ท่าทางเข้าทีแต่เธอยังคงดูถูกฉู่เฉิน คิดว่าฉู่เฉินแสดงละครเพื่อเรียกร้องความสนใจหลายนาทีผ่านไป ฉู่เฉินถอนหายใจ ยกมือวาดกลางอากาศ เข็มหลายสิบเล่มถูกดึงกลับมา“เสร็จแล้ว อดีตผู้บัญชาการเว่ยไม่เป็นอะไรแล้ว พักรักษาตัวไม่กี่วันก็หาย” ฉู่เฉินบอก เขาเช็ดเหงื่อที่มุมหน้าผากศาสตร์แห่งการฝังเข็มที่เขาใช้เมื่อกี้ เผาผลาญพลังวิญญาณที่จุดตันเถียนของเขาไปไม่น้อย“จริงเหรอคะ?” เว่ยฉิงถามอย่างดีใจฉู่เฉินพยักหน้าตอนนี้เอง หลิ่วหรูเยียนถลาเข้ามา ตะโกนลั่น “เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่เชื่อ! ฉู่เฉิน แกกล้าดียังไงแค่ฝังเข็มสองสามเล่มก็บอกว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยชีวิตอดีตผู้บัญชาการเว่ย?”“ถ้าอดีตผู้บัญชาการเว่ยเป็นอะไรไป แกต้องรับผิดชอบทั้งหมด!”สีหน้าของเว่ยฉิงดำทะมึนฉู่เฉินหัวเราะชืด ๆ “หลิ่วหรูเยียน เธอไม่ต้องร้อนรน ถ้าภายในห้านาทีอดีตผู้บัญชาการเว่ยไม่ฟื้นขึ้นมา ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมด ต่อให้คุณหนูเว่ยต้องการหัวของฉันก็ยังได้!”“ดี! แกพูดเองนะ คุณหนูเว่ยได้ยินแล้วใช่ไหมคะ ฉู่เฉินบอกว่าเขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมด” หลิ่วหรูเยียนหันไปพูดกับเว่ยฉิง ผลักความรับผิดชอบอย่างถึงที่สุดเว่ยฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปเป
เว่ยหนานเฟิงลืมตาฟื้นขึ้นมา เขาหอบหายใจหลายครั้ง รู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดทั่วตัวได้หายไปแล้ว อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในร่างกายด้วย“คุณปู่ไม่เป็นไรอะไรแล้วจริงๆ ใช่ไหมคะ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เว่ยฉิงถามอย่างตื่นตระหนกเว่ยหนานเฟิงยิ้มตอบ “ปู่ไม่เป็นไร ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”เว่ยฉิงเช็ดน้ำตา ลุกขึ้นหันไปโค้งตัวให้ฉู่เฉิน “ขอบคุณคุณมากนะคะ หมอเทวดาฉู่”ฉู่เฉินยิ้ม โบกมือและบอกว่า “เรื่องเล็กน้อยครับ”เวลานี้ แขกทุกคนในงานยังคงอ้าปากค้างเพราะความตะลึงไม่นึกว่าคุณชายไร้ประโยชน์ที่ถูกไล่ตะเพิดออกจากตระกูลฉู่ จะมีความสามารถด้านการแพทย์อยู่จริงๆ…ท่ามกลางฝูงชน สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนนั้นเรียกได้ว่าย่ำแย่สุดขีดคำท้าที่เธอเพิ่งพูดกับฉู่เฉินเมื่อกี้ยังดังก้องอยู่ในหูจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?เธอร้อนรนจนแทบอยู่ไม่สุข กระทั่งไม่กล้ามองหน้าฉู่เฉิน“หมอเทวดาฉู่ ขอบคุณมาก พระคุณที่ช่วยชีวิตในวันนี้ผมจะไม่มีวันลืม วันหน้ามีอะไรให้ช่วย คุณติดต่อผมหรือฉิงฉิงได้เลย”“ตั้งแต่นี้ คุณคือผู้มีพระคุณของผมเว่ยหนานเฟิง เป็นแขกวีไอพีของตระกูลเว่ย!” เว่ยหนานเฟิงประสานหมัดขณะเอ่ยพร้อมรอยยิ้
เห็นสีหน้าท่าทางเขาแล้วจะฆ่าเสียให้ตาย!“หลิ่วชิงเหอ ลูกสาวเธอก็เรียกฉันว่าพ่อแล้ว เธอควรเรียกฉันว่าอะไรดีล่ะ?” ฉู่เฉินจงใจถากถางหลิ่วชิงเหอหยอกแม่บุญธรรมอย่างหลิ่วชิงเหอสักหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกันหลิ่วชิงเหอแค่นเสียง ขี้คร้านจะสนใจไอ้สารเลวอย่างฉู่เฉิน จึงหันตัวเดินออกไปครั้นออกมาก็เห็นหลิ่วหรูเยียนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“แม่! หนูจะฆ่าฉู่เฉิน! ยังไงก็จะฆ่ามันให้ได้!” หลิ่วหรูเยียนกระฟัดกระเฟียด สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเกลียดชังน่าอัปยศที่สุด!เธอหลิ่วหรูเยียนเคยต้องเจอกับความอัปยศอดสูขนาดนี้เสียที่ไหนกัน?ฉู่เฉิน ชื่อนี้ได้เข้าสู่บัญชีดำของเธอเรียบร้อยแล้ว“วางใจได้ วันนี้ก็คือวันตายของไอ้เดรัจฉานนั่น!” หลิ่วชิงเหอเอ่ยเสียงเย็นขณะเดียวกันทางด้านฉู่เฉิน เขาถูกเว่ยฉิงเชิญไปที่ห้องรับรองเพียงลำพัง“คุณหนูเว่ย ยังมีธุระอะไรอีกเหรอครับ?” ฉู่เฉินถามเว่ยฉิงต้องยอมรับว่าคุณหนูของตระกูลเว่ย หลานสาวของเว่ยหนานเฟิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งจริงๆ กิริยาท่าทางและเรือนร่างไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิ่วชิงเหอกับหลิ่วหรูเยียนเลยยิ่งพออยู่กับเว่ยหนานเฟิงมานานหลายปี อาจเป็นเพราะ
กึก!เว่ยฉิงนิ่งอึ้ง ดวงหน้าแดงแปร๊ด แดงจนถึงขั้นที่ว่าถ้าเลือดไหลออกมาได้คงไหลออกมาแล้ว เธอถามอย่างกระอักกระอ่วน “ถอดหมดเลยเหรอ?”เธอไม่คิดว่าการนวดรักษาที่ฉู่เฉินพูดถึง จะเป็นวิธีการแบบนี้ ต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดด้วยรึ…แม้แต่ชุดชั้นในก็ต้องถอดด้วยบรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มและน่าอึดอัดใจขึ้นมาทันทีเว่ยฉิงอาจจะเป็นหลานสาวของอดีตผู้บัญชาการเว่ย เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งในวงการธุรกิจ มีชื่อเสียงเกียรติยศมากมาย และมีทรัพย์สินมากกว่าพันล้านแต่เธอเป็นสาวโสดตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีความรักเลยแม้แต่ครั้งเดียวหลายปีมานี้ เธอไม่เคยแม้แต่จับมือผู้ชาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้เปลื้องผ้าต่อหน้าชายแปลกหน้า…หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเว่ยฉิงก็กัดฟันหันหลังให้ฉู่เฉิน ก่อนจะเริ่มถอดชุดราตรีของเธอออกแผ่นหลังอันเนียนขาว ไร้จุดด่างพร้อยโดยเฉพาะหัวไหลกลมมนและลำคอยาวระหงนั่น เรียกได้ว่าเป็นศิลปะชิ้นงาม ที่แทบจะหาจุดด้อยไม่เจอเลยชุดราตรีค่อยๆ ไถลลู่ลงจากหัวไหล่ของเธอ แผ่นหลังอันสมบูรณ์แบบเปิดเผยสู่สายตา ตามมาด้วยเอวบางคอด ที่ทำให้ฉู่เฉินเห็นแล้วอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ถึงขั้นสติหลุด
“ฟู่…” ฉู่เฉินถอนหายใจ รู้สึกว่าเขาเริ่มเสียสมาธิแล้วเว่ยฉิงหน้าแดง เหลือบมองฉู่เฉิน ก่อนถามเสียงเบาๆ ว่า “หมอเทวดาฉู่ เป็นอะไรไป?”“เปล่าครับ เราเริ่มกันเถอะ” ฉู่เฉินยิ้มตอบ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นในพริบตาเริ่มจากท้องน้อยก่อน จากนั้นก็หน้าอก และหัวไหล่ทั้งคู่ทุกครั้งที่สัมผัส เว่ยฉิงรู้สึกราวกับหน้าของตัวเองจะมีเลือดไหลออกมาให้ได้ หนำซ้ำ ร่างกายก็ยังมีการตอบสนองแปลกๆ เกิดขึ้นอีกแน่นอนว่าฉู่เฉินเองก็ทรมานยิ่งกว่าต้องมานวดให้ศิลปะชิ้นเอกอย่างนี้ แรงกดดันมากเกินไปแล้วหลังจากนวดติดต่อมาประมาณสิบนาทีกว่า ฉู่เฉินลุกขึ้น เช็ดเหงื่อที่ขมับ บอกว่า “คุณหนูเว่ย เสร็จแล้วครับ”นึกไม่ถึงว่านวดให้เว่ยฉิงต้องใช้พลังวิญญาณมากขนาดนี้ดูท่าคงต้องพัฒนาพลังอย่างต่อเนื่องเสียแล้วเว่ยฉิงได้ยินว่าเสร็จแล้วก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าส่วนฉู่เฉินนั่งหมดแรงอยู่บนโซฟาด้านหนึ่ง เขาหอบหายใจไม่หยุด ขณะที่ปรับสมดุลพลังวิญญาณในร่างกายอยู่ฝั่งเว่ยฉิงพอใส่เสื้อผ้าเสร็จ ดวงหน้ายังคงแดงแปร๊ด เธอถามเขาว่า “หมอเทวดาฉู่ โรคของฉันหายแล้วเหรอคะ?”“ครับ คุณลองหาใครมาทดลองดูก็ได้” ฉู่เฉินตอบเว่ยฉิงได้ยิน
“หลิ่วชิงเหอ ใช้ได้นี่ แต่งตัวยั่วสวาทดี”ฉู่เฉินเดินอาดๆ เข้าไปในห้องนอนจากระเบียง จากนั้นนั่งลงบนโซฟา จ้องมองไปที่หลิ่วชิงเหอที่อยู่บนเตียงโดยไม่ปิดบังสายตาสายตารุกรานมากเมื่อมองก็ไม่สามารถละสายตาออกได้หลิ่วชิงเหอคือระดับสุดยอดของโลกนี้ ด้วยรูปร่างที่สมบูรณ์แบบและกลิ่นเซ็กซี่ของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ทั่วร่างกายของเธอโดยเฉพาะในขณะนี้เธอยังอยู่ในสภาพที่ซีทรู ผิวหนังขาวสะอาด ซ่อนเร้นอยู่ใต้ชุดนอนลูกไม้สีม่วง ทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ทั่วทั้งร่างกายร้อนรุ่มไปหมดหลิ่วชิงเหอเห็นฉู่เฉินจ้องมองตรงมาที่เธอ แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและความดูถูก เธอแสยะยิ้มขึ้นมา “ฉู่เฉิน แกยังกล้ามีหน้ามาอีกเหรอ ไม่กลัวฉันจะเตรียมคนมาฆ่าแกหรือไง?”“ฆ่าฉัน?” ฉู่เฉินหัวเราะออกมา พร้อมพูดว่า “ป้าอู๋เหรอ? เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน แต่ว่าป้าอู๋ก็มีฝีมือนะ หุ่นก็ดี ด้านหลังนูนด้านหน้าแอ่น เวลากระแทกจากข้างหลัง โคตรได้อารมณเลย!”เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไป คิ้วของเธอขมวดเข้ม พูดอย่างเยือกเย็นว่า “แกหมายความว่ายังไง? ฉู่เฉิน! แกไอ้เลว แกทำอะไรกับป้าอู๋? ”ฉู่เฉินพูด
เป็นผู้หญิง!ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เป็นจอมยุทธ์หญิงอายุราวๆ ยี่สิบห้ายี่สิบหกปี เธอยังดูเป็นวัยรุ่น หน้าตาก็ไม่แย่ แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับหลิ่วชิงเหอบนเตียงที่สวยสุดๆ ก็ตาม แต่ถ้าหากพูดถึงในเจียงจง ก็ยังถือว่าเป็นคนสวยอันดับต้นๆ คนหนึ่งสาเหตุที่เขาเรียกเธอว่าจอมยุทธ์ เป็นเพราะว่าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายออกมาจากร่างของฝ่ายตรงข้ามที่เหมือนกับของป้าอู๋นั่นคือลักษณะเฉพาะของการฝึกวรยุทธ์มานานหลายปียิ่งกว่านั้น ดวงตาของอีกฝ่ายยังเฉียบคม และการโจมตีเมื่อกี้นี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงมากหากเป็นคนธรรมดา เกรงว่าน่าจะตายเพราะคมดาบนั่นไปแล้วแต่ฉู่เฉินไม่เป็นเช่นนั้น เขาในตอนนี้อยู่ระดับฝึกปราณชั้นสาม ไม่ได้พูดถึงครอบครองทั้งเจียงจง แต่ถ้าครึ่งหนึ่งย่อมเป็นไปได้เช่นเดียวกัน จอมยุทธ์หญิงตรงหน้าผู้นี้ ก็แปลกใจเป็นอย่างมากเช่นกันเธอคิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินสามารถหลบการโจมตีที่เธอเตรียมไว้มาเป็นเวลานานได้!การโจมตีนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนกำลังภายในพื้นฐาน ก็ไม่อาจะหลบหลีกได้“รีบฆ่ามันซะ!” ในเวลานี้หลิ่วชิงเหอได้ลงจากเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอชี้นิ้วสีขาวและเรียว ชี้ไปที่ฉู่เฉินอย่างเดือ
หลิ่วชิงเหอหวาดกลัว เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นชายอันแข็งแกร่งของฉู่เฉิน โดยเพราะดวงคู่นั้นสีแดงก่ำ มันกลายเป็นสายตาที่ชั่วร้ายแย่แล้ว!ไอ้เลวฉู่เฉิน มันจะลงมือจริงๆ ด้วย!“ฉู่เฉิน! แกบ้าไปแล้วเหรอ ฉันเป็นแม่บุญธรรมแกนะ! ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอร้องขอความช่วยเหลือ ดิ้นรนอย่างไม่หยุดฉู่เฉินเยาะเย้ยอย่างชั่วร้าย “เธอไม่ใช่แม่บุญธรรมของฉัน”เมื่อพูดจบ เขาก็ลงมือกดหลิ่วชิงเหอลงไปบนเตียง แผ่นหลังขาวเนียน ก็ปรากฏให้เห็นต่อหน้าเขาทันทีเอวบางๆ นั้น บั้นท้ายที่แอ่นงอนนั้น ช่างกระตุ้นอารมณ์สัตว์ร้ายในกายฉู่เฉินได้ดีจริงๆ เรือนร่างของหลิ่วชิงเหอสมบูรณ์เหลือเกิน ราวกับเป็นงานศิลปะอย่างนั้นแหละ“ฉู่เฉิน! แกไอ้ชั่ว! ปล่อยฉันนะ! หากแกกล้าแตะต้องฉันล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกแน่!” หลิ่วชิงเหอดิ้นรนส่งเสียงร้องเพียะ!ฉู่เฉินยกมือขึ้นแล้วฟาดลงไปที่หลังหลิ่วชิงเหออย่างแรง เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้องนอน“อ๊ะ...” หลิ่วชิงเหอร้องออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธ แก้มของเธอแดงไปจนถึงโคนหูความรู้สึกนี้มันทั้งน่าอับอาย และสบายในคราวเดียวกันบั้นท้ายงอนของเธอ นานแล้วที่ไม่ได้ถูกผู
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท
ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข
“แต่ตอนนี้ พวกคุณคิดที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบผลัดเปลี่ยนโจมตีคุณฉู่เหรอครับ?”ทั่วทั้งกองทัพรักษาการณ์มียอดฝีมือเก่ง ๆ แบบหลัวคายอย่างน้อยสามสี่คนถ้าทุกคนผลัดกันขึ้นมาท้าประลองกับฉู่เฉินคนละรอบ ฉู่เฉินก็คงจะเหนื่อยจนตายไปเสียก่อนนอกจากนี้ จากเครื่องหมายดาวสองดวงบนไหล่ของหลัวคาย ก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเขาคือยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สอง ซึ่งเหนือกว่าฉู่เฉินถึงหนึ่งระดับหากต้องการจะกลั่นแกล้ง ก็ไม่ควรจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งสิโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินบนเวทีประลอง “จะยอมรับการท้าประลองหรือไม่นั้น สามารถให้คุณฉู่ตัดสินใจเองได้ ถ้าหากคุณฉู่ไม่อยากสู้ต่อ การประลองครั้งนี้ก็ถือว่าพวกเราแพ้ไป”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงอย่างไม่ยอม “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ฉัน…”โฮ่วเจี้ยนอิงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เสวี่ยอิ๋ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่าง เขายอมให้คุณมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้น ท่าอุ้มทุ่มเมื่อกี้คุณคงตายไปแล้ว”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งถึงกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยินฉู่เฉินยอมให้เธอมา
“กล้าหยามเกียรติฉัน แกสมควรตาย!”เซียวเสวี่ยอิ๋งในตอนนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังเป็นสีแดงเพลิง พลังการต่อสู้ของเธอสูงจนเกินขีดสุดไปแล้ว แม้แต่โฮ่วเจี้ยนอิงยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับรัว ๆ ในพริบตาเดียว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ต้อนฉู่เฉินจนจนมุม ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างล่างตื่นเต้นถึงขีดสุดนี่แหละคือลักษณะของนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งกองทัพควรจะมีเมื่อเซียวเฟิงเห็นว่าฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ความโกรธในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อย เขามองฉู่เฉินบนเวทีด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น “ฉู่เฉิน ยั่วโมโหน้องสาวฉัน นายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน ๆ สินะ”แต่เมื่อฉู่เฉินถูกเซียวเสวี่ยอิ๋งบีบให้ถอยไปเรื่อย ๆ การโจมตีของเซียวเสวี่ยอิ๋งเองก็ถูกฉู่เฉินจับทางได้อย่างหมดเปลือกแค่ท่าของสิบสามกระบวนท่าเตะกับลูกเตะนกกระยางดาวตกเท่านั้นยังไงซะเซียวเสวี่ยอิ๋งไม่มีการสืบทอดพลังที่น่ากลัวเหมือนกับฉู่เฉิน การที่เธอสามารถฝึกฝนสองท่านี้จนถึงระดับสูงสุดได้ ก็ถือว่าหาได้ยากนักเมื่อจับทางวิธีการต่อสู้ของเซียวเสวี่ยอิ๋งได้แล้ว ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ”ทันทีที่พูดจบ
นี่มันเวทีการประลองหรือเวทีแสดงความรักกันแน่!?โดยเฉพาะหลัวคาย นายพลสองดาวที่ตามจีบเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างบ้าคลั่งมานานเกือบปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็กัดฟันแน่นจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆนั่นมันนางฟ้าของเขานะ!ไอ้คนแซ่ฉู่กล้าดียังไง!เซียวเฟิงเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ฉู่เฉิน ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กฉู่เฉิน กล้าฉวยโอกาสน้องสาวเขาโดยอ้างว่าเป็นการประลองใช่ไหม?แบบนี้จะยอมได้ยังไง!แต่ในขณะเดียวกัน โจวอวี้หมิงที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็หันไปพูดกับโฮ่วเจี้ยนอิง “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ยอดฝีมือแค่ขยับมือนิดหน่อยก็รู้ผลแล้ว ผมว่าการประลองครั้งนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกแล้วใช่ไหม?”“หึ!”โฮ่วเจี้ยนอิงแค่นหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่เสมอไป”ทันทีที่โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ถูกฉู่เฉินกอดไว้ ในอ้อมแขน เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกขาขึ้นแล้วหมุนตัวเตะไปยังจุดยุทธศาสตร์ของฉู่เฉินอย่างไม่ลังเล!ซี้ด!เมื่อเห็นว่าลูกเตะตัดทายาทนี้พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินรวดเร็วดั่งสายฟ้า หลูติ้งไห่ก็ถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวจบแล้ว!ระยะประชิดขนาดนี
เมื่อเห็นฉากนี้ โฮ่วเจี้ยนอิงถึงกับหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ ก่อนหันไปมองโจวอวี้หมิง “นี่น่ะเหรอ? ผู้บัญชาการกองทัพโจว คุณคงอยากจะแก้แค้นมากสินะ”“ถึงแม้ว่าจุดตันเถียนของเทียนห้าวจะถูกทำลายไป และมันก็น่าเสียดายจริง ๆ แต่ฝีมือของเสวี่ยอิ๋งก็เป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็จะสามารถล้างแค้นแทนเทียนห้าวได้หรอกนะ”โจวอวี้หมิงเหลือบมองโฮ่วเจี้ยนอิง ก่อนจะยิ้มและไม่พูดอะไรเห็นได้ชัดว่าฉู่เฉินกำลังแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกศัตรูเวทีการประลองสูงแค่สองเมตรเท่านั้น ต่อให้โจวอวี้หมิงยังไม่ได้บรรลุช่วงระดับสร้างรากฐาน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มือจับขอบเวทีเพื่อกระโดดขึ้นไปหรอกใช่ไหม?ส่วนท่าทางของฉู่เฉินเมื่อครู่ ก็ยิ่งไม่ใช่การแสดงความอ่อนแออย่างแน่นอนมีคำกล่าวว่า ทหารที่ทะนงตนมักพ่ายแพ้ฉู่เฉินกำลังจงใจทำให้เซียวเสวี่ยอิ๋งประมาทและดูถูกเขา!และก็เป็นไปดั่งที่คิด เมื่อเซียวเสวี่ยอิ๋งเห็นท่าทางของฉู่เฉินแล้ว บนใบหน้าสวยก็ฉายแววดูแคลนขึ้นมาทันทีเธอบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ก่อนจะเดินเข้าหาฉู่เฉินอย่างใจเย็น“ระวัง!”ทันใดนั้นเอง!เซียวเสวี่ยอิ๋งยกขาเรียวยาวขึ้น ก่
โจวอวี้หมิงรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย เขาหันไปสั่งให้ทหารคนสนิทนำเก้าอี้มาเพิ่มให้โฮ่วเจี้ยนอิงโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ได้ยินมาว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง กล้าท้าประลองทหารกับของผม ผมก็ต้องมาดูด้วยตัวเองสิครับ”ระหว่างที่เขาพูด รถจี๊ปและรถตำรวจก็แล่นเข้ามายังสนามฝึก โดยมีรถจี๊ปนำหน้า ส่วนรถตำรวจตามหลังมา“มาแล้ว!”เหล่าตำรวจที่อยู่ในสนามต่างจำรถตำรวจคันนั้นได้ในทันทีว่าเป็นรถประจำตำแหน่งของหลูติ้งไห่ พวกเขาจึงพากันลุกขึ้นยืน พร้อมจับจ้องไปยังทิศทางที่รถกำลังมุ่งหน้ามาจากนั้นไม่นาน ประตูรถจี๊ปก็เปิดออก ก่อนที่ปลายรองเท้าทหารสีดำขลับสะท้อนแสงจะโผล่ออกมาจากนั้นเซียวเสวี่ยอิ๋งในชุดรบลายหงส์เพลิง ท่าทางดูองอาจสง่างามก็เปิดประตูรถจี๊ปลงมาด้วยท่าทีมั่นใจฉู่เฉินและหลูติ้งไห่ก็ลงมาจากรถตำรวจตามลำดับ“ผู้นำเซียวต้องชนะ!”“ผู้นำเซียวต้องชนะ!”ทหารจากกองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่เซียวเสวี่ยอิ๋งด้วยแววตาเป็นประกายร้อนแรงเซียวเสวี่ยอิ๋งเชิดหน้าขึ้น เธอจ้องตรงไปยังฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทายฉู่เฉินไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต
เมื่อข่าวการท้ารบกับเทพนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียงของฉู่เฉินแพร่สะพัดออกไป เจ้าหน้าที่ทั้งกรมตำรวจต่างทยอยกันยื่นใบลา ก่อนจะขับรถบัสของกรมตำรวจฝ่ายอำนวยการมุ่งหน้าไปยังกองกำลังรักษาการณ์อย่างรวดเร็วไม่นานข่าวนี้ก็มาถึงหูของผู้บังคับบัญชาสูงสุดกองกำลังรักษาการณ์แห่งมณฑลเจียง“พวกนายได้ยินข่าวหรือยัง!? มีคนกล้าท้าประลองกับผู้นำเซียว!”“บ้าไปแล้ว ใครกันที่ไม่กลัวตายขนาดนี้? ครั้งก่อนที่โจวเทียนห้าวท้าประลอง ก็โดนซัดจนจุดตันเถียนแตกเลยนะ!”“ได้ยินมาว่าไม่ใช่คนจากกองกำลังรักษาการณ์ เหมือนจะแซ่ฉู่”ไม่ใช่คนจากกองกำลังรักษาการณ์?ในตอนนี้ กองกำลังรักษาการณ์กำลังปั่นป่วนเป็นอย่างมากและในตอนนั้นเอง ทหารคนสนิทของโจวอวี้หมิงก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเขา หอบหายใจหนักก่อนพูดขึ้น “ท่าน… ท่านผู้บัญชาการ! เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ครับ!”“ได้ยินมาว่ามีคนแซ่ฉู่ต้องการท้าประลองกับผู้นำเซียว!”โจวอวี้หมิงที่กำลังจิบชา ในตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก แต่ไม่นาน ภาพของใครคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันลืมตลอดชีวิตก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที…ฉู่เฉิน?!“คนแซ่ฉู่ที่นายพูดถึง ใช่ฉู่เฉินหรือเปล่า?” เขาถามด้วยสีหน้าจ
ถือดีอย่างไรมาคิดว่าฉู่เฉินจะชนะน้องสาวเขา?ฝันยังไม่กล้าฝันเกินจริงขนาดนี้เลย!“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะชนะไม่ได้? ผู้ชายยังไงก็ห้ามพูดว่าไม่ไหว”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลัง กล่าวพร้อมจ้องมองเซียวเสวี่ยอิ๋ง “ยังไง กลัวแล้วเหรอ?”เซียวเสวี่ยอิ๋งยิ้มเย้ยหยันกล่าว “เงื่อนไขประลองแกเลือกมาได้เลย ฉันตกลงทุกอย่าง”มั่นใจ!เซียวเสวี่ยอิ๋งมั่นใจมาก!คนที่ต่อสู้ผลออกมาเสมอทั้งหมดมีไม่ถึงห้าคนในกองทหารรักษาการณ์ทั่วทั้งมณฑลเจียงและมีไม่เกินสามคนที่สามารถเอาชนะเธอได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าส่วนฉู่เฉินที่ฝึกฝนด้วยตนเองในโลกคนทั่วไป ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอด้วยซ้ำรู้ไหมว่าเทคนิคหมัดมวยในกองทัพเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานร้อยตระกูลจนสำเร็จเชียวนะถ้าประลองกับยอดฝีมือที่มีระดับขั้นเหมือนกัน ยอดฝีมือในกองทัพก็จะชนะขาดภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าแค่อย่างเดียวนี้ก็เพียงพอที่จะเห็นความห่างชั้นแล้วและเซียวเสวี่ยอิ๋งก็สังเกตอย่างละเอียดในตอนที่ฉู่เฉินตั้งรับกระบวนท่าของหานหลิงเมื่อครู่ อย่างมากฉู่เฉินก็แค่ระดับสร้างรากฐานขั้นหนึ่งเท่านั้นกล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่เป็นการดวลกันระหว่างคนระดับขั