กู้รั่วเสวี่ยสัมผัสได้ถึงสายตาที่ราวกับจะฆ่าคนจากผู้คนรอบด้านที่ถูกส่งมายังฉู่เฉิน เธอเริ่มอดกังวลแทนฉู่เฉินไม่ได้ “ฉู่เฉิน พี่ยังไม่ต้องพูดอย่างมั่นใจขนาดนี้ก็ได้มั้ง ดูเหมือนทางนั้นจะมีแต่ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลหลายแห่งรักษาไม่หายนะ”ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ กู้รั่วเสวี่ยสังเกตเห็นโซนที่พักที่อยู่ข้างทางเข้าแต่แรกแล้ว ที่นั่นมีแต่ผู้ป่วยที่สีหน้าย่ำแย่ ร่างกายทรุดโทรมทั้งนั้นฉู่เฉินตบไหล่กลมมนของกู้รั่วเสวี่ยเบาๆ เป็นเชิงบอกเธอว่าไม่ต้องห่วงข่งลิ่งเจี๋ยหันไปพูดกับฮว่าจิ่วหยางอย่างย่ามใจว่า “อาวุโสฮว่า คุณได้ยินแล้วใช่ไหมครับ เขาเป็นคนพูดเองกับปาก”ฮว่าจิ่วหยางเองก็ไม่สะดวกจะพูดอะไรมากแต่ที่ต่างจากคนอื่นก็คือ เขาเคยเห็นฝีมือด้านการแพทย์ของฉู่เฉินมากับตาตัวเอง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพียงแต่มองข่งลิ่งเจี๋ยด้วยสายตาเย็นชา“ฉู่เฉิน อย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย ใช่ว่าแค่แกขยับปากก็จะทำได้ ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมา แกต้องโขกหัวขอโทษผู้ป่วย ครอบครัวของผู้ป่วย รวมถึงทุกคนในเหตุการณ์ด้วย!”“นอกจากนี้ แกต้องถอนตัวออกจากวงการแพทย์ด้วย กล้ารึเปล่า?”ฉู่เฉินยิ
ชายวัยกลางคนแยกเขี้ยวยิงฟันพลางนั่งลงตรงข้ามโต๊ะแพทย์ภายใต้การประคองของชายชุดดำร่างกำยำสองคน “ปรมาจารย์ฉู่ ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ร่างกายของผมเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว และพอตกกลางคืน หน้าอกก็เจ็บจนแทบจะขาดใจ ตอนนี้ขนาดดื่มน้ำ ท้องก็เหมือนมีคลื่นโหมซัดปั่นป่วนไปหมดเลยครับ” “บอกคุณตามตรง ผมไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว หมอบอกว่าโรคของผมไม่มีทางรักษาแล้ว คุณช่วยตรวจให้ผมทีครับว่าผมยังมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน?” ข่งลิ่งเจี๋ยกอดอก ยิ้มหยันพลางมองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง เขาไม่รู้จักคนอื่น แต่ว่าชายวัยกลางคนที่ชื่อจางหลงตรงหน้านี้เป็นคนโหดเหี้ยมจริง ๆในเจียงจง มีคำกล่าวไว้ว่ามังกรหาญปะทะหงส์สวรรค์ในเจียงจงมังกรหาญที่ว่าก็คือจางหลงที่อยู่ตรงหน้า ส่วนหงส์สวรรค์ย่อมเป็นโจวเทียนเฟิ่ง แม้ว่าทั้งสองคนคุมวงการใต้ดินของเจียงจงคนละครึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าความสามารถของจางหลงเหนือกว่าโจวเทียนเฟิ่งขั้นหนึ่งก่อนหน้านี้มีหัวหน้าอาจารย์แพทย์สี่ห้าคนจากโรงพยาบาลใหญ่ ๆ เกิดอุบัติเหตุรถชนไปตาม ๆ กันเพราะว่ารักษาอาการป่วยของจางหลงไม่ได้ ถึงขนาดที่ยังมีคนหนึ่งถูกรถบรรทุกชนจนตกลงไปในแม่น้ำทั้งครอบครัวสามคนต
เชี่ยเอ๊ย! ข่งลิ่งเจี๋ยที่กำลังเตรียมตัวซ้ำเติมก็มองอย่างเซ่อซ่า ไอ้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้แม่งโชคดีเป็นบ้าจริง ๆ แค่เตะเข้าที่หน้าอกทีเดียว กลับรักษาโรคของจางหลงให้หายได้แล้วเนี่ยนะ?! เวรเอ๊ย!ชั่วขณะหนึ่ง ข่งลิ่งเจี๋ยรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก! ฮว่าจิ่วหยางปาดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก สังเกตจางหลงอย่างละเอียด จางหลงในตอนนี้ยืดตัวตรง ดวงตาสองข้างส่องประกาย ไม่มีอาการป่วยเลย เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคนซี้ด! ยังมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริง ๆ! สายตานับร้อยที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อไม่ใช่เพราะว่าคนเหล่านี้คิดว่าวิชาแพทย์ของฉู่เฉินดีมากเพียงใด แต่เป็นเพราะโชคดีเกินไปแล้วคิดไม่ถึงว่าแบบนี้ก็ได้ด้วย มีโชคดีแบบนี้ไม่ไปซื้อลอตเตอรี่ก็น่าเสียดายแย่เลย“จางหลง จำไว้ให้ดีนะครับ ภายในสิบวันนี้ห้ามโมโห ไม่งั้นต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยไม่ได้แล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอย่างเฉยชา “ครับ ๆๆ ผมรับรองว่าเดือนนี้จะไม่โมโหใครทั้งนั้น ขอบคุณหมอเทวดาฉู่มาก ๆ ครับ วันหน้าผมจะแวะไปขอบคุณด้วยตัวเอง” จางหลงพูดจบก็พาลูกน
เมื่อคำพูดนี้ออกมา แฟนคลับมากมายของหลินรั่วเวยที่อยู่ในที่นี้ก็สงบใจไม่ได้ทันที ฉู่เฉินกล้าแช่งนางฟ้าของพวกเขาเหรอ?“แกสิเป็นมะเร็ง พวกแกเป็นมะเร็งเต้านมกันทั้งครอบครัว!”“แกพูดเหลวไหล! รั่วเวยหน้าแดงเปล่งปลั่งขนาดนี้จะเป็นมะเร็งได้ยังไง!” “ไอ้คนโกหก! แกก็เป็นแค่คนโกหก!”แต่หลินรั่วเวยกลับตะลึงงัน เงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเธอเพิ่งตรวจพบโรคมะเร็งเต้านมเมื่อสามเดือนก่อนจริง ๆ ตามที่หมอพูดมา ถ้าเกิดทำการผ่าตัดเอาออก บางทีอาจจะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ปัญหาคือเธออายุยังน้อย แถมยังเป็นบุคคลสาธารณะ ทำการผ่าตัดแบบนี้ก็เท่ากับทำลายอาชีพการงานของเธอหลายเดือนมานี้ เธอแทบจะตะลอนไปตามโรงพยาบาลใหญ่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่ผลที่ออกมาคือต้องทำการผ่าตัดเอาออกทั้งนั้นเลยเธอเองก็ตั้งใจว่าจะลองดูสักตั้งถึงได้สมัครมาเป็นอาสาสมัคร คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินวินิจฉัยโรคของเธอได้โดยที่ไม่ได้จับชีพจรด้วยซ้ำ “หมอเทวดาฉู่ ถ้าอย่างนั้นโรคของฉันยังรักษาได้ไหมคะ? ฉันหมายถึงว่าฉันทำการผ่าตัดไม่ได้จริง ๆ”ฉู่เฉินมองหลินรั่วเวยที่มีแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวังแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชาว่า “แ
อย่าว่าแต่หลินรั่วเวยรับไม่ได้เลย แม้แต่แฟนคลับที่อยู่รอบ ๆ หลินรั่วเวยต่างก็ด่าทอฉู่เฉินอย่างรุนแรง “คนแซ่ฉู่ นายแม่งอย่าหาข้ออ้างเลย เห็นคุณหลินหน้าตาสวยเลยอยากฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอชัด ๆ!” “ฉันก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์หลงจิง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ายังมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วย ฉันว่านายมันก็แค่คนลามกเท่านั้น!”“คุณหลิน คุณอย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาด เขาก็แค่คนหลอกลวง!”ข่งลิ่งเจี๋ยที่อยู่ทางด้านข้างเอ่ยพลางยิ้มหยันว่า “ฉู่เฉิน ฉันว่านายแม่งต้องการผู้หญิงจนฟั่นเฟือนไปแล้วสินะ? ถ้าเกิดลูบคลำหน้าอกก็รักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ งั้นยังต้องการโรงพยาบาลอีกทำไม!” “ใครแม่งนวดไม่เป็น?” แม้แต่กู้รั่วเสวี่ยก็มองฉู่เฉินด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ถ้าบอกว่าฉู่เฉินพูดแบบนี้เพื่อเอาเปรียบ ตีให้ตายเธอก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดฉู่เฉินเป็นนักวิจัยพัฒนายาบำรุงปราณ อาศัยแค่สถานะนี้ ขอเพียงฉู่เฉินต้องการ เขากวักมือก็มีผู้หญิงมากมายจนดันออกไปไม่ไหวแต่ว่านวดหน้าอกก็สามารถรักษาโรคมะเร็งเต้านมให้หายได้จริงเหรอ? ฮว่าจิ่วหยางที่อยู่ทางด้านข้างก็มีขีดดำขึ้นเต็มศีรษะเขาทำงานด้านการแพทย์มานานกว่าห้าสิบปี นี่เป็น
หลินรั่วเวยได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจจนสะดุ้ง! “งะ...งั้นผู้อาวุโสมีวิธีไหมคะ?” ฮว่าจิ่วหยางส่ายหน้าด้วยความจนปัญญาแล้วพูดว่า “คุณหลิน บางทีคนที่สามารถช่วยชีวิตคุณได้ในตอนนี้ มีเพียง...มีเพียงคุณฉู่คนเดียวเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้ออกมา สายตาเกือบทั้งหมดในงานต่างจับจ้องไปบนตัวของฉู่เฉิน หลินรั่วเวยชักแขนขาวเนียนดุจหิมะกลับมา เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากแล้วมองไปทางฉู่เฉิน เธอยังคงลังเลอยู่ อย่างไรก็ตาม คำพูดของฮว่าจิ่วหยางกลับทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นผ่านไปสักพัก หลินรั่วเวยถึงค่อยลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดเผือดแล้วพูดว่า “ก็ได้ค่ะ งะ...งั้นฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง แต่ว่า...” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยพลันเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ถ้าเกิดคุณกล้าหลอกฉัน ที่ปรึกษาทางกฎหมายของฉันไม่ได้ไร้ความสามารถหรอกนะ!” ในฐานะที่เป็นเน็ตไอดอลระดับท็อป หลินรั่วเวยย่อมมีทีมกฎหมายอยู่ข้างกาย แค่ฟ้องร้องก็สามารถทำให้ฉู่เฉินหมดตัวได้!“ถ้าเกิดรักษาไม่หาย ผมให้คุณจัดการลงโทษได้ตามใจชอบเลย”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มมั่นใจล้อเล่นน่า แค่โรคมะเร็งเต้านมเล็กน้อยจะนับเป็นอะไรได้ ถึงแม้วิชาที่มังกรเฒ่าถ่ายทอดไม่อ
ถึงแม้ตอนนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดอื่นจริง ๆ เขาแค่ต้องการรักษาหลินรั่วเวยให้หายดีเท่านั้น อย่างไรก็ตามในห้องโถงกว้างที่มีผู้คนมากมาย วิธีการรักษาเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆ เขาต้องคำนึงถึงชื่อเสียงและความรู้สึกของหลินรั่วเวยด้วยผู้อาวุโสฮว่าพยักหน้าเล็กน้อย เอามือชี้ไปยังประตูบานเล็กด้านหลังโซนพักผ่อนแล้วพลางพูดว่า “คุณฉู่ ทางนั้นมีห้องพักผ่อน ผมจะให้คนจัดห้องว่างให้คุณเดี๋ยวนี้ครับ”ฮว่าจิ่วหยางพูดจบก็รีบเดินเข้าไป เวลานี้ผู้คนที่มุงดูรอบ ๆ แทบอยากจะถลกหนังของฉู่เฉินทั้งเป็นแล้ว ถ้าอยู่ที่นี่พวกเขายังดูฉู่เฉินได้ ไม่ให้เขาฉวยโอกาสลวนลามหลินรั่วเวย แต่ถ้าไปที่ห้องกั้นเล็ก ๆ คนแซ่ฉู่คงไม่ได้ทำตามอำเภอใจหรอกเหรอ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย ต่อให้เป็นพวกทายาทเศรษฐีที่มีสาวสวยรายล้อมก็ทนยั่วยวนอย่างรุนแรงขนาดนี้ไม่ไหวเช่นกันเมื่อเห็นผู้อาวุโสฮว่าไล่พวกคนในห้องพักผ่อนออกมาแล้วกวักมือเรียกฉู่เฉินกับหลินรั่วเวย แฟนคลับชายหนึ่งในนั้นก็ควบคุมอารมณ์ร้อนในใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาก้าวออกมาขวางหน้าหลินรั่วเวยกับฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “เพื่อนนักเรียนเสี่ยวหลิน คุณเชื่อเขาไม่ได้นะ!” “ชายโสด
หลินรั่วเวยส่ายหน้าพูดว่า “ไม่เจ็บค่ะ ไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว...” เวลานี้เธอเหมือนกับเข้าสู่โลกใบใหม่ เบื้องหน้ามีเพียงแสดงแดดอบอุ่น ราวกับว่าตัวเธอได้อาบแสงตะวันจนหมดไม่ถึงห้านาที หลินรั่วเวยอิงแอบกายฉู่เฉินโดยไม่รู้ตัว รู้สึกได้จากทางด้านหลังถึงแผงอกอันแข็งแกร่งและจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของฉู่เฉิน หลินรั่วเวยก็เผลอหอบหายใจเบา ๆ ออกมาความรู้สึกที่ถูกพลังของเพศชายโอบล้อมปกป้องโดยสมบูรณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยมีมาก่อนขณะที่ฉู่เฉินขยับมือ หลินรั่วเวยก็รู้สึกว่ามีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่ได้ตั้งใจ “มาเถอะ คุณนอนลงก่อน” ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วพูดพลางชี้ไปยังเตียงที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อความรู้สึกอบอุ่นบนร่างหายไป หลินรั่วเวยเหมือนตกใจตื่นขึ้นมาจากฝัน เธอถึงค่อยพบว่าตัวเองกำลังมองหน้าฉู่เฉินอยู่หลินรั่วเวยอายจนเอามือสองข้างปิดดวงหน้าเล็ก ๆ ทันที เธอโอ้เอ้อยู่พักใหญ่ถึงค่อยเอนตัวนอนลงบนเตียง เชี่ยเอ๊ย! ท้องน้อยเกลี้ยงเกลาดั่งหยก และกล้ามหน้าท้องที่ชัดเจนนี้ เรือนร่างนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจริง ๆเมื่อกวาดตามองขอบลูกไม้สีดำที่โผล่ออกมาบนเอวของหลินรั่วเวย ฉู่เฉินก
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา
“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว การประชุมบอร์ดผู้บริหารสามารถเริ่มได้ยังคะ? พวกผู้ถือหุ้นเริ่มจะทนรอไม่ไหวแล้วค่ะ”เวลานี้เองเสมียนของฉู่ซื่อกรุ๊ปก้าวเข้ามายังห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่อย่างเร่งรีบ และกล่าวกับหลิ่วหรูเยียน“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารออีกหนึ่งนาที”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบแล้วหันหน้ามามองฉู่เฉิน“ได้ค่ะ”เสมียนตอบรับแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว“ฉู่เฉิน…”หลิ่วหรูเยียนไม่ทันกล่าว ฉู่เฉินก็ยกมือกล่าวตัดบท “หลิ่วชิงเหอล่ะ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้หลิ่วชิงเหอคงไม่ได้ให้เธอมาคนเดียวใช่ไหม?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วหน้าซีดเล็กน้อย กล่าวด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ “เอ่อ แม่ฉันมีเรื่องสำคัญมาก เมื่อคืนวานก็ออกจากเจียงจงไปแล้ว”“น่าจะวันมะรืนถึงจะกลับมา ดังนั้นเรื่องของบริษัท นายช่วยฉันได้ไหม?”ฉู่เฉินฟังแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อย จ้องหลิ่วหรูเยียนที่เริ่มลนลานสักพัก จึงพยักหน้ากล่าว “ไปกันเถอะ ต่อให้หลบยังไงก็หลบไม่พ้นเหมือนสำนวนจีนที่ว่าลูกสะใภ้ขี้เหร่ยังไงก็ต้องเจอพ่อแม่สามี”กล่าวจบ ฉู่เฉินก็จูงข้อมือของหลิ่วหรูเยียนและเดินไปยังห้องประชุมปัง!ฉู่เฉินผลักประตูห้องประชุมอย่างแรง
……ในตอนที่ฉู่เฉินและต้วนหลิงเวยออกจากห้องอาบน้ำอีกครั้งก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วดูเหมือนว่าเนื่องจากการเพิ่มระดับพลังสองขั้นรวดแล้ว ใบหน้าเล็กที่แสนจะแดงก่ำของต้วนหลิงเวยนั้นก็เต็มไปด้วยความสุขมองดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาห่างจากการประชุมบอร์ดผู้บริหารของฉู่ซื่อกรุ๊ปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉู่เฉินจึงกินข้าวเช้าหนึ่งคำอย่างลวก ๆ จากนั้นรีบเดินออกจากประตูวิลล่าจนมาถึงประตูใหญ่ของวิลล่าเฟิ่งหมิง ก็เห็นเจ้าทึ่มซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เงยหน้ามองดูพระอาทิตย์บนท้องฟ้าแสงสว่างจ้าฉู่เฉินขมวดคิ้วคิดว่าไม่ค่อยเข้ากับเสื้อชุดนี้สักเท่าไหร่ จึงเข้าไปนั่งในรถแล้วสั่งให้ต้วนหลิงเวยไปซื้อชุดยามรักษาความปลอดภัยกลับมาเปลี่ยนให้เจ้าทึ่มเห็นประตูใหญ่ก็ต้องทำให้สมกับได้เห็นประตูใหญ่หน่อยสิฉู่เฉินสตาร์ตเครื่องแล้วรีบขับจนมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่ของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเวลาไม่นานต้าหลิงจื่อกำลังยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าด้วยความร้อนใจก็เห็นฉู่เฉินเปิดประตูรถลงมา จึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับด้วยรองเท้าส้นสูงแม้ว่าขาสวยงามของต้าหลิงจื่อจะดูหนาไปเล็กน้อย แต่ถุงน่องสีเนื้อใต้ชุดกระโปรงทำงานสั้นนั้นก็ทำให้คนร
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าวิชาของมังกรเฒ่าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆด้วยวิชาบำเพ็ญคู่บวกกับการแช่โอสถ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกถึงพลังวิญญาณภายในร่างกายของเขากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานก็บรรลุจุดวิกฤติในการเลื่อนขั้นนั้นได้อีกครั้งตูม!พลังวิญญาณทำลายพันธนาการ รอบกายฉู่เฉินเกิดแสงเรืองรองสีทองเคลือบหนึ่งชั้นภายในห้องอาบน้ำสว่างจ้าไปด้วยแสงสีทองแม้แต่เงาร่างเสมือนมังกรภายในกายของฉู่เฉินก็เปลี่ยนแปลงจนเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดของน้ำที่กระเซ็นส่วนต้วนหลิงเสวี่ยที่นอนราบข้างอ่างอาบน้ำ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระทบอย่างต่อเนื่องจากด้านหลังจนพลังวิญญาณภายในร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ทะลวงจนเลื่อนขั้นได้อีกครั้ง ระดับพลังหยุดอยู่ที่ระดับฝึกปราณชั้นแปดและในชั่วพริบตาที่ต้วนหลิงเสวี่ยกำลังเลื่อนขั้นพลังได้นั้นเอง ฉู่เฉินก็ทำลายพันธนาการจนทะลวงเลื่อนสู่ระดับระดับสร้างรากฐานขั้นสี่เลื่อนขั้นระดับพลังได้ติดต่อกับสามขั้นรวดเดียวแบบนี้ ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขณะที่ปราณและเลือดภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำเอา
ก๊อก!ในเวลาที่ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้น ใต้โต๊ะก็เกิดเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง!เซียวเฟิงก้มหน้ามองไปยังใต้โต๊ะด้วยความแปลกใจ หลิ่วหรูเยียนเก็บมือกลับมาในช่วงเวลาเดียวกับที่เซียวเฟิงก้มตัวมอง แต่เพราะเหตุนี้เมื่อมองจากมุมของเซียวเฟิงก็ทำให้เขาตะลึงมากเวลาฉู่เฉินกินข้าว ตรงนั้นห้าวหาญได้ขนาดนี้เชียว?หลิ่วหรูเยียนฉวยโอกาสนี้วางตะเกียบและถ้วยชามลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มกล่าวกับทุกคนว่า “พวกคุณกินกันก่อนได้เลยค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ”ฮะ?ฉู่เฉินรีบเงยหน้าหันขวับไปมองหลิ่วหรูเยียนแกล้งฉันเกินครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ฉันเกือบจะถูกเปิดโปงใต้โต๊ะแล้ว แต่เธอบอกจะไปก็ไปเนี่ยนะ?“ขอบคุณการรักษาด้วยสปาของคุณฉู่นะคะ บ๊ายบาย”หลิ่วหรูเยียนยังไม่ลืมโบกมือลาฉู่เฉินที่หน้าแดงก่ำอยู่ จากนั้นขาเรียวงามนั้นก็เดินส่ายสะโพกสวยไปมาแล้วหายไปจากสายตาของฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนลุกจากที่นั่งแล้ว ต้วนหลิงเวยก็ไม่พลาดโอกาสเข้ามาแทนที่จึงได้นั่งข้างฉู่เฉิน ดวงตางามคู่นั้นชำเลืองมองใต้โต๊ะเป็นระยะ ๆอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ดวงตาคู่งามของเธอนั้นระยิบระยับมีเสน่ห์เวลาไม่นาน
ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะมีอคติกับฉู่เฉินตลอดมา แต่วันนั้นฉู่เฉินทั้งโอบทั้งกอดน้องเซียวเสวี่ยอิ๋งของเขาต่อหน้าคนมากมายแบบนั้น ทั้งที่ทั้งสองคนยังไม่ได้คบกันอย่างเปิดเผยสักหน่อย แต่รอบกายฉู่เฉินกลับมีผู้หญิงมากมายขนาดนั้นแล้วนี่คืออะไรกัน?สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อาจทนเห็นเซียวเสวี่ยอิ๋งเสียเปรียบได้นั่นเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาเลยนะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ซิสค่อน แต่เซียวเฟิงจะไม่ยอมให้ฉู่เฉินมีคนอื่นแต่ก็ยังเหล่น้องสาวเขาแน่“ท่านนี้คือผู้จัดการใหญ่หลิ่วของฉู่ซื่อกรุ๊ป ชื่อหลิ่วหรูเยียน มาให้ฉันช่วยรักษาอาการให้น่ะ เมื่อกี้รักษาด้วยวารีบำบัดให้เขา เสียงกรีดร้องนั้นพวกคุณก็ได้ยินกันแล้วสินะ?”ฉู่เฉินตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มรักษาด้วยวารีบำบัด?หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วเม้มปากโดยไม่รู้ตัว วารีบำบัดที่ไหนทำกันแบบนี้ฮะ?จนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกถึงความเจ็บจี๊ดอยู่เลยนะ“วะ…วารีบำบัด?”ไม่เพียงแค่เซียวเฟิงคนเดียวที่ขมวดคิ้ว แม้แต่ถานเฟยก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ“ไม่จำเป็นต้องมาสนใจเรื่องยิบย่อยเหล่านี้ ทุกคนคงหิวกันแล้วใช่ไหม กินข้าวกันเถอะ”ขณะกล่าวฉู่เฉินก็เดินไปนั่งตรงกลางระหว่างต้วนหลิงเสวี่
เซียวเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วค่อยนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถานเฟย แต่สายตายังคงมองไปทางอาคารปีกตะวันออกเป็นระยะหลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีเต็ม ประตูห้องรับแขกก็เปิดออก ก่อนที่ฉู่เฉินจะเดินเข้ามาในห้องรับแขก“คุณฉู่”ถานเฟยกับเซียวเฟิงพากันลุกขึ้น แล้วผงกศีรษะทักทายฉู่เฉินฉู่เฉินยิ้มพลางโบกมือกล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน นั่งสิครับ”เมื่อพูดจบก็ให้ต้วนหลิงเวยรินชาหอมให้ทั้งสองคน ฉู่เฉินดื่มน้ำชาไปด้วย ยิ้มพลางเอ่ยปากพูดไปด้วยว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน ดึกดื่นมาเยี่ยมกัน มีธุระเหรอครับ?” ถานเฟยสบตากับเซียวเฟิงแวบหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยปากพูดอย่างเขินอายว่า “คุณชายฉู่ พูดแบบไม่ปิดบังเลยนะครับ ผมมาเจียงจงครั้งนี้ก็เพื่อขอให้คุณฉู่ลงมือช่วยเหลือ”“คุณยังจำเรื่องของสำนักว่านเซี๋ยได้หรือเปล่าครับ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยภาพถ่ายที่ถานเฟยให้เขาดูบนเฮลิคอปเตอร์ แต่ละใบล้วนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบรวมไปถึงซากแขนขาที่มีเลือดนองพื้น ฉู่เฉินไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิต“จากเบาะแสที่คุณฉู่ให้มา ตอนนี้แก๊งมังกรจับตัวคนของสำนักว่านเซี๋ยได้หลายคนแล้วจริง ๆ จากคำให้การของพวกเขา ยังมีบุ
ฉู่เฉินที่ถลกชายกระโปรงของต้วนหลิงเวยขึ้นมา เตรียมจะทำการใหญ่ก็ตกใจเสียงร้องของหลิ่วหรูเยียนจนสะดุ้ง เขารีบหันหน้ามองไปทางหน้าประตู เห็นว่าเป็นหลิ่วหรูเยียนก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้เจ้าทึ่มไม่ดูประตูใหญ่ หนีไปเตร็ดเตร่ที่ไหนอีกแล้วคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ยังบุกเข้ามาในห้องอาบน้ำของอาคารปีกตะวันออกได้โชคดีที่เป็นคนที่มาอาบนวดให้เขา ถ้าเกิดเป็นคนร้ายละก็ เช่นนั้นก็เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงแล้วไม่ใช่หรือไง“ฉะ ฉู่เฉิน นาย...”ฉู่เฉินเหลือกตาใส่หลิ่วหรูเยียนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “อะไรของเธอ เข้ามาทดสอบอุณหภูมิน้ำสิ” เขากล่าวจบก็ตบสะโพกอวบอิ่มของต้วนหลิงเวยที่ทำหน้าผิดหวังไปหนึ่งฉาด ฝ่ายหลังได้แต่ทำปากยื่น กระทืบเท้า บิดเอวแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำหลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินที่แทบจะระเบิดโลก ในใจรู้สึกประหม่าถึงขีดสุดด้วยความรู้สึกที่ทั้งอยากรู้และประหม่า หลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ถอดชุดทำงานและกระโปรงมินิสเกิร์ตออก เหลือไว้เพียงชุดชั้นในลูกไม้สีดำ เรียวขาขาวเนียนทั้งสองข้างส่ายไหว บิดเอวก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำเสียงน้ำดังซ่า ๆ ควบคู่ไปกับฉู่เฉินที่ก้าวเข้ามาใกล้หลิ่วหรูเยียน เขาเอื้อมมือไปจั
เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือนักพรตชิวสุ่ยที่ช่วยย้ายบ้านเมื่อตอนกลางวัน ต้วนหลิงเวยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมถึงเป็นคุณ?”นักพรตชิวสุ่ยรีบทำหน้ายิ้มแย้มให้ แล้วกวักมือเรียกนักพรตเด็กหลายคนที่อยู่ด้านหลัง นักพรตเด็กสิบกว่าคนที่แบกถุงกระสอบก็เดินมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“คุณหนูท่านนี้ หลายวันก่อนรู้ว่าคุณฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ มาแสดงความห่วงใยไม่ได้เลย นี่เป็นสมุนไพรร้อยปีที่เก็บรักษาไว้ในคลังยาของสำนักเสวียนเทียนเรา ตั้งใจนำมามอบให้คุณฉู่โดยเฉพาะครับ” นักพรตชิวสุ่ยกล่าวจบก็ยังชะเง้อคอ มองเข้าไปในวิลล่าเฟิ่งหมิงแวบหนึ่ง“มองอะไร!”ต้วนหลิงเวยถลึงดวงตางาม เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ทิ้งสมุนไพรไว้ คุณไปได้แล้ว รบกวนการพักผ่อนของนายท่าน ระวังหัวของคุณไว้ด้วยละ!”เดิมทีต้วนหลิงเวยข่มกลั้นเพลิงตัณหาไว้ในใจอยู่แล้ว เมื่อเห็นดวงตาสองข้างของนักพรตชิวสุ่ยกวาดมองไปทั่วก็ยิ่งเดือดดาล เธอหิ้วถุงกระสอบบนพื้นขึ้นมา ก่อนจะหันกายเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเงาหลังอันอ่อนช้อยให้นักพรตชิวสุ่ยเมื่อโดนปิดประตูไม่ต้อนรับแขก นักพรตชิวสุ่ยก็ได้แต่จากไปด้วยความอับอายแต่เขาเ