เมื่อได้ยินเสียงถกเถียงของฝูงชนข้างล่างเวที ฉู่เฉินพยักหน้าพร้อมยิ้มเล็กน้อยให้กับโจวว่านคัง “ได้ครับ ยินดีต้อนรับผู้อาวุโสท่านนี้ขึ้นมาบนเวทีได้ตลอดเวลาเลยครับ ขอเรียนเชิญครับ” โจวว่านคังก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยศีรษะที่ยกสูงและมั่นใจ เดินไปตรงหน้าจงอาหู่ รับขวดเซรามิกมาจากมือของเขา ในตอนที่จะเปิดฝานั้น เขาก็ยังตั้งใจมองไปที่ฉู่เฉิน “น้องชาย ขออภัยด้วย”ฉู่เฉินพยักหน้าพร้อมยิ้มเล็กน้อยให้กับโจวว่านคัง หลังจากนั้นก็แบนสายตาไปทางอื่นเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าโจวกำลังเปิดขวดเซรามิก เทยาลูกกลอนบนฝ่ามือหนึ่งเม็ด หัวใจของทุกคนเต้นแรงว่าราวกับว่ามันจะตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มโดยเฉพาะหลิ่วหรูเยียนสองแม่ลูกที่เพิ่งสงสัยฉู่เฉินไปเมื่อครู่ ก็ต่างพากันลุกยืนขึ้น เขย่งปลายเท้าเบิกตาโตจ้องมองไปที่โจวว่านคังผ่านไปสักพัก โจวว่านคังถึงนำยาลูกกลอนนั้นใส่กลับไปที่ขวดเซรามิกที่เดิมอย่างเคร่งขรึม“ท่านโจวเป็นอย่างไรบ้าง ของจริงไหมคะ?”หลิ่วชิงเหอกักเก็บความรู้สึกกังวลภายในใจไว้ไม่อยู่ จึงทำลายความเงียบนั้นเมื่อโจวว่านคังได้สติก็มองไปที่หลิ่วชิงเหอ และหลิ่วหรูเยียนสีหน้าเคร่งขรึมที่ยืนข้างๆ เขาเดินเข้าอย่างไร
หลังจากที่ขับไล่เหล่าตัวแทนบริษัทที่โห่ร้องออกไปแล้ว สีหน้าของฉู่เฉินถึงเรียบนิ่งขึ้นแล้วพูดขึ้นมาว่า “วันนี้ทุกท่านที่ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะได้รับสิทธิการจำหน่ายยาบำรุงปราณไปแล้วหรือไม่ ในภายหลังก็ยังมีโอกาสที่จะได้เป็นพาร์ทเนอร์ของพวกเรา”“ดังนั้นผมของพูดไว้ตรงนี้เลย อย่างแรกไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถเปลี่ยนราคาได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกนำเข้าบัญชีดำ ยกเลิกการร่วมมือกันตลอดไป!”“อย่างที่สองยาลูกกลอนทั้งหมด ราคาปกติคือราคาซื้อเม็ดละห้าล้านบาท และราคาขายเม็ดละยี่สิบห้าล้านบาท และพวกเราสองฝ่ายที่ร่วมมือกันแบ่งกันคนละห้าสิบเปอร์เซ็นต์”เมื่อคำพูดนี้ของฉู่เฉินออกไป เหล่าบริษัทที่ได้รับสิทธิการจำหน่ายก็ต่างพากันปรบมือห้าสิบเปอร์เซ็นต์ฟังดูเหมือนจำนวนไม่เยอะ แต่ยาลูกกลอนหนึ่งเม็ดกำไรสุทธิอยู่ที่ยี่สิบล้าน ถ้าห้าสิบห้าสิบก็สิบล้านเชียวนะสำหรับบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานนั้น ขอเพียงแค่ขายยาลูกกลอนได้สิบเม็ดก็เท่ากับมูลค่าการผลิตทั้งปีของบริษัทพวกเขาแล้วเมื่อเห็นสายตาที่ทั้งเคารพและชื่นชมฉู่เฉินจากฝูงชน หลิ่วหรูเยียนก็รู้สึกเหมือนถูกกระแทกอย่างแรงเข้าที่อก เมื่อเดือนก่อนฉู่เฉินยังเป็นแค่ไอ
หลิ่วหรูเยียนในขณะนี้ กลับใช้สายตาลุกเป็นไฟมองไปที่ฉู่เฉิน แววตาไม่มีความเกลียดชังแม้แต่น้อย แต่กลับมีความกระตือรือร้นที่ไม่อาจปกปิดได้เพราะว่าในตอนนี้ในมือเธอยังมีไพ่อีกใบที่ยังไม่ได้ใช้!บางทีฉู่เฉินในวันนี้ อาจจะเป็นตัวเธอในอนาคต ไม่สิ!ความสำเร็จของเธอจะต้องไปไกลกว่าฉู่เฉินไอ้คนไร้ประโยชน์นี่อย่างแน่นอนเมื่อนึกได้แบบนี้ หลิ่วหรูเยียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างฮึกเหิม ส่งข้อความไปหนึ่งข้อความ“โอเคครับ เวลาหลังจากนี้ทุกคนสามารถพูดคุยกันได้เลยนะครับ หากมีปัญหาอะไรผมสามารถตอบทุกคนได้ทุกเมื่อครับ”ฉู่เฉินพูดจบก็เดินลงมาจากแท่นพูดเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินมาถึงก็นั่งลงโต๊ะกลมข้างๆ แท่นพูด โจวว่านคังก็รีบเดินตามไป“คุณฉู่ ผมประทับใจในความสำเร็จของคุณในทางการแพทย์มากๆ ผมคนนี้ประทับใจมากจริงๆ ผมมีเรื่องอยากจะร้องขอคุณฉู่เรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าคุณฉู่จะตอบตกลงหรือไม่?”ฉู่เฉินได้รับความชื่นชมจากโจวว่านคังมากถึงขนาดที่เขาแสดงทัศนคติที่ถ่อมตัวมากฉู่เฉินมีความประทับใจที่ดีมากต่อโจวว่านคัง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าพร้อมพูดขึ้นมาว่า “ท่านมีเรื่องอะไรพูดออกมาได้เลยครับ หากผมสามารถทำได้
“ท่านโจว ทำไมท่านทำแบบนี้ล่ะครับ?”ฉู่เฉินรีบพยุงโจวว่านคังขึ้นมาจากพื้น“คุณฉู่ ทักษะการแพทย์ของคุณขั้นเทพแล้วครับ ผมก็ได้มีประสบการณ์บางอย่างในชีวิตมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นใครที่สามารถเปรียบเทียบกับคุณฉู่ได้ในรอบหลายสิบปีเลย”“หากใช้พรสวรรค์ของคุณ อนาคตของคุณจะไร้ขีดจำกัด หากถามความเห็นของผม ผมว่าคุณฉู่ควรจะแสดงให้คนทั้งโลกประจักษ์ความสามารถของคุณนะครับ และการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นเวทีที่ไม่เลวเลย ไม่ทราบว่าคุณฉู่เคยคิดเข้าร่วมบ้างไหมครับ?”โจวว่านคังพูดถึงความคิดภายในใจตนเองอย่างไม่อ้อมค้อมบุคคลที่มีความสามารถแบบฉู่เฉินแบบนี้ หากไม่ได้เฉิดฉาย เช่นนั้นก็จะเป็นความสูญเสียของวงการแพทย์แผนจีน อีกทั้งยังเป็นความสูญเสียของแดนมังกรอีกด้วยในฐานะที่เขาเคยดำรงตำแหน่งประธานสมาคมแพทย์แผนจีน โจวว่านคังแทบจะใช้น้ำเสียงอ้อนวอนเพื่อเชื้อเชิญฉู่เฉิน“การแข่งขันแพทย์แผนจีนอีกแล้วเหรอ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อไม่กี่วันก่อนฮว่าจิ่วหยางมาเชิญเขาด้วยตนเอง อีกทั้งฉู่เฉินเองก็ตอบรับเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ว่าวันนี้โจวว่านคังก็ยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะเข้าร่วม นั่นกลับทำให้ฉู่เฉินกลัดกลุ้มใ
หลินชือหย่าที่เดินไปทางลานจอดรถไปด้วย กำลังต่อสายหาประธานหลินหลินฟางเจิ้งของหลินซื่อกรุ๊ปไปด้วย ก็นำผลงานแถลงข่าวรายงานให้เขาฟังอีกครั้งหนึ่ง“ไม่ได้! ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามจำเป็นต้องได้รับสิทธิการจำหน่ายมาให้ได้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของหลินซื่อกรุ๊ป! หลาน เมื่อกี้หลานพูดเองไม่ใช่เหรอว่าคนแซ่ฉู่นั่นดูไม่ได้เป็นคนดีมากเท่าไหร่...”“อารองคงไม่ได้จะให้หนู...”ร่างกายอันละเอียดอ่อนของหลินชือหย่าสั่นเล็กน้อย และใบหน้าของเธอก็ซีดเซียวราวกับกระดาษทันที“แน่นอนว่าอาไม่ได้จะให้หลานอุทิศตนให้แพทย์แผนจีนต่ำต้อยนั่น สิ่งของที่ได้มาอย่างง่ายดายมักจะถูกไม่เห็นค่าเสมอ เอาแบบนี้ดีกว่าอีกเดี๋ยวอาจะรีบไปที่ตึกเทียนเฟิ่ง หลานรออาอยู่ที่ลานจอดรถ เมื่อถึงตอนนั้นทำตามที่อาบอกก็พอ”พูดจบก็ตัดสายไปใบหน้าเล็กๆ ที่น่ารักของหลินชือหย่าแสดงความเศร้าเล็กน้อยตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน หลินซื่อกรุ๊ปก็ถูกส่งต่อไปให้อารองแต่ว่าในช่วงไม่กี่ปีนี้หลินฟางเจิ้งพยายามคิดหาวิธีที่จะใช้หลินชือหย่า และยังบังคับให้เธอตกเป็นเหยื่อของการแต่งงานเพื่อธุรกิจหลายครั้งแ
ใช่แล้วล่ะ!ในใจของเธอ ฉู่เฉินก็เป็นแค่คนโกหกหลอกลวงคนหนึ่งคนไร้ประโยชน์คนหนึ่งจะสามารถหลอมยาบำรุงปราณออกมาได้อย่างไร?หากฉู่เฉินมีความสามารถแบบนั้นจริง ทำไมพวกเธอสองแม่ลูกจึงไม่รู้ล่ะ อีกทั้งยังถูกขังไว้นานกว่าสามปีอีกด้วย?แค่คิดก็ไม่สมเหตุสมผลแล้ว“เธอดูมั่นใจมากเลยนะ?”สายตาที่คุกคามมองไปที่เนินหิมะขาวของหลิ่วหรูเยียน“มองอะไร แกมันก็แค่ไอ้คนไร้ประโยชน์ มองไปก็เท่านั้น!”หลิ่วหรูเยียนรีบยกมือขึ้นมาปิดที่หน้าอก เธอสาปแช่งด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า“มองเธองั้นเหรอ? เธอประเมินตัวเองสูงไปหรือเปล่า อีกอย่างนะส่วนไหนในร่างกายของเธอบ้างที่ฉันไม่เคยเห็น? แม้แต่ปานบนก้นเธอรูปร่างเป็นอย่างไร ฉันก็รู้หมดนั่นแหละ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์สามปีที่ผ่านมานี้สองแม่ลูกไม่เคยแม้แต่จะหลบซ่อนเขาตอนอาบน้ำเลย แล้วจะมีความลับอะไรอีกล่ะ?“แก... หน้าไม่อาย!”หลิ่วหรูเยียนกระทืบเท้าเล็ก ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ “ฉู่เฉิน แกอย่าได้ใจให้มันมากไปเลย ในการแข่งขันแพทย์แผนจีนฉันจะเปิดโปงแกต่อหน้าทุกคน!”“ให้ทุกคนได้เห็นว่าธาตุแท้ของคนไม่ได้เรื่องแบบแกเป็นอย่างไร!”ฉู่เฉินได้ยินดังนั้นก็อ
ฉู่เฉินก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป ระยะเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาที ภายในรถก็มีเสียงครางไม่ได้ศัพท์ดังออกมาในขณะที่ฉู่เฉินกำลังโชว์ศักยภาพของเขาอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของกู้รั่วเสวี่ยก็ดังขึ้นมากะทันหัน ทำเอากู้รั่วเสวี่ยที่กำลังร่วมสงครามรักอยู่นั้นตกใจจนอกสั่นขวัญแขวนอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านก็ถูกดับลงทันทีเธอหอยหายใจผละออกมาจากอ้อมอกของฉู่เฉินเธอมองไปที่ปลายสาย เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ของที่บ้านโทรมา กู้รั่วเสวี่ยก็โกรธขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล“หนูบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าได้รับสิทธิการจำหน่ายมาแล้ว แต่ว่าแบ่งกับหลายบริษัท ไม่มีใครได้ไปแค่คนเดียว!”กู้รั่วเสวี่ยเบ้ปากพูดด้วยความโมโหเวลาสำคัญแบบนี้โทรมาหามันน่ารำคาญจริงๆฝ่ายตรงข้ามสนทนากับกู้รั่วเสวี่ยอีกเพียงแค่มากี่ประโยคก็ตัดสายไป“หึ น่ารำคาญจริงๆ เซ็งหมดแล้วเนี่ย!”กู้รั่วเสวี่ยโยนโทรศัพท์ทิ้งไปด้านข้าง เธอเม้มริมฝีปากแล้วแนะนำขึ้นมาว่า “ฉู่เฉินเย็นนี้มากินข้าวที่บ้านฉันดีไหมคะ ฉันรับรองค่ะว่าครั้งนี้จะไม่ใส่เกลือลงไปเยอะแล้ว” ฉู่เฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พูดขึ้นมาว่า “วันนี้เกรงว่าจะไม่ได้นะครับ ในสถานการณ์งานแถลงข่าววันนี้คุณก็เ
คลับอวิ๋นติ่งเป็นคลับใหม่ที่เพิ่งเปิดไม่นานในเจียงจง เป็นออนเซ็นสุขภาพขนาดใหญ่ที่รวบรวมไว้ทั้งที่พัก อาหาร และความบันเทิงแค่พื้นที่ก็ครอบคลุมไปกว่าหลายพันตารางเมตรหลินชือหย่าพาฉู่เฉินมายังห้องอาบน้ำส่วนตัวในสระน้ำพุร้อนกลางแจ้งในสนาม กลีบดอกไม้ที่โปรยไว้ล่วงหน้า และไฟในห้องก็ปรับเป็นโทนสีอุ่น และอบอุ่นเป็นอย่างมาก“คุณฉู่คะ งั้นฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เดี๋ยวจะรีบกลับมาค่ะ”พูดจบหลินชือหย่าก็เดินเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าห้องข้างๆใช้เวลาไม่นานเธอก็สวมเสื้อคลุมอาบน้ำออกมา สวมบิกินี่สีขาวและสีน้ำเงินเท่านั้นอยู่ข้างใต้ ผลักประตูแล้วเดินออกมาในตอนที่เธอปรากฏกายข้างหน้าฉู่เฉินเป็นครั้งที่สอง แม้แต่ฉู่เฉินที่มีประสบการณ์มามากมายก็สายตาลุกวาวขึ้นมาหลินชือหย่าที่มองไปดูเหมือนไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร คิดไม่ถึงว่าเรือนร่างของเธอจะเป็นภัยได้ถึงขนาดนี้?บางทีอาจจะเป็นเพราะหลินชือหย่ามักจะออกกำลังกายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นท้องน้อยหรือขาเรียวยาวขาวสวยนั่นไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่น้อยผิวกายขาวเนียนกระชับบั้นท้ายคู่นั้นที่กลมฟูโค้งงอนราวกับลูกท้อที่สุกงอมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา
“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว การประชุมบอร์ดผู้บริหารสามารถเริ่มได้ยังคะ? พวกผู้ถือหุ้นเริ่มจะทนรอไม่ไหวแล้วค่ะ”เวลานี้เองเสมียนของฉู่ซื่อกรุ๊ปก้าวเข้ามายังห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่อย่างเร่งรีบ และกล่าวกับหลิ่วหรูเยียน“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารออีกหนึ่งนาที”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบแล้วหันหน้ามามองฉู่เฉิน“ได้ค่ะ”เสมียนตอบรับแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว“ฉู่เฉิน…”หลิ่วหรูเยียนไม่ทันกล่าว ฉู่เฉินก็ยกมือกล่าวตัดบท “หลิ่วชิงเหอล่ะ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้หลิ่วชิงเหอคงไม่ได้ให้เธอมาคนเดียวใช่ไหม?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วหน้าซีดเล็กน้อย กล่าวด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ “เอ่อ แม่ฉันมีเรื่องสำคัญมาก เมื่อคืนวานก็ออกจากเจียงจงไปแล้ว”“น่าจะวันมะรืนถึงจะกลับมา ดังนั้นเรื่องของบริษัท นายช่วยฉันได้ไหม?”ฉู่เฉินฟังแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อย จ้องหลิ่วหรูเยียนที่เริ่มลนลานสักพัก จึงพยักหน้ากล่าว “ไปกันเถอะ ต่อให้หลบยังไงก็หลบไม่พ้นเหมือนสำนวนจีนที่ว่าลูกสะใภ้ขี้เหร่ยังไงก็ต้องเจอพ่อแม่สามี”กล่าวจบ ฉู่เฉินก็จูงข้อมือของหลิ่วหรูเยียนและเดินไปยังห้องประชุมปัง!ฉู่เฉินผลักประตูห้องประชุมอย่างแรง
……ในตอนที่ฉู่เฉินและต้วนหลิงเวยออกจากห้องอาบน้ำอีกครั้งก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วดูเหมือนว่าเนื่องจากการเพิ่มระดับพลังสองขั้นรวดแล้ว ใบหน้าเล็กที่แสนจะแดงก่ำของต้วนหลิงเวยนั้นก็เต็มไปด้วยความสุขมองดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาห่างจากการประชุมบอร์ดผู้บริหารของฉู่ซื่อกรุ๊ปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉู่เฉินจึงกินข้าวเช้าหนึ่งคำอย่างลวก ๆ จากนั้นรีบเดินออกจากประตูวิลล่าจนมาถึงประตูใหญ่ของวิลล่าเฟิ่งหมิง ก็เห็นเจ้าทึ่มซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เงยหน้ามองดูพระอาทิตย์บนท้องฟ้าแสงสว่างจ้าฉู่เฉินขมวดคิ้วคิดว่าไม่ค่อยเข้ากับเสื้อชุดนี้สักเท่าไหร่ จึงเข้าไปนั่งในรถแล้วสั่งให้ต้วนหลิงเวยไปซื้อชุดยามรักษาความปลอดภัยกลับมาเปลี่ยนให้เจ้าทึ่มเห็นประตูใหญ่ก็ต้องทำให้สมกับได้เห็นประตูใหญ่หน่อยสิฉู่เฉินสตาร์ตเครื่องแล้วรีบขับจนมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่ของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเวลาไม่นานต้าหลิงจื่อกำลังยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าด้วยความร้อนใจก็เห็นฉู่เฉินเปิดประตูรถลงมา จึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับด้วยรองเท้าส้นสูงแม้ว่าขาสวยงามของต้าหลิงจื่อจะดูหนาไปเล็กน้อย แต่ถุงน่องสีเนื้อใต้ชุดกระโปรงทำงานสั้นนั้นก็ทำให้คนร
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าวิชาของมังกรเฒ่าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆด้วยวิชาบำเพ็ญคู่บวกกับการแช่โอสถ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกถึงพลังวิญญาณภายในร่างกายของเขากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานก็บรรลุจุดวิกฤติในการเลื่อนขั้นนั้นได้อีกครั้งตูม!พลังวิญญาณทำลายพันธนาการ รอบกายฉู่เฉินเกิดแสงเรืองรองสีทองเคลือบหนึ่งชั้นภายในห้องอาบน้ำสว่างจ้าไปด้วยแสงสีทองแม้แต่เงาร่างเสมือนมังกรภายในกายของฉู่เฉินก็เปลี่ยนแปลงจนเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดของน้ำที่กระเซ็นส่วนต้วนหลิงเสวี่ยที่นอนราบข้างอ่างอาบน้ำ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระทบอย่างต่อเนื่องจากด้านหลังจนพลังวิญญาณภายในร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ทะลวงจนเลื่อนขั้นได้อีกครั้ง ระดับพลังหยุดอยู่ที่ระดับฝึกปราณชั้นแปดและในชั่วพริบตาที่ต้วนหลิงเสวี่ยกำลังเลื่อนขั้นพลังได้นั้นเอง ฉู่เฉินก็ทำลายพันธนาการจนทะลวงเลื่อนสู่ระดับระดับสร้างรากฐานขั้นสี่เลื่อนขั้นระดับพลังได้ติดต่อกับสามขั้นรวดเดียวแบบนี้ ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขณะที่ปราณและเลือดภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำเอา
ก๊อก!ในเวลาที่ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้น ใต้โต๊ะก็เกิดเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง!เซียวเฟิงก้มหน้ามองไปยังใต้โต๊ะด้วยความแปลกใจ หลิ่วหรูเยียนเก็บมือกลับมาในช่วงเวลาเดียวกับที่เซียวเฟิงก้มตัวมอง แต่เพราะเหตุนี้เมื่อมองจากมุมของเซียวเฟิงก็ทำให้เขาตะลึงมากเวลาฉู่เฉินกินข้าว ตรงนั้นห้าวหาญได้ขนาดนี้เชียว?หลิ่วหรูเยียนฉวยโอกาสนี้วางตะเกียบและถ้วยชามลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มกล่าวกับทุกคนว่า “พวกคุณกินกันก่อนได้เลยค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ”ฮะ?ฉู่เฉินรีบเงยหน้าหันขวับไปมองหลิ่วหรูเยียนแกล้งฉันเกินครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ฉันเกือบจะถูกเปิดโปงใต้โต๊ะแล้ว แต่เธอบอกจะไปก็ไปเนี่ยนะ?“ขอบคุณการรักษาด้วยสปาของคุณฉู่นะคะ บ๊ายบาย”หลิ่วหรูเยียนยังไม่ลืมโบกมือลาฉู่เฉินที่หน้าแดงก่ำอยู่ จากนั้นขาเรียวงามนั้นก็เดินส่ายสะโพกสวยไปมาแล้วหายไปจากสายตาของฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนลุกจากที่นั่งแล้ว ต้วนหลิงเวยก็ไม่พลาดโอกาสเข้ามาแทนที่จึงได้นั่งข้างฉู่เฉิน ดวงตางามคู่นั้นชำเลืองมองใต้โต๊ะเป็นระยะ ๆอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ดวงตาคู่งามของเธอนั้นระยิบระยับมีเสน่ห์เวลาไม่นาน
ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะมีอคติกับฉู่เฉินตลอดมา แต่วันนั้นฉู่เฉินทั้งโอบทั้งกอดน้องเซียวเสวี่ยอิ๋งของเขาต่อหน้าคนมากมายแบบนั้น ทั้งที่ทั้งสองคนยังไม่ได้คบกันอย่างเปิดเผยสักหน่อย แต่รอบกายฉู่เฉินกลับมีผู้หญิงมากมายขนาดนั้นแล้วนี่คืออะไรกัน?สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่อาจทนเห็นเซียวเสวี่ยอิ๋งเสียเปรียบได้นั่นเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาเลยนะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ซิสค่อน แต่เซียวเฟิงจะไม่ยอมให้ฉู่เฉินมีคนอื่นแต่ก็ยังเหล่น้องสาวเขาแน่“ท่านนี้คือผู้จัดการใหญ่หลิ่วของฉู่ซื่อกรุ๊ป ชื่อหลิ่วหรูเยียน มาให้ฉันช่วยรักษาอาการให้น่ะ เมื่อกี้รักษาด้วยวารีบำบัดให้เขา เสียงกรีดร้องนั้นพวกคุณก็ได้ยินกันแล้วสินะ?”ฉู่เฉินตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มรักษาด้วยวารีบำบัด?หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วเม้มปากโดยไม่รู้ตัว วารีบำบัดที่ไหนทำกันแบบนี้ฮะ?จนถึงตอนนี้เธอยังรู้สึกถึงความเจ็บจี๊ดอยู่เลยนะ“วะ…วารีบำบัด?”ไม่เพียงแค่เซียวเฟิงคนเดียวที่ขมวดคิ้ว แม้แต่ถานเฟยก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ“ไม่จำเป็นต้องมาสนใจเรื่องยิบย่อยเหล่านี้ ทุกคนคงหิวกันแล้วใช่ไหม กินข้าวกันเถอะ”ขณะกล่าวฉู่เฉินก็เดินไปนั่งตรงกลางระหว่างต้วนหลิงเสวี่
เซียวเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วค่อยนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับถานเฟย แต่สายตายังคงมองไปทางอาคารปีกตะวันออกเป็นระยะหลังจากผ่านไปสิบกว่านาทีเต็ม ประตูห้องรับแขกก็เปิดออก ก่อนที่ฉู่เฉินจะเดินเข้ามาในห้องรับแขก“คุณฉู่”ถานเฟยกับเซียวเฟิงพากันลุกขึ้น แล้วผงกศีรษะทักทายฉู่เฉินฉู่เฉินยิ้มพลางโบกมือกล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน นั่งสิครับ”เมื่อพูดจบก็ให้ต้วนหลิงเวยรินชาหอมให้ทั้งสองคน ฉู่เฉินดื่มน้ำชาไปด้วย ยิ้มพลางเอ่ยปากพูดไปด้วยว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน ดึกดื่นมาเยี่ยมกัน มีธุระเหรอครับ?” ถานเฟยสบตากับเซียวเฟิงแวบหนึ่งแล้วค่อยเอ่ยปากพูดอย่างเขินอายว่า “คุณชายฉู่ พูดแบบไม่ปิดบังเลยนะครับ ผมมาเจียงจงครั้งนี้ก็เพื่อขอให้คุณฉู่ลงมือช่วยเหลือ”“คุณยังจำเรื่องของสำนักว่านเซี๋ยได้หรือเปล่าครับ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยภาพถ่ายที่ถานเฟยให้เขาดูบนเฮลิคอปเตอร์ แต่ละใบล้วนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของเด็กอายุไม่ถึงสิบขวบรวมไปถึงซากแขนขาที่มีเลือดนองพื้น ฉู่เฉินไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิต“จากเบาะแสที่คุณฉู่ให้มา ตอนนี้แก๊งมังกรจับตัวคนของสำนักว่านเซี๋ยได้หลายคนแล้วจริง ๆ จากคำให้การของพวกเขา ยังมีบุ
ฉู่เฉินที่ถลกชายกระโปรงของต้วนหลิงเวยขึ้นมา เตรียมจะทำการใหญ่ก็ตกใจเสียงร้องของหลิ่วหรูเยียนจนสะดุ้ง เขารีบหันหน้ามองไปทางหน้าประตู เห็นว่าเป็นหลิ่วหรูเยียนก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้เจ้าทึ่มไม่ดูประตูใหญ่ หนีไปเตร็ดเตร่ที่ไหนอีกแล้วคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ยังบุกเข้ามาในห้องอาบน้ำของอาคารปีกตะวันออกได้โชคดีที่เป็นคนที่มาอาบนวดให้เขา ถ้าเกิดเป็นคนร้ายละก็ เช่นนั้นก็เป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงแล้วไม่ใช่หรือไง“ฉะ ฉู่เฉิน นาย...”ฉู่เฉินเหลือกตาใส่หลิ่วหรูเยียนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “อะไรของเธอ เข้ามาทดสอบอุณหภูมิน้ำสิ” เขากล่าวจบก็ตบสะโพกอวบอิ่มของต้วนหลิงเวยที่ทำหน้าผิดหวังไปหนึ่งฉาด ฝ่ายหลังได้แต่ทำปากยื่น กระทืบเท้า บิดเอวแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำหลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินที่แทบจะระเบิดโลก ในใจรู้สึกประหม่าถึงขีดสุดด้วยความรู้สึกที่ทั้งอยากรู้และประหม่า หลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ถอดชุดทำงานและกระโปรงมินิสเกิร์ตออก เหลือไว้เพียงชุดชั้นในลูกไม้สีดำ เรียวขาขาวเนียนทั้งสองข้างส่ายไหว บิดเอวก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำเสียงน้ำดังซ่า ๆ ควบคู่ไปกับฉู่เฉินที่ก้าวเข้ามาใกล้หลิ่วหรูเยียน เขาเอื้อมมือไปจั
เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือนักพรตชิวสุ่ยที่ช่วยย้ายบ้านเมื่อตอนกลางวัน ต้วนหลิงเวยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไมถึงเป็นคุณ?”นักพรตชิวสุ่ยรีบทำหน้ายิ้มแย้มให้ แล้วกวักมือเรียกนักพรตเด็กหลายคนที่อยู่ด้านหลัง นักพรตเด็กสิบกว่าคนที่แบกถุงกระสอบก็เดินมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“คุณหนูท่านนี้ หลายวันก่อนรู้ว่าคุณฉู่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังหาโอกาสเหมาะ ๆ มาแสดงความห่วงใยไม่ได้เลย นี่เป็นสมุนไพรร้อยปีที่เก็บรักษาไว้ในคลังยาของสำนักเสวียนเทียนเรา ตั้งใจนำมามอบให้คุณฉู่โดยเฉพาะครับ” นักพรตชิวสุ่ยกล่าวจบก็ยังชะเง้อคอ มองเข้าไปในวิลล่าเฟิ่งหมิงแวบหนึ่ง“มองอะไร!”ต้วนหลิงเวยถลึงดวงตางาม เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ทิ้งสมุนไพรไว้ คุณไปได้แล้ว รบกวนการพักผ่อนของนายท่าน ระวังหัวของคุณไว้ด้วยละ!”เดิมทีต้วนหลิงเวยข่มกลั้นเพลิงตัณหาไว้ในใจอยู่แล้ว เมื่อเห็นดวงตาสองข้างของนักพรตชิวสุ่ยกวาดมองไปทั่วก็ยิ่งเดือดดาล เธอหิ้วถุงกระสอบบนพื้นขึ้นมา ก่อนจะหันกายเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเงาหลังอันอ่อนช้อยให้นักพรตชิวสุ่ยเมื่อโดนปิดประตูไม่ต้อนรับแขก นักพรตชิวสุ่ยก็ได้แต่จากไปด้วยความอับอายแต่เขาเ