“แม่กลัวว่าแม่จะช่วยพูดอะไรไม่ได้น่ะสิ นอกจากประธานฟางแล้วยังมีคนอื่นที่ช่วยพูดอีกไหม?”ฟางอวี่เจิ้งเป็นประธานของสภาแพทย์ เป็นที่รู้จักในเจียงจงในฐานะคนเจ้าชู้ ผู้หญิงที่มีเสน่ห์แทบทุกคนแทบจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขาครั้งก่อนที่ฟางอวี่เจิ้งเรียกหลิ่วชิงเหอออกไปกินข้าวตอนสี่ทุ่ม แค่ให้ใช้หัวแม่เท้าทายเธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ฟางอวี่เจิ้งวางแผนจะให้เธอกินไส้กรอกร้อนเมื่อพิจารณาถึงอิทธิพลและสถานะของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเจียงจง หลิ่วชิงเหอเชื่อว่าเธอคงไม่มีวันขอความช่วยเหลือจากฟางอวี่เจิ้งได้ ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาดในเมื่อจะกินไส้กรอกร้อนแล้ว เธอก็ต้องกินเหมือนของฉู่เฉินกินครั้งหนึ่งอิ่มไปอีกนาน เธอจะปล่อยให้ร่างกายขาวราวกับหิมะของเธอให้ฟางอวี่เจิ้งตาแก่ที่อายุอานามสี่สิบห้าสิบมาล่วงละเมิดเธอได้อย่างไร?“นอกจากประธานฟางแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถช่วยพูดได้เลยค่ะ แบบนี้ทำอย่างไรดีคะ?”หลิ่วหรูเยียนสีหน้าวิตกกังวลขณะเดินไปมาแต่ในไม่ช้า ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น เมื่อตระหนักว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการสนองความสนใจของเขา!ด้วยความสวยของเธอ ถ้าเธอแต่งตัวให้ดูภูมิฐานหน่อยๆ และขอเข้าพบ
“หลิ่วชิงเหอรู้ไหมว่าเธอแต่งตัวแบบนี้ออกมา?”ฉู่เฉินมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า“ฉันแต่งตัวอย่างไรมันเกี่ยวอะไรกับแก! อีกอย่างที่นี่เป็นที่ที่แกควรมาเหรอ? ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก!”ระหว่างที่พูด หลิ่วหรูเยียนรีบเดินขึ้นไปที่บันได เธอกำลังยื่นเมื่อเข้าไปผลักประตูตึกเจียงซิน“คุณผู้หญิงขออภัยด้วยนะคะ วันนี้ทางร้านงดให้บริการค่ะ หากใครที่ไม่ได้นัดไว้จะไม่สามารถเข้าไปได้ค่ะ”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนยื่นมือเข้าไปขวางหลิ่วหรูเยียนไว้ที่หน้าประตูใบหน้าอันงดงามของหลิ่วหรูเยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อยขณะที่เธอหันไปมองที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสอง และพูดคุยกับชายผู้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว “สวัสดีค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันได้โทรมาหาประธานฟางแล้วค่ะ ฉันคือหลิ่วหรูเยียนแห่งฉู่ซื่อกรุ๊ป รบกวนแจ้งประธานฟางให้ด้วยค่ะ”สายตาของชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวมองผ่านไปที่หน้าอกของหลิ่วหรูเยียน แล้วเขาก็ส่ายหน้าพูดขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิงครับ ขออภัยจริงๆ ตอนนี้ประธานฟางมีแขกคนสำคัญที่ต้องพบไม่ว่างเลยครับ”“ถ้าคุณรอได้ก็รอไปก่อนสักพัก ถ้ารอไม่ได้ก็เชิญกลับไปก่อนได้เลยครับ”เมื่อได้ยินปร
อ๊าๆๆ !หลิ่วหรูเยียนโกรธจนกัดหมัดสีชมพูแน่น ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้หลี่จวิ้นเฟิงมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าสับสนและพูดว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณถูกวางยาพิษงั้นเหรอครับ?”หลิ่วหรูเยียนที่ถูกหลี่จวิ้นเฟิงถามขึ้น เธอก็มีท่าทีลุกลี้ลุกลนเธอตอบปฏิเสธไปว่า “อย่าฟังมันพูดไปเรื่อยสิคะ! มันนั่นแหละที่ถูกวางยาพิษ ตระกูลของมันทั้งหมดถูกวางยาพิษหมด!”เรื่องแบบนี้มันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเธอนะหากเรื่องนี้ถูกหลี่จวิ้นเฟิงรู้เข้าว่าฉู่เฉินถอนพิษให้เธออย่างไร อย่างนั้นเธอจะมีหน้าไปพบเจอคนอื่นได้อย่างไร?“จริงเหรอ? เธออย่าลืมสิว่าหมอเทวดาซุนก็เคยมารักษาให้เธอ”ฉู่เฉินหัวเราะอย่างเย็นชาซี้ดๆ!หลิ่วหรูเยียนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเล็กก็ซีดทันที เธอกัดฟันกล่าวขึ้นมาว่า “ฉู่เฉิน แก...”เมื่อเห็นหลิ่วหรูเยียนหงุดหงิดอย่างมาก ฉู่เฉินก็หัวเราะออกมาและเดินเข้าไปโดยผลักประตูเข้าไปแต่สิ่งที่ทำให้หลิ่วหรูเยียนไม่เข้าใจอย่างมากนั่นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั่น และชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างไม่สนใจฉู่เฉินเลย และพวกเขาก็ไม่ท่าทีที่จะหยุดเขาด้วยนี่มันเกิดอะไรขึ้น
เดินเข้าไปในตึกเจียงซิน ฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยก็เดินตรงไปตามทางเดินยาวไปยังห้องอาหารที่สร้างขึ้นกลางแม่น้ำซงในขณะนั้นเอง ภายในห้องโถงที่กว้างขวาง มีศาสตราจารย์ผมหงอกเพียงสามคนอายุประมาณห้าสิบ และมีชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งอยู่ที่โต๊ะหัวหน้าที่ปลายเบาะนั่งด้านข้าง ยังมีหญิงสาวผมหยิกใหญ่คนหนึ่งซึ่งน่าจะมีอายุราวสามสิบต้นๆ นั่งอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วยเห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนที่นั่งตรงกลางน่าจะเป็นประธานฟางอวี่เจิ้งในตำนานเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากข้างนอก ฟางอวี่เจิ้งและชายอีกสามคนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา โบกมือให้กับกู้รั่วเสวี่ย “คุณหนูใหญ่กู้ ยินดีต้อนรับ”กู้รั่วเสวี่ยก็ยิ้มทักทายทุกคน “ลุงฟาง ศาสตราจารย์หลิน ศาสตราจารย์จาง ศาสตราจารย์เฝิงสวัสดีค่ะ”หลังจากนั้นเธอก็ผายมือไปที่ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว แนะนำเขาให้กับฉู่เฉิน “ท่านนี้คือประธานฟางอวี่เจิ้งค่ะ”“ประธานฟางสวัสดีครับ” ฉู่เฉินกล่าวขึ้นมาฟางอวี่เจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้กล่าวอะไรออกมาหลังจากที่กู้รั่วเสวี่ยได้แนะนำหลินจื้อหง จางเสวี่ยเหยียน เฝิงว่านชางทั้งสามคนเรียบร้อยแล้ว เธอก็หันไปจับแ
ตอนนี้จะไม่พูดถึงขนาดของรังนกว่ากว้างแค่ไหนแต่ขาทั้งสองข้างนั้นหนีบเอวของฟางอวี่เจิ้งไว้แน่นชนิดที่ว่าเขย่าก็ไม่ออกกู้รั่วเสวี่ยจึงบีบเอวฉู่เฉินไปหนึ่งที แล้วกระซิบขึ้นมาเบาๆ ว่า “พี่ดูให้ดีๆ สิ”ฉู่เฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พร้อมทั้งกระซิบข้างหูกู้รั่วเสวี่ยว่า “ไม่งั้นเขาจะบอกเหรอว่า ไม่ใช่การเล่นสนุกของผู้หญิงบางคนที่น่ากลัว แต่เป็นเสน่ห์และความเย้ายวนของหญิงสาววัยสามสิบกว่าที่มักมีความรู้และทักษะมากมาย ทำให้พวกเธอน่าดึงดูดและน่าหลงใหล”“ผมว่าตอนนี้ประธานฟางของเราน่าจะโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ”ตู้ม!เมื่อได้ยินประโยคนี้ กู้รั่วเสวี่ยก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นว่ากู้รั่วเสวี่ยกับฉู่เฉินหัวเราะอย่างมีความสุข เหล่าศาสตราจารย์ทั้งหลายก็ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดหากจะให้พูด รุ่นน้องแบบฉู่เฉินเห็นได้ชัดเลยว่ากู้รั่วเสวี่ยพามาให้รู้จักหน้าตาแต่เมื่อนั่งลงแล้ว แม้แต่แก้วน้ำชาเขาก็ยังไม่ดื่มเพื่อแสดงความเคารพต่อพวกเขาเลย เอาแต่ยิ้มหัวเราะกับกู้รั่วเสวี่ยนี่มันหมายความว่าไม่เห็นพวกเขาสามคนในสายตาทั้งสามคนสบตากัน สุดท้ายก็เป็นเฝิงว่านชางเป็นคนเปิดปากพูดขึ้นมาก่อนว่า “พ่อห
เงียบสงัด!ฉู่เฉินพูดคำว่า ‘ไม่แข็ง’ ออกมาสองคำ บริเวณรอบๆ ก็เข้าสู่ความเงียบสงัดปัง!ผ่านไปสักพัก ฟางอวี่เจิ้งก็ใบหน้าแดงก่ำ เขาตบโต๊ะอย่างแรง ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน ใช้นิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่! แกพูดอะไรไร้สาระ!”“แกคิดว่าแกรู้จักกับคุณหนูใหญ่กู้แล้วจะแข็งข้ออย่างไรก็ได้งั้นเหรอ!”“แค่ฉันออกคำสั่งไปก็สามารถยกเลิกคุณสมบัติการเข้าร่วมของแกได้!”เขาโมโหจริงๆ แล้ว!ไม่แข็งเป็นคำพูดต้องห้ามของผู้ชายอีกอย่างเขาพึ่งสี่สิบ แม้ว่าบางครั้งตอนเริ่มต้นอาจจะยากลำบากไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่จะไม่แข็งเลยแม้ว่าที่ฉู่เฉินพูดจะเป็นความจริง แต่เขาก็ไม่ควรพูดต่อนหน้าคนมากมายขนาดนี้ แฉจุดอ่อนของเขางั้นเหรอ“ประธานฟางดุดันขนาดนี้ จะไม่แข็งได้อย่างไร ฉันว่าแกไม่แข็งมากกว่า”เฝิงว่านชางพูดเยาะเย้ยขึ้นมา“ประธานฟางจะไม่แข็งได้อย่างไร เมื่อวาน...”หลี่คลื่นยักษ์พูดไปได้แค่ครึ่งหนึ่ง เธอก็คิดได้ว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่เหมาะสม เธอจึงเก็บคำพูดประโยคหลังไว้ ฉู่เฉินเม้มริมฝีปาก วางแก้วชาลงแล้วพูดอย่างเรียบนิ่งว่า “หากผมพูดไม่ผิด เมื่อวานประธานฟางน่าจะกินยาเม็ดสีฟ้าเข้าไปใช่ไหมคร
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็จิบชาแล้วพูดขึ้นมาว่า “ผมขอพนันไว้เลยว่า ในใต้หล้านี้มีเพียงแค่ผมที่สามารถรักษาให้คุณกลับไปเป็นชายฉกรรจ์แบบเดิมได้ อีกทั้งรักษาให้หายภายในสองวัน บอกลาการใช้ยาเม็ดฟ้าตลอดไป”“หากประธานฟางยังบอกว่าผมพูดจาไร้สาระอีก อย่างนั้นผมก็ขอตัวก่อนนะครับ โบราณกล่าวไว้ว่า ใครเชื่อก็จะหายจากโรค”พูดจบ ฉู่เฉินก็ลุกยืนขึ้น หันหลังเดินออกไป“ฮึ ยังหนุ่มยังแน่นไม่รู้จักร่ำเรียนให้ดี”“ฉันไม่ชอบพวกเด็กหนุ่มที่ไปไหนก็เอาแต่พูดเรื่องไม่แข็ง”“อีกทั้งยังทำเป็นว่าต้องเป็นนายเท่านั้น คงมีแค่นายเท่านั้นแหละที่คิดออกมาได้”เฝิงว่านชางและคนอื่นๆ ก็กลอกสายตาเยาะเย้ยให้ฉู่เฉิน และหันหน้าไปหาฟางอวี่เจิ้งฟางอวี่เจิ้งในตอนนี้กลับสีหน้าเคร่งขรึมจ้องไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉิน ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่ได้แสร้งทำ แต่กำลังจะเดินออกจากประตูจริงๆ ฟางอวี่เจิ้งก็ไม่สามารถกลั้นหายใจได้อีกต่อไป และรีบตะโกนใส่ชายในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ประตู “เสี่ยวหวัง หยุดเขาไว้”เมื่อประโยคนั้นสิ้นสุดลง ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเฟิงว่านชางและอีกสองคน ฟางอวี่เจิ้งไล่ตามฉู่เฉินอย่างรวด
ห้าปีที่ไม่แข็ง ในตอนนี้ไอ้ลูกชายของเขาก็โงหัวขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรฟางอวี่เจิ้งก็ต้องจุดประทัดฉลองสักหน่อยหลี่คลื่นยักษ์ก็พยักหน้ารัวๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “อืม ได้ค่ะ ฉันจะบอกว่าฉันไปทำงานนอกสถานที่แล้วกัน”เชี่ย!ฉู่เฉินแอบชื่นชมทั้งสองคนในใจ“ประธานฟางแม้ว่าอาการของคุณจะดีขึ้นมามากแล้ว แต่ก็ยังต้องทำการรักษาที่ต้นตอ อีกทั้งยังต้องกินยาบำรุงวิญญาณควบคู่ไปด้วยถึงจะได้ผล ดังนั้นก่อนที่จะรักษาต้นตอ ขอความกรุณาคุณอย่าหักโหมมากเกินไปนะครับ”ฉู่เฉินตักเตือนฟางอวี่เจิ้งเมื่อได้ยินดังนั้น ฟางอวี่เจิ้งก็พยักหน้าตอบรับ “โอเคครับ ผมจะปฏิบัติตามคำสั่งของหมอเทวดาฉู่ครับ!”หลังจากนั้น เขาก็หันหน้าพูดกับหลี่คลื่นยักษ์ว่า “งานประชุมเย็นนี้ยกเลิกไปก่อนนะ”หลี่คลื่นยักษ์งงงวยไปหมด เธอพึ่งส่งข้อความไป ตอนนี้งานประชุมกลับถูกยกเลิกงั้นเหรอ?แม่งเอ๊ย นี่มันทำเอาเธอทำตัวไม่ถูกนะแต่ว่าตอนนี้ฟางอวี่เจิ้งถือว่าคำพูดของฉู่เฉินเป็นคำพูดศักดิ์สิทธิ์ เขาจะกล้าฝ่าฝืนได้อย่างไร?ในเมื่อหมอเทวดาฉู่บอกแล้วว่าอย่าหักโหมจนเกินไป อย่างนั้นเขาค่อยใช้วันหลังแล้วกันเฝิงว่านชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ ก็มองอย่
บางทีสักวันหนึ่ง เธออาจจะสามารถเหยียบผู้ชายเฮงซวยพวกนี้ให้จมดินได้ในตอนนี้ คนที่ตกใจมากที่สุดก็ยังเป็นฉีอวี่ไท่ ความจริงแล้ว ฉีอวี่ไท่เป็นคนเดียวในรุ่นที่สองของตระกูลฉีที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเคยกราบอาจารย์เก่ง ๆ หลายคนตอนที่ตระกูลฉีมาพึ่งพิงเกาเซิ่งอี้ เขาก็มีพลังระดับปรมาจารย์แล้ว และหลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหลายปี ประกอบกับทรัพยากรจำนวนมากที่เกาเซิ่งอี้มอบให้ เขาจึงประสบความสำเร็จเหมือนในวันนี้แต่ฉู่เฉินกลับสามารถใช้ลูกเตะเดียวทำลายพลังของเขา สะเทือนอวัยวะภายในร่างของเขาจนเละอย่างน้อยสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ฉู่เฉินต้องเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานอย่างแน่นอนในความทรงจำของเขา ตระกูลฉู่แห่งเจียงจง ไม่มีพื้นฐานด้านการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และในช่วงเวลาสามปีที่พ่อแม่ของฉู่เฉินหายสาบสูญไป ฉู่เฉินก็อยู่ในสภาพ เกือบตายตลอดเวลาอย่าว่าแต่การฝึกวรยุทธ์หรือบำเพ็ญพรตเลย แม้แต่การลุกขึ้นยืนและเดิน สำหรับฉู่เฉินแล้ว นี่เป็นเพียงความฝันที่ไม่สามารถเป็นความจริงได้ในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือน ทำไมฉู่เฉินถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้?เมื่อครู่เขาได้ทำการยืนยันหล
ทันทีที่ฉีอวี่ไท่ซัดฝ่ามือลงไป ก็เห็นเพียงกลิ่นอายสีดำปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของเขาถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ มองออกได้ในทันทีว่าฝ่ามือของเขาก็คือฝ่ามือเมฆาพิษของสำนักว่านเซี๋ยนั่นเอง!หลายคนต่างรู้สึกตกใจในตอนแรก แต่หลังจากนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติแม้ว่าสำนักว่านเซี๋ยจะถูกแก๊งมังกรทำลาย ลูกศิษย์ของสำนักต้องแยกย้ายหนีไปคนละทิศละทางแล้ว แต่การถ่ายทอดวิชาของสำนัก กลับไม่ได้แบ่งแยกระหว่าง ความดีและความชั่วยิ่งไปกว่านั้น ฉีอวี่ไท่ยังคงเป็นคนของเกาเซิ่งอี้ พวกเขาจึงยิ่งไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากแต่ถ้าฝ่ามือนี้ถูกซัดลงบนร่างกายของฉู่เฉิน อย่าว่าแต่เขาที่เป็นแค่คนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญพรตก็จะรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกหนอนนับหมื่นตัวกัดกินหัวใจ จนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่!อีกอย่างความเจ็บปวดนี้จะตามหลอกหลอนฉู่เฉินไปตลอด จนกระทั่งหนึ่งถึงสองเดือนหลังจากนั้น ความเจ็บปวดนี้จะหยุดลงเมื่อฉู่เฉินตายจากพิษที่แผ่กระจายไปทั่วร่างถึงแม้ว่าฉีอวี่ไท่จะมีเจตนาร้าย แต่ในสายตาของถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ กลับมองว่าคนอย่างฉู่เฉินที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงควรได้รับการลงโทษไม่อย่างนั้น ทุกคนก็จ
ต้องรู้ไว้ว่า หอการค้ากิเลนที่อยู่เบื้องหลังเขาคือองค์กรที่มีอิทธิพลมหาศาล ครอบครองอำนาจกว่าครึ่งหนึ่งของวงการบำเพ็ญพรต!ต่อให้ฉู่เฉินมีกองทัพคอยหนุนหลัง แต่กองทัพคงไม่สามารถคุ้มกันเขาได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกใช่ไหม?ในตอนนี้ หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินถึงกับชะงักไป เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าฉู่เฉินจะกล้าท้าทายถึงขนาดนี้!เขาคิดจริง ๆ เหรอว่าเกาเซิ่งอี้เป็นแค่ขยะไร้ค่าระดับเดียวกับฉีเฮ่อเซวียน?“นี่พ่อหนุ่ม อย่าพูดจาโอหังเกินไปนัก อย่าว่าแต่แกเลย แม้แต่บรรดาปรมาจารย์และตระกูลผู้บำเพ็ญพรตแห่งเจียงจง ก็ไม่มีใครกล้าอวดดีแบบนี้!”ใบหน้าของเสิ่นเจี้ยนเฟิงเย็นชา เขากล่าวตักเตือนเสียงแข็งกร้าวฉู่เฉินได้ยินดังนั้น ก็เผยสีหน้าดูแคลนเล็กน้อยก่อนกล่าวขึ้น“ทำไม คนเยอะแล้วคิดว่าจะเหนือกว่าหรือไง?”ถังเทียนอวี่แสยะยิ้มเหี้ยม ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้น เส้นผมยาวพลิ้วไหวราวกับมีลมพัด ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความทระนง “เจ้าหนู รู้ไหมว่าแกกำลังท้าทายใครอยู่?”“ถึงแม้ว่าแกจะมีเส้นสายในกองทัพ ก็ปกป้องแกไม่ได้หรอก!”ฉู่เฉินมองถังเทียนอวี่อย่างเหยียดหยาม ก่อนจะยิ้มเยาะ“คนอย่างผมฉู่เฉินไม่ต้องการใ
เนื่องจากก่อนที่ฉู่เฉินจะลงจากรถ เขาได้ใช้ยันต์ปิดลมปราณ ซ่อนพลังปราณทั่วร่างของตัวเองเอาไว้ดังนั้น เมื่อมองจากระยะไกล ฉู่เฉินจึงดูไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไป“คนนี้น่ะเหรอ ที่นายบอกว่าฝีมือไม่ธรรมดา?”เกาเซิ่งอี้เหลือบมองฉีอวี่ไท่ด้วยสีหน้าเย้ยหยันนี่มัน...ใบหน้าอาวุโสของฉีอวี่ไท่แดงก่ำ ก่อนจะหัวเราะเจื่อน ๆ “อาจเป็นเพราะลูกน้องของผมไม่เคยเจอของจริง เห็นพวกนักเลงข้างถนนตีกันก็คงคิดว่าเป็นยอดฝีมือไปแล้ว”ถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ ยิ่งแสดงเบะปากอย่างไม่แยแสพวกเขาถึงขั้นรู้สึกว่า ให้เตรียมการใหญ่โตขนาดนี้เพื่อจัดการกับคนไร้ค่าเพียงคนเดียว นี่ถือเป็นการใช้มีดฆ่าวัวมาฆ่าไก่เสียจริงเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนเดินเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่แล้ว เกาเซิ่งอี้ก็ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนกล่าวขึ้น“สมแล้วที่เป็นคนของตระกูลฉู่ ช่างกล้าหาญเกินคาด”“ตัวคนเดียวยังกล้ามาตามนัดอีก”ทันทีที่เกาเซิ่งอี้พูดจบ ถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ ก็เลิกซ่อนพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัวของตัวเองอีกต่อไป ทันใดนั้นเอง คลื่นพลังมหาศาลก็พุ่งเข้าไปข่มฉู่เฉินพร้อมกันหลิ่วหรูเยียนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่หนักอึ้งราวภูเขาท
ชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวคือถังเทียนอวี่ ยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งตระกูลถังในอวิ๋นเฉิง“นั่นคือยอดอัจฉริยะถังเทียนอวี่แห่งตระกูลถังใช่ไหม? เขาเองก็มาที่นี่เหรอ?”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายคนนั้นได้เข้าร่วมสำนักบำเพ็ญพรตชื่อดังทางตะวันตกเฉียงใต้ และยังได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของสำนักอีกด้วย”ขณะที่ผู้คนรอบข้างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด เกาเซิ่งอี้ก็เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปหาอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร“ฮ่า ๆ ๆต้องขอบคุณคุณชายถังที่ให้เกียรติมาร่วมงาน”“สมกับเป็นยอดอัจฉริยะของตระกูลถังแห่งอวิ๋นเฉิงจริง ๆ ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แค่รัศมีที่แผ่กระจายออกมาก็กดดันพวกเราได้แล้ว”ถังเทียนอวี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจับมือกับเกาเซิ่งอี้ แล้วตอบกลับ“ลุงเกาชมเกินไปแล้ว”ในขณะนั้นเอง รถหรูอีกคันก็แล่นมาจอดอย่างช้า ๆ จากนั้น ผู้อาวุโสในชุดขาวเรียบง่ายก็ก้าวลงจากรถพวกเขาเห็นว่าบนมือทั้งสองของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยร่องรอยจากการฝึกฝน และทั่วทั้งร่างแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้า“ซี้ด ๆ! นั่น…นั่นมันจางจิ่งหลง ผู้นำตระกูลจาง
อีกด้านหนึ่ง ในห้องทำงานของประธานฉู่ซื่อกรุ๊ปหลิ่วหรูเยียนกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ราวกับผึ้งงานที่กำลังเก็บน้ำหวานแต่ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้หลิ่วหรูเยียนตกใจสะดุ้งจนตัวโยน เธอรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยฉู่เฉินติดกระดุมกางเกง และกลับไปนั่งลงบนโซฟา พลางยกมือฟาดเบา ๆ ลงบนสะโพกกลมกลึงของหลิ่วหรูเยียน “พักนี้ เธอพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ”“อ๊ะ…”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังจากถูกฉู่เฉินตี เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน“เข้ามา”ทันทีที่เสียงของหลิ่วหรูเยียนดังขึ้น ต้าหลิงจื่อก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือการ์ดเชิญสีทองใบหนึ่ง“ประธานหลิ่ว นี่เป็นคำเชิญที่หอการค้าตะวันออกใหญ่ให้คนนำมาให้ค่ะ คนที่นำมาให้ยังเน้นย้ำเป็นพิเศษอีกว่า อยากให้คุณฉู่มาเข้าร่วมงานด้วย”ขณะที่พูด ต้าหลิงจื่อก็ยื่นการ์ดเชิญไปให้ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนการ์ดเชิญจากหอการค้าตะวันออกใหญ่?หลิ่วหรูเยียนอดไม่ได้ที่จะรับการ์ดเชิญมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกวาดตามอง ข้อความในการ์ดเชิญเรียบง่ายมาก เป็นการเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่
หากกองทัพเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้จริงๆ คงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่“ออกไปเถอะ”ฉีอวี่ไท่โบกมือกับฟางเหว่ย ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าอย่างไม่รอช้าขณะเดียวกัน ในห้องใต้ดินของเฉียนหลงวิลล่า เกาเซิ่งอี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหยก รอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยไอหมอกจาง ๆ ชั้นหนึ่งที่เหมือนจะเห็นแต่ก็ไม่เห็นพลังปราณอันแข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแผ่ซ่านออกจากร่างเกาเซิ่งอี้ภายนอก เขาเป็นเพียงแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว เกาเซิ่งอี้ก็มาจากตระกูลเกาซึ่งเป็นตระกูลผู้บำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งหลิ่งหนานเช่นกันห้าปีก่อน เขาก็บรรลุพลังที่น่าสะพรึงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแล้ว นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วที่เขาพยายามทะลวงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แต่ในช่วงเวลาสำคัญนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสนั่น ทำให้เกาเซิ่งอี้เกือบธาตุไฟเข้าแทรกโครม!เกาเซิ่งอี้ลืมดวงตาแดงก่ำขึ้นพึ่บ ควันฝุ่นฟุ้งอยู่โดยรอบ“ใคร! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าใครก็อย่ารบกวนเวลาฉันฝึกตน?!”เมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของเกาเซิ่งอี้ ฉีอวี่ไท่ที่อยู่ด้านนอกประตูก็ถึงก
“คุณคงไม่ได้บ้าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินกลอกตามองเซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยอารมณ์โมโห“ฉู่เฉิน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณใช้ประโยชน์จากกองทหารรักษาการณ์อยู่ชัดๆ”ดวงตาคู่สวยเจือน้ำค้างแข็งของเซียวเสวี่ยอิ๋งจ้องฉู่เฉินอย่างเย็นชาเธอเห็นภาพเมื่อครู่นี้ชัดเจน ฉู่เฉินบอกให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วส่งคนมาที่ฉู่ซื่อกรุ๊ปเพื่อเซ็นสัญญา เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้วเขาจะยืมมือของกองทหารรักษาการณ์จัดการกำจัดฉีเฮ่อเซวียนและคนอื่น ๆเขากล้าวางแผนถึงกองทหารรักษาการณ์ ฉู่เฉินใจกล้าเกินไปแล้วมั้ง“โปรดระวังคำพูดของคุณด้วย พวกเราร่วมมือกันต่างหาก แล้วคุณรู้ไหมว่าการร่วมมือกันคืออะไร? มันคือการที่ทุกฝ่ายเอาผลประโยชน์ของตัวเอง มีปัญหาอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณ…?”ใบหน้าเล็กของเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธจนขาวซีด เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว“คุณอะไรล่ะ? สัญญาก็อยู่บนโต๊ะ ถ้าคุณไม่เซ็น ก็ไปได้แล้ว”ฉู่เฉินไม่อยากเสียเวลาเถียงกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่สภาพร่างกายที่พิเศษของเธอ ฉู่เฉินคงไล่เธอออกไปตั้งนานแล้วเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธฉู่เฉินจน
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข