที่ว่างเปล่า ฟื้นฟูพลังของเขากลับมาได้เกือบหนึ่งในสิบไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนมักพูดว่าเด็กสาวไม่ดีเท่าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ครั้งนี้ฉู่เฉินเข้าใจความหมายนั้นอย่างถ่องแท้แล้วผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะรู้วิธีที่จะดูแลผู้อื่น“ถ้าคนในโรงพยาบาลของพวกคุณมีคนดีแบบคุณคงจะดีไม่น้อย”ฉู่เฉินยิ้มอย่างซุกซนและจั๊กจี้เอวของหลี่จิงจิงหลายครั้ง เธออุทานอย่างออนอ้อน ลูบกล้ามเนื้อหน้าอกที่แข็งแรงของฉู่เฉินและพูดว่า “ไปไกลๆ เลยนะ”“มีเรื่องอะไรก็รีบพูดตอนฉันอารมณ์ดีเถอะค่ะ”ทันทีที่เธอพูดจบ หลี่จิงจิงก็เริ่มกดฉู่เฉินลงใต้ตัวเธอ โดยทำท่าเป็นผู้พิชิตขณะที่เธอพูด“โรงพยาบาลของคุณมีคนไข้ที่ชื่อจางไห่หยางใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินรีบเข้าประเด็นหลักจางไห่หยาง?หลี่จิงจิงบิดสะโพกไปมาเล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนเป็นท่าทีที่สบายตัว กล่าวขึ้นมาอย่างครุ่นคิดว่า “เหมือนจะมีนะคะ อ้อแล้วฉันก็ไ
ยัยผู้หญิงคนนี้ยังเด็กอยู่เลย และมีวิสัยทัศน์สูงเสียดฟ้า โดยปกติแล้วแม้แต่ผู้อำนวยการหลี่ก็ไม่เคยอยู่ในสายตาเธอเลย หลี่จิงจิงกำลังอยากจะสั่งสอนเจ้าเด็กที่ดื้อรั้นและไม่เชื่อฟังอยู่พอดี ในขณะที่เธอกำลังจะนอนหลับนั้นก็มีใครบางคนยื่นหมอนมาให้เธอทั้งสามารถทำให้ฉู่เฉินพอใจ อีกทั้งยังสามารถสั่งสอนยัยเด็กนั่นได้อีกด้วย นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว“อืม ผมอยากเห็นความสำเร็จเร็วๆ นะครับ”ฉู่เฉินพูดจบก็ลุกขึ้นมาจากเตียง มองไปที่เปลที่ห้อยอยู่ข้างๆ “อันนี้เอาไว้ทำอะไรเหรอครับ?”“เอาไว้เอาฉันค่ะ!”หลี่จิงจิงตบหน้าฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มอันหวานหยดย้อย หลังจากนั้นเธอก็บิดสะโพกอวบอั๋นของเธอ ก้าวลงมาจากเตียง สอดต้นขาที่อวบอิ่มและสวยงามของเธอเข้าไปในถุงน่อง จากนั้นก็นั่งลงบนเปลแล้วแกว่งไปแกว่งมาฉู่เฉินเข้าใจในทันทีบอกไว้เลยนะว่าสติปัญญาของมนุษย์นั้นไร้ขอบเขตสิ่งเดียวที่ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกไม่พอใจคือคุณภาพของเปลที่ไม่ดี ตอนที่เปลกำลังแกว่งไปมาก็จะส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แม้ว่าจะเคลื่อนไหวแค่เล็กน้อยก็ตามยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่หลี่จิงจิงกำลังปลดปล่อยอย่างเต็มที่ เสียงร้องกังวานของเธอก็ผสมผสานกั
อีกด้านหนึ่ง แพทย์สภาเจียงจง ห้องทำงานของฝ่ายบริหารการตลาดยังคงเปิดไฟไว้สว่างหญิงวัยกลางคน อายุราวๆ สามสิบเอ็ดถึงสามสิบสองปี สวมเครื่องแบบสีขาวและปล่อยผมยาวคลุมไหล่ กำลังอ่านเอกสารเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนบริษัทซินฉู่ฟาร์มาติคอลในมืออย่างตั้งใจเธอคือเจียงอิ่ง หัวหน้าฝ่ายสาวสวยผู้มีชื่อเสียงแห่งแพทย์สภาเจียงจงวันนี้ตอนบ่ายเธอได้รับสายจากหลี่จวิ้นเฟิง ขอร้องให้เธอช่วยปรับปรุงบริษัทใหม่ที่ชื่อว่าซินฉู่ฟาร์มาติคอลตอนแรกเจียงอิ่งไม่อยากจะตอบตกลงสักเท่าไหร่แต่ว่าเธอติดหนี้บุญคุณหลี่จวิ้นเฟิงไว้ หากไม่ใช่เพราะเขา โรคข้อเข่าเสื่อมของเธอก็คงจะก่อกวนเธอจนถึงตอนนี้พอลองพิจารณาดูแล้ว เจียงอิ่งจึงทำได้แค่พยักหน้าตอบรับแต่ถึงอย่างไร เธอก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย และไม่สามารถแทรกแซงองค์กรที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายของโดยไม่มีเหตุผล ดังนั้นเธอจึงได้รับเอกสารทั้งหมดจากซินฉู่ฟาร์มาติคอลมา“ซู๊ด”เจียงอิ่งหันศีรษะเล็กน้อยแล้วกัดหลอดชานมเข้าไปอย่างจัง พร้อมทั้งให้รางวัลตัวเองด้วยการจิบชานมที่ทั้งหวานและอร่อยเพียงแต่ว่าการกระทำที่แสนธรรมดาของเธอนี้ กลับทำให้เหล่าเพื่อนร่วมงานที่กำลังเดินผ่
ประตูรถถูกเปิดออก หญิงสาวรูปร่างเพรียวบางในชุดเครื่องแบบสีขาวราวกับหิมะและหมวกสีขาวใบเล็ก ผิวของเธอขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ กล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาชายที่อยู่ข้างหลังเธอว่า “ปิดอาคารทำงานของบริษัทซินฉู่ฟาร์มาติคอลให้หมด!”หลังจากที่เธอพูดจบ คนจำนวนนับสิบคนในชุดเครื่องแบบสีขาวรุมกันวิ่งเข้าไปในห้องโถงของอาคารผ่านไปไม่นาน เขตอาคารทำงานของซินฉู่ฟาร์มาติคอลทั้งหมดก็ถูกเหล่าคนในชุดเครื่องแบบสีขาวล้อมไว้“พวกคุณจะทำอะไร? มีสิทธิ์อะไรมาปิดห้องทำงานของพวกเรา!”กวนเหล่ยที่พึ่งเลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยประธานได้ไม่นานก็ออกโรงก่อนเป็นคนแรก หน้าอกที่อวบอั๋น ถามขึ้นมาด้วยความมั่นใจเจียงอิ่งเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังไว้ เจียงอิงสวมรองเท้าหนังสีดำและเดินอย่างช้าๆ ท่ามกลางฝูงชนและมองไปที่กวนเหล่ยแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยว่าบริษัทของพวกคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน!”“ดังนั้นการปิดกั้นอาคารสำนักงานของบริษัทของพวกคุณเพื่อการตรวจสอบตามปกติจึงถือเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายค่ะ”“อีกอย่างแจ้งให้เจ้านายของบริษัทพวกคุณด้วยนะคะว่าภายในครึ่งชั่วโมงให้รีบมายังห้องประชุมของบริษัท ไม่อย่างนั้นหากตราประ