“กล้าเกี่ยวก้อยไหม?” เมื่อได้ยินคำพูดที่มาอย่างกะทันหันของฉู่เฉิน อวี้ลู่ก็อึ้งไปก่อน จากนั้นก็อดปิดหน้ายิ้มหวานขึ้นมาไม่ได้ หมอน้อยคนนี้น่ารักเกินไปแล้วจริง ยังอยากเกี่ยวก้อยกับเธออีก?ไม่ใช่เด็กแล้วนะ “ได้!”อวี้ลู่พูดพลางยื่นนิ้วก้อยเรียวบางออกมา ฉู่เฉินก็ยื่นนิ้วก้อยออกมาเช่นกัน ก่อนจะเกี่ยวก้อยกับมือเนียนบอบบางของอวี้ลู่ทันทีที่สัมผัสก็มีความเย็นลื่นสายหนึ่งส่งเข้ามามือเล็ก ๆ ข้างนั้นเย็นเล็กน้อยเหมือนหยก สัมผัสที่มือดีมากจริง ๆมิน่าล่ะในมรดกของมังกรเฒ่าถึงบรรยายว่ากายาหยกเซียนสวรรค์เป็นกระถางที่หาได้ยากยิ่งถึงขนาดยังบอกว่าถ้าได้ร่วมสังวาสกัน ไม่เพียงเพิ่มพลังขึ้นมาก ยังสามารถเพลิดเพลินกับความสุขของชีวิตมนุษย์ได้อย่างเต็มที่ซี้ด!มังกรเฒ่าไม่ได้หลอกฉันจริง ๆ ด้วยฉู่เฉินคิดได้ดังนั้นก็ปล่อยมือเล็ก ๆ ของอวี้ลู่อย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจนิดหน่อยว่า “การหลอมยาไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าคุณต้องช่วยหาสมุนไพรนี้ อาศัยแค่แหล่งข่าวของผม น่าจะต้องรอจนทะเลกลายเป็นท้องนาเลย” อวี้ลู่พยักหน้าหนัก ๆ แม้แต่ในแดนเซียน สมุนไพรนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะพบเจอได้บ่อย เนื่องจากเงื่อ
มองอวี้ลู่ที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ดั่งหยก ท่าทางดูเหมือนไร้เดียงสามาก แต่ภายในกลับซ่อนความคิดลึกซึ้งละเอียดรอบคอบไว้“ของที่มีระดับสูงเกินไปไม่เหมาะกับผมหรอกครับ ถ้าผมหาบ้านไม่เจอขึ้นมาจะทำยังไง คุณคงไม่รับผมไว้หรอก” ฉู่เฉินเอ่ยปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่ตกหลุมพราง อวี้ลู่ก็ดูผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “เอาเถอะ ติดต่อข้าได้ทุกเมื่อ”พอพูดจบ ร่างที่ขาวราวกับหิมะก็ลอยขึ้นมาฉู่เฉินมองจนรู้สึกอิจฉามาก ๆบางทีหลังจากที่เขาทะลวงขั้นสร้างรากฐานได้แล้ว เขาอาจจะไปมาดั่งเซียนเหมือนกับเธอก็ได้?จนกระทั่งร่างของอวี้ลู่หายลับไปในท้องฟ้ายามราตรีแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยผลักประตูเดินเข้าไปในลานบ้าน“นายท่าน ท่านผู้อาวุโสคนนั้นจากไปแล้วเหรอคะ?”เมื่อเห็นฉู่เฉินเดินเข้ามา อินซู่ซู่ถึงค่อยพูดพลางเดินเข้ามาใกล้โดยที่ดวงหน้าเล็กซีดเผือด“ไปแล้ว ทำไมเหรอ?”ฉู่เฉินเลิกคิ้ว จ้องมองอินซู่ซู่พร้อมถามว่า “เธอไม่ใช่ผู้อาวุโสของลัทธิศักดิ์สิทธิ์พวกเธอเหรอ? ถึงกับกลัวเธอขนาดนี้เชียว?”อินซู่ซู่ส่ายหน้าติดต่อกัน “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้ตอนที่นายท่านยังไม่กลับมา จะ...จู่
ฉู่เฉินเหยียบคันเร่ง ไม่ถึงสิบนาทีก็ไปถึงโรงแรมที่หลิวฉางเจียงเคยพักอยู่เขาขึ้นลิฟต์ไปยังถึงยังหน้าประตูห้องสวีตบนดาดฟ้า ฉู่เฉินกดรหัสตามที่ปี้เวยเคยบอกไว้ ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือเขาเพิ่งก้าวขาเข้าไป ภายในห้องก็มีเสียงหวานดังออกมาประดุจฟ้าร้องฉู่เฉินปิดประตู ก้าวเดินเข้าไปในห้อง ในตอนที่เปิดประตู ไฟหัวเตียงแสงสีเหลืองก็สาดส่องมาเห็นแค่เตียงใหญ่ที่กว้างประมาณสองเมตร ปี้เวยได้มานั่งบนเตียงนั้นแล้วเท้าเล็กๆ คู่หนึ่งวางอยู่บนเตียง บิดเอวเล็กๆ ของเธอขึ้นลงเมื่อมองผ่านแสงสลัว ก็จะเห็นใต้กระโปรงเธอที่โล่งโจ้งวิวที่สวยทั้งหมดมองเห็นได้โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นปี้เวยสายตาพร่ามัว ใบหน้าแดงระเรื่อสบตาเข้ากับฉู่เฉินที่อยู่ตรงประตู เธอรีบกระโดดลงมาจากเตียงอย่างคล่องแคล่วราวกับแมวที่ได้กลิ่นปลาทู รีบวิ่งเข้าไปหาฉู่เฉิน“ทำไมช้าแบบนี้ล่ะคะ!”ปี้เวยหอบหายใจ เธอแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปปลดกระดุมของฉู่เฉินออก มือเล็กของเธอสะบัดเล็กน้อย หัวเข็มขัดก็หลุดออกไปด้วย“รีบเหรอครับ?”ฉู่เฉินใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ไร้สาระน่า ไม่รีบได้ด้วยเหรอคะ? รอตั้งแต่ตอนบ
เธอไม่เคยเห็นใครเดินเล่นกับนกเขาของเขาขณะนอนหลับมาก่อนเลยเมื่อเวลาผ่านไป ปี้เวยก็ได้ทำการปลดปล่อยตัวเองแล้ว เธอพิงตัวไปที่ร่างของหลิวฉางเจียง เพื่อรองรับการกระทำต่อไปของฉู่เฉินเธอยังโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของหลิวฉางเจียงและครวญครางเสียงดังตามมาด้วยเสียงต่ำของผู้หญิงที่กลายเป็นเสียงร้องครวญครางสูง ห้องหลายสิบห้องทั้งชั้นล้วนแต่เปิดไฟสว่างผู้ที่ชื่นชอบการร้องเพลงหลายคนก็ฮัมเพลงและร้องตามไปด้วย แต่ก็ไม่นานนัก ภายในเวลาไม่กี่นาที นักร้องประสานเสียงก็กลายเป็นการแสดงเดี่ยวของปี้เวย“เวยเวย...”ในขณะที่ปี้เวยกำลังจะปลดปล่อยตัวเองนั้น ก็มีเสียงหลิวฉางเจียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง ทำเอาปี้เวยตกใจตนตัวแข็งทื่อ เธอชนเข้ากับร่างของฉู่เฉินอย่างแรง และเด้งกลับไปข้างๆ ร่างของหลิวฉางเจียงหลังจากความโกลาหลทั้งหมดนั้น หลิวฉางเจียงถึงกับลุกขึ้นนั่งด้วยความมึนงงชั่วขณะหนึ่ง อากาศดูเหมือนจะแข็งตัวฉู่เฉินและปี้เวยยังอยู่ในท่าเดิม แววตาของพวกเขาจ้องมองไปที่หลิวฉางเจียง“ฉาง... ฉางเจียง คุณ... คุณตื่นแล้วเหรอคะ?”ใบหน้าเล็กของปี้เวยซีดเผือด เธอรีบผลักฉู่เฉินออกอย่างรีบร้อน แล้วนั่งตัวตรง จากนั้นเธอใ
ฉู่เฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาตอบกลับไปอีกไม่กี่ประโยค หลังจากนั้นก็ไม่สนใจปี้เวยอีกหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงจะถูกเธอสูบจนแห้งใช่ไหม?อีกอย่างหนึ่งของดีๆ จะกินให้หมดในครั้งเดียวมันไม่พอหรอกนะ เขาต้องวางเส้นเอ็นเส้นใหญ่ไว้ถึงจะสามารถตกปลาตัวใหญ่ได้ในคืนนั้นไม่ได้มีบทสนทนาใดๆ อีก เช้าวันที่สองกู้รั่วเสวี่ยโทรศัพท์มาหาเขา“ฉู่เฉินวันนี้มีงานเลี้ยงสำคัญเข้ามาด่วน พี่ต้องไปกับฉันนะคะ”กู้รั่วเสวี่ยที่อยู่ปลายสายพูดด้วยเสียงที่หนักแน่นฉู่เฉินถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ทำไมครับ? เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”กู้รั่วเสวี่ยหัวเราะออกและพูดกับฉู่เฉินว่า “ไม่มีอะไรค่ะ”“งานคัดเลือกการแข่งขันแพทย์แผนจีนใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ก่อนจะเริ่มงานอย่างเป็นทางการ เราก็ต้องไปพบเจอและกินข้าวกับกรรมการอะไรก่อนสิคะ”“ฉันได้นัดเหล่ากรรมการคนสำคัญไว้แล้ว พรุ่งนี้ทุกคนเจอกันที่ตึกเจียงซิน ให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกันก่อน ดังนั้นพี่ต้องเคลียร์งานเลี้ยงทั้งหมดนะคะ”นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องการเดิมพันระหว่างฉู่เฉินกับหลิ่วหรูเยียนผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาในอนาคตของ ซินฉู่ฟาร์มาติคอลอีกด้
“แม่กลัวว่าแม่จะช่วยพูดอะไรไม่ได้น่ะสิ นอกจากประธานฟางแล้วยังมีคนอื่นที่ช่วยพูดอีกไหม?”ฟางอวี่เจิ้งเป็นประธานของสภาแพทย์ เป็นที่รู้จักในเจียงจงในฐานะคนเจ้าชู้ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์แทบทุกคนแทบจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขาครั้งก่อนที่ฟางอวี่เจิ้งเรียกหลิ่วชิงเหอออกไปกินข้าวตอนสี่ทุ่ม แค่ให้ใช้หัวแม่เท้าทายเธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ฟางอวี่เจิ้งวางแผนจะให้เธอกินไส้กรอกร้อนเมื่อพิจารณาถึงอิทธิพลและสถานะของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเจียงจง หลิ่วชิงเหอเชื่อว่าเธอคงไม่มีวันขอความช่วยเหลือจากฟางอวี่เจิ้งได้ ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาดในเมื่อจะกินไส้กรอกร้อนแล้ว เธอก็ต้องกินเหมือนของฉู่เฉินกินครั้งหนึ่งอิ่มไปอีกนาน เธอจะปล่อยให้ร่างกายขาวราวกับหิมะของเธอให้ฟางอวี่เจิ้งตาแก่ที่อายุอานามสี่สิบห้าสิบมาล่วงละเมิดเธอได้อย่างไร?“นอกจากประธานฟางแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถช่วยพูดได้เลยค่ะ แบบนี้ทำอย่างไรดีคะ?”หลิ่วหรูเยียนสีหน้าวิตกกังวลขณะเดินไปมาแต่ในไม่ช้า ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น เมื่อตระหนักว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการสนองความสนใจของเขา!ด้วยความสวยของเธอ ถ้าเธอแต่งตัวให้ดูภูมิฐานหน่อยๆ และขอเข้าพบ
“หลิ่วชิงเหอรู้ไหมว่าเธอแต่งตัวแบบนี้ออกมา?”ฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า“ฉันแต่งตัวอย่างไรมันเกี่ยวอะไรกับแก! อีกอย่างที่นี่เป็นที่ที่แกควรมาเหรอ? ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก!”ระหว่างที่พูด หลิ่วหรูเยียนรีบเดินขึ้นไปที่บันได เธอกำลังยื่นเมื่อเข้าไปผลักประตูตึกเจียงซิน“คุณผู้หญิงขออภัยด้วยนะคะ วันนี้ทางร้านงดให้บริการค่ะ หากใครที่ไม่ได้นัดไว้จะไม่สามารถเข้าไปได้ค่ะ”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนยื่นมือเข้าไปขวางหลิ่วหรูเยียนไว้ที่หน้าประตูใบหน้าอันงดงามของหลิ่วหรูเยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อยขณะที่เธอหันไปมองที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสอง และพูดคุยกับชายผู้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว “สวัสดีค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันได้โทรมาหาประธานฟางแล้วค่ะ ฉันคือหลิ่วหรูเยียนแห่งฉู่ซื่อกรุ๊ป รบกวนแจ้งประธานฟางให้ด้วยค่ะ”สายตาของชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวมองผ่านไปที่หน้าอกของหลิ่วหรูเยียน แล้วเขาก็ส่ายหน้าพูดขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิงครับ ขออภัยจริงๆ ตอนนี้ประธานฟางมีแขกคนสำคัญที่ต้องพบไม่ว่างเลยครับ”“ถ้าคุณรอได้ก็รอไปก่อนสักพัก ถ้ารอไม่ได้ก็เชิญกลับไปก่อนได้เลยครับ”เมื่อได้ยินปร
อ๊าๆๆ !หลิ่วหรูเยียนโกรธจนกัดหมัดสีชมพูแน่น ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้หลี่จวิ้นเฟิงมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าสับสนและพูดว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณถูกวางยาพิษงั้นเหรอครับ?”หลิ่วหรูเยียนที่ถูกหลี่จวิ้นเฟิงถามขึ้น เธอก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลนเธอตอบปฏิเสธไปว่า “อย่าฟังมันพูดไปเรื่อยสิคะ! มันนั่นแหละที่ถูกวางยาพิษ ตระกูลของมันทั้งหมดถูกวางยาพิษหมด!”เรื่องแบบนี้มันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธอนะหากเรื่องนี้ถูกหลี่จวิ้นเฟิงรู้เข้าว่าฉู่เฉินถอนพิษให้เธออย่างไร อย่างนั้นเธอจะมีหน้าไปพบเจอคนอื่นได้อย่างไร?“จริงเหรอ? เธออย่าลืมสิว่าหมอเทวดาซุนก็เคยมารักษาให้เธอ”ฉู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชาซี้ดๆ!หลิ่วหรูเยียนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเล็กก็ซีดทันที เธอกัดฟันกล่าวขึ้นมาว่า “ฉู่เฉิน แก...”เมื่อเห็นหลิ่วหรูเยียนหงุดหงิดอย่างมาก ฉู่เฉินก็หัวเราะออกมาและเดินเข้าไปโดยผลักประตูเข้าไปแต่สิ่งที่ทำให้หลิ่วหรูเยียนไม่เข้าใจอย่างมากนั่นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั่น และชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างไม่สนใจฉู่เฉินเลย และพวกเขาก็ไม่ท่าทีที่จะหยุดเขาด้วยนี่มันเกิดอะไรขึ้น
ลูกศิษย์สองคนร่างระเบิดติดๆ กันสองคน หลิวจิ่งหงกับเฉียนเจียวเจียวสะดุดล้มลงไปนั่งบนพื้นด้วยความตกใจอะไรที่เรียกว่าแข็งแกร่ง?นี่สิที่เรียกว่าแข็งแกร่งอย่างแท้จริงเงื้อมือก็ฆ่าคนได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดมากแม้แต่คำเดียวสิ่งสำคัญคือ ตั้งแต่ต้นจนจบ สีหน้าของอวี้ลู่สงบนิ่งมาก เหมือนกำลังบี้แมลงตัวหนึ่งเท่านั้น หน้าไม่เปลี่ยนสีเลยแม้แต่น้อย“ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ ส่วนจะอยู่หรือจะรอด เจ้ายังคงต้องต่อสู้ด้วยตัวเจ้าเอง”อวี้ลู่เอามือไพล่หลัง เหินกลางอากาศด้วยใบหน้าแต้มรอยยิ้มน้อยๆ เงาร่างของเธอห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เพียงไม่กี่วินาที ก็เห็นเพียงจุดสีขาวเล็กๆ จุดเดียว“เหอะ วางอุบายกับสตรีศักดิ์สิทธิ์? อย่างนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าพบเจอกับความลำบากสักหน่อยก็แล้วกัน!”อวี้ลู่ที่เหินตัวออกไปไกลแล้วใช้วิชาขจรเสียงพันลี้ส่งเสียงที่หวานใสดุจระฆังเงินเข้าสู่โสตประสาทของฉู่เฉิน เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจของเธอเกินไปแล้ว!เดิมทีเธอคิดจะสังหารพวกหลี่ว์เจิ้งหยางให้หมด แต่เมื่อกี้คำพูดของฉู่เฉินทำให้เธอเปลี่ยนใจโดยสิ้นเชิงในเมื่อเจ้ากล้าหาเรื่อง เช่นนั้นข้าก็จะปล่อยให้ผู้ฝึกปราณขั้นแปดสั่งสอน
เดิมพัน?อวี้ลู่ทำเหมือนรอบข้างไม่มีใคร เธอถามฉู่เฉินอย่างสงสัยว่า “ถ้าหากข้าไม่กลับมาช่วยเจ้า เจ้าจะทำเช่นไร?”ฉู่เฉินส่ายหน้าตอบว่า “ตายแน่นอน”สามรุมหนึ่ง หนำซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นยอดฝีมือฝึกปราณขั้นแปดถึงสามคน ถึงแม้ฉู่เฉินจะได้รับถ่ายทอดวิชามาจากมังกรเฒ่า แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนั้นแน่นอน“เจ้า…”อวี้ลู่ไม่อยากเชื่อหูตัวเองฉู่เฉินรู้ทั้งรู้ว่าต้องตาย ยังกล้าหาเรื่องหลิวจิ่งหงกับหลี่ว์เจิ้งหยางอีก?เขาเอาความกล้ามาจากที่ใด เอาความมั่นใจมาจากไหน?“ผมทำไมล่ะ? สิ่งสำคัญคือพี่กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินยิ้มกว้างอวี้ลู่หมดคำจะพูด นี่เขากำลังเอาชีวิตมาล้อเล่นนะ“เจ้า… เจ้าไม่กลัวข้าไปแล้วไม่กลับมาหรือ?”ฉู่เฉินได้ยินก็ส่ายหน้า “พี่ยังไม่ได้ยาเก้าตะวัน ดอกอัสนีก็อยู่กับผม แม่น้ำก็ยังไม่ได้ข้าม ผมไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะรื้อสะพาน”ดี!อวี้ลู่กำหมัดแน่นไม่นึกว่าเขาจะคำนวณถูกหมดทุกอย่างถูกหมอตัวน้อยอายุแค่ยี่สิบกว่าคนหนึ่งวางอุบายเสียจนหมดท่าเธอเป็นถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือเชียวนะ!มีอายุมาพันปี กลับถูกฉู่เฉินกำไว้เสียอยู่หมัดหลี่ว์เจิ้งหยางกับหลิวจิ่งหงมองหน้าฉู่เฉ
แต่เอานี่สิจะแย่เอา ไม่มีอะไรเลยสักอย่างถ้าเขาเริ่มต่อสู้ขณะอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา เขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าสถานการณ์นั้นจะเป็นอย่างไรปัญหาคือตอนนี้ไอ้ฉู่เฉินนั่นมันมัวทำอะไรอยู่?ไม่ถึงห้าโมงเย็นงานประมูลก็จบลงแล้ว นี่มันจะเจ็ดโมงเย็นแล้วทำไมยังไม่เห็นเงาของเขาอีกในขณะที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่นั้น รถเบนซ์จีคลาสสีดำขับมาจากทางในเมืองด้วยความเร็ว“นั่นมันนี่!”หลี่ว์เจิ้งหยางชี้ด้วยนิ้วแหลมคมมุ่งเป้าไปที่รถของฉู่เฉิน“ตู้ม!”จู่ๆ ก้อนหินขนาดใหญ่ก็กลิ้งลงมาจากเนินเขาใกล้ๆ ปิดกั้นเส้นทางของฉู่เฉินได้ทันเวลาพอดีฉู่เฉินรีบเหยียบเบรกทันที รอยเบรกลากยาวไปกว่าสิบกว่าเมตรรถถึงจะสามารถหยุดลงได้“ไอ้หนู ลงรถมาเถอะ วันนี้นายไม่รอดแล้ว!”หลี่ว์เจิ้งหยางเอาสองมือไพล่หลังไว้ เขาค่อยๆ เดินออกมาจากข้างหลังก้อนหินขนาดใหญ่นั้นในขณะเดียวกัน หลิวจิ่งหงและผู้เชี่ยวชาญฝึกปราณระดับแปดทั้งสองคนก็ค่อยๆ เดินออกมาจากต้นไม้ โดยเดินล้อมเขา ทำให้ฉู่เฉินไปไหนไม่ได้ฉู่เฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เขาผลักประตูรถแล้วกระโดดลงมา มองซ้ายมองขวา พร้อมพยักหน้าอย่างแรงแล้วพูดว่า “อืม เลือกสถานที่ได้ไม่เลวเลย ภ
อ๊ะ!บริเวณรอบๆ มืดสนิท ทำเอาสาวน้อยตกใจจนกรีดร้องออกมา เธอใช้ทั้งสองมือปิดหูเอาไว้ เธอเหยียบรองเท้าส้นสูงรีบวิ่งออกไปราวกับบินแต่เมื่อวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ชนเข้ากับร่างอันร้อนรุ่มลูกแพร์ขาวเนียนลูกใหญ่ที่ไม่มีอะไรปกคลุมนั้นเกือบถูกเธอกัดเข้าอย่างไม่ตั้งใจอีกทั้งเธอยังเหมือนกับชนเข้ากับมือของผู้ชายในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทเช่นนี้ เธอเกิดอาการตื่นตระหนกและวิ่งไปทางตรงข้ามโดยไม่คิดแควก!มีเสียงดังแหลมดังขึ้น และชุดสูทที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ก็ถูกตะขอเกี่ยวจนขาดโชคดีที่เธอหลบทัน ถึงไม่ได้ถูกเกี่ยวจนได้รับบาดเจ็บแต่ร่างกายของเธอกลับรู้สึกหนาวเป็นอย่างมาก ราวกับว่าทั้งชุดของเธอถูกตะขอเกี่ยวขาดทั้งชุด“พี่ลี่...”เด็กสาวตกใจกลัวและถอยหนีโดยเรียกชื่อพิธีกรขณะที่เธอถอยหนี อย่างไรก็ตาม เสียงของเธอเบาเกินไปและถูกกลบด้วยเสียงครวญครางของพิธีกรสาวสวยขณะที่เธอยังคงถอยหลัง สะโพกที่อวบอิ่มของเธอบังเอิญไปชนเข้ากับร่างกายที่กำลังขยับเขยื้อนอยู่ เธอเอื้อมมือออกไปสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัว“อ๊ะ!”เธอรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเป็นก้นอวบๆ เนียนๆ ของพิธีกรสาวสวยเด็กสาวรีบชักมือกลับมาแต่
เหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง พิธีกรสาวสวยรีบยกมือข้างหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ในขณะที่ผมตรงหน้าผากของเธอสะบัดอย่างแรง ม่านบนเวทีก็สั่นไหวเป็นจังหวะเช่นกัน“ต่อไปของเชิญทุกท่าน...”“อ๊า!”“เชิญทุกท่าน...”“อือ...”สาวสวยอีกคนที่ยืนอยู่หน้าเวทีก็งงงวย นี่... นี่มันเสียงอะไรกัน?ไม่เพียงแต่เธอจะตกตะลึงเท่านั้น แต่ผู้ชมทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกันม่านสั่นอย่างรุนแรง และเห็นร่างเลือนรางของคนสองคนยืนอยู่ด้านหลังม่านดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงกระทบกันเป็นระยะๆนี่มันเรื่องอะไรกัน?ขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันเพื่อพยายามหาคำตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงปังดังขึ้นมือของพิธีกรเด็กสาวอีกคนกดสวิตช์ไฟโพรเจกเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ และลำแสงก็ส่องออกมาโดยตรงจากด้านหลังของฉู่เฉินและพิธีกรสาวสวยวินาทีต่อมา เงาอันสั่นไหวสองร่างปรากฏขึ้นบนม่านตรงกลางเวที“ฉิบหาย!”“นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรเนี่ย?”“นะ... นี่มันรายการพิเศษเหรอ?”แทบจะทุกคนตกตะลึงกับฉากบนม่านเด็กสาวบนเวทีก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรีบวิ่งไปที่หลังเวทีเพื่อปิดไฟโพรเจกเตอร์แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าพิธีกรสาวสวยหลับตาปี๋ เธอใช้มือเล็กๆ ข้าง
ยาเม็ดอยู่ในมือ หลิวจิ่งหงราวกับว่าเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้ ยกมือเล็กๆ ของเฉียนเจียวเจียวขึ้นมา หันหน้าไปจูบปากเล็กของเธอหืม?หลิวจิ่งหงรู้สึกถึงความผิดปกติ ถามขึ้นมาด้วยความอึดอัดใจ “ปากของคุณทำไมทั้งร้อนทั้งเค็มแบบนี้?”เฉียนเจียวเจียวถูกถามแบบนี้ก็ใจสั่น เธอกลืนน้ำลายลงไป “เอ๋? ฉัน... เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปดื่มน้ำผึ้งมาค่ะ น่าจะเป็นเพราะ... เพราะน้ำผึ้งนะคะ?”หลิวจิ่งหงพยักหน้า ไม่ได้สงสัยอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็หันหลังดึงเฉียนเจียวเจียว และหลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่นๆ ออกไปจากงานประมูลของประมูลอีกไม่กี่ชิ้นที่เหลือ ฉู่เฉินก็ไม่มีอารมณ์ดูอีกต่อไป เขาและอวี้ลู่เดินออกมาจากงานประมูลพร้อมกันหลินชือหย่าก็เดินมาจากข้างหลังเวที เดินเข้ามาในห้องโถง ในขณะที่เธอต้องการขึ้นไปแสดงความรักกับฉู่เฉิน สักพักเลขาก็วิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของหลินชือหย่า“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ”พูดจบ หลินชือหย่าก็รีบเดินตามฉู่เฉินไป “ฉู่เฉิน ฉันต้องกลับไปที่บริษัทก่อนนะคะ มีประชุมสำคัญน่ะค่ะ ฉันจะต้องขัดขวางไม่ให้หลินฟางเจิ้งได้เปิดการประชุม ดังนั้นคงจะไปเป็
เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดขาวที่คอยติดตามฉู่เฉินมาโดยตลอด เฉียนเจียวเจียวก็กลัวและรีบเอามือปิดหน้าสีชมพูของเธอไว้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งหนีไปอย่างเร็วที่สุดจะเป็นชู้ใครก็ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวบ้างแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงคนแรก แต่เธอก็มีอันดับสูงกว่าเฉียนเจียวเจียวอย่างแน่นอน ควรหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้เมื่อเฉียนเจียวเจียววิ่งออกไปไกลแล้ว อวี้ลู่ก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมถามขึ้นมาว่า “พวกเจ้า... เมื่อกี้พวกเจ้าทำอะไรกัน?”หืม?นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เฉินถูกเธอถามจนตอบไม่ถูกคำถามนี้เขาจะตอบอย่างไรดี?นั่นไม่ใช่เพราะอวี้ลู่ไร้เดียงสา แม้ว่าเธอจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อายุกว่าพันปี แต่เธอไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่หลากหลายในโลกมนุษย์แล้ว โลกเซียนนั่นจืดชืดกว่ามากแม้ว่ามังกรเฒ่าจะหลับนอนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การหลับนอนปกติ ส่วนเรื่องการใช้ปากแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนอวี้ลู่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งวันเอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่เหยาฉือตั้งใจบำเพ็ญเพียร แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้“เอ่อ... เธอปากแห้งน่ะครับ ผมช่วยเติมความชุ่มชื้น”ฉู่เฉินพู
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เฉียนเจียวเจียวกลับฉี่ราดไม่ใช่เพราะดื่มน้ำมากเกินไป แต่เพราะถูกหลิวจิ่งหงลูบไล้จนหน้าอกจะเป็นมันเงาอยู่แล้วปรากฏว่าหลิวจิ่งหง ผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเจ้าชู้ แต่ไม่เคยลงมือทำอะไรจริงจังเลยใครมันจะไปรับได้?เธอแฉะไปหมดแล้ว หากยังไม่ไปห้องน้ำเธอคงจะรักษาหน้าไม่อยู่แน่นอนเฉียนเจียวเจียวควบเท้าไป ไม่แม้แต่จะทักทายหลิวจิ่งหง แต่ฉู่เฉินก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้“เอาล่ะทุกคน เราอย่าไปทำให้คุณชายหลิวลำบากใจเลยครับ เขาจนมากพอแล้ว รูดบัตรเถอะครับ”หลังจากนั้นฉู่เฉินก็รูดบัตรหนึ่งหมื่นห้าพันล้านภายใต้การจับจ้องของทุกคน หลินชือหย่าคลั่งไคล้ฉู่เฉินมากๆ นอกจากราคาประมูลครั้งสุดท้ายของกระถางเก้าดารา ฉู่เฉินก็ไม่ได้จ่ายเงินสักแดงเดียว อีกทั้งเขายังช่วยตระกูลหลินทำเงินมหาศาลนี่มันเร็วกว่าการพิมพ์ธนบัตรเสียอีก“ขอโทษด้วยครับ ผมดื่มน้ำเยอะไปหน่อย ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”รูดบัตรเสร็จ ฉู่เฉินก็ปลีกตัวออกมาจากฝูงชน เขาลูบลูกแพร์ของพิธีกรสาวสวย เขาถึงจะเดินมาทางห้องน้ำด้วยความมั่นอกมั่นใจพิธีกรสาวถึงกับมึนงงเมื่อกี้... เมื่อกี้สุดหล่อผู้ร่ำรวยเหมือนจะจับหน้าอ
ฮ่าๆๆ...ทุกคนต่างพากันหัวเราะลั่นอีกครั้งไอ้กระจอก!“หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน...”เสียงของหลิวจิ่งหงสั่นเครือขณะที่น้ำกระเซ็นลงมา และตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่สัมผัสมาก่อนอย่างแท้จริง! “ติ้ดๆ จำนวนเงินของท่านไม่เพียงพอ”เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน หลิวจิ่งหงก็รู้ทันทีว่าเงินในบัตรของเขาเหลือแค่ห้าร้อยล้านเท่านั้นฉิบหาย!ไม่มีเงินแล้ว!“ว๊า คุณชายหลิวไม่มีเงินแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย? หากรู้ก่อนว่าตระกูลหลิวจนขนาดนี้ ผมคงจะไม่ล้อเล่นกับคุณชายหลิวแบบนี้ เงินแค่ไม่กี่พันล้านบาทก็จ่ายไม่ไหว มันน่าผิดหวังจริงๆ นะครับเนี่ย”ฉู่เฉินพยักหน้ารัวๆ พร้อมทั้งถอนหายใจหลิวจิ่งหงโกรธจนกล้ามเนื้อจนเนื้อของเขาเต็มไปด้วยโทสะ การเงินของเขาจะแพ้ให้กับไอ้แมงดาฉู่เฉินนั่นได้อย่างไร?“ขอเวลาฉันสองนาที!”พูดจบ หลิวจิ่งหงก็ต่อสายโทรศัพท์ออกไปหลังจากการแลกเปลี่ยนกันสั้นๆ หลิวจิ่งหงดูเหมือนว่าจะกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งและตะโกนเสียงดังว่า “รูดบัตร!”ตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือน หนึ่งหมื่นสามพันล้านก็ถูกรูดออกไปในขณะนั้นเอง หลินชือหย่าที่อยู่ด้านล่างก็เกือบจะหัวเราะลั่นออกมานี่เป็นงานประ