เพียงระยะเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งคืน ข่าวที่ตระกูลหลี่ถูกกลุ่มผู้นำในแวดวงธุรกิจของเมืองเจียงจงร่วมมือกันแบนได้กระจายไปทั่วทั้งเมืองเช้าวันต่อมา หลิวฉางเจียงที่เตรียมตัวเดินทางกลับมณฑล หลังจากได้รับข่าว ก็สูดหายใจด้วยความตกใจไม่ต้องถาม ต้องเป็นฝีมือของฉู่เฉินอย่างแน่นอน!เพียงคำสั่งแบนจากยาบำรุงปราณ ก็สามารถโจมตีศัตรูที่อยู่คนละแวดวงอย่างบริษัทการเงินได้?แม่งเอ๊ย!พอนึกถึงท่าทีที่เขามีต่อฉู่เฉินเมื่อวาน หลิวฉางเจียงก็เหงื่อท่วมขึ้นมาทันที!ด้วยอิทธิพลของยาบำรุงปราณในตอนนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นที่นิยมไปทั้งประเทศแน่นอน ฉู่เฉินสามารถใช้วิธีเดียวกันนี้แบนบริษัทของพวกเขาได้ทุกเมื่อเช่นกัน“ที่รัก เป็นอะไรไปคะ?”ปี้เวยเห็นหลิวฉางเจียงนั่งเหม่ออยู่บนเตียงด้วยสายตาว่างเปล่า เหงื่อไหลท่วมหัว จึงนึกว่าโรคเก่าของเขากำเริบอีกแล้วเธอแทบอยากจะให้ไอ้แก่หลิวฉางเจียงลงโลงไปเสียเร็วๆ เธอจะได้สืบทอดกิจการครึ่งหนึ่งของตระกูลหลิว และเลี้ยงผู้ชายได้ตามอำเภอใจ“มะ… ไม่มีอะไร”ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิวฉางเจียงถึงได้ดึงสติกลับมาได้ เขาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนหันไปพูดกับปี้เวยว่า “เร็วเข้า ยกเลิกตั๋ว เลื่อน
พอเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก ฉู่เฉินลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะรับสาย “ผมฉู่เฉิน นั่นใครครับ?”“คุณฉู่ ผมเอง หลิวฉางเจียง เมื่อวานพวกเราเจอกันครั้งหนึ่ง ผมตั้งใจโทรมาขอโทษคุณโดยเฉพาะ เมื่อวานผมผิดเอง ไม่น่าไร้มารยาทกับคุณฉู่แบบนั้นเลย”“เมื่อคืนผมคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว คุณฉู่เป็นคนคิดค้นยาบำรุงปราณขึ้นมา การแบ่งผลกำไรหนึ่งต่อเก้าจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ผมเลยอยากหาโอกาสขอโทษคุณฉู่ ไม่ทราบคุณฉู่จะให้โอกาสได้ไหมครับ?”หลิวฉางเจียง?ฉู่เฉินขมวดคิ้ว “ประธานหลิวบอกให้ผมคอยดูไว้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้กลับคำขอโทษผมเร็วขนาดนี้กันล่ะ?”หลิวฉางเจียงที่อยู่ปลายสายรีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพย “คุณฉู่ โปรดอย่าถือโทษโกรธผมเลยนะครับ บางทีผมก็สมองเลอะเลือน หวังว่าคุณฉู่จะเห็นแก่หน้าคุณหนูกู้ อย่าถือสาคนอย่างผมเลยนะครับ!”“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ พวกเราเจอกันที่ซิงฮุยมิวสิคพลาซ่าตอนเที่ยงตรง ผมจะขอดื่มเพื่อเป็นการขอโทษคุณฉู่ต่อหน้า”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ขอโทษคงไม่ต้องแล้ว วันนี้ผมยังมีธุระ”หลิวฉางเจียงได้ยินอย่างนั้นก็ร้อนอกร้อนใจไม่ยอมไว้หน้า นั่นก็หมายความว่าฉู่เฉินเกลียดเขาไปแล้ว นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย!นึกมา
เซี่ยฉีฉีไม่ได้แค่เกิดมาพร้อมกับหน้าตาที่สวยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังหุ่นดีมากด้วย แต่ในความทรงจำของฉู่เฉิน ไม่ว่าจะตอนเรียนหรือตอนนี้ เซี่ยฉีฉีมักแต่งตัวรัดกุมเสมอเหมือนวันงานเลี้ยงรุ่นวันนั้น เซี่ยฉีฉีก็ใส่แค่ชุดเดรสที่ยาวคลุมข้อเท้าเท่านั้น และชุดที่เธอเตรียมไว้หลังรถ ก็มีแต่แบบที่เรียบร้อยและรัดกุมเหมือนกันแต่การแต่งตัวของเซี่ยฉีฉีในวันนี้ กลับดูไม่เข้ากับสไตล์ของเธออย่างชัดเจนเซี่ยฉีฉีหลบสายตาของฉู่เฉินอย่างเห็นได้ชัด เธอเสยปอยผมขึ้นทัดหู ก่อนตอบด้วยเสียงลนลานว่า “คือ… ฉัน… ฉันมาเจอเพื่อนน่ะ”“ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปก่อนนะ”พูดจบ เซี่ยฉีฉีก็รีบหันหลังเดินหนีโดยไม่มองทาง“โอ๊ย!”เซี่ยฉีฉีไม่ทันสังเกตหลิวฉางเจียงกับปี้เวย เธอชนกับปี้เวยเข้าอย่างจัง ทำเอาซิลิโคนสองลูกของปี้เวยแทบร่วง“ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ!”เซี่ยฉีฉีขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในซิงฮุยมิวสิกพลาซ่าเหมือนกำลังโดนฉู่เฉินไล่ตามฉู่เฉินมองแผ่นหลังของเซี่ยฉีฉีที่ไกลออกไป พลันขมวดคิ้วขึ้นมา“คุณฉู่ สาวน้อยคนสวยเมื่อกี้เป็นเพื่อนของคุณเหรอคะ?”ปี้เวยจัดทรงซิลิโคนที่ถูกชนจนเบี้ยว พลางหันไปมองเซี่ยฉีฉีที่วิ่ง
สายตาของฉู่เฉินกวาดมองผ่านเรือนร่างอันงดงามพวกนั้น แม้ผู้หญิงพวกนี้จะตัวสูงหุ่นดี แต่เมื่อเทียบขนาดหน้าอกกับปี้เวย แทบจะเหมือนบ้านเล็กเจอบ้านใหญ่!เรียกได้ว่าคนละชั้นกันเลยทีเดียว!อีกอย่าง เรียวขาคู่นั้นของปี้เวย ไม่เพียงแต่ยาว แต่ทั้งเรียวและขาวเนียน ที่สำคัญคือเท้าเล็กๆ คู่นั้นก็น่าดึงดูดมากเช่นกัน“คนที่อยู่ในห้องนี้ เลือกได้หมดเลยเหรอครับ?”ฉู่เฉินถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย“แน่นอน วันนี้คุณเป็นแขกคนสำคัญนี่ครับ”หลิวฉางเจียงพยักหน้าโดยไม่คิดมาก“คุณ!”ฉู่เฉินชี้พร้อมกับพูดออกไปชั่วพริบตา ทั่วทั้งห้องเงียบกริบไปทันที!ไม่ใช่แค่ผู้จัดการกับสาวสวยสิบกว่าคนที่ตะลึงค้าง แม้แต่หลิวฉางเจียงกับปี้เวยก็อึ้งเหมือนกันคนที่ฉู่เฉินชี้ ก็คือปี้เวย!แม่งเอ๊ย!หลิวฉางเจียงสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนกำลังเล่นงิ้วเปลี่ยนหน้า“ผมว่าแล้วคุณฉู่เป็นหนุ่มคนมีความสามารถ สายตาไม่เลว เวยเวย เธอไปดูแลคุณฉู่ก่อนเถอะ”หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลิวฉางเจียงถึงได้ฝืนฉีกยิ้ม พลางตบหน้าตักของปี้เวย“เหอะ!”ปี้เวยทำปากจู๋ ทำเสียงกระเง้ากระงอด หน้าตาเหมือนไม่เต็มใจที่จริงเธอดีใจจนแทบอยากลุกขึ้นมาเต้
ผ่านไปไม่นาน จงอาหู่พาชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ถือท่อเหล็กยี่สิบกว่าคนมาถึงหน้าห้องหมายเลขแปดพอมองเข้าไปในหน้าต่างทรงหกเหลี่ยม จงอาหู่จำฉู่เฉินได้ตั้งแต่แวบแรก“ซี้ด!”จงอาหู่หดหัวด้วยความตกใจ โชคดีที่ไม่ได้บุกเข้าไปทันที ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่จังหวะที่ฉู่เฉินชนแก้วกับปี้เวย บังเอิญเหลือบเห็นจงอาหู่ที่ยืนอยู่หน้าประตูพอดี พอสายตาสบประสานกัน จงอาหู่มีเหรอจะกล้ารบกวน เขารีบโบกมือสั่งลูกน้องข้างหลังให้ถอยออกไปจากนั้นเขาก็เปิดประตูเดินเข้าไปเวลานี้ หลิวฉางเจียงกำลังประคองลูกท้อลูกใหญ่สองลูกกัดแทะเล่นอยู่ตรงนั้น พอเห็นประตูห้องถูกคนแปลกหน้าเปิดเข้ามา หมายจะระเบิดโทสะ กลับเห็นเงาตะคุ่มๆ เหมือนมีคนยืนอยู่หน้าประตูจำนวนมากอารมณ์เดือดดาลที่กำลังจะระเบิดออกมา ถูกกลืนกลับเข้าไปในคออีกครั้งจงอาหู่ไม่สนใจหลิวฉางเจียงแม้แต่น้อย เขาเดินฉีกยิ้มไปหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน “คุณฉู่ มาได้ยังไงครับเนี่ย? มาเที่ยวผับของเราเองทำไมไม่บอกก่อนล่ะครับ ผมจะได้ออกไปต้อนรับเอง”ฉู่เฉินกวาดมองจงอาหู่แวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วตบโซฟาข้างตัวเอง “อาหู่เองเหรอ นั่งสิ”จงอาหู่มีเหรอจะกล้าปฏิเสธ?หลังจากรินเหล้าให้ฉู่เฉิน
ปี้เวยรับบัตรเครดิตไป ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินกลับไปหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน ดวงหน้าเรียวแดงระเรื่อ ลมหายใจกระชั้นชิด “คุณฉู่ คุณอยากจะหยั่งความลึกของฉันไม่ใช่เหรอคะ?”“อืม”ฉู่เฉินพยักหน้า จากนั้นก็วางแก้วเบียร์ลง และเดินตามปี้เวยออกไปจากห้องเงียบๆกลางวันแสกๆ ทั้งซิงฮุยมีแต่โต๊ะของฉู่เฉิน ห้องอื่นๆ ล้วนว่างหมดปี้เวยดึงแขนของฉู่เฉิน ลากเขาเข้าไปในห้องข้างๆ ที่มืดสนิทห้องหนึ่ง จากนั้นก็คว้ามือของฉู่เฉิน ถลกกระโปรงขึ้นอย่างรอไม่ไหวอีกต่อไป พลางพูดเสียงกระเส่าว่า “คนอื่นเขาจะอาบน้ำให้คุณ”เชี่ย!แม่สาวคนนี้ใจร้อนจริงๆ!นี่เก็บกดมานานแค่ไหนแล้ว ถึงได้ชุ่มแฉะได้ขนาดนี้“บีตบ็อกซ์ที่คุณพูดถึงเมื่อกี้ล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มอย่างมั่นใจ มองปี้เวยที่หายใจไม่เป็นจังหวะปี้เวยหยักยกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มเย้ายวน แค่ดีดมือเล็กๆ ข้างนั้นนิดเดียว เข็มขัดของฉู่เฉินก็ถูกปลดออกทันทีโอ้โฮ!ทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนี้?ถึงแม้ปี้เวยจะเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว แต่ก็ยังคงอึ้งกับฉู่เฉินอยู่ดีซี้ด!ฉู่เฉินเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เขาหลับตาและครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตในเวลานี้เอง เสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดินด้
เซี่ยฉีฉีมองเสื้อผ้าที่เหมือนเชือกระโยงระยางก้อนหนึ่ง ดวงหน้าเล็กๆ นั่นแดงแปร๊ดไปทั้งดวง เธอรีบเบี่ยงหน้าไปอีกข้าง ไม่กล้าแม้แต่จะมองนานท่าทางเขินอายของเซี่ยฉีฉี ทำให้ดวงตาของเฉินหย่งเป็นประกายขึ้นมา เขาจ้องเซี่ยฉีฉีอย่างเร่าร้อน พลางถามว่า “ฉีฉี นี่… นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกของเธอหรอกนะ?”เสียงของเฉินหย่งฟังดูสั่นเทาเล็กน้อยเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะได้ลิ้มลองของสดใหม่ด้วย“พี่หย่ง คือ… ฉันขอไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม?”เซี่ยฉีฉีถูกสายตาร้อนแรงเหมือนไฟของเฉินหย่งจับจ้อง หน้าของเธอก็ยิ่งแดงแปร๊ดกว่าเดิม เธอผลักเฉินหย่งที่โน้มตัวเข้ามา ก่อนจะพูดอย่างแตกตื่น“ได้สิ!”เฉินหย่งหัวเราะเสียงดัง ยกแก้วเบียร์ขึ้นมา “แต่เธอต้องดื่มเบียร์แก้วนี้ก่อน ไม่งั้น พี่จะนั่งดูเธอฉี่ในห้องนี้แหละ”เซี่ยฉีฉีสัมผัสได้ถึงลมหายใจหนักหน่วงของเฉินหย่ง เธอตกใจรีบแย่งแก้วเบียร์ในมือเขาไปกระดกครึ่งแก้วในคราวเดียว จากนั้นก็รีบวางแก้วเบียร์ และวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเหมือนหนีตายท่อนขาเรียวสวยของเซี่ยฉีฉี และขอบลูกไม้ที่โผล่ออกมาให้เห็นวับๆ แวมๆ นั่น ทำให้เฉินหย่งเหงื่อชุ่มเต็มฝ่ามือพอคิดว่าใกล้จะได้ครอบครองเรือนร
เธอต้องนอนกับจางหย่ง หรือหวังหย่งอีกหรือไม่?ชีวิตของเธอต้องมาพังลงแบบนี้งั้นเหรอ?ในตอนนี้เอง เสียงของเฉินหย่งดังขึ้นที่หน้าห้องน้ำ “ที่รักจ๋า เปิดประตูหน่อยเร็ว พี่อยากดูเธอฉี่”เซี่ยฉีฉีได้ยินคำพูดลามกไร้ยางอายก็รู้สึกอยากจะอาเจียน!แต่เฉินหย่งไม่ใช่คนธรรมดา แค่ลูกน้องของเขาก็มีหลายสิบคนแล้ว อีกอย่าง เมื่อกี้ตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้อง หน้าประตูก็มีลูกน้องของเขายืนเฝ้าอย่างแน่นหนาด้วยถ้าคิดจะกลับออกไปอย่างปลอดภัย คงต้องเกลี้ยกล่อมเฉินหย่งให้ได้ก่อน!นึกมาถึงตรงนี้ เซี่ยฉีฉีรีบวางสาย เธอสงบสติอารมณ์ ก่อนจะตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกักว่า “พี่หย่ง ประจำเดือนฉันมา วันนี้คงนอนกับพี่ไม่ได้แล้ว”“เปลี่ยนเป็นวันอื่นได้หรือเปล่า?”เซี่ยฉีฉีเปิดประตู จากนั้นก็เดินออกมาจากห้องน้ำเฉินหยงหัวเราะในลำคอ กวาดมองชักโครกแวบหนึ่ง ก่อนหันมาจ้องสะโพกอันผึ่งผายของเซี่ยฉีฉี เขาพูดกลั้วเสียงหัวเราะอันเย็นชาว่า “ฉีฉี ถึงต้องฝ่าไฟแดง วันนี้เธอก็ต้องเสร็จพี่อยู่ดี!”“อีกอย่าง เธอไม่รู้สึกว่าเบียร์ที่กินเข้าไปเมื่อกี้ มีอะไรผิดปกติบ้างเหรอ?”พูดมาถึงตรงนี้ เฉินหยงล้วงห่อกระดาษสีขาวห่อหนึ่งออกมาจากกระเป๋
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ