แต่คนที่ยืนอยู่ข้างนอก กลับไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน กลับเป็นไอ้เดรัจฉานฉู่เฉิน!“แหม เธอแต่งตัวเซ็กซี่มากเลยนะ”สายตาของฉู่เฉินกวาดมองเรือนร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าของหลิ่วชิงเหอตั้งแต่หัวจรดเท้า เอื้อมมือไปจับหน้าอกของเธออย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง“ฉู่เฉิน ไอ้เดรัจฉาน แกบ้าไปแล้วเหรอ?”หลิ่วชิงเหอพยายามหลบมือของฉู่เฉิน เธอวิ่งเข้าไปในห้องรับแขก หยิบมีดปอกผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแต่เธอยังไม่ทันหันกลับมา ฝ่ามือใหญ่ที่ทรงพลังข้างหนึ่งก็รัดเอวเธอไปกอดจากด้านหลัง“ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอพยายามดิ้นขัดขืน แต่จนใจที่ไม่ว่าจะขัดขืนขนาดไหน ก็ไม่สามารถหลุดพ้นพันธนาการจากมือใหญ่คู่นั้นได้“ฉู่เฉิน ฉันขอร้องแกล่ะ อย่าทำที่นี่ หรูเยียน…หรูเยียนใกล้จะกลับมาแล้ว อย่าให้เธอเห็นเด็ดขาด เรา…เราไปที่ห้องของฉันดีไหม?”หลิ่วชิงเหอเอ่ยด้วยสีหน้าอ้อนวอนความจริง ตั้งแต่วินาทีที่ฉู่เฉินรัดเอวเธอไปกอด เธอก็สังหรณ์ใจไม่ดีแล้วเพียงแต่ ความรู้สึกที่ทั้งกลัวและอยากนั่น แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยายได้ราวกับว่าในใจของเธอ มีเปลวเพลิงขุมหนึ่งที่กำลังลุกไหม้แต่เธอก็กลัวอีกว่าเปลวไฟขุมนั้นจะแผดเผาเธอ
หลิ่วชิงเหอร้อนใจจนเกือบหลุดปากร้องออกมา แต่สุดท้ายก็ทนไว้ได้หลิ่วหรูเยียนเดินวนรอบห้องรับแขกหลายรอบ พอเห็นว่าในห้องรับแขกไม่มีใครอยู่เลย จึงโยนกระเป๋าลงบนโซฟา จากนั้นก็เดินบิดขี้เกียจขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสองแม้จะผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่สำหรับหลิ่วชิงเหอ มันกลับยาวนานเหมือนผ่านไปหลายปีก็ไม่ปานครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้นที่หลิ่วหรูเยียนหมดสติ เพราะหลิ่วหรูเยียนในตอนนี้อยู่ในสภาวะมีสติครบถ้วน และพวกเขาทั้งสามคนก็อยู่บนโซฟาซึ่งห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่ถึงหนึ่งเมตรแม้หลิ่วหรูเยียนจะทำตัวเหมือนปกติ นั่งดูโทรทัศน์บนโซฟา ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกติโดยรอบแล้วทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?นี่มันอะไรกันแน่?ไอ้เดรัจฉานฉู่เฉิน!ป้าอู๋ที่อยู่ข้างๆ ตกใจจนหมดแรง นั่งตัวอ่อนอยู่บนโซฟาเมื่อกี้ตอนที่เสียงเรียกเข้าของเธอดัง เธอตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างโชคดีที่เธอไหวพริบดี รีบโยนโทรศัพท์ไปที่อีกฝั่งของโซฟา ถึงทำให้รอดไปได้อย่างหวุดหวิด……หลังผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า เงาร่างของฉู่เฉินหายลับออกไปจากหน้าต่าง ป้าอู๋รีบเก็บกวาดสิ่งสกปรกบนพื้น ก่อนจะวิ่งเข้าห้องแม่บ้านไปเหมือนคนหนีตายส่วนหลิ
นึกมาถึงตรงนี้ กู้รั่วเสวี่ยหัวเราะกับตัวเอง จากนั้นก็เดินออกจากห้อง ควานหาผ้ากันเปื้อนของสาวใช้มาสวมพอเห็นกู้รั่วเสวี่ยที่ปกติเย็นชาเย่อหยิ่ง หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ ซ้ำยังฮัมเพลงเดินเข้าไปง่วนอยู่ในครัว แม้แต่เลขาสาวกับพวกคนรับใช้ต่างก็เบิกตากว้าง“คุณหนูคะ งานหยาบแบบนี้ให้พวกเราเป็นคนทำก็ได้ คุณหนูไปพักเถอะค่ะ”สาวรับใช้สองคนรีบเดินเข้ามาเกลี้ยกล่อมด้วยสีหน้ากังวลบอกตามตรง ลูกคุณหนูที่ไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองอย่างกู้รั่วเสวี่ย ไม่เหมาะกับภาพในตอนนี้เลยแค่ท่าทางที่เธอถือมีดไว้ในมือ ก็ทำให้พวกเธอตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมได้แล้วทุกครั้งที่เธอสับมีดลงไป เหมือนส่งแรงสะเทือนถึงใจของทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ไปด้วยถ้าหากคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลกู้สับโดนนิ้วมือของตัวเอง พวกเธอไม่อยากจะนึกถึงผลที่ตามมาเลยจริงๆ“คุณหนูคะ ท่าทางการจับมีดของคุณหนูได้มาตรฐานสุดๆ ไปเลย แต่งานแบบนี้ให้พวกเสี่ยวลี่เป็นคนทำเถอะ คุณหนูคอยยืนสั่งอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”เลขาสาวชะโงกหน้าเข้ามาหว่านล้อมกู้รั่วเสวี่ย พยายามเกลี้ยกล่อมเธออย่างใจเย็น“พวกเธอจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ มื้อค่ำวันนี้ ฉันจะทำให้ฉู่เฉินด้วยตัวเอง”กู้รั่วเสวี่ยส
ถึงแม้ว่าฉู่เฉินอยากจะให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับกู้รั่วเสวี่ย แต่ว่า…แม่เอ็งเถอะ นี่มันจะเค็มเกินไปไหม?แม้แต่ปลาเค็มที่ฉู่เฉินเคยกินสมัยเด็กๆ ยังไม่ตราตรึงใจเท่ากับเนื้อปลาชิ้นนี้เลย“เป็นไงบ้าง อร่อยไหม?”กู้รั่วเสวี่ยกะพริบตาปริบๆ มองหน้าฉู่เฉินอย่างประหม่ากว่าปกติ“แค่ก…”ฉู่เฉินกระแอมเบาๆ วินาทีต่อมา เขาโอบลำคอยาวระหงของกู้รั่วเสวี่ย และประทับจูบลงไปบนปากเล็กๆ ของเธอระหว่างที่พัวพันกับลิ้นอันหอมหวาน ฉู่เฉินดันเนื้อปลาชิ้นนั้นเข้าไปในปากของกู้รั่วเสวี่ยโดยตรง“อื้อ!”พอเนื้อปลาเข้าไปในปาก กู้รั่วเสวี่ยเบิกตากว้างทันที เธอส่ายหน้าสุดชีวิต อยากจะหลุดพ้นจาก ‘กรงเล็บปีศาจ’ ของฉู่เฉิน แต่ฉู่เฉินกลับไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืนแม้จูบนี้จะดำเนินไปเพียงสิบกว่าวินาที แต่สำหรับกู้รั่วเสวี่ย มันกลับยาวนานเหมือนชั่วชีวิต“ถุย!”พอกู้รั่วเสวี่ยดิ้นหลุดออกจากอ้อมแขนของฉู่เฉินอย่างยากลำบาก เธอคายเนื้อปลาชิ้นนั้นใส่ถังขยะทันที“ทำไมเค็มอย่างนี้ ฉัน…ฉันทำตามวีดิโอนี้แล้วแท้ๆ”กู้รั่วเสวี่ยเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าที่จริงเธออยากได้ยินคำชมจากฉู่เฉินมาก แต่ผลลัพธ์กลับต่า
=yjวขณะหนึ่ง กู้รั่วเสวี่ยเห็นแววตาเย็นชาไปถึงกระดูกจากดวงตาของฉู่เฉินเธอสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อสายลมยามกลางคืนพัดผ่านมา กู้รั่วเสวี่ยอดตัวสั่นไม่ได้ เธอขยับตัวแนบชิดกับร่างใหญ่ของฉู่เฉินกลิ่นหอมกลิ่นหนึ่งลอยเข้ามาในจมูกของฉู่เฉินพร้อมกับสายลมกลางคืน กอปรกับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากเรือนร่างของกู้รั่วเสวี่ยที่แนบชิดติดกับตัวเขา ลมหายใจของฉู่เฉินเริ่มกระชั้นขึ้นมา“พวกเรา…กลับห้องกันเถอะ…”ปากเล็กๆ ของกู้รั่วเสวี่ยแนบชิดอยู่บนกลีบปากของฉู่เฉิน ก่อนจะกระซิบเสียงเบา พร้อมกับพ่นลมหายใจหอมๆ ออกมาไม่รู้ทำไม ตั้งแต่ที่เธอสัมผัสประสบการณ์ของการเป็นผู้หญิงที่น้ำพุร้อนครั้งนั้น กู้รั่วเสวี่ยรู้สึกราวกับตัวเองได้ถลำลึกจนไม่อาจถอนตัวแม้ไม่ได้เจอเพียงไม่กี่วัน แต่วินาทีที่ฉู่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าเธอ หัวใจของเธอก็ราวกับมีเปลวเพลิงแห่งรักกำลังแผดเผาอยู่“อืม”ฉู่เฉินรับคำ เขาโอบเอวของกู้รั่วเสวี่ยขึ้นมาอุ้ม จากนั้นก็เดินขึ้นไปที่ห้องนอนบนชั้นสองภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากนั้น เสียงครวญครางดังก้องไปทั่วทั้งคฤหาสน์สาวรับใช้บางคนที่ยังไม่นอน รวมถึงเลขาสาวของกู้รั่วเสวี่ยพ
ครืน!เมื่อหลี่เต้าผิงคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธ ถ้ำภูเขาพลันสั่นสะเทือนด้วยแรงพิฆาตในตัวเขา!ฉินหล่างกัดฟันกรอด ก่อนจะพูดกับหลี่เต้าผิงว่า “อาจารย์ครับ จากที่ผมรู้มา นักสู้ยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงจง มีแค่เจ้าคนแซ่จิน ที่ชื่อจินเจิ้นหลงคนเดียว”“ถ้าจะมีใครทำอันตรายศิษย์น้องได้ ก็มีแค่คนคนนี้เท่านั้น”ที่จริงหลายปีมานี้ ซ่งหู่ยังไม่เคยเปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับสำนักเฟิ่งให้ใครฟัง เพราะครอบครัวของเขาตายอย่างน่าอนาถเกินไป แม้กระทั่งก่อนที่ซ่งหู่จะกลับไปที่เมืองเจียงจง เขาก็ยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ฉะนั้น แม้แต่หลี่เต้าผิงกับฉินหล่างก็รู้เพียงแค่ว่าซ่งหู่ต้องการกลับไปแก้แค้นที่เมืองเจียงจงแต่พวกเขาสองคนก็ไม่รู้ว่าศัตรูของเขาเป็นใครฉินหล่างเอง หลังจากที่เห็นคัมภีร์หยกที่เขียนฤกษ์ยามเกิดของซ่งหู่แตก ถึงได้ตรวจสอบเรื่องนักสู้ในเมืองเจียงจงคร่าวๆทั่วทั้งเมืองเจียงจง มีปรมาจารย์ยุทธ์เพียงคนเดียว นั่นก็คือจินเจิ้นหลง!อย่างไรเสียพลังของซ่งหู่ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ผู้บำเพ็ญพรตที่ฝึกกำลังภายในระดับสูงจนสำเร็จ เรียกได้ว่าในหมู่นักสู้ระดับเดียวกัน เขาคือผู้ไร้เทียมทานแล้ว!คนที่สามา
“เชี่ย นั่นมันกงล้อเพลิงใช่ไหม?”“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันเชื่อในหลักวิทยาศาสตร์!”“วิทยาศาสตร์บ้านเอ็งสิวะ ไม่เห็นเหรอว่าคนเขาบินอยู่เหนือน้ำทะเลโน่นแล้วน่ะ!”เหล่านักท่องเที่ยวและพนักงานบนเรือต่างเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเจอเทพเซียนในตำนาน พวกเขาพากันคุกเข่าและโขกหัวไปทางหลี่เต้าผิงกับฉินหล่างอย่างต่อเนื่องหลี่เต้าผิงเหลือบมองผู้คนบนเรือที่กำลังโขกหัวด้วยความเลื่อมใสอย่างสุดใจแวบหนึ่ง ก่อนจะแค่นเสียงอย่างดูแคลนถ้าหากฉู่เฉินอยู่ในฝูงชนด้วย จะต้องเปิดโปงทริคหลอกสายตาง่ายๆ นี้ของหลี่เต้าผิงแน่นอนที่จริงวิชาที่หลี่เต้าผิงกำลังใช้อยู่นี้ ก็คือ ‘วิชาเหยียบคลื่น’ ที่หายสาบสูญไปแล้วนั่นเอง!เพียงแต่ เทียบกับซ่งหู่แล้ว แต่วิทยายุทธ์ของเขานั้นลึกล้ำกว่า คลื่นที่อยู่ใต้เท้าจึงยิ่งควบคุมได้อย่างใจส่วนฉินหล่าง เขาก็แค่อาศัยยันต์เพลิงวายุ ถึงสามารถเหินอยู่เหนือน่านน้ำได้ ความจริงแค่ยิงฉี่ใส่ลูกไฟนั่น ฉินหล่างก็จะร่วงลงมาในพริบตาไม่มีเหตุผลอื่นใดเลย นอกเสียจากว่าของจำพวกยันต์ ล้วนกลัวสิ่งสกปรกแต่คาถายันต์ที่ฉู่เฉินฝึกอยู่นั้น กลับไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นยันต์ ฉะนั้นไม่ว่าสิ่งสกป
ตั้งแต่เช้า ทุกครั้งที่มีคนผ่านบ้านเก่าของตระกูลฉู่ อินซู่ซู่จะเปิดประตูรั้วดูว่าฉู่เฉินกลับมาแล้วใช่หรือเปล่าอินซู่ซู่ใช้ความคิดอย่างมากเพื่อที่จะมอบเซอร์ไพรส์ที่น่าตื่นตกใจให้ฉู่เฉินเธอตั้งใจนั่งเฝ้าแพลตฟอร์มไลฟ์สดอยู่หลายวัน เจาะจงเลือกช่องไลฟ์สดของสาว ๆ ที่เต้นเซ็กซี่ยั่วยวน ตั้งแต่แต่งตัวไปจนถึงแต่งหน้า ศึกษาอย่างละเอียดมาสิบกว่าวัน หลังจากนั้นถึงค่อยรีบกลับมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม บอกตามตรง สิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากสาว ๆ เหล่านั้นมีประโยชน์มากจริง ๆ เมื่อก่อนพวกผู้ชายมักจะเดินผ่านไหล่เธอไปโดยที่ไม่หันหน้ากลับมามอง คราวนี้เกรงว่าแค่เดินผ่านตัวเธอก็อดหันหน้ากลับมามองหลายครั้งไม่ได้ถึงขนาดที่ยังมีหนุ่มเดลิเวอรี่ชนเข้ากับเสาไฟฟ้าเพราะว่ามองเพลินมากเกินไป จนอาหารตรงเบาะหลังรถกระจายเต็มพื้นเมื่อเห็นอัตราการหันหน้ากลับมามองของตัวเองพุ่งพรวดพราด อินซู่ซู่ก็คิดอย่างมั่นใจว่าฉู่เฉินจะต้องกระโจนเข้ามาเหมือนผึ้งเห็นดอกไม้อย่างแน่นอน ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉู่เฉินจ้องเธอไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำ แถมเวลาสองวินาทีครึ่งจากในนั้นยังทอดมองมายังลูกท้อสองลูกตรงหน้าอกของเ