ซ่งชูไม่ได้กลับบ้านมาสามวันแล้ว ข้อความสักฉบับเขาก็ไม่ได้ส่งมาหาฉันเลยคืนนี้อากาศหนาวมาก ข้างนอกฝนตกปรอยๆ กระทบหน้าต่าง ฉันขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ตัวสั่นไปหมดมือเท้าของฉันเย็นเฉียบ แต่หน้าร้อนผ่าว ฉันเป็นไข้ฉันถือโทรศัพท์และดูข้อความที่ฉันส่งให้เขาทีละประโยค"ซ่งชู วันนี้จะกลับมาหรือเปล่า?""ซ่งชู คุณไปอยู่ที่ไหน?""ซ่งชู ทำไมคุณไม่ตอบข้อความของฉันล่ะ?""ฉันเป็นห่วงคุณจริงๆ นะ"...ฉันเปิดดูประวัติการแชทก่อนหน้านี้ของเรา เขาไม่เคยไม่ตอบข้อความฉันแบบนี้ตอนที่ฉันเจ็บตาและรู้สึกเวียนหัวจนทนไม่ไหว โทรศัพท์ก็สั่น ฉันรีบลืมตาขึ้นมา ไม่ใช่ซ่งชูฉันเห็นที่ผู้ติดต่อมีเลขหนึ่งสีแดงเพิ่มขึ้นมาฉันกดเข้าไปดู กลับเห็นรูปโปรไฟล์ผู้หญิงส่งคำขอเป็นเพื่อนมา ฉันรู้สึกแปลกๆ จึงกดเข้าไปดูข้อความในหมายเหตุของเธอคือ "ซ่งชูอยู่กับฉัน"มีเสียงตู้ม ฉันตกตะลึง จู่ๆใจฉันก็ลนลานมาก ฉันไม่อยากเพิ่มคนแปลกหน้า และอยากเชื่อใจซ่งชู แต่จับพลัดจับผลู ฉันกลับกดตกลงฉันเพิ่งตกลง อยากจะถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่อีกฝ่ายส่งข้อความกลับมาหาฉันในทันทีเธอส่งรูปมาให้หนึ่งรูป ฉันกดเปิดดูเห็นได้ชัดว่าเป็นซ่งช
ตอนที่ฟ้าเริ่มสางฉันก็หลับไป ปวดหัวมาก ปากแห้งแตก ฉันนอนหลับไม่สบายเลยฉันฝันร้าย ในความฝันฉันฝันว่าซ่งชูกอดผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงเอนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างออดอ้อน เขาก้มมองผู้หญิงคนนั้นยิ้มแย้มแจ่มใส ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ฉันยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา วิ่งไปหาพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง ฉันพยายามอย่างสุดแรงเพื่อจะดึงพวกเขาออกจากกัน แต่ซ่งชูกลับผลักฉันออกไปอย่างไร้ความเมตตาเขาผลักฉันล้มลงพื้น สายตาที่มองฉันเต็มไปด้วยความรังเกียจ เขาพูดอย่างเย็นชาว่าเขาพูดว่า "คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!"ฉันพยายามตื่นขึ้นมา ความรู้สึกหายใจไม่ออกจากการปวดใจยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกาย ฉันสัมผัสใบหน้า สัมผัสได้ความชุ่มชื้นเต็มมือฉันร้องไห้ แต่ซ่งชูกลับไม่มาปลอบฉันอีกแล้วดิ้งด๊อง ไลน์มีข้อความส่งมาอีก ฉันกดไปดู ก็ยังเป็นผู้หญิงคนนั้นอยู่คราวนี้เธอก็ส่งรูปมาให้ฉันอีก ไม่ใช่แค่รูปเดียวฉันเปิดทีละรูปเหมือนการทรมานตัวเองฉันเห็นซ่งชูที่สวมเสื้อเชิ้ตยับเยินพิงอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก มองกล้องดวงตายิ้มราวกับพระจันทร์เสี้ยวฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นถ่ายรูปในกระจกอีกด้วย ซ่งชูยืนอยู่ข้างๆ ก
ผู้หญิงคนนั้นตอบฉันว่า "อยากรู้ความจริงก็มาที่อิมพีเรียลสิ"ฉันเห็นข้อความจึงรีบลุกขึ้นไปล้างหน้า หลังจากล้างหน้าเสร็จ ฉันก็ดึงเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกจากตู้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า สวมเสร็จก็มุ่งหน้าไปที่อิมพีเรียลระหว่างทางมาที่นี่ ฉันรู้สึกประหม่ามาก พูดตามตรงฉันไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่จะทำอะไรบางทีฉันอาจจะแค่อยากรู้คำตอบมาก ฉันกลัวการทรยศของซ่งชูมากเกินไปตอนที่ฉันเพิ่งลงจากรถแท็กซี่ ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกอดแขนซ่งชูออกมาผู้หญิงมีรูปร่างที่ดีและรูปลักษณ์ที่งดงาม ใบหน้าที่อ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความสดใส ทั้งตัวเปล่งประกายความมีชีวิตชีวาซ่งชูที่อยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าพูดอะไร ทำให้ผู้หญิงคนนั้นปิดปากและยิ้มแล้วยิ้มอีกฉันคิดว่าฉากนี้น่ารำคาญตามากจริงๆฉันรีบวิ่งไป ฉันกางแขนขวางพวกเขาไว้ทั้งที่ควรจะเป็นการตั้งคำถาม แต่เสียงของฉันกลับสั่นมาก "พวกคุณทำอะไรกันอยู่!"จู่ๆ ก็ถูกขวางทาง ซ่งชูขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เขาเห็นฉัน ในสายตามีความประหลาดใจและความ... เกลียดชังผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เลิกคิ้วใส่ฉันอย่างยั่วยุซ่งชูกอดผู้หญิงไว้ข้างหลังและพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า "คุณมาได้ยังไง?"ฉันมองเข
ฉันเดินกลับบ้านอย่างงุนงง ตอนกลับถึงบ้าน ซ่งชูก็ยังไม่กลับมาฉันรู้สึกเวียนหัวมาก การเดินนานทำให้ฝ่าเท้ามีตุ่มเลือด ตุ่มเลือดแตก เท้าปวดมาก ปวดมากไปทั้งตัวฉันนอนขดตัวอยู่บนโซฟา ฉันมองไปข้างหน้า เห็นต้นไม้บนโต๊ะรับแขกซ่งชูซื้อต้นไม้นี้เพื่อปลอบให้ฉันมีความสุข เขาพูดว่า "ไม้อวบน้ำมีชีวิตที่แข็งแกร่งมาก เหมือนคุณที่เติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง"ไม่ได้รดน้ำมาหลายวันแล้ว ไม้อวบน้ำก็เหี่ยวเฉาตามขอบ ส่งกลิ่นอายความตายอย่างแผ่วเบาปวดตัวมาก จู่ๆ ฉันก็คิดถึงแม่ในคืนที่นอนไม่หลับนับไม่ถ้วนในวัยเด็ก แม่ของฉันจะกอดฉันและเล่านิทานให้ฉันฟัง พิงอ้อมแขนของเธอ ฉันมักจะนอนหลับสนิทฉันอยากให้เธอกอดฉันอีกครั้งฉันส่งข้อความไปหาแม่ เพื่อถามแม่ว่าฉันจะกลับบ้านสักสองสามวันได้ไหม ฉันไม่อยากอยู่ที่บ้านซ่งชูอีกต่อไปแล้วแม่ของฉันตอบข้อความอย่างรวดเร็ว ฉันเปิดกล่องแชทอย่างมีความสุข ด้วยแสงที่ส่องออกมาจากช่องว่างของผ้าม่านในห้องรับแขก อ่านอย่างช้าๆ ความตื่นเต้นค่อยๆ กลายเป็นความผิดหวังและมุมปากที่ยกขึ้นค่อยๆ ตรงแม่บอกให้เชื่อฟัง เธอบอกว่าซ่งชูหน้าตาก็ดีงานการก็ดี ดีกับฉันมาก บอกฉันว่าอย่าเอาแต่ใจและดูแลคร
ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ห้องรับแขกมืดสนิท ไม่เห็นแสงสว่างแม้แต่น้อยจู่ๆ เพื่อนสนิทเยว่ชือชือก็โทรหาฉัน ฉันรู้สึกงุนงงและรับสายอย่างช้าๆ"ฮัลโหล ยินยิน ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน?"ทันทีที่ฉันรับสาย เสียงที่ชัดเจนของเพื่อนสนิทก็ดังขึ้นฉันพูดเบาๆ "อยู่ที่บ้าน""ซ่งชูไม่ได้อยู่ที่บ้านใช่ไหม?""อืม"ทันใดนั้นเสียงของชือชือก็สูงขึ้น "แกรู้ไหมว่าเมื่อกี้เจอใคร?"ฉันไม่ตอบ เธอจึงพูดต่อว่า "เจอกับซ่งชู!""ยังมีผู้หญิงอยู่ข้างๆ เขาด้วย เด็กมาก ที่สำคัญคือเขาซื้อของให้เธอมากมาย ใช้เงินเป็นจำนวนมากเลย!""แกคิดว่าเขากำลังนอกใจหรือเปล่า?!"ใช้เงินเป็นจำนวนมาก? ทันใดนั้นฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ซ่งชูไม่ได้ซื้อของให้ฉันมานานแล้ว"อืม"เสียงของฉันเบามากจนเยว่ชือชือตะโกนด้วยความประหลาดใจ"อะไรนะ! ไอ้สารเลว พวกแกเพิ่งแต่งงานกันไปนานแค่ไหนเอง เขากล้าดียังไงนอกใจ แกดูฉันไปฉีกหน้ามันนะ"ฉันได้ยินเยว่ชือชือหายใจแรงอย่างต่อเนื่องเพราะความโกรธ หัวเราะเบาๆ โชคดีที่โลกนี้ยังมีคนชอบฉันฉันส่งเสียงห้าม "อย่า แกอย่าไปหาเขา ฉันจะหาเวลาไปหย่ากับเขาแน่นอน""ยินยิน ตอนนี้แกคงเสียใจมากเลยใช่ไหม ให้ฉันไ
ข้อความการชำระเงินของบัตรธนาคารปรากฏขึ้นทีละข้อความในโทรศัพท์ ฉันเห็นจำนวนเงินก็ขมวดคิ้ว ซึ่งเกือบจะเท่ากับค่าใช้จ่ายหนึ่งปีของเราสุดท้ายฉันก็ทนไม่ไหว โทรหาซ่งชูโทรอยู่นานมาก นานจนตอนที่ฉันคิดว่าเขาจะไม่รับสายอีกต่อไปแล้ว ซ่งชูก็รับโทรศัพท์เสียงเย็นชาดังมาจากหูฟัง "ฮัลโหล มีเรื่องอะไร?"ฉันหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า "คุณใช้เงินของเราซื้อของให้เธอเหรอ?"คนที่อยู่อีกด้านหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "ใช่แล้ว"ฉันขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ "ทำไมคุณถึงใช้เงินของฉันซื้อของให้ผู้หญิงคนอื่น ซ่งชู คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณเป็นสามีของใคร?""เงินอะไรของคุณ? คุณไม่ได้ทำงานมาตั้งนานแล้ว ผมเป็นคนเลี้ยงคุณมาตลอด ผมใช้เงินที่ตัวเองหา อยากจะให้ใครก็ให้"เสียงของฉันสั่น "เราแต่งงานกันแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดของเราตอนนี้เป็นสินสมรส"ตอนต้นปีนี้ ผลประโยชน์ของบริษัทฉันไม่ดี เจ้านายมักจะบีบคั้นแรงงาน พวกเราคนเดียวถูกใช้เป็นสามแรง มักจะทำงานหลังเลิกงานจนหามรุ่งหามค่ำ เงินเดือนก็ไม่ขึ้นสักนิด ฉันทนอยู่หนึ่งเดือน สุดท้ายก็ลาออกจากบริษัทฉันจำได้ว่าวันที่ฉันลาออก ฉันกังวลมาก ฉันไม่มีเงินเดือนแล้
หลังจากที่เราเลิกกันอย่างไม่มีความสุขครั้งนั้น ฉันกับซ่งชูก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเขายกเลิกบัตรธนาคารออกจากฉันสุขภาพของฉันแย่ลงเรื่อยๆ ผมร่วงหลายกำมือ ฉันง่วงนอนมาก แต่นอนไม่หลับทั้งคืน ฉันคิดว่าฉันไม่สบาย บางทีอาจจะเป็นหวัดฉันไปโรงพยาบาลและเอ็กซเรย์ แต่หมอให้ทำซีทีสมอง ฉันรู้สึกตื่นตระหนกมาก ใจเลื่อนลอยไปทั่วครึ่งชั่วโมงต่อมาผลตรวจก็ออกมาแล้ว ฉันหยิบฟิล์มจากเครื่องฟิล์มอัตโนมัติ แต่ตอนขึ้นไปหาหมอชั้นบน กลับบังเอิญไปเจอกับหลินหรานหร่านเธอสวมชุดหลวมๆ มือลูบท้อง เดินออกจากห้องสูตินรีแพทย์ ซ่งชูเดินตามอยู่ข้างหลังเธอฉันเห็นเธอลูบท้องอย่างมีความสุข ซ่งชูที่อยู่ข้างหลังจ้องมองเธออย่างไม่กระพริบตา กลัวว่าเธอจะล้ม ทั้งสองดูเหมือนสามีภรรยาที่รักกันมากฉันกำฟิล์มในมือแน่นและอยากจะหันหลังกลับลงไปชั้นล่างหลินหรานหร่านกลับเห็นฉัน เธอเรียกฉันไว้ "พี่ถงยิน!"ฉันหันกลับไปอย่างแข็งทื่อ เธอก็ถามฉันอย่างกระตือรือร้นว่า "ทำไมพี่ถึงมาโรงพยาบาล? ไม่สบายเหรอ?"ตอนที่เธอพูดแบบนี้ มือยังกอดซ่งชูไว้แน่นฉันไม่อยากสนใจเธอ อยากอ้อมพวกเขาขึ้นไปข้างบน แต่กลับสะดุดอะไรบางอย่างฉันหกล้ม ก่อนล้มฉันเหยี
"โอ๊ย!" หลินหรานหร่านร้องด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างรวดเร็วเธอกระโดดไปด้านข้าง มือปิดหน้า น้ำตาไหลเต็มหน้า หันไปมองซ่งชูอย่างน่าสงสารซ่งชูก้าวไปข้างหน้าแล้วผลักฉันออกไปฉันถอยหลังไปสองสามก้าว ถึงจะอาศัยกำแพงทำให้ยืนมั่นคงได้ซ่งชูดุอย่างรุนแรง "พอได้แล้ว ถงยิน คุณดูคุณตอนนี้สิ เหมือนยายปากร้ายเลย!"ฉัน "เธอเหยียบฟิล์มของฉันไม่ปล่อยก่อน ซ่งชูคุณจะลำเอียงชัดเจนเกินไปไหม?"ซ่งชูพูดไม่ออก ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเพิ่งรู้ตัว ว่าฉันมาโรงพยาบาลเพราะฉันป่วยเขาขมวดคิ้ว ความกังวลเล็กน้อยผุดขึ้นในดวงตา "คุณป่วยเหรอ?"ฉันก้มลงหยิบฟิล์มที่ตกอยู่บนพื้น ขยับริมฝีปากอยากพูดอะไรบางอย่างหลินหรานหร่านแย่งไปก่อน เธอพูดว่า "ก็แค่เป็นหวัดไม่ใช่เหรอ จำเป็นต้องไปทำซีทีด้วยเหรอ?"ทันใดนั้นซ่งชูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาพูดอีกว่า "แค่เป็นหวัดเท่านั้น คุณจำเป็นต้องดัดจริตขนาดนี้ไหม? แต่หรานหร่านท้องนะ"ฉันมองเขาอย่างเหน็บแนมและพูดว่า "เธอท้องเกี่ยวอะไรกับฉัน ลูกเป็นของฉันเหรอ?"พูดจบฉันก็ขี้เกียจที่จะอธิบายให้เขาฟังแล้ว หันหลังกลับแล้วจากไปทันที
ฉันตายแล้ว พูดกันว่าก่อนตายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตจะถูกฉายเหมือนโคมหมุนแต่ก่อนตายฉันกลับไม่เห็นเรื่องราวในอดีตกับซ่งชูฉันเห็นเพียงฉีหรานเขย่าตัวฉันด้วยน้ำตาเต็มหน้า กดกริ่งที่หัวเตียงอย่างเร่งรีบ เขาตะโกนหาหมออย่างสิ้นหวังและน้ำตาก็ตกลงบนผมของฉันหมอและพยาบาลกรูกันเข้ามา ฉันเห็นหมอถือเครื่องกระตุ้นหัวใจกำลังปฐมพยาบาลให้ฉัน สักพักพวกเขาก็ออกจากห้องผ่าตัด ถอดหน้ากากออกและส่ายหัวใส่ฉีหรานฉีหรานที่สูงร้อยเก้าสิบหดตัวลงในทันที เขางอหลังร้องไห้อย่างเงียบๆใจฉันเหมือนถูกคนบีบไว้ แต่วิญญาณอย่างฉันไม่มีน้ำตา ฉันมองดูฉีหรานอยู่เงียบๆสักพักเขาก็ลุกขึ้นมาจัดงานศพของฉัน หลังจากเผาศพฉันตามความปรารถนาสุดท้ายของฉัน ก็ยื่นคำร้องขอลอยอังคารในทะเลเขาจับอัฐิของฉันยกมือขึ้นโบก ฉันพัดลงไปในทะเลตามลมฉากเปลี่ยนไป ฉันก็เห็นซ่งชูเขาในขณะนี้ ผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยยับ ตรงหน้าเขามีขวดเหล้าวางอยู่มากมาย ถือรูปถ่ายของฉันอยู่ในมือ พูดประโยคแล้วประโยคเล่าว่า "ขอโทษ"ฉันยังเห็นหลินหรานหร่านที่แต่งตัวทรุดโทรม รูปร่างเปลี่ยนไป เธอสวมรองเท้าแตะ มัดผมง่ายๆ เธอเดินไปที่หน้าซ่งชู เห็นเขาถือร
เยว่ชือชือยังมักจะบอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ของซ่งชูเธอพูดว่า "ได้ยินมาว่าตอนนี้ซ่งชูเสียใจมาก เขาดื่มเหล้าที่บ้านทุกวัน"ขณะที่พูดประโยคนี้ ในน้ำเสียงของชือชือไม่สามารถปกปิดความสมน้ำหน้าได้"หลินหรานหร่านคลอดลูกแล้ว เป็นผู้ชาย ซ่งชูยังคงดูแลเธออยู่""พวกเขาสองคนดูเหมือนจะจับคู่กันจริงๆ..."ขณะที่พูดประโยคนี้ น้ำเสียงของเธอก็กลายเป็นไม่พอใจฉันยิ้มปลอบใจเธอ บอกว่าฉันไม่สนใจเรื่องของเขาแล้ว เขามีความสุขก็ดี เสียใจก็ช่าง ล้วนไม่เกี่ยวกับฉันแล้วต่อมา ฉันกำลังจะตายแล้ว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ฉันให้แค่ฉีหรานอยู่ด้วยเท่านั้น"ฉีหราน คุณชอบฉันใช่ไหม?"ตอนที่พูดแบบนี้ ฉันก็นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลอีกครั้งแล้ว รู้สึกอ่อนแรงฉีหรานตะคอก "ใครชอบคุณ คุณอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย"ฉันยิ้มและพูดว่า "ไม่ได้ชอบก็ดี ฉีหราน คุณอย่าชอบฉันนะ ฉันจะตายแล้ว"ดวงตาของฉีหรานเป็นสีแดง เขาพูดอย่างดุเดือดว่า "ถุยถุยถุย ถงยิน คุณห้ามพูดอะไรแบบนี้นะ"เขาน้ำเสียงดุมาก แต่มือที่ห้อยอยู่ข้างตัวสั่นมากฉันมองเขาอย่างจริงจังแล้วพูดว่า "โอเค ฉันจะไม่พูดแล้ว แต่คุณอย่าชอบฉันจริงๆ นะ"ฉันจ้องมองเขาโดยไม่กระพริบ
ในวันจันทร์ ฉันกระปรี้กระเปร่าดี เลยแต่งหน้าเบาๆ ให้เยว่ชือชือถักผมเปียให้ฉันมองดูตัวฉันเองที่อายุน้อยลงมากในกระจกแล้วยิ้มชั่วขณะหนึ่ง ฉันดูเหมือนจะกลับไปตอนที่ฉันมีชีวิตชีวาในช่วงมหาวิทยาลัย แต่ฉันในตอนนั้น ยังไม่ได้พบกับซ่งชูแน่นอนแปดโมงเช้าฉันมาถึงสำนักงานกิจการพลเรือนตรงเวลา ฉีหรานนั่งรอฉันอยู่ในรถซ่งชูถือทะเบียนสมรส ยืนอยู่ที่ประตูสำนักงานกิจการพลเรือน พอได้ยินเสียง เขาจึงเงยหน้าขึ้นฉันจึงพบว่าหลังจากผ่านไปหลายวัน เขาซีดเซียวมาก มีรอยคล้ำใต้ตา หน้าเหลือง ริมฝีปากซีด แววตาไร้ชีวิตชีวา แตกต่างจากฉันที่แต่งตัวสวยอย่างสิ้นเชิงข้างๆ เขายังมีหลินหรานหร่านตามมาด้วย หลายเดือนผ่านไป ท้องของเธอก็มองเห็นแล้ว เธออยากกอดแขนซ่งชู กลับถูกซ่งชูหลบเธอยืนอยู่ข้างซ่งชูอย่างดื้อรั้นและเลิกคิ้วมาที่ฉันอย่างยั่วยุแต่แล้วไงล่ะ ฉันไม่สนใจมานานแล้วซ่งชูพูดอย่างระมัดระวังว่า "ยินยิน ต้องหย่าให้ได้เหรอ?"ฉันพยักหน้าเขาไม่ยอมแพ้และพูดว่า "ตอนนี้คุณสุขภาพไม่ดี ผมสามารถดูแลคุณได้ ไม่หย่าได้ไหม?"ฉันส่ายหัวมองไปข้างหน้าแล้วพูดว่า "ไม่จำเป็น มีคนดูแลฉัน"ฉีหรานในรถสังเกตเห็นสายตาของฉัน จึง
ความเข้าใจผิดอธิบายชัดเจนแล้ว แต่เหตุผลกลับไร้สาระถึงขนาดนี้ฉันหลับตาแล้วพูดว่า "ซ่งชู นั่นคือหนี้บุญคุณของคุณ คุณต้องการตอบแทนฉันไม่มีทางห้าม และจะไม่ห้ามคุณด้วย แต่เพื่อตอบแทนบุญคุณ คุณทำให้ฉันเสียใจมันคือเรื่องจริง"เสียงของซ่งชูแหบแห้ง เขาขอโทษฉัน "ผมขอโทษ ยินยิน ผมผิดเอง""ซ่งชู พอแค่นี้เถอะ ฉันไม่อยากเถียงกับคุณว่าใครถูกใครผิด หย่ากันเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว"ซ่งชูเม้มริมฝีปาก เพิ่งอยากจะเอ่ยปากพูดอะไร เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขามองไปที่ผู้โทร ในสายตามีความดิ้นรนแวบขึ้นมาฉันหัวเราะเยาะตัวเองและพูดว่า "ถ้าคุณมีธุระก็ไปเถอะ"ซ่งชูรับโทรศัพท์ สีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็หันหลังกลับและจากไปโดยไม่ลังเลเยว่ชือชือด่าเขาอยู่ที่ประตู "เห้ย นายจะไปแบบนี้เหรอ!""นายไปแล้ว นายก็ไม่ต้องกลับมาอีกนะ!"ฉันส่งข้อความไลน์ไปให้ซ่งชู "วันจันทร์ตอนแปดโมงเช้า หน้าสำนักงานกิจการพลเรือน หวังว่าคุณจะไม่มาสาย"พูดจบฉันก็ลบเขาออกและบล็อคข้อมูลการติดต่อทั้งหมด
ฉีหรานพาฉันกลับบ้าน เขาบอกว่าเขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน ก็ได้ยินข่าวการนอกใจของซ่งชูจากปากของชือชือเขาเป็นห่วงฉัน พอเก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จก็มาหาฉันที่บ้านทันทีสุขภาพของฉันแย่ลงเรื่อยๆ ยาแก้ปวดก็มีประสิทธิภาพน้อยลงเรื่อยๆ ฉันมีช่วงเวลาที่มีสติน้อยลงทุกวันสุดท้ายก็ปิดบังฉีหรานไม่ได้ ฉันเข้าโรงพยาบาล ฉีหรานเป็นคนส่งฉันมาเขาตาแดงมองฉันที่นอนอยู่บนเตียงในห้องผู้ป่วยอย่างไร้ชีวิตชีวาฉันยิ้มแล้วถามว่า "คุณร้องไห้ทำไม?""เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก คุณไม่ใช่เด็กขี้แยเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว"ฉีหรานซื้ดจมูกฝืนตอบว่า "ใครร้องไห้ ผมไปซื้อข้าวให้คุณนะ"ตอนหันไปเขาเช็ดตาอย่างแรงฉันก็อยากร้องไห้เหมือนกัน ฉันกะพริบตาอย่างเอาเป็นเอาตาย ระงับความเศร้าที่มีอยู่ในดวงตาลงไปเสียงร้องอันร่าเริงของนกดังมาจากนอกหน้าต่าง ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด ฉันหันไปมองข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ ในสายตาของฉันยากที่จะซ่อนความปรารถนาทันใดนั้นเสียงถุงพลาสติกล่วงพื้นก็ดึงความคิดของฉันกลับมา"ทำไมคุณถึงกลับมาเร็วจัง..."ฉันยิ้มและหันหน้าไป แต่พอเห็นคนที่มา เสียงก็หยุดลงฉันเห็นซ่งชูเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตรงหน้
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น มีคนคว้าข้อมือของฉันไว้เขาพูดว่า "ยินยินจะไปไหนก็ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก"ฉันหันหน้าไปและเห็นคนที่ฉันไม่ได้เจอมานาน นั่นคือฉีหรานฉีหรานเป็นเพื่อนสนิทในวัยเด็กของฉัน เราโตมาด้วยกัน แต่ตอนเด็กๆ เขาหยิ่งผยองมาก มักจะเชิดคอและจะเถียงกับฉันเพื่อปัญหาเล็กน้อยจนหน้าแดงคอแข็ง ทั้งๆ ที่ทำดีกลับไม่ยอมรับเพียงแต่ว่าต่อมาเขาไปต่างประเทศ เราก็ค่อยๆ ขาดการติดต่อกัน แต่ไม่คิดว่าในวันนี้จะได้พบกันที่นี่ฉันมองมือที่จับข้อมือฉันไว้ คิดถึงเรื่องต่างๆ ในวัยเด็กอดไม่ได้ที่จะยิ้มซ่งชูเห็นจึงพูดอย่างหงุดหงิดว่า "ถงยิน คุณยังมีหน้ามาตั้งคำถามกับผมอีก? เขาเป็นใคร พวกคุณคบกันมานานแล้วใช่ไหม"ฉันเก็บรอยยิ้มและขมวดคิ้วใส่เขา "ซ่งชู ไม่ใช่ทุกคนที่จะน่ารังเกียจเหมือนคุณ ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน"ฉีหรานพูดต่อว่า "ถูกต้อง ผมกับยินยินเราบริสุทธิ์ใจกัน ไม่เหมือนอาจารย์ซ่ง เรื่องกับนักศึกษาของคุณนั้นแพร่สะพัดไปทั่วเลย"ซ่งชูขมวดคิ้ว เขาไม่มองฉีหราน จ้องมองมาที่ฉัน "ถงยิน คุณคิดให้ดีนะ วันนี้ถ้าคุณไป ชาตินี้ก็อย่ากลับมาหาผมอีก"ฉันมองตาเขาอย่างจริงจังและพูดว่า "ได้"พูดจบฉ
กำลังคิดอย่างใจจดใจจ่อ เสียงเคาะประตูดังมาจากนอกประตูแม่ฉันตอบและไปเปิดประตูซ่งชูถือถุงเล็กถุงใหญ่เข้ามาเยอะแยะ เขาพูดจาไพเราะ เอาใจแม่และน้องสะใภ้ฉันหัวเราะอย่างมีความสุขคุยกันได้สักพักเขาก็พูดว่า "แม่ ผมผิดเอง เมื่อวานทำให้ยินยินโกรธ วันนี้ผมจึงรีบมาแต่เช้า เพราะกลัวว่าท่านจะโกรธด้วย ไม่ให้ยินยินกลับไปกับผม"แม่ฉันถูกเอาใจจนหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดว่า "จะเป็นไปได้ยังไง"จากนั้นก็ให้ซ่งชูพาฉันกลับไป ฉันไม่อยากไป เธอส่งสายตาเตือนฉันและแอบหยิกแขนของฉันฉันก็ไปกับซ่งชูอยู่ดี พอไปถึงหน้าหมู่บ้าน ฉันสะบัดมือเขาออกซ่งชูหันหน้ามาและขมวดคิ้ว "ถงยินคุณเลิกงี่เง่าได้แล้ว แม่คุณให้คุณกลับไปกับผมแล้ว ตอนนี้คุณไม่กลับไปกับผม คุณจะไปไหนได้อีก"เขาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียกับฉันอย่างจริงจัง ในคำพูดล้วนหมายความว่าฉันไม่มีเขาก็จะอยู่ไม่ได้"คุณยุ่งอะไรด้วย ฉันนอนใต้สะพาน นอนข้างคลองก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณยุ่งมากไม่ใช่เหรอ ยังไม่รีบกลับไปดูแลคนท้องของคุณอีก"ซ่งชูได้ยินน้ำเสียงเหน็บแนมของฉัน ก็เริ่มหมดความอดทนขึ้นมา"ถงยิน คุณเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ได้ไหม คุณอายุไม่น้อยแล้วนะ""ใช่สิ ชีว
ตอนที่เดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน ฉันมองไปที่ถนนการค้าที่เจริญรุ่งเรือง มีการจราจรพลุกพล่านอยู่ทุกหนทุกแห่ง แสงไฟนับพันดวง ทำให้กลางคืนที่มืดมนดูเหมือนกลางวัน แต่กลับไม่พบสักดวงที่เปิดเพื่อฉันฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เรียกแท็กซี่คันหนึ่งแล้วไปหาแม่ของฉันพ่อของฉันเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ตอนนี้แม่ของฉันอาศัยอยู่กับน้องชายฉัน น้องชายฉันแต่งงานแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้น้องสะใภ้เพิ่งคลอดลูกตอนที่ฉันมาถึงนอกประตู ฉันได้ยินเสียงทีวีเปิดอยู่อย่างมีชีวิตชีวา แม่ของฉันกำลังกล่อมหลานอยู่ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วยกมือขึ้นเคาะประตูข้างในเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน แม่ฉันก็มาเปิดประตูให้ฉันพอเปิดประตูออกมาเห็นเป็นฉัน แม่ฉันตกตะลึง เธอมองกระเป๋าเดินทางข้างๆ ฉัน สายตามีความสงสัยแวบเข้ามาฉันยิ้มให้แม่อย่างกระอักกระอ่วนและตามเธอเข้าไปพอเข้าไป น้องสะใภ้ที่เดิมทียังหยอกล้อลูกน้อยอย่างมีความสุขเห็นฉัน มุมปากก็ห้อยลงมาแม่ฉันรินน้ำให้ฉันแก้วหนึ่ง"นี่เกิดอะไรขึ้น? วิ่งมากลางดึก?"ฉันไม่อยากตอบ พูดด้วยเสียงที่แข็งกระด้าง"แม่ หนูจะค้างที่นี่คืนหนึ่ง พรุ่งนี้ฉันก็จะไป"แม่ฉันไม่พูดอะไร ฉันก็เลย
พอมาถึงห้องทำงานของหมอ ฉันเอาฟิล์มที่อุตส่าห์เอามาได้มาให้หมอ หมอดูแล้วกลับขมวดคิ้วเขาดูฟิล์มของฉันซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ก่อนที่จะดันแว่นตาขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหมอบอกว่าฉันเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้ายอยู่ได้ไม่กี่เดือน มีเนื้องอกในสมองไปกดทับเส้นประสาท ผ่าตัดมีโอกาสรอดแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นหมอแนะนำให้ฉันรักษาแบบอนุรักษ์นิยม จะมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นหน่อยฉันตกใจมาก ขณะเดียวกันในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมหลินหรานหร่านถึงบอกว่าฉันเป็นแค่หวัดหลินหรานหร่านเป็นนักศึกษาแพทย์ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะดูไม่ออกว่าฟิล์มของฉันมีปัญหา เธอจงใจพูดแบบนี้ เธอไม่ต้องการให้ซ่งชูรู้เรื่องการป่วยของฉัน กลัวว่าซ่งชูจะรู้สึกผิดกับฉันแต่ไม่รู้ก็ช่างเถอะ พอดีฉันก็ไม่ต้องการความรู้สึกผิดของซ่งชูเช่นกันฉันพยักหน้าให้หมอแล้วก็ไปรับยากระทั่งตอนที่เดินออกจากโรงพยาบาล ฉันก็สงบมาก ยอมรับเรื่องที่ตัวเองกำลังจะตายอย่างสงบโลกนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ควรค่าแก่การอาลัยอาวรณ์ของฉันแล้วฉันนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้านห้องยังคงมืดสลัว ฉันเดินไปที่หน้าผ้าม่าน เปิดผ้าม่านออก แสงแดดนอกหน้าต่างส่องลงมาที่ใบหน้าของฉันทันท