ป้าอู๋ยืนอึ้งอยู่ที่เดิมไปชั่วขณะไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่คาดคิดว่าฉู่เฉินที่กระโดดออกทางหน้าต่างมาโดยตลอด วันนี้กลับเข้าตามตรอกออกตามประตู?สิ่งที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ ฉู่เฉินกลับกล้าทำร้ายคุณชายตระกูลหลี่ตระกูลหลี่เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากตระกูลหนึ่งในเมืองเจียงจง โดยเฉพาะธุรกิจการเงินของตระกูลหลี่ ยิ่งมีเส้นสายกว้างขวางในเมืองเจียงจงฉู่เฉินทำร้ายหลี่ฮุย ก็เท่ากับทำลายท้องฟ้าของเมืองเจียงจง!“คุณ… คุณฉู่ คุณชายหลี่คนนี้ เป็น… เป็นเพื่อนของคุณหนู พอรู้ว่าคุณหนูป่วย ก็เลยตั้งใจมาเยี่ยมคุณหนู”ป้าอู๋อธิบายด้วยริมฝีปากที่สั่นเทาฉู่เฉินได้ยินก็ตวัดสายตามองหลี่ฮุย ก่อนจะแค่นเสียง และหันหน้าเดินจากไปหลี่ฮุยกุมหน้าซีกที่ถูกตบจนชา ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา ชี้หลังของฉู่เฉิน “ไอ้แซ่ฉู่ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกเป็นใครนะ!”“ถึงแกจะมียาบำรุงปราณแล้วไงวะ? กล้าทำร้ายฉัน? ตระกูลหลี่ของฉันจะบดแกให้แหลกละเอียดด้วยนิ้วเดียวเมื่อไรก็ได้!”ครั้งนี้ หลี่ฮุยบันดาลโทสะแล้วจริงๆ!ไม่ใช่แค่นางฟ้าที่เขาตามจีบมาหนึ่งปีถูกฉู่เฉินแย่งกินไปก่อน แต่มันยังกล้าตบเขาฉาดใหญ่อีก!เหมือนฆ่าเขาอย่
“ไอ้แซ่ฉู่ แกคงไม่รู้สินะว่าตระกูลหลี่ของฉันทำอะไร การเงินโว้ย! แกได้ยินหรือยัง?”ฉู่เฉินยิ้มเย็น “ก็แค่บริษัทที่ดอกเบี้ยแพง ไม่เห็นมีอะไร ถึงแกจะพูดให้ดูดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพื้นเพของตระกูลหลี่ได้”พูดจบ ฉู่เฉินก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองหลี่ฮุยจ้องแผ่นหลังของฉู่เฉินเขม็ง กำหมัดแน่น ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “ไอ้แซ่ฉู่ วันนี้ฉันแค่ประมาท ถึงได้พลาดท่าให้แกแบบนี้ แต่แกรอก่อนเถอะ!”หลี่ฮุยคำรามอย่างเดือดดาล ก่อนจะหันไปมองป้าอู๋ กัดฟันพูดว่า “บอกนังแพศยาหลิ่วหรูเยียนด้วยนะ ถ้าไม่อยากโดนตระกูลหลี่ของพวกฉันหมายหัว ก็ให้ล้างก้นล้างตัวให้สะอาด แล้วปีนขึ้นมาบนเตียงฉันด้วยตัวเองซะ!”“ไม่อย่างนั้น ตระกูลหลิ่วของพวกแกก็จงรอโดนตระกูลหลี่แบนเรื่องการเงินได้เลย!”หลังจากพูดทิ้งท้ายไว้อย่างเจ็บแค้น หลี่ฮุยก็กลับไปอย่างฮึดฮัดกระทั่งเงาร่างของหลี่ฮุยกับฉู่เฉินหายลับไปจากประตู ป้าอู๋จึงได้สติ แล้ววิ่งขึ้นไปบนชั้นสอง พลางตะโกนว่า “คุณผู้หญิง! คุณหนู! เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ!”……ในอีกด้านหนึ่ง โจวเทียนเฟิ่งที่วางโทรศัพท์ลงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมมาปกปิด
จางหลิงโดนหลี่เจี้ยนเย่ตะคอกใส่ พลันหายง่วงในพริบตา เธอถลึงตาใส่หลี่เจี้ยนเย่ ก่อนจะสะบัดเสียงบอกว่า “เหอะ! ไปก็ไปสิ! คนแซ่หลี่ อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”พูดจบ จางหลิงก็พลิกตัวลุกขึ้นนั่งในสภาพเปลือยเปล่า หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่ แล้วก็วิ่งออกไปตอนแรกเธอเป็นแฟนของหลี่ฮุย แต่ต่อมาไม่รู้ไปทำท่าไหน จางหลิงฉวยโอกาสตอนที่หลี่ฮุยไม่อยู่บ้าน ปีนขึ้นเตียงของหลี่เจี้ยนเย่ จากนั้นก็ไม่นาน เธอก็กลายเป็นแม่เลี้ยงของหลี่ฮุยหลี่เจี้ยนเย่เห็นจางหลิงหยิบกระโปรงเกาะอกขาสั้นมาใส่แล้วทำท่าจะไป ก็ร้อนใจกระโดดลงมาจากเตียงแต่เขายังไม่ทันไปรั้งจางหลิง ก็ถูกคำพูดประโยคถัดไปของเลขาทำให้ตะลึงค้างอยู่กับที่ไปทันที“ประธานหลี่ เรื่องนี้สำนักเฟิ่งน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องครับ ไม่ใช่แค่บริษัทพวกนี้ที่จะตัดขาดกับเรา สำนักเฟิ่งยังประกาศอีกว่า ใครที่ยืนอยู่ข้างตระกูลหลี่ของเรา ก็เท่ากับมีความแค้นกับสำนักเฟิ่ง!”อะไรนะ?หลี่เจี้ยนเย่งงไปหมดแล้ว!นั่งอยู่ในบ้านดีๆ ความซวยก็หล่นใส่หัว!“รีบส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้ นังโจวเทียนเฟิ่งนั่นทำไมจู่ๆ ถึงได้หมายหัวตระกูลหลี่เรา!”หลี่เจี้ยนเย่เริ่มลนลานขึ้นมาแล้วตระกูลหลี
กระสุนทะลวงเข้าไปในท้ายทอยของเขา และยังทะลุผ่านร่างภรรยาของเขาที่นอนอยู่ข้างๆ ในนัดเดียวด้วย!กระทั่งตายไป พวกเขายังไม่อยากเชื่อว่าจะตัวเองจะตายด้วยน้ำมือของนักฆ่าที่พวกเขาจ้างไปฆ่าฉู่เฉิน!หลังจากนั้น ประกายไฟแลบแปลบปลาบหลายสายก็พวยพุ่งพาดผ่าน คฤหาสน์ตระกูลจ้าวจมสู่ความเงียบกริบในพริบตา!หลังจากมั่นใจว่าทุกคนถูกฆ่าแล้ว นางเงือกจึงเก็บปืนไรเฟิล ก่อนจะลักลอบเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลจ้าวอย่างเงียบเชียบหลังจากยิงซ้ำแต่ละคนอีกนัด จึงค่อยจากไปอย่างเงียบเชียบ!เช้าตรู่ของวันนั้น ฉู่เฉินกำลังหลับสนิท แต่จู่ๆ เสียงฝีเท้าที่เบามากเสียงหนึ่งก็ดังมาจากลานบ้านฉู่เฉินลืมตาโพลง ปล่อยดวงจิตออกไปในระยะสิบเมตรทันทีในขณะที่ฉู่เฉินเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงเงาร่างนั้น เรือนร่างอรชรที่สวมชุดเดินทางยามกลางคืนก็พุ่งเข้ามาในอ้อมกอดของฉู่เฉิน“ฉันเอง”นางเงือกเอ่ย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปคฤหาสน์ตระกูลจ้าว ยื่นให้ฉู่เฉินดู “ตระกูลจ้าวตายหมดแล้ว”ฉู่เฉินจ้องรูปหนึ่งในนั้นอย่างประหลาดใจ ก่อนถามนางเงือกว่า “คนคนนี้น่าจะเป็นลูกพี่ของจ้าวคังสินะ จากที่ฉันรู้มา เขาเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ คุณที่มีแค่กำลังภายในระด
เพียงระยะเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งคืน ข่าวที่ตระกูลหลี่ถูกกลุ่มผู้นำในแวดวงธุรกิจของเมืองเจียงจงร่วมมือกันแบนได้กระจายไปทั่วทั้งเมืองเช้าวันต่อมา หลิวฉางเจียงที่เตรียมตัวเดินทางกลับมณฑล หลังจากได้รับข่าว ก็สูดหายใจด้วยความตกใจไม่ต้องถาม ต้องเป็นฝีมือของฉู่เฉินอย่างแน่นอน!เพียงคำสั่งแบนจากยาบำรุงปราณ ก็สามารถโจมตีศัตรูที่อยู่คนละแวดวงอย่างบริษัทการเงินได้?แม่งเอ๊ย!พอนึกถึงท่าทีที่เขามีต่อฉู่เฉินเมื่อวาน หลิวฉางเจียงก็เหงื่อท่วมขึ้นมาทันที!ด้วยอิทธิพลของยาบำรุงปราณในตอนนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นที่นิยมไปทั้งประเทศแน่นอน ฉู่เฉินสามารถใช้วิธีเดียวกันนี้แบนบริษัทของพวกเขาได้ทุกเมื่อเช่นกัน“ที่รัก เป็นอะไรไปคะ?”ปี้เวยเห็นหลิวฉางเจียงนั่งเหม่ออยู่บนเตียงด้วยสายตาว่างเปล่า เหงื่อไหลท่วมหัว จึงนึกว่าโรคเก่าของเขากำเริบอีกแล้วเธอแทบอยากจะให้ไอ้แก่หลิวฉางเจียงลงโลงไปเสียเร็วๆ เธอจะได้สืบทอดกิจการครึ่งหนึ่งของตระกูลหลิว และเลี้ยงผู้ชายได้ตามอำเภอใจ“มะ… ไม่มีอะไร”ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิวฉางเจียงถึงได้ดึงสติกลับมาได้ เขาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนหันไปพูดกับปี้เวยว่า “เร็วเข้า ยกเลิกตั๋ว เลื่อน
พอเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก ฉู่เฉินลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะรับสาย “ผมฉู่เฉิน นั่นใครครับ?”“คุณฉู่ ผมเอง หลิวฉางเจียง เมื่อวานพวกเราเจอกันครั้งหนึ่ง ผมตั้งใจโทรมาขอโทษคุณโดยเฉพาะ เมื่อวานผมผิดเอง ไม่น่าไร้มารยาทกับคุณฉู่แบบนั้นเลย”“เมื่อคืนผมคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว คุณฉู่เป็นคนคิดค้นยาบำรุงปราณขึ้นมา การแบ่งผลกำไรหนึ่งต่อเก้าจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ผมเลยอยากหาโอกาสขอโทษคุณฉู่ ไม่ทราบคุณฉู่จะให้โอกาสได้ไหมครับ?”หลิวฉางเจียง?ฉู่เฉินขมวดคิ้ว “ประธานหลิวบอกให้ผมคอยดูไว้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงได้กลับคำขอโทษผมเร็วขนาดนี้กันล่ะ?”หลิวฉางเจียงที่อยู่ปลายสายรีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพย “คุณฉู่ โปรดอย่าถือโทษโกรธผมเลยนะครับ บางทีผมก็สมองเลอะเลือน หวังว่าคุณฉู่จะเห็นแก่หน้าคุณหนูกู้ อย่าถือสาคนอย่างผมเลยนะครับ!”“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ พวกเราเจอกันที่ซิงฮุยมิวสิคพลาซ่าตอนเที่ยงตรง ผมจะขอดื่มเพื่อเป็นการขอโทษคุณฉู่ต่อหน้า”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ขอโทษคงไม่ต้องแล้ว วันนี้ผมยังมีธุระ”หลิวฉางเจียงได้ยินอย่างนั้นก็ร้อนอกร้อนใจไม่ยอมไว้หน้า นั่นก็หมายความว่าฉู่เฉินเกลียดเขาไปแล้ว นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย!นึกมา
เซี่ยฉีฉีไม่ได้แค่เกิดมาพร้อมกับหน้าตาที่สวยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังหุ่นดีมากด้วย แต่ในความทรงจำของฉู่เฉิน ไม่ว่าจะตอนเรียนหรือตอนนี้ เซี่ยฉีฉีมักแต่งตัวรัดกุมเสมอเหมือนวันงานเลี้ยงรุ่นวันนั้น เซี่ยฉีฉีก็ใส่แค่ชุดเดรสที่ยาวคลุมข้อเท้าเท่านั้น และชุดที่เธอเตรียมไว้หลังรถ ก็มีแต่แบบที่เรียบร้อยและรัดกุมเหมือนกันแต่การแต่งตัวของเซี่ยฉีฉีในวันนี้ กลับดูไม่เข้ากับสไตล์ของเธออย่างชัดเจนเซี่ยฉีฉีหลบสายตาของฉู่เฉินอย่างเห็นได้ชัด เธอเสยปอยผมขึ้นทัดหู ก่อนตอบด้วยเสียงลนลานว่า “คือ… ฉัน… ฉันมาเจอเพื่อนน่ะ”“ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปก่อนนะ”พูดจบ เซี่ยฉีฉีก็รีบหันหลังเดินหนีโดยไม่มองทาง“โอ๊ย!”เซี่ยฉีฉีไม่ทันสังเกตหลิวฉางเจียงกับปี้เวย เธอชนกับปี้เวยเข้าอย่างจัง ทำเอาซิลิโคนสองลูกของปี้เวยแทบร่วง“ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ!”เซี่ยฉีฉีขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในซิงฮุยมิวสิกพลาซ่าเหมือนกำลังโดนฉู่เฉินไล่ตามฉู่เฉินมองแผ่นหลังของเซี่ยฉีฉีที่ไกลออกไป พลันขมวดคิ้วขึ้นมา“คุณฉู่ สาวน้อยคนสวยเมื่อกี้เป็นเพื่อนของคุณเหรอคะ?”ปี้เวยจัดทรงซิลิโคนที่ถูกชนจนเบี้ยว พลางหันไปมองเซี่ยฉีฉีที่วิ่ง
สายตาของฉู่เฉินกวาดมองผ่านเรือนร่างอันงดงามพวกนั้น แม้ผู้หญิงพวกนี้จะตัวสูงหุ่นดี แต่เมื่อเทียบขนาดหน้าอกกับปี้เวย แทบจะเหมือนบ้านเล็กเจอบ้านใหญ่!เรียกได้ว่าคนละชั้นกันเลยทีเดียว!อีกอย่าง เรียวขาคู่นั้นของปี้เวย ไม่เพียงแต่ยาว แต่ทั้งเรียวและขาวเนียน ที่สำคัญคือเท้าเล็กๆ คู่นั้นก็น่าดึงดูดมากเช่นกัน“คนที่อยู่ในห้องนี้ เลือกได้หมดเลยเหรอครับ?”ฉู่เฉินถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย“แน่นอน วันนี้คุณเป็นแขกคนสำคัญนี่ครับ”หลิวฉางเจียงพยักหน้าโดยไม่คิดมาก“คุณ!”ฉู่เฉินชี้พร้อมกับพูดออกไปชั่วพริบตา ทั่วทั้งห้องเงียบกริบไปทันที!ไม่ใช่แค่ผู้จัดการกับสาวสวยสิบกว่าคนที่ตะลึงค้าง แม้แต่หลิวฉางเจียงกับปี้เวยก็อึ้งเหมือนกันคนที่ฉู่เฉินชี้ ก็คือปี้เวย!แม่งเอ๊ย!หลิวฉางเจียงสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนกำลังเล่นงิ้วเปลี่ยนหน้า“ผมว่าแล้วคุณฉู่เป็นหนุ่มคนมีความสามารถ สายตาไม่เลว เวยเวย เธอไปดูแลคุณฉู่ก่อนเถอะ”หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง หลิวฉางเจียงถึงได้ฝืนฉีกยิ้ม พลางตบหน้าตักของปี้เวย“เหอะ!”ปี้เวยทำปากจู๋ ทำเสียงกระเง้ากระงอด หน้าตาเหมือนไม่เต็มใจที่จริงเธอดีใจจนแทบอยากลุกขึ้นมาเต้
ชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวคือถังเทียนอวี่ ยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งตระกูลถังในอวิ๋นเฉิง“นั่นคือยอดอัจฉริยะถังเทียนอวี่แห่งตระกูลถังใช่ไหม? เขาเองก็มาที่นี่เหรอ?”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายคนนั้นได้เข้าร่วมสำนักบำเพ็ญพรตชื่อดังทางตะวันตกเฉียงใต้ และยังได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของสำนักอีกด้วย”ขณะที่ผู้คนรอบข้างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด เกาเซิ่งอี้ก็เดินออกมาต้อนรับด้วยตนเองพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปหาอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร“ฮ่า ๆ ๆต้องขอบคุณคุณชายถังที่ให้เกียรติมาร่วมงาน”“สมกับเป็นยอดอัจฉริยะของตระกูลถังแห่งอวิ๋นเฉิงจริง ๆ ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แค่รัศมีที่แผ่กระจายออกมาก็กดดันพวกเราได้แล้ว”ถังเทียนอวี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจับมือกับเกาเซิ่งอี้ แล้วตอบกลับ“ลุงเกาชมเกินไปแล้ว”ในขณะนั้นเอง รถหรูอีกคันก็แล่นมาจอดอย่างช้า ๆ จากนั้น ผู้อาวุโสในชุดขาวเรียบง่ายก็ก้าวลงจากรถพวกเขาเห็นว่าบนมือทั้งสองของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยร่องรอยจากการฝึกฝน และทั่วทั้งร่างแผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้า“ซี้ด ๆ! นั่น…นั่นมันจางจิ่งหลง ผู้นำตระกูลจาง
อีกด้านหนึ่ง ในห้องทำงานของประธานฉู่ซื่อกรุ๊ปหลิ่วหรูเยียนกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ราวกับผึ้งงานที่กำลังเก็บน้ำหวานแต่ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้หลิ่วหรูเยียนตกใจสะดุ้งจนตัวโยน เธอรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยฉู่เฉินติดกระดุมกางเกง และกลับไปนั่งลงบนโซฟา พลางยกมือฟาดเบา ๆ ลงบนสะโพกกลมกลึงของหลิ่วหรูเยียน “พักนี้ เธอพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ”“อ๊ะ…”หลิ่วหรูเยียนหน้าแดงขึ้นมาทันทีหลังจากถูกฉู่เฉินตี เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน“เข้ามา”ทันทีที่เสียงของหลิ่วหรูเยียนดังขึ้น ต้าหลิงจื่อก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือการ์ดเชิญสีทองใบหนึ่ง“ประธานหลิ่ว นี่เป็นคำเชิญที่หอการค้าตะวันออกใหญ่ให้คนนำมาให้ค่ะ คนที่นำมาให้ยังเน้นย้ำเป็นพิเศษอีกว่า อยากให้คุณฉู่มาเข้าร่วมงานด้วย”ขณะที่พูด ต้าหลิงจื่อก็ยื่นการ์ดเชิญไปให้ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนการ์ดเชิญจากหอการค้าตะวันออกใหญ่?หลิ่วหรูเยียนอดไม่ได้ที่จะรับการ์ดเชิญมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกวาดตามอง ข้อความในการ์ดเชิญเรียบง่ายมาก เป็นการเชิญสองแม่ลูกตระกูลหลิ่
หากกองทัพเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้จริงๆ คงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่“ออกไปเถอะ”ฉีอวี่ไท่โบกมือกับฟางเหว่ย ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าอย่างไม่รอช้าขณะเดียวกัน ในห้องใต้ดินของเฉียนหลงวิลล่า เกาเซิ่งอี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหยก รอบตัวเขาถูกปกคลุมด้วยไอหมอกจาง ๆ ชั้นหนึ่งที่เหมือนจะเห็นแต่ก็ไม่เห็นพลังปราณอันแข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแผ่ซ่านออกจากร่างเกาเซิ่งอี้ภายนอก เขาเป็นเพียงแค่นักธุรกิจธรรมดาคนหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว เกาเซิ่งอี้ก็มาจากตระกูลเกาซึ่งเป็นตระกูลผู้บำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งหลิ่งหนานเช่นกันห้าปีก่อน เขาก็บรรลุพลังที่น่าสะพรึงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สามแล้ว นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วที่เขาพยายามทะลวงระดับสร้างรากฐานขั้นที่สี่ แต่ในช่วงเวลาสำคัญนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นสนั่น ทำให้เกาเซิ่งอี้เกือบธาตุไฟเข้าแทรกโครม!เกาเซิ่งอี้ลืมดวงตาแดงก่ำขึ้นพึ่บ ควันฝุ่นฟุ้งอยู่โดยรอบ“ใคร! ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าใครก็อย่ารบกวนเวลาฉันฝึกตน?!”เมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธของเกาเซิ่งอี้ ฉีอวี่ไท่ที่อยู่ด้านนอกประตูก็ถึงก
“คุณคงไม่ได้บ้าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินกลอกตามองเซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยอารมณ์โมโห“ฉู่เฉิน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ คุณใช้ประโยชน์จากกองทหารรักษาการณ์อยู่ชัดๆ”ดวงตาคู่สวยเจือน้ำค้างแข็งของเซียวเสวี่ยอิ๋งจ้องฉู่เฉินอย่างเย็นชาเธอเห็นภาพเมื่อครู่นี้ชัดเจน ฉู่เฉินบอกให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่วส่งคนมาที่ฉู่ซื่อกรุ๊ปเพื่อเซ็นสัญญา เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้วเขาจะยืมมือของกองทหารรักษาการณ์จัดการกำจัดฉีเฮ่อเซวียนและคนอื่น ๆเขากล้าวางแผนถึงกองทหารรักษาการณ์ ฉู่เฉินใจกล้าเกินไปแล้วมั้ง“โปรดระวังคำพูดของคุณด้วย พวกเราร่วมมือกันต่างหาก แล้วคุณรู้ไหมว่าการร่วมมือกันคืออะไร? มันคือการที่ทุกฝ่ายเอาผลประโยชน์ของตัวเอง มีปัญหาอะไรเหรอ?”ฉู่เฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “คุณ…?”ใบหน้าเล็กของเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธจนขาวซีด เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว“คุณอะไรล่ะ? สัญญาก็อยู่บนโต๊ะ ถ้าคุณไม่เซ็น ก็ไปได้แล้ว”ฉู่เฉินไม่อยากเสียเวลาเถียงกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว ถ้าไม่เห็นแก่สภาพร่างกายที่พิเศษของเธอ ฉู่เฉินคงไล่เธอออกไปตั้งนานแล้วเซียวเสวี่ยอิ๋งโกรธฉู่เฉินจน
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข
บรรดาผู้ถือหุ้นที่เมื่อกี้ยังดูเหตุการณ์อยู่ก็คาดเดาล่วงหน้าได้ว่าหลิ่วหรูเยียนและฉู่เฉินจะถึงทางตันแน่ในเวลานี้แต่ละคนต่างออกหน้ามาทีละคนโดยมีฟางเหว่ยเป็นผู้นำหลัก“ท่านผู้นำหญิง ก็คือไอ้คนแซ่ฉู่ไม่เพียงทำร้ายต้วนเคอจนสลบ แถมยังทำร้ายผู้อำนวยการหลิวจนบาดเจ็บสาหัส ไอ้เด็กเวรนี่สมควรจะถูกยิงตายคาที่”“ใช่แล้ว ผมก็เห็นเหมือนกัน ต้วนเคอเขาก็แค่ให้นังเลวหลิ่วหรูเยียนเซ็นชื่อ ใครจะไปรู้ว่า ฉู่เฉินไม่พูดอะไรก็ลงมือทำร้ายคนทันที”“ใช่ครับ ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างเลย คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ”ผู้ถือหุ้นที่ก่อนหน้าที่ยังอยู่ฝั่งฉู่เฉินต่างทยอยกล่าวโทษฉู่เฉินขึ้นมาในเวลานี้หลิ่วหรูเยียนรู้สึกสิ้นหวังทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวโทษของผู้คนรอบข้างถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าตระกูลฉีเรียกคนจากฝ่ายทหารมา เธอจะต่อต้านไปทำไม?“ฉู่เฉิน นายไม่รู้หรือว่านายทำลายพวกเราสองแม่ลูก!”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับไข่มุกที่ขาดออกจากสร้อยเสียแรงที่เธอเชื่อใจฉู่เฉินขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ?ก็เพราะฉู่เฉินก่อเรื่องจนยุ่งเหยิงวุ่นวายครั้งนี้ไม่ใช่แค่มอบบริษัทไปแล้วจะจบง
“ในฐานะที่นายเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ พูดคำว่านังสารเลวสินะ มา วันนี้ถ้านายไม่อธิบายกับฉันอย่างชัดเจน ว่าอะไรถึงเรียกว่านังสารเลว เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่านายให้ตาย”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของหลิวจื้อซินผลัวะ!พลังแกร่งขุมหนึ่งทะลุร่างอวบอ้วนของหลิวจื้อซินจนกระแทกเข้ากับเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเขาลำพังแค่พลังแกร่งขุมเดียวก็ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นกลายเป็นขี้เลื่อยปลิวว่อนกลางอากาศเลยทีเดียว“ต่อต้านแล้ว…ต่อต้านแล้ว เร็ว…รีบโทรแจ้งความกรมตำรวจ!”หลิวจื้อซินในเวลานี้ ทั้งปาก จมูก หูมีแต่เลือดไหลราวกับเหงื่อไหลไคลย้อยตอนนี้เขาไม่สนหน้าตาอะไรแล้ว จิตใจคิดแต่จะรอให้คนของกรมตำรวจรีบมาถึงแล้วจัดการฉู่เฉินให้ตายซะ……เวลานี้เอง รถตำรวจสิบกว่าคันและรถทหารสองคันได้มาจอดที่หน้าอาคารฉู่ซื่อกรุ๊ปแทบจะในเวลาเดียวกันหลูติ้งไห่และเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ผลักประตูรถลงมามองสบตากันแล้วก็ตะลึงทันที“ผู้นำหลู?”“ผู้นำเซียว?”ทั้งสองจับมือกันโดยมีสีหน้าประหลาดใจ เซียวเสวี่ยอิ๋งมองตำรวจกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของหลูติ้งไห่แล้วก็ขมวดคิ้วกล่าว “ผู้นำหลู นี่คุณ…”เธอได้รับคำสั่งจากโฮ่วเจี้ยนอิง
ฉีเฮ่อเซวียนชำเลืองมองฉู่เฉิน แล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะร่าอย่างกะทันหันแล้วกล่าว “ไอ้หนุ่ม นายดีใจเร็วเกินไปไหม? นายคิดว่าทำร้ายต้วนเคอแล้วนายจะไม่เป็นอะไรหรือ?”กล่าวเสร็จฉีเฮ่อเซวียนก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตบบ่าฉู่เฉินและกล่าว “ไอ้หนุ่ม เรื่องสนุกมันต่อจากนี้”ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงเท้าวุ่นวายดังขึ้นจากในทางเดินฉีเฮ่อเซวียนฉีกยิ้มกล่าว “นายลองเดาดูว่าใครมา?”ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วยิ้มกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าเป็นใคร อย่าคิดจะได้ฉู่ซื่อกรุ๊ปไป”“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินกล่าวจบก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นวินาทีต่อมา ประตูห้องประชุมก็เปิดออกโดยชายวัยกลางคนสวมเสื้อลำลองเดินพุงพลุ้ยเข้ามาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองด้านหลังเขามีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบประมาณหกคนเดินตามมาด้วยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนแล้ว หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจหน้าซีดในทันที ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือหลิวจื้อซินซึ่งเป็นผู้อำนวยการกรมพาณิชย์ของเมืองเจียงจงเหตุการณ์เริ่มร้ายแรงแล้วสิแบบนี้“ฉู่เฉิน แย่แล้ว เป็นเรื่องแล้วรอบนี้”หลิ่วหรูเยียนจับแขนของฉู่เฉินไว้และกระซิบกล่าวหน้าซีดฉู่เฉินยิ้มให้หลิ่วหรูเยียน
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา