ตูม! จางเฉิงหลงถูกฮว่าจิ่วหยางซักถามจนสมองดังวิ้ง ๆสถานการณ์ไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้แล้ว ถ้าเขากล้าสงสัยฉู่เฉินอีกก็เท่ากับว่ากำลังสงสัยฮว่าจิ่วหยาง จางเฉิงหลงรู้สึกขมขื่นในใจ! เขาไม่ยอมรับ! แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮว่าจิ่วหยาง เขากลับทำได้เพียงสะกดกลั้นความรู้สึกไม่พอใจทั้งหมดไว้ในใจ ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว “เปล่านะครับ ผู้อาวุโสฮว่า ผะ...ผม...” “เลิกพูดไร้สาระ ก่อนหน้านี้คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าถ้าเกิดคุณฉู่รักษาโรคของเธอให้หายได้ คุณจะกินขี้ชามใหญ่? ตอนนี้คุณทำตามที่เดิมพันไว้ได้แล้ว” พอได้ยินฮว่าจิ่วหยางเอ่ยคำพูดนี้ออกมา จางเฉิงหลงก็ตะลึงงันนั่นเป็นคำพูดที่เขาเอ่ยเพราะความโกรธไปชั่วขณะโอเคไหมใครจะเอาการเดิมพันแบบนี้มาคิดเป็นจริงเป็นจังกันล่ะ? “เชี่ย คราวนี้รองผู้อำนวยการจางจะบุกเบิกอาหารของมนุษย์แล้ว” “จากนี้ไป รองผู้อำนวยการจางจะเป็นผู้ชายที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของห่วงโว่อาหาร รองผู้อำนวยการ มาเลย เขมือบขี้ชามนี้เลย” “รองผู้อำนวยการ อย่ายอมแพ้เด็ดขาดนะ ก็แค่กินขี้ไม่ใช่เหรอ? พวกเราสนับสนุนคุณ!” ข้อความนับไม่ถ้วนลอยผ่านในช่องไลฟ์สด ดวงหน้าของจางเฉิงหลงซีดเผือด
เมื่อเห็นเสียงซักถามเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ในช่องไลฟ์สด หลิ่วหรูเยียนก็ลุกขึ้นพรวดแล้วพูดกับซูซูว่า “คุณซูคะ ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันยังมีประชุมสำคัญที่ต้องเข้าร่วมในบริษัท ขอตัวก่อนนะคะ” หลิ่วหรูเยียนพูดจบก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างแล้วหันตัวหมายจะเดินออกไป“อะไรกัน นี่ก็คือความซื่อสัตย์ของผู้จัดการใหญ่หลิ่วเหรอ?” ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเอ่ยถามอย่างเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากทางด้านหลังเท้าของหลิ่วหรูเยียนที่ก้าวออกไปพลันหยุดชะงัก จากนั้นเธอก็หันตัวกลับมาทันทีแล้วยิ้มหยันให้ฉู่เฉินก่อนจะพูดว่า “ฮึ ฉู่เฉิน นายอย่าคิดว่าโชคดีแล้วจะมีความหมายอะไรนะ?”“นายอวดว่าวิชาแพทย์สูงส่งไม่ใช่หรือไง? ถ้ามีความสามารถ นายก็เข้าร่วมการแข่งแพทย์แผนจีนระดับมณฑลในเดือนหน้าสิ!”“ฉันจะส่งตัวแทนจากบริษัทไปแข่งกับนายเอง!” “ถ้าไม่มีความกล้าพอก็เลิกพูดพล่ามซะ!” หลังจากทิ้งท้ายคำพูดไว้แล้ว หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งออกไปจากสตูดิโอเหมือนหนีเอาตัวรอด ในช่องไลฟ์สดเต็มไปด้วยเสียงด่าทอหลิ่วหรูเยียนอยู่ชั่วขณะ ซูซูขมวดคิ้ว พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอเลยรีบเอ่ยปากตอนที่ยังมีโอกาสว่า “เฮ้อ จริง ๆ แล้วด้วยวิชาแพทย์ของคุณฉ
หืม?จินเจิ้นหลงอดอึ้งไม่ได้ ฉู่เฉินรู้ชื่อลูกชายของเขาได้อย่างไร? ไอ้เด็กนี่คงไม่ได้หาเรื่องฉู่เฉินหรอกใช่ไหม? พอคิดถึงความเป็นไปไปได้เช่นนี้ จินเจิ้นหลงก็ตกใจกลัวจนกลืนน้ำลาย เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าปรมาจารย์ฉู่มีอะไรจะชี้แนะ?” “ไม่อย่างนั้นให้ผมพาเขามาเยี่ยมคุณวันหลังไหม?” ฉู่เฉินส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมแล้ว ผมกะดูแล้วว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะมาถึงแล้ว” ว่าไงนะ? จินเจิ้นหลงขมวดคิ้วมุ่น ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของฉู่เฉินมีเจตนาอะไรกันแน่ จินหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ทางด้านข้างก็มองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน .....เวลานี้เอง ห่างจากบ้านเก่าของตระกูลฉู่ออกไปหลายร้อยเมตร จินอ้าวเทียนที่พันผ้าพันแผลเต็มมือกำลังเดินมาทางบ้านเก่าของตระกูลฉู่อย่างคุกคาม ความจริงแล้ว ตอนกลางวันเขาเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่บังเอิญว่าตอนนั้นฉู่เฉินกำลังจัดวางค่ายกลซ่อนงำไว้รอบ ๆ บ้านเก่าของตระกูลฉู่ จินอ้าวเทียนพาคนของสำนักมวยวนอยู่รอบบ้านเก่าของตระกูลฉู่ครึ่งค่อนวันก็หาตำแหน่งที่แน่ชัดของบ้านเก่าตระกูลฉู่ไม่เจอ ท้ายที่สุดก็
แม้แต่แขนที่ยกก้อนอิฐก็ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เห็นจินเจิ้นหลงเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ดวงตาสองข้างจ้องมองจินอ้าวเทียนด้วยแววตาเย็นชา มืออีกข้างยังสั่นไม่หยุด “พะ...พ่อ? พ่อมาอยู่นี่ได้ยังไง?” จินอ้าวเทียนสะบัดมือโยนก้อนอิฐทิ้งไปทางด้านข้าง มองจินเจิ้นหลงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจ“ไอ้เด็กเวร แกจะทำให้ใครพิการ?!” จินเจิ้นหลงโกรธจนหนวดเบี้ยว มองจินอ้าวเทียนด้วยความโกรธเกรี้ยวพลางทำหน้าบูดบึ้งสุดขีด“พ่อ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นพ่อ ผะ...ผมมาหาคนแซ่ฉู่เพื่อคิดบัญชี พ่อดูสิ คนแซ่ฉู่ทำมือของผมหักไปข้างหนึ่ง ผมจะทำให้มันพิการให้ได้...” เพียะ!จินอ้าวเทียนยังพูดไม่จบ ใบหน้าอีกข้างก็โดนตบอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง เพียงแต่ว่าคนที่ลงมือครั้งนี้เป็นจินหลิงเอ๋อร์ สองพ่อลูกตบหน้าติดต่อกันสองที ตบจนจินอ้าวเทียนมึนงงโดยสิ้นเชิง “พะ...พี่ ทะ...ทำไมพี่ถึงตบผม?”จินอ้าวเทียนจะร้องไห้แล้ว เขายังไม่ได้ทำอะไรฉู่เฉินก็โดนตบหน้าไปก่อนสองฉาดพวกลูกศิษย์สำนักมวยที่อยู่ด้านหลังเห็นดังนั้นก็พากันหลบออกไปไกล ๆ ขอเพียงเป็นคนที่มีสายตาแหลมคม แค่มองก็รู้ว่าคราวนี้จินอ้าวเทียนเตะโดนแ
ที่จริงฉู่เฉินเพิ่งเข้าใจคำว่าคนจนเรียนหนังสือคนรวยเรียนยุทธ์จากชื่อเสียงของจินเจิ้นหลงก็คงมีเพื่อนร่วมสายอาชีพแต่ยาบำรุงปราณของเขาสำหรับนักสู้แล้ว ก็มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ เช่นกัน ไม่เพียงแต่สามารถทำให้อายุวัฒนะ แต่ยังทำให้พลังแข็งแกร่งอีกด้วยแม้แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้นักสู้ทะลวงคอขวด ส่งผลให้ประสบความสำเร็จมากขึ้นสำหรับนักสู้แล้ว ยาบำรุงปราณมีความดึงดูดที่สุดแต่เห็นได้ชัดว่าจงอาหู่ไม่มีคอนเนคชั่นทางด้านนี้ ถ้าเทียบกันแล้วจินเจิ้นหลงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วนี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ฉู่เฉินตอบตกลงรักษาจินเจิ้นหลงจินเจิ้นหลงยกเท้าขึ้นมาถีบเข้าไปที่ก้นของจินอ้าวเทียน พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ยังไม่รีบขอบคุณคุณฉู่อีกเหรอ?”ต้องขอบคุณมันด้วยเหรอ?ใบหน้าจินอ้าวเทียนที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจตรงดิ่งเข้าไปหาฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ขอบคุณความมีน้ำใจและใจกว้างของคุณฉู่”“ไสหัวไปได้แล้ว!”จินเจิ้นหลงเตะจินอ้าวเทียนอีกครั้ง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็รีบคลานหนีออกไปเมื่อจินอ้าวเทียนออกไปไกลแล้ว ใบหน้าของจินเจิ้นหลงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มพูดขึ้นมาว่า “คุณฉู่ มีเรื่องอะไรคุณพูดมาได้เลยนะคร
ฉู่เฉินครุ่นคิดก่อนแล้วจึงพูดหยั่งเชิงว่า “หากต้องการรักษาโรคของคุณหนูจิน จำเป็นต้องใช้หญ้าเทียนหลิง ต้องใช้เวลาซึ่งหาได้ยาก รอให้ผมเจอวัตถุดิบยานี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ได้ครับ”จินเจิ้นหลงก็ไม่กล้าขัด จึงทำได้แค่พยักหน้ารัวๆคุยกับฉู่เฉินอีกไม่กี่ประโยค จินเจิ้นหลงก็พาลูกสาวเขากลับไปหลังจากที่ออกจากประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ จินหลิงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนรถถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “พ่อคะ ทำไมเมื่อกี้พ่อไม่ตอบรับคุณฉู่ล่ะคะ?”“ยาลูกกลอนเป็นทรัพยากรที่หายากในวงการยุทธ์นะคะ บางทีหากตระกูลจินของเราพึ่งพาอำนาจของคุณฉู่ เราอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้นะคะ”จินเจิ้นหลงส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นมาว่า “หลิงเอ๋อร์ ลูกมองปัญหาง่ายเกินไปแล้ว”“เอ๋?”จินหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “พ่อคะ หนูไม่เข้าใจความหมายของพ่อ จากทักษะการแพทย์ของคุณฉู่ ยาลูกกลอนที่เขาให้ต้องยอดเยี่ยมแน่นอนค่ะ”จินเจิ้นหลงถอนหายใจยาวออกมา พร้อมอธิบายว่า “นั่นก็ถูก นักสู้ที่ระดับพลังยิ่งสูง ความต้องการที่มีต่อยาลูกกลอนก็ยิ่งสูง แต่ทว่าลูกเคยคิดไหม ว่าคนที่สามารถจ่ายให้กับของพวกนี้ได้เป็นใครกันบ้าง?”“หากยาลูกกลอนมีปัญหา แ
เมื่อเห็นว่าจินอ้าวเทียนและจินหลิงเอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จินเจิ้นหลงจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้พวกเขาฟังตามจริงเมื่อได้ยินว่าฉู่เฉินสามารถสังหารซ่งหู่ได้เพียงคราวเดียว สองพี่น้องตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมทั้งร่างโดยเฉพาะจินอ้าวเทียน เขาแอบดีใจยิ่งกว่าที่ได้พบกับพ่อของเขาที่ประตูบ้านใหญ่ของตระกูลฉู่ ไม่อย่างนั้น...ซี้ดๆ!ไม่อยากจะคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย!หลิ่วหรูเยียนผู้หญิงพวกนี้ นี่แม่งเป็นการส่งกูไปตายชัดๆ ไม่ใช่เหรอ?จินอ้าวเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ก่นด่าหลิ่วหรูเยียนในใจเป็นหลายสิบครั้ง!แม้ว่าเขาจะต้องการเรือนร่างของหลิ่วหรูเยียน แต่ผู้หญิงแค่คนหนึ่งไม่มีค่าพอที่จะให้เขาเสี่ยงชีวิตหรอกสำหรับจินหลิงเอ๋อร์ เธอก็กลัวจนเหงื่อเย็นท่วมตัวเช่นกัน!เมื่อกี้ที่เธอลงมือกับฉู่เฉิน หากไม่ใช่ว่าฝ่ายตรงข้ามออมมือให้ เธอเกรงว่าชีวิตเล็กๆ ของเธอคงจะไม่เหลือแล้วมั้ง?“ดังนั้นถึงบอกว่าฉู่เฉินคนนี้ ทำได้แค่ประจบประแจง และอย่ายั่วโมโหเขาเด็ดขาด อย่างน้อยตระกูลจินของเราไม่มีกำลังนั้น เข้าใจไหม?”จินเจิ้นหลงกล่าวอย่างจริงจังจินหลิงเอ๋อร์และจินอ้าวเทียนสองพี่น้องพยักหน้ารั
…อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินเพิ่งส่งคนตระกูลจินกลับไปได้ไม่นาน โจวเทียนเฟิ่งก็ส่งรูปมาให้เขารูปหนึ่งรูปนั้นเป็นรูปของโจวเทียนเฟิ่งเองเพียงแต่โจวเทียนเฟิ่งที่อยู่ในรูป แทบจะทำให้เห็นความที่สุดของคำว่ายั่วยวน ผมลอนใหญ่ม้วนยาวสง่า สวมหมวกพยาบาลแบบเฉียงๆ อีกด้วยท่อนบนสวมชุดพยาบาลซีทรู เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งครึ่งวงกลมสีขาวสองส่วนกระโปรงซีทรูปกปิดท้องน้อยที่กระชับและเรียบเนียนไว้ มองขึ้นไปตามกระโปรงซีทรู หน้าอกอวบอิ่มคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นราง ๆกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ กึ่งปิดกึ่งเปิด เห็นขอบลูกไม้ด้านในได้ชัดเจน เข็มขัดถูกผูกเป็นโบสีชมพู แล้วมัดไว้ด้านข้างขาเรียวยาวสองข้างยังสวมใส่ถุงน่องตาข่ายสุดเซ็กซี่ไว้ เท้าเล็กๆ สีชมพูคู่นั้นยังสวมใส่รองเท้าแก้วไว้อีกด้วยเชี่ยเอ๊ย!เป็นชุดเครื่องแบบที่ยั่วสวาทจริงๆ !ฉู่เฉินที่ผ่านการรบติดต่อมาเป็นเวลานาน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ“เฉินเฉิน... วันนี้อยากจะมานอนบนเตียงกับฉันไหมคะ?”ในขณะที่ฉู่เฉินกำลังดื่มด่ำกับวิวสวยตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา“เป็นอะไรไป ไม่ได้เจอกันแค่วันเดียวเอง คุณอยากอีกแล้วเหรอครับ?”ฉู่เฉินส่งข้อ