ฉู่เฉินยิ้มเย็นขณะสาวเท้าเข้าไป กระชากผมของหลิ่วชิงเหอ จับร่างเธอขึงติดกับกระจกใสบานใหญ่“เธออยากให้ฉันตายมากไม่ใช่เหรอ? ฉันขอเตือนให้เธอดูเวลาตอนนี้ให้ดีๆ!”หลิ่วชิงเหอส่ายหน้า พลางออกแรงดันฉู่เฉินออกไป พร้อมกับด่าสาดเสียเทเสียไปด้วย “ไอ้ฉู่เฉิน! ไอ้เดรัจฉาน แกอย่าคิดจะแตะต้อง…”เธอยังพูดไม่ทันจบ เสียงพูดก็เงียบหายไปในทันที!พอเห็นเข็มนาฬิกาชี้ไปที่สามโมงตรง หลิ่วชิงเหอรีบอ้อนวอนทันที “ฉู่เฉิน ฉันขอร้องแกได้ไหม? อีกไม่นานหรูเยียนก็จะกลับมาแล้ว”“ให้ฉันได้รักษาศักดิ์ศรีความเป็นแม่คนไว้หน่อยเถอะ ได้ไหม?”ฉู่เฉินเพียงยิ้มอย่างเย็นชาเป็นคำตอบให้หลิ่วชิงเหอ“เต๊ง เต๊ง เต๊ง!”เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาสามครั้งดังขึ้นจากห้องรับแขก หัวใจของหลิ่วชิงเหอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม……ในอีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนเพิ่งจะจบการประชุมช่วงบ่ายของวันนี้ เธอบิดขี้เกียจพร้อมกับหาวกว้างๆ ชุดทำงานสีดำบนตัวถูกเบียดจนเป็นทรงนูนเว้าไปตามการเคลื่อนไหวของเธอหลังจากเก็บกวาดเล็กน้อย หลิ่วหรูเยียนหันไปพูดกับเลขาว่า “หาคนขับส่งฉันกลับบ้านด้วย ฉันเหนื่อยแล้ว”วันนี้เธอยุ่งอยู่ทั้งวัน รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวตอนนี้เ
หลิ่วหรูเยียนได้ยินอย่างนั้น เธอกลับไม่ได้ตกใจเท่าหลิ่วชิงเหอยังไงซะวีดิโอที่ฉู่เฉินรักษาหลินรั่วเวยจนหายก็ได้แพร่ไปทั่วโซเชียลแล้ว แม้จะใช้เส้นสายขนาดไหนก็ไม่สามารถลบชื่อฉู่เฉินออกจากการแข่งขันได้แต่ทว่า ของปลอมไม่มีวันเป็นของจริงได้อยู่แล้ว“เขาก็แค่เข้ารอบแรก ไม่ได้ชนะได้รางวัลซักหน่อย คนที่บริษัทของเราส่งไปต่างหากที่เป็นม้ามืดคว้ารางวัลในครั้งนี้ได้”หลิ่วหรูเยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจเธอได้ส่งคนไปสืบเรื่องของหลี่จวิ้นเฟิงอย่างลับๆ แล้ว ศิษย์ผู้มีพรสวรรค์จากยอดเขาที่เจ็ดแห่งสำนักหมอเซียน ถึงแม้อายุน้อย แต่ทักษะด้านการแพทย์ไม่ได้ด้อยกว่าฮว่าจิ่วหยางมากนักคนแบบนี้ใช่คนที่จอมลวงโลกอย่างฉู่เฉินเทียบได้เสียที่ไหน?“หลี่จวิ้นเฟิงอะไรนั่นเก่งขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?”หลิ่วชิงเหอยังคงมีท่าทีสงสัยต่อเรื่องนี้เธอเคยเห็นความสามารถด้านการแพทย์ของฉู่เฉินมากับตา หนำซ้ำ วีดิโอที่เขารักษาหลินรั่วเวยเธอก็ดูมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้วด้วยไม่ใช่การแสดงอย่างแน่นอนหลิ่วชิงเหอส่งคนไปสืบเรื่องอาการป่วยของหลินรั่วเวยอย่างลับๆ ทุกอย่างเป็นความจริง อีกอย่าง อาการป่วยของหลินรั่วเวยก็หายแล้วจริงๆ“แม
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์จากเซี่ยฉีฉีดังขึ้นฉู่เฉินหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย เสียงอ่อนหวานของเซี่ยฉีฉีดังมาจากปลายสาย “ฉู่เฉิน ว่างไหม? ช่วงนี้ในเมืองเจียงจงมีร้านอาหารส่วนตัวเปิดใหม่ ถ้าไม่มีธุระอะไร ไปกินข้าวกับฉันหน่อยได้ไหม?”ปลายสาย เสียงของเซี่ยฉีฉีสะท้อนแววเขินอายอย่างชัดเจน เห็นได้ว่าเธอยังคงอยู่ในภวังค์หลังจากที่แยกกับฉู่เฉินเมื่อวาน“ได้ คุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปรับ”ฉู่เฉินพยักหน้าทันที“ฉันไปรับคุณดีกว่า รอฉันอยู่นั่นแหละ สิบนาทีก็ถึงแล้ว”พูดจบ เซี่ยฉีฉีก็วางสายไปผ่านไปไม่นาน หน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ก็มีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นฉู่เฉินเก็บกวาดเล็กน้อย จากนั้นก็กำชับอินซู่ซู่ว่า “จำไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ห้ามสู้กับคนอื่นง่ายๆ ต้องรอฉันกลับมาก่อน เข้าใจไหม?”อินซู่ซู่ได้รับบทเรียนจากหลี่เต้าผิงและกุหลาบเพลิง รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองยังอ่อนหัดเกินไป ไม่มีความสามารถมากพอที่จะช่วยฉู่เฉินแก้ปัญหาต่างๆ ได้ จึงได้แต่พยักหน้าอย่างหนักแน่น “อืม นายท่านวางใจได้ ฉันจะไม่วู่วามอีกแล้ว”ฉู่เฉินถึงได้ผลักประตูและเดินออกไปอย่างวางใจเวลานี้ เซี่ยฉีฉียืนพิงประตูรถโคโรลล่าอยู่ เธอยกมือเสย
ขณะที่เวลานี้ เซี่ยฉีฉีเองก็สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้ออันกำยำบนตัวของฉู่เฉินด้วยเช่นกันครั้นกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเพศชายลอยเข้ามาในโพรงจมูก หัวใจของเซี่ยฉีฉีเต้นเร็วจนเหมือนจะกระเด็นออกมาเวลานี้ ปากเล็กๆ ของเธออยู่ห่างจากปลายจมูกของฉู่เฉินไม่ถึงหนึ่งนิ้ว และท่าของพวกเขาในตอนนี้ก็ล่อแหลมสุดๆแค่ฉู่เฉินขยับปากเล็กน้อย เขาก็จะสัมผัสโดนกลีบปากที่ทาลิปของเธอแล้วฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงความเนียนเด้งและนุ่มลื่นจากผิวของเซี่ยฉีฉี จังหวะลมหายใจเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงผ่านไปสิบกว่าวินาที กว่าเซี่ยฉีฉีจะได้สติกลับมาจากเหตุสะเทือนขวัญเมื่อครู่ เธอหลุบตาต่ำเล็กน้อย ดวงตางามจับจ้องไปที่กลีบปากของฉู่เฉินที่กำลังหอบหายใจหนักๆ ดวงหน้าเรียวงามแดงแปร๊ดจนเหมือนจะมีเลือดหยดออกมาเซี่ยฉีฉีในตอนนี้ งดงามน่าหลงใหลดุจแสงอาทิตย์ยามสายัณห์“ฉู่เฉิน นะ…นายพกอาวุธอะไรมารึเปล่า? เหมือนมีอะไรทิ่มเอวฉันอยู่…”เซี่ยฉีฉีจ้องฉู่เฉินตาไม่กะพริบ“อะแฮ่ม!”ฉู่เฉินหน้าแดงกับคำถามของเธอ เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากปัญหาคือเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่สาวงามที่อยู่ตรงหน้ากลับน่าเย้ายวนจนเกินต้านนี่นาถ้าสาวสวยอยู่ตรงหน้า แต
“บริษัทยาเหรอ? งั้นถ้าบริษัทนายอยากทำโลโก้ ฉันช่วยได้นะ บริษัทของเราเชี่ยวชาญเรื่องนี้ อีกอย่างบริษัทใหญ่หลายที่ในมณฑลก็เป็นลูกค้าเก่าของเรา”“ด้านความน่าเชื่อถือและความสวยงาม นายไว้ใจได้เลย”เซี่ยฉีฉีเอ่ยพลางหยิบมือถือขึ้นมา ก่อนจะโชว์โลโก้ที่บันทึกเก็บไว้กว่าหนึ่งร้อยรูปให้ฉู่เฉินดูต้องยอมรับว่า วิสัยทัศน์ด้านความงามของเซี่ยฉีฉีเรียกได้ว่าอยู่ในระดับสูงมากทีเดียวหนำซ้ำมีหลายโลโก้ที่ไม่ว่าจะดูจากด้านแนวคิดการออกแบบ หรือสไตล์การออกแบบ ล้วนไม่แพ้แบรนด์ระดับนานาชาติ!“อืม แน่นอนอยู่แล้ว พอดีเลย เดี๋ยวอีกช่วงหนึ่งบริษัทของเราต้องนำเสนอยาตัวใหม่ ถึงตอนนั้นมอบหมายงานนี้ให้บริษัทของเธอก็แล้วกัน”ฉู่เฉินยิ้มบอกตอนนี้ยาบำรุงปราณยังขายแค่ในตลาดออฟไลน์ ถ้าเป็นที่รู้จักกันในตลาดเมื่อไร เขาก็จำเป็นต้องออกแบบโลโก้ที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้ามอบหมายเรื่องนี้ให้เซี่ยฉีฉี ฉู่เฉินเองก็ค่อนข้างวางใจทีเดียวในตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ของเซี่ยฉีฉีก็ดังขึ้น ฉู่เฉินกวาดสายตาไปที่หน้าจอ เป็นหมายเลขที่ถูกบันทึกไว้ว่า ‘คุณชายจาง’“ฉีฉี โทรศัพท์เธอน่ะ”ฉู่เฉินยื่นโทรศัพท์ให้ฉู่เฉินโดยไม่พูดอะไรพอเห็นชื่อที
“จางไห่หยาง คุณจะทำอะไร!”เซี่ยฉีฉีเห็นลูกน้องอันธพาลสิบกว่าคนนั้นถือท่อนไม้บ้าง มีดปอกผลไม้บ้าง เธอลุกขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะดึงฉู่เฉินไปหลบข้างหลัง“ทำอะไรงั้นเหรอ?”จางไห่หยางตวัดสายตาไปที่ฉู่เฉินซึ่งยังคงจิบชาอย่างสงบนิ่งดุจภูเขาไท่ซาน ก่อนจะยิ้มชั่วร้ายและบอกว่า “นางแพศยาเซี่ยฉีฉี ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าเธอ แต่เธอกลับไม่เห็นค่ามัน!”“ไสหัวออกไป!”พูดจบ จางไห่หยางก็เอื้อมมือมาจะดึงเซี่ยฉีฉีแต่มือของเขายังไม่ทันสัมผัสโดนแขนของเซี่ยฉีฉี เสียงอันเยือกเย็นก็ดังมาจากข้างหลังของเซี่ยฉีฉีก่อน“ไว้หน้าแล้วใช่ไหม?”“หมาหมู่รุมเห่าหอน ตอนแรกก็ไม่อยากใส่ใจ แต่นี่คิดจะใช้กำลังกันด้วย? ใจกล้ามาจากไหน!”พูดจบ จางไห่หยางยังไม่ทันตั้งตัว จู่ๆ ฉู่เฉินก็ลุกขึ้น สะบัดฝ่ามือใส่หน้าของจางไห่หยางอย่างแรงเพี๊ยะ!เสียงฝ่ามือปะทะเข้ากับกกหูดังก้องไปทั่วทั้งห้องจางไห่หยางหน้าอันไปอีกทาง ร่างของเขากระเด็นออกไปไกลถึงสองเมตรกว่า ก่อนที่หัวจะกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงส่งผลให้หัวแตกเลือดไหลอาบหน้า“คุณชายจาง ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”ลูกน้องสองคนรีบวิ่งเข้าไปประคองจางไห่หยางขึ้นมา“ไอ้เด็กเปรต แกอยากต
ฉู่เฉินหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้า ปรมาจารย์ยุทธ์?เฮ้อ เดี๋ยวนี้ปรมาจารย์ยุทธ์เกลื่อนกลาดขนาดนี้แล้วเหรอ?“ได้ แกโทรได้ตามสบาย แต่ฉันขอบอกแกไว้ให้ชัดๆ ตรงนี้เลยนะ ว่าถ้าวันนี้แกไม่ขอโทษเซี่ยฉีฉี ถึงเง็กเซียนฮ่องเต้มาก็ช่วยอะไรแกไม่ได้!”พูดจบ ฉู่เฉินก็ดึงเก้าอี้มานั่งขวางจังก้าอยู่หน้าประตูเห็นฉู่เฉินปิดทางเข้าออกห้องส่วนตัว พวกลูกสมุนของจางไห่หยางตกใจจนแทบฉี่ราดถึงแม้พวกเขาไม่ได้ผ่านโลกมามากมาย แต่พวกเขายังหวาดกลัวฝ่ามือเมื่อกี้ของฉู่เฉินไม่หายความรู้สึกอย่างนั้น เหมือนใช้ท่อนไม้ฟาดใส่ท่อนเหล็ก ฉู่เฉินไม่เพียงไม่เป็นอะไร พวกเขากลับเจ็บจนแขนชาไปหมดคนอย่างนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!ตระกูลจางมีสายสัมพันธ์กับปรมาจารย์ยุทธ์อยู่จริงๆ แต่ปัญหาคือคนอื่นเขาจะไว้หน้าจางไห่หยางที่เป็นรุ่นลูกของตระกูลจางหรือเปล่าถ้าเชิญปรมาจารย์ยุทธ์มาไม่สำเร็จ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะมีจุดจบยังไง ดีไม่ดี แม้แต่พวกเขาก็ยังต้องเอาชีวิตน้อยๆ มาทิ้งไว้ที่นี่ด้วย“เหอะ! ไอ้หนู แกรอฉันก่อนเถอะ!”จางไห่หยางพูดจบก็ค้นเบอร์โทรศัพท์และโทรศัพท์ออกทันทีรออยู่นาน กว่าอีกฝ่ายจะรับสายจางไห่หยางร้องคร่ำครวญทันทีที่อีกฝ่ายร
ปรมาจารย์ยุทธ์มาแล้ว!พวกจางไห่หยางดีใจมาก ลูกสมุนที่อยู่ด้านหนึ่งชี้ไปทางประตูใหญ่ และพูดอย่างลิงโลดว่า “คุณชายจาง ปรมาจารย์ยุทธ์โจว เขามาด้วยตัวเองเลยครับ”จางไห่หยางมองตามนิ้วมือของคนคนนั้น เห็นเพียงชายชราผมขาวคนหนึ่งสวมชุดฝึกยุทธ์สีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวถึงกลางหลัง ท่าทางสง่างาม ยืนในท่าเอามือไพล่หลัง เขากำลังเดินมาทางนี้โดยมีลูกศิษย์รายล้อมอยู่รอบๆพอเห็นปรมาจารย์ยุทธ์โจวมา จางไห่หยางกลับมามีความมั่นใจขึ้นหลายส่วนแม้อยู่ห่างกว่าหนึ่งร้อยเมตร คำพูดของฉู่เฉินกลับไม่อาจรอดพ้นหูของปรมาจารย์ยุทธ์โจวได้มิหนำซ้ำ เมื่อกี้ปรมาจารย์ยุทธ์โจวยังจงใจสำแดงวิชาขจรเสียงพันลี้อีกด้วย!ปรมาจารย์ยุทธ์ก็ยังเป็นปรมาจารย์ยุทธ์วันยังค่ำ แม้แต่ฉากเปิดตัวก็ยังต้องเว่อร์วังอลังการอย่างนี้!จางไห่หยางที่มีที่พึ่งตวัดสายตามองฉู่เฉินอย่างดูแคลน เขาดึงเก้าอี้มานั่งไขว่ห้าง จากนั้นก็ชำเลืองมองฉู่เฉินด้วยหางตาแววตาของเขาเหมือนกำลังมองเจ้าโง่คนหนึ่งที่ไม่รู้อะไรเลย“ไอ้แซ่ฉู่ แกคงไม่คิดว่าฉันจะเชิญปรมาจารย์โจวมาได้จริงๆ ใช่ไหมล่ะ? จะบอกอะไรให้ นี่แหละอำนาจของเงิน ต่อหน้าตระกูลจางของฉัน ถึงแกจะเป็นมังกรก็ย
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ
หลิงเสวี่ยมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนผู้เป็นดั่งเทพเจ้าในใจของเธอ ที่ขณะนี้กลับกำลังก้มหัวคำนับให้ฉู่เฉิน ความรู้สึกก็ซับซ้อนอย่างยิ่งหรือเป็นอย่างที่ฉู่เฉินเคยกล่าวไว้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่เธอเคารพราวเทพเจ้ามาโดยตลอด ช่างดูเล็กจ้อยราวกับมดตัวหนึ่งจริงเหรอ?เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ทั้งหมดนี้ เธอก็เถียงไม่ออก“ปะ… ปรมาจารย์…”น้ำตาของหลิงเสวี่ยไหลพรากลงมาแต่เธอไม่ได้ร้องไห้ให้ปรมาจารย์ว่านเจี้ยน แต่เป็นความเชื่อของตนที่ยึดมั่นมาหลายปี ที่ในเวลานี้มันพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง“ปรมาจารย์?”ฉู่เฉินจ้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอย่างเย็นชา ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “งั้นผมขอถามคุณหน่อยว่าคุณส่งพ่อแม่ของผมไปให้ใครต่อ”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ คุณอย่าถามเลย ผมพูดไม่ได้ แค่ผมพูดตัวตนของอีกฝ่ายออกมาก็จะระเบิดเป็นหมอกโลหิตทันที”ซี้ด ซี้ด!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็เข้าใจทันทีว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ถูกคนลงยันต์คุมวิญญาณเช่นกัน ตราบใดที่เอ่ยตัวตนของอีกฝ่ายออกมา ก็จะระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตเหมือนกับเกาเซ
ประตูหินหมื่นชั่งที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่แล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะถูกทำลาย ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ร้อนใจแทบจะกระอักเลือดออกมาแต่ในขณะนี้ ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ที่โจมตีมานานแต่ยังไม่สำเร็จ ก็เรียกเทพสังหารและคนอื่นๆ ให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่ประตูหินหมื่นชั่ง และศิษย์จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าดูแลประตูหินหมื่นชั่งก็ถูกแรงสั่นสะเทือนกระแทกจนเลือดสาดแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงยังกระอักเลือดล้มลง หมดเรี่ยวแรงในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าประตูภูเขาถูกทำลายลงและว่านโซ่วเซียนเวิงและพวกพ้องไม่ได้รับหยกโลหิตกิเลน แน่นอนว่าจะต้องระบายความโกรธกับศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนและทั้งวังเทียนเจี้ยนคงต้องนองไปด้วยเลือดเป็นแน่“คุณ...คุณฉู่ ขอร้องคุณแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถิด วิหารของวังเทียนเจี้ยนของผมเล็กเกินไปที่จะรองรับคนใหญ่คนโตเช่นคุณได้”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคุกเข่าลงพร้อมอ้อนวอนน้ำตานองหน้าเมื่อเห็นฉากนี้ หลิงเสวี่ยสับสนไปหมดแล้วทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉู่เฉินกล่าวไว้จริงๆ
ครั้งนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนยอมแพ้แล้วจริงๆ เพราะสองคนที่มาด้วยกันนั้นคือตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวของภูเขาหลางจวีซวีอันเลื่องชื่อ นักพรตแห่งน้ำไฟพวกเขาทั้งสองคนเป็นทั้งศิษย์พี่ศิษย์น้อง ทั้งยังมีชื่อเสียงเรื่องรักร่วมเพศอีกด้วย และตัวติดกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นสองผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณขั้นสูงสุด ทั่วทั้งภูเขาหลางจวีซวี ใครได้ยินชื่อเสียงของคนทั้งสองแล้วไม่ปวดหัวบ้าง?“แกคู่ควรมาขอเรียกร้องศักดิ์ศรีต่อหน้าพวกเราสองคนด้วยเหรอ?”หนึ่งในนักพรตก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของระดับทารกวิญญาณขั้นสูงสุดก็แผ่ลงมาประตูหินหมื่นจินที่โจมตีมานานก็ไม่พัง ทันใดนั้นก็เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่กว้างกว่าสามนิ้วแม้แต่ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ก็ก็ยังตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากประตูวังเทียนเจี้ยน“ครับ ครับ ครับ ผู้น้อยจะไปเชิญฉู่เฉินทันทีมาเดี๋ยวนี้ครับ”ในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหมดความอดทนแล้วและรีบร้อนวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่ในขณะนี้ เหล่าศิษย์วังเทียนเจี้ยนที่เดิมทียังคงโหวกเหวกโวยวายเพราะหลิงเสวี่ย ต่างก็หวาดกลัวจนเงียบกริบ คุกเข่าลงกับพื้นทีละคน ไ
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก