“ฉันคิดว่าวิญญาณของคุณอาฉู่ที่อยู่บนสวรรค์เองก็คงไม่อยากให้ฉู่เฉินตกต่ำและกลายเป็นจอมลวงโลกแบบนี้ เพราะฉะนั้นฉันมีหน้าที่เปิดโปงคำโกหกหลอกลวงของเขาค่ะ”ประโยคนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้นหลามขึ้นอีกครั้งในช่องไลฟ์สด“คนอย่างไอ้ฉู่เฉินก็ยังกล้าเปิดบริษัทยาอีกเหรอ?”“ใช่ ต้องเปิดโปงคำโกหกหลอกลวงของเขา!”“ฉันอยากจะรู้นัก ไอ้แซ่ฉู่นี่จะปิดฉากยังไง มันเชิญนักแสดงมาไม่ใช่เหรอ? งั้นเรามารอดูกันว่ามันจะรักษาให้คนอื่นยังไง!”“ใช่ กับบริษัทที่ไร้คุณธรรมแบบนี้ ที่กล้าโปรโมตด้วยเรื่องลวงโลก ต้องแฉให้หมดเปลือก!”ชั่วขณะหนึ่ง ข้อสงสัยและคำด่าทอเต็มไปทั่วช่องไลฟ์สดกระแสความเดือดของช่องไลฟ์สดพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ยอดผู้ชมทะลุหนึ่งแสนห้าหมื่นคนไปแล้วชาวเน็ตเกือบครึ่งมณฑลเจียง รวมถึงชาวเน็ตจากทั่วประเทศต่างก็รุมด่าฉู่เฉินซูซูเหลือบมองช่องแชตด้านล่าง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน รายการของเราเพิ่งตัดสินใจร่วมกัน แม้จะต้องเสี่ยงโดนฉู่เฉินฟ้องข้อหาบุกรุกสถานที่ พวกเราก็จะเปิดโปงหน้ากากที่แสร้งเป็นคนดีของเขาให้ได้ค่ะ”“ต่อจากนี้ แพลนกล้องไปฝั่งนักข่าวแนวหน้
เรือนร่างอันเย้ายวนของสวี่ถิงถิงดึงดูดความสนใจจากผู้ชมส่วนใหญ่ในช่องไลฟ์สดทันทีประโยคที่เธอพูดเมื่อกี้จึงยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับผู้ชมในห้องไลฟ์สดให้เดือดพล่านกว่าเดิม!แอคเคาท์ที่ชื่อจักรพรรดิเสินเยวี่ยแห่งเจียงจง สาดคอมเมนท์ใส่หน้าจอว่า “ถ้าไอ้แซ่ฉู่นี่มีความรู้ด้านการแพทย์จริง ฉันยอมไลฟ์สดกินขี้เลย!”พอประโยคนี้ปรากฏบนหน้าจอ ชาวเน็ตหลายคนก็สาดคอมเมนต์เยาะเย้ยตามมาติดๆ“แหม จักรพรรดิเสินเยวี่ยมาหาแสงอีกแล้ว”“เหอะ ถ้ามันมีความรู้ทางการแพทย์จริง ฉันยอมไลฟ์สดตีลังกาขี้เลย”“พวกเอ็งเอาซะขี้มีคุณค่าขึ้นมาเลย!”ขณะเดียวกัน ฉู่เฉินพาจินเจิ้นหลงและจินหลิงเอ๋อร์สองพ่อลูกเข้าไปในห้องรับแขกจินเจิ้นหลงนั่งลงตรงมุมเล็กๆ ของโซฟาด้วยท่าทางนอบน้อม ก่อนจะพูดกับฉู่เฉินด้วยสีหน้าอ้อนวอน “ปรมาจารย์ฉู่ ผมไม่สำคัญเท่าไร ถ้าเป็นไปได้ คุณช่วยรักษาโรคเรื้อรังของลูกสาวผมให้ก่อนได้ไหมครับ”เขาคิดดีแล้ว ถึงตระกูลจินจะนับถือฉู่เฉินเป็นเจ้านายแล้วยังไง?ขอแค่ลูกสาวมีสุขภาพแข็งแรง แล้วแต่งงานกับเจ้าบ่าวที่เหมาะสมเร็วๆ เขาก็มีหน้าไปเจอแม่ของจินหลิงเอ๋อร์ที่จากไปแล้ว ฉู่เฉินขมวดคิ้วบอกว่า “อาการป่วยของ
ทักษะการแพทย์สูงต่ำเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลอกกันได้ ถึงแม้ฉู่เฉินคิดจะแสร้งทำก็ไม่รอดอยู่ดีคำพูดของซูซูเองก็ชักชวนให้ชาวเน็ตที่กำลังติดตามหลายคนเห็นด้วยเช่นกันพอเห็นกระแสสังคมพลิกกลับอย่างชัดเจน หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงและเอ่ยอย่างดูถูกว่า “ถ้าฉู่เฉินมีความสามารถด้านการแพทย์จริง ฉันหลิ่วหรูเยียนคนนี้จะคุกเข่าขอขมาให้เขาต่อหน้าชาวเน็ตนับล้านคนเลย!”ซูซูได้ยินก็เตือนด้วยรอยยิ้ม “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณจะพูดเล่นแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุกเข่าขอโทษ ไม่เพียงจะทำให้ชื่อเสียงของคุณเสียหาย แต่ภาพลักษณ์ของบริษัทก็จะ…”“เหอะ!”ซูซูยังไม่ทันพูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็ยิ้มหยัน “คุณซู ฉันดูเหมือนกำลังพูดเล่นเหรอคะ? ฉันหลิ่วหรูเยียนเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น”“คนอื่นน่ะฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันรู้จักฉู่เฉินดี เขาเป็นคนไร้ความรู้ความสามารถ เป็นแค่จอมลวงโลกที่หลอกลวงคนอื่นไปทั่ว”ซูซูเห็นหลิ่วหรูเยียนมั่นใจขนาดนี้ จึงไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมอย่างไร ได้แต่ยิ้มเล็กน้อย และบอกว่า “โอเคค่ะ งั้นพวกเรามารอดูกันต่อไปก็แล้วกันนะคะ”ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินยื่นมือประคองจินเจิ้นหลงให้ลุกขึ้นมา และเอ่ยเสียงเรียบว่า “ถึงจะยุ่งยากหน
เสียงกรีดร้องของเขาดังก้องไปทั่วทิศ ในช่องไลฟ์สด เกิดการถกเถียงอย่างเร่าร้อนขึ้นอีกครั้ง“เชี่ย! ไอ้แซ่ฉู่ซ้อมปาเป้าอยู่รึไงวะ?”“แม่งเถอะ นี่ไม่ใช่การรักษาแล้ว นี่มันกำลังฆ่าคนชัดๆ”“แม้แต่คนดีๆ ก็ต้องถูกเขาทรมานจนตายแล้วมั้ง? นี่มันวิชาแพทย์แขนงไหนกันเนี่ย!”พริบตาเดียว ฉู่เฉินก็ตวัดเข็มเงินสามเล่มใส่ร่างของจินเจิ้นหลง แม้แต่ชาวเน็ตในหน้าจอก็นั่งไม่ติดแล้วหลิ่วหรูเยียนยิ่งพูดด้วยสีหน้าย่ามใจ “ฉันบอกแล้วว่าเขาเป็นแค่จอมลวงโลกที่ไม่มีความสามารถอะไรเลย ใครๆ ก็เคยเห็นการรักษาด้วยการฝังเข็ม แต่มีใครเคยเห็นการฝังเข็มแบบนี้บ้างล่ะคะ?”“ฉันว่าเราควรเปลี่ยนหัวข้อได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ค่าไอ้สวะอย่างเขา”จบประโยคนี้ กองทัพเรือในช่องไลฟ์สดสาดคอมเมนต์เต็มหน้าจอ ร้องขอให้ตัดภาพถ่ายทอดสดฝั่งฉู่เฉินออก ไอ้สวะที่เป็นแค่จอมลวงโลก มีอะไรน่าดูกัน สู้ดูสองสาวสวยในห้องไลฟ์สดคุยกันยังจะดีซะกว่า คอมเมนต์ประเภทนี้เต็มหน้าจอไปหมดซูซูเองก็ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง การแสดงละครของฉู่เฉินเกินจริงไปมาก ฉันให้โอกาสนายแล้ว แต่นายใช้ไม่ได้เองจุดพลิกผันที่รอคอยมาไม่ถึง ซูซูได้แต่ผิดหวังอย่างมากในขณะที่ซูซ
ตึง!คำพูดของฮว่าจิ่วหยางทำให้ซูซูอึ้งค้างไปทันทีหรือฉู่เฉินจะมีความสามารถด้านการแพทย์จริง?หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ข้างๆ อดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอหันไปมองซูซูซึ่งเป็นพิธีกรของรายการอย่างไม่พอใจคงไม่ใช่ว่ารายการนี้รับเงินใต้โต๊ะจากฉู่เฉิน แล้วตั้งใจหาตาแก่ไร้ชื่อคนหนึ่งมาเพื่อวางกับดักเธอหรอกนะ?เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดต่อหน้าแฟนคลับกว่าล้านสองล้านคนว่า ถ้าฉู่เฉินมีความสามารถด้านการแพทย์จริง เธอจะคุกเข่าขอขมาฉู่เฉินชั่วขณะหนึ่ง ห้องไลฟ์สดแตกฮืออีกครั้ง“เชี่ย ไอ้เดรัจฉานเฒ่านี่มันใครวะ? ถึงได้มาวางท่าเป็นแพทย์จีนโบราณอยู่ตรงนี้!”“ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นวิชาเก้าเข็มลึกล้ำอะไรนั่นอีก ฉันว่าแกนั่นแหละไอ้หน้าโง่ล้ำลึก!”“คงไม่ใช่ว่ารายการต้องการเพิ่มเรตติงก็เลยหาคนมาป่วนหรอกนะ? ยังไงฉันก็ไม่เชื่อใครทั้งนั้น นอกจากเทพธิดาของฉันคนเดียว”“ไอ้พวกไร้สมอง พวกนายไม่รู้จักอาวุโสฮว่าจิ่วหยางรึไง? เขาเป็นผู้นำสิบหมอชื่อดังของเจ็ดมณฑลแห่งทิศใต้เชียวนะเว้ย! แม้แต่หมอเทวดาซุนเวลาเจออาวุโสฮว่ายังต้องเรียกว่าท่านอาวุโสด้วยความนอบน้อมเลย!”เวลานี้ ชาวเน็ตที่เคยติดตามฮว่าจิ่วหยางลุกขึ้นมาพูดปกป้องอาวุโสฮว่า
พอเห็นหลิ่วหรูเยียนสติหลุดในห้องไลฟ์สดอย่างนี้ ซูซูอดขมวดคิ้วสวยๆ ไม่ได้ เธอเอ่ยเตือนสติว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว กรุณาควบคุมอารมณ์ตัวเองหน่อยนะคะ”หลิ่วหรูเยียนถลึงตาจ้องหน้าซูซูด้วยสีหน้าย่ำแย่สุดขีด จากนั้นจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์แล้วกลับไปนั่งเห็นหลิ่วหรูเยียนสติหลุดราวกับเสียพ่อเสียแม่ไปอย่างนั้น ซูซูกลับลอบลิงโลดอยู่ในใจความจริง เมื่อกี้เธอไม่ได้คาดหวังอะไรกับฉู่เฉินแล้ว เธอแค่รู้สึกว่าฉู่เฉินกำลังแสดงละครอยู่เท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่าตาคุณชายบ้านรวยคนนี้กลับได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากอาวุโสฮว่าขนาดนี้นั่นทำให้ซูซูเซอร์ไพรส์มากจุดพลิกล็อกที่น่าตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ซูซูใฝ่ฝันมาตลอดเลยทีเดียวเรตติงกระฉูดสูงเสียดฟ้าเกิดขึ้นจริงๆ แล้วนี่ไงซูซูถึงขั้นแอบคิดคำนวณในใจ ว่าจะจุดชนวนให้เกิดประเด็นในเฟซบุ๊กด้วยดีหรือไม่ หลังจากผลักฉู่เฉินให้กลายเป็นประเด็นร้อนถึงขีดสุด เธอค่อยคิดหาทางติดต่อฉู่เฉินเป็นการส่วนตัว อย่างนัดกินข้าวอะไรทำนองนั้นจากนั้น…พวกเขาก็ถูกคนแอบถ่ายโดยบังเอิญ เธอจะใช้ตาทึ่มฉู่เฉินเพื่อทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง และผลักดันตัวเองไปสู่บทบาทใหม่นึกมาถึงตรงนี้ ด
“ร้านนวดใต้หอพวกเธอใช้ร้านนวดสายตรงรึเปล่า?”“ไม่แน่ว่าวิชาฝังเข็มของคุณชายฉู่ของพวกเรา อาจจะได้มาจากการเดินผ่านร้านนวดข้างทางที่มีแสงไฟสลัว จากนั้น…ก็ศึกษากับหมอฝังเข็มสาวสวยอย่างลึกซึ้ง ฮ่าๆๆ…”หลิ่วหรูเยียนเพิ่งจะพูดจบ กองทัพเรือที่แฝงตัวอยู่ในชาวเน็ตก็แสดงฤทธิ์เดชทันที พวกเขาถึงขั้นเย้ยหยันวิชาฝังเข็มรักษาโรคของฉู่เฉิน ว่าอาจเรียนรู้มาจากร้านนวดแสงไฟสลัวซูซูเม้มปาก ตัดสินใจเงียบไม่พูดอะไรอีก เธอหันไปมองสถานการณ์ในไลฟ์สดแทนอาการบาดเจ็บของจินเจิ้นหลงในตอนนี้ดีขึ้นแล้ว สีหน้าก็ค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ แม้แต่ลมหายใจก็กลับมาสม่ำเสมอแล้ว“ปะ…ปรมาจารย์ฉู่ อาการของพ่อฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”พอเห็นการเปลี่ยนแปลงของจินเจิ้นหลง จินหลิงเอ๋อร์ที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าดีใจเพิ่งจะผ่านไปแค่ห้านาที อาการของจินเจิ้นหลงก็ทรงตัวขึ้นมากแล้ว อย่างน้อยสีหน้าก็ไม่ได้ดูแย่แล้วฉู่เฉินมองจินเจิ้นหลง แล้วพูดอย่างครุ่นคิดว่า “ตอนนี้ควบคุมอาการบาดเจ็บได้แล้ว แต่การซ่อมแซมเส้นชีพจรต้องใช้เวลา อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็น่าจะเรียบร้อย”ได้ยินอย่างนั้น สองพ่อลูกจินหลิงเอ๋อร์กับจินเจิ้นหลงลิงโลดขึ้น
สวี่ถิงถิงรีบไหลตามน้ำ เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “คุณฉู่เป็นคนใจกว้างอย่างที่คิดเลยนะคะ แม้ผู้จัดการใหญ่จะทำให้คุณเสียชื่อเสียงต่อหน้าคนมากมายนับล้านคน แต่คุณกลับไม่ถือสาสักนิด น่าเลื่อมใสมากเลยค่ะ”ฉู่เฉินยิ้มเย็น “ใครบอกคุณว่าผมไม่ถือสา?”ประโยคนี้ทำให้สวี่ถิงถิงที่ตอนแรกยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บานพลันชะงักค้างทันที เธอประจบสอพลอไม่สำเร็จ กลับกลายเป็นหาเรื่องใส่อีกต่างหาก“ช่างเถอะ คืนกล้องให้เธอเถอะครับ”ฉู่เฉินโบกมือ แค่นักข่าวสาวคนหนึ่ง ไม่มีค่าพอให้เขาต่อกรด้วยยิ่งไปกว่านั้น เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวกับสื่อพวกนี้บัญชีนี้ ฉู่เฉินจะคิดกับสองแม่ลูกหลิ่วหรูเยียนเอง หลังจากวันนี้ เขาจะทำให้พวกเธอสองแม่ลูกชดใช้ในอีกรูปแบบ!“เหอะ เอาไป!”จินหลิงเอ๋อร์ตวาดใส่อย่างเจ็บใจ ก่อนจะขว้างกล้องขนาดเล็กตัวนั้นคืนสวี่ถิงถิงขณะเดียวกัน ในห้องไลฟ์สดตอนนี้ เพราะกล้องถูกแย่งไป ภาพและเสียงจึงไม่ค่อยชัดอาวุโสฮว่าขมวดคิ้ว เขาหันไปพูดกับซูซูว่า “ซูซู ช่วยสัมภาษณ์คุณฉู่โดยตรงเลยได้ไหม ผมหมายถึงให้ดึงคุณฉู่เข้ามาในไลฟ์สดโดยตรงเลย ได้หรือเปล่า?”นี่เป็นสิ่งที่ซูซูต้องการพอดี เพียงแต่แขกรับเชิญพิเศษของวัน
คนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ มีเพียงเฉียวเทียนฉี่และโฮ่วเจี้ยนอิงสองคนเท่านั้นแม้แต่โจวอวี้หมิงก็ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนที่โต๊ะด้านข้างเท่านั้นเมื่อนับรวมเฉินเยว่เอ๋อร์ที่เป็นรองขุนพลของซ่งหนิงซวง ทั้งโต๊ะก็มีแค่สี่คนเท่านั้นฉู่เฉินไม่เกรงใจเช่นกัน เขานั่งลงตรงข้ามซ่งหนิงซวงทันที ก่อนจะยิ้มให้ซ่งหนิงซวงแล้วพูดว่า “คิดว่าถึงยังไงวันนี้ขุนพลหญิงเรียกผมมา คงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อดื่มเหล้าแน่นอนหรอกใช่ไหม?”“ผมเป็นคนชอบพูดจาตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรก็ขอให้ขุนพลหญิงพูดให้ชัดเจน”ถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะเอ่ยคำพูดนี้ด้วยความเกรงใจมาก แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูเอาอกเอาใจเลยแม้แต่น้อยซ่งหนิงซวงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็ชอบพูดคุยกับคนฉลาดเหมือนกัน” ซ่งหนิงซวงพูดพลางล้วงใบสั่งยาแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก แล้วส่งให้เฉินเยว่เอ๋อร์เฉินเยว่เอ๋อร์รับใบสั่งยาก่อนจะลุกขึ้นมาเดินไปหาฉู่เฉิน จากนั้นก็กางใบสั่งยาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าฉู่เฉิน“ฉันได้ยินว่าคุณฉู่ค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ ฉันคิดว่าคุณฉู่จะต้องเข้าใจใบสั่งยานี้แน่นอนเลยใช่ไหม”ซ่งหนิงซวงพูดพลางดื่มน้ำชา ฉู่เฉินกวาดตามองใบส
เมื่อคำพูดนี้ออกมา โฮ่วเจี้ยนอิงกับเฉียวเทียนฉี่ รวมไปถึงทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนทอดสายตาไปยังฉู่เฉิน“น้องฉู่ การมองท่านขุนพลตรง ๆ มันเป็นการไม่เคารพอย่างมากเลยนะ รีบ...” ฉู่เฉินไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งกล่าวจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมป่วยเป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ โค้งตัวไม่ได้ อีกอย่าง คุณให้พวกเขาโทรเชิญผมมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่ผมอยากมาเองนะครับ” “คุณคงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อให้ผมกราบไหว้หรอกใช่ไหม? คุณไม่ใช่เจ้าพ่อหลักเมืองเสียหน่อย”เชี่ย!เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกม ทุกคนในงานต่างตกตะลึงจนตาค้าง เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาแล้ว ส่วนหลิ่วชิงเหอที่ยืนอยู่ข้างหลังซ่งหนิงซวงก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือด กระทืบเท้าไม่หยุด ฉู่เฉินบุ่มบ่ามเกินไปแล้วมั้ง?กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้อย่างไร?ฟางอวี่เจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินยิ่งตกใจกลัวจนขาสองข้างอ่อนแรง กระตุกชายเสื้อของฉู่เฉินไม่หยุดซ่งหนิงซวงหรี่นัยน์ตาหงส์ลงเล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยว่า “คุณก็คือฉู่เฉินสินะ?” “ถูกต้อง”ฉู่เฉินยืดหลังตรง ตอบ
ฉู่เฉินก้าวเข้ามาใกล้ฟางอวี่เจิ้ง จับมือกับฟางอวี่เจิ้ง หลังจากนั่งลงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานฟาง เรื่องยาบำรุงสวรรค์หลี่จิงจิงทางนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”ฟางอวี่เจิ้งยิ้มประจบ รินน้ำชาให้ฉู่เฉินไปพลาง พยักหน้าและกล่าวไปพลาง “เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนสิบปีนี้ ฉันก็อาจได้เลื่อนตำแหน่งไปที่ที่ว่าการมณฑลแล้ว”“เรื่องนี้ ต้องขอบคุณน้องฉู่ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ต่อไป ถ้ามีอะไรที่ฉันฟางอวี่เจิ้งช่วยได้ น้องฉู่แค่เอ่ยปากมา”ทั้งสองพูดคุยกันไปพลาง ฉู่เฉินมองไปรอบๆ ไปพลาง ก่อนจะกล่าวว่า “ประธานฟางครับ งานเลี้ยงคืนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย ขุนพลเทียนเฟิ่งคนนี้มีที่มายังไงกันแน่ครับ?”พอได้ยินคำนี้ ฟางอวี่เจิ้งรีบยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วกล่าวว่า “ชู่... เบาเสียงหน่อย”“ขุนพลเทียนเฟิ่งไม่ธรรมดาเลย นับตั้งแต่เข้ากองทัพเมื่อห้าปีก่อน ก็สร้างผลงานทางการรบมานับครั้งไม่ถ้วน และยังเป็นหนึ่งในแปดยอดขุนพลดินแดนมังกร ฉันได้ยินมาว่าอีกสามเดือนให้หลัง เธอยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของสี่ยอดขุนพลพิทักษ์ชาติด้วย”“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอควรจะเป็นคนรุ่นใหม่เพียงค
ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ หนึ่งเสียง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนก้นของหลี่จิงจิงอย่างแรงครั้ง จากนั้นเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกและจะกระโดดลงไปทันทีซี้ด!หลี่จิงจิงเห็นฉู่เฉินกระโดดลงจากหน้าต่าง ทันใดนั้นก็ตกใจจนใบหน้าเล็กซีดเผือดนี่ชั้นหกเลยนะ!แต่ในวินาทีถัดมา เมื่อฉู่เฉินเดินไปที่ลานจอดรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่จิงจิงจึงเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา“ปัง!”ขณะที่หลี่จิงจิงยังตกใจจนพูดไม่ออก ประตูห้องทำงานก็ถูกคนผลักเปิดอย่างแรงชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบสี่หรือสามสิบห้าปี ทันทีที่ผลักประตูเข้ามา คนทั้งคนก็ชะงักไปทั่วทั้งห้องทำงานอบอวลไปด้วยกลิ่นฮอร์โมน และหลี่จิงจิงสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเล็กตัวเดียว กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างชะเง้อมองออกไปด้านนอกภาพนี้ทำให้ชายวัยกลางคนพลันสัมผัสได้ถึงลางร้าย เหมือนกับถูกคนสวมเขาโดยเฉพาะในห้องทำงาน เครื่องออกกำลังกายที่แม้แต่เขายังไม่รู้จักชื่อ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนนั้น ยิ่งทำให้ความคิดในใจเขาชัดเจนขึ้น“จิงจิง! คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ชายวัยกลางคนโกรธจัด รีบก้าวไปที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะยื่นมือผลักเปิดหน้าต่างระบายอากาศออก แล้วโผล่ตัวออกไปชะเง
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง