เมื่ออธิบายทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟังแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องฉุกเฉิน
ปราญติญารู้สึกใจเต้นแรงมากๆ ที่อยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้น้ำเสียงและใบหน้าของเขามันค่อนข้างคุ้นตา เธอคิดว่าเขาน่าจะใช่ผู้ชายที่ตนเองนอนด้วยเมื่อคืนก่อนแต่ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่
เมื่อหญิงสาวมาเปิดดูประวัติของเขาในคอมพิวเตอร์แล้วมันไม่ใช่ชื่อหรือนามสกุลของเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอเลย ที่หญิงสาวรู้ก็เพราะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มส่งใบรายชื่อที่เคยถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาปีที่หกเข้ามาในไลน์กลุ่มซึ่งในนั้นมันไม่มีชื่อของผู้ชายคนเมื่อกี้อยู่ด้วย บางทีเขาก็แค่คนหน้าคล้ายก็ได้
“ป่านเป็นอะไรหรือเปล่า” หัวหน้าพยาบาลถามเมื่อเห็นหญิงยืนมองไปนอกห้องฉุกเฉินอยู่นาน
“เปล่าค่ะพี่บี”
“ดูท่าทางเหมือนป่านไม่สบายนะมานั่งพักก่อนไหม”
“ป่านก็แค่มึนนิดหน่อยค่ะพี่บี พอดีผู้ชายคนเมื่อกี้ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงไปหน่อย” หญิงสาวแก้ตัวก่อนจะกลับมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์และทำงานของตัวเองต่อ
เวรบ่ายวันนี้ผู้ป่วยมาใช้บริการไม่มากเท่าไหร่ทำให้เธอมีเวลาเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มเพื่อนสมัยชั้นมัธยมปลายซึ่งตอนนี้เพื่อนๆ คุยกันถึงงานเลี้ยงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากแยกย้ายกันไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยและจบมาทำงานเกือบสองปีแล้ว
โรงเรียนที่เธอเรียนอยู่เป็นโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐมซึ่งพอเรียนจบทุกคนก็แยกย้ายหญิงสาวเข้ามาเรียนพยาบาลในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพหลังจากเรียนจบก็เข้าทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้กับเพื่อนสนิทที่ชื่อพรชนก
ปราญติญามีครอบครัวอยู่ที่นครปฐมซึ่งเธอเป็นลูกสาวคนกลางพี่คนโตของเธอรับราชการครูและสอนอยู่ที่โรงเรียนใกล้บ้าน ส่วนน้องสาวของเธอตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
มารดาของเธอเป็นครูสอนอยู่โรงเรียนเดียวกับพี่ชายและอีกไม่กี่ปีท่านก็จะเกษียณส่วนบิดามีอาชีพทำสวนผลไม้ซึ่งพี่ชายของเธอก็ช่วยท่านดูแลสวนผลไม้ด้วย
หญิงสาวออกมาอยู่หอพักตั้งแต่เรียนชั้นปีที่หนึ่งจากนั้นก็ไม่คิดจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเพราะกลัวว่าบิดาจะจับให้เธอแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนสนิทซึ่งเธอไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด
เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่เรียนชั้นมัธยมปราญติญาก็รู้สึกสงสารตัวเองมากๆ ตอนนั้นเธอเป็นเด็กสาวที่ค่อนข้างอ้วนใบหน้ามีแต่สิวฟันก็เหยิน จนเพื่อนบางคนก็เรียกว่ายัยเหยินบางคนก็เรียกว่ายัยอ้วนตอนนั้นหญิงสาวรู้สึกเจ็บใจมากและคิดว่าสักวันหนึ่งสายตาที่เพื่อนผู้ชายใช้มองเธอมันจะเปลี่ยนไป
เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งปราญติญาเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น เริ่มควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันจนถึงตอนนี้หญิงสาวก็เป็นผู้หญิงที่หุ่นดีคนหนึ่ง ฟันที่เหยินก็ถูกจัดเข้าที่ใบหน้าที่มีแต่สิวตอนนี้ก็เรียบเนียนดูต่างจากอดีตจนเห็นได้ชัด
เธอคิดว่าการไปงานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้อาจจะเป็นการปลดล็อกปมในใจของเธอ
หญิงสาวอยากให้เพื่อนทุกคนเห็นว่าตัวจริงของเธอเป็นยังไงเพราะปราญติญาเคยเอารูปของตัวเองลงในโซเชียลแต่เพื่อนบางคนก็คิดว่าเธอใช้แอปพลิเคชันเพื่อการตกแต่งรูปการไปกับเพื่อนในครั้งนี้ปราญติญาจะได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้ใช้แอปพลิเคชันอะไรทั้งนั้นรูปทุกรูปที่ลงในโซเชียลเป็นรูปจริง
ปราญติญาออกจากความคิดของตัวเองเมื่อมีผู้ป่วยเข้ามารับบริการที่แผนกฉุกเฉินหญิงสาววุ่นวายกับการดูแลผู้ป่วยจนกระทั่งถึงเวลาลงเวรก็เดินมายังรถของตัวเองเธอต้องชะงักฝีเท้าไม่เห็นว่าตอนนี้มีใครบางคนยืนอยู่ที่รถของเธอ
หญิงสาวกำลังจะเดินหนีแต่ชายคนนั้นก็หันกลับมาเสียก่อน
“เดี๋ยวสิป่านเรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”
“แต่ฉันไม่มีเรื่องจะคุยกับคุณค่ะคุณกอล์ฟ”
“ก็เรื่องคืนนั้น”
“คืนที่คุณแอบเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่ในเครื่องดื่มของฉันใช่ไหมล่ะ”
“ป่านครับผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วนะ ผมไม่ใช่คนทำแบบนั้นเลย คนที่ทำคือเพื่อนของผม”
“แล้วทำไมคุณไม่ห้ามเขาล่ะคะหรือเพราะคุณก็เห็นดีเห็นงามกับเขาด้วย”
หญิงสาวมองหน้าผู้ชายที่เธอเคยเรียกว่าเป็นแฟนด้วยความผิดหวังเขาและเธอรู้จักกันในแอปหาคู่แอปหนึ่งจากนั้นก็คบหากันได้ประมาณสามเดือน
ทั้งสองคบกันเหมือนคู่รักปกติทั่วไปวันหยุดก็ออกไปเดินเที่ยวไปทานข้าวไปดูหนังด้วยกัน เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอคบหลังจากอกหักจากคนรักเก่ามาหนึ่งปีก่อน
ในคืนที่เกิดเรื่องเขาชวนเธอไปฉลองวันเกิดของเขาที่ผับแห่งหนึ่งหญิงสาวตอบตกลงเพราะคิดว่าเป็นวันเกิดกับเขาทั้งที่ตัวเองไม่ชอบไปเที่ยวสถานบันเทิงแบบนั้นเลย
แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะแอบเอายาปลุกเซ็กซ์ในเครื่องดื่มและพยายามจะพาเธอออกไปทางหน้าร้านหญิงสาวจึงขอเขาไปเข้าห้องน้ำจากนั้นก็แอบออกมาทางประตูหลังจนได้เจอกับผู้ชายคนนั้นจนเผลอไปมีอะไรกันหลังจากนั้นเขาก็ไม่ติดต่อเธอมาอีก
“ผมห้ามแล้วแต่พวกมันก็ยังทำ”
“ฉันไม่เชื่อคุณหรอกค่ะ เราสองคนไม่เหมาะสมกันเลยเลิกกันน่าจะดีกว่า”
“เราจะเลิกกันไปเพราะเรื่องแบบนั้นเหรอป่าน”
“คุณคิดว่าเรื่องแค่นั้นเหรอคะ สิ่งที่คุณทำมันเลวมากนะ”
“ผมรู้ว่าผมผิดผมก็มาขอโทษป่านแล้วไง แล้วคุณล่ะไม่คิดจะขอโทษผมบ้างเหรอ”
“ทำไมฉันจะต้องขอโทษคุณด้วยล่ะ”
“ก็คุณออกไปกับผู้ชายคนอื่น”
“ถึงเขาจะเป็นคนอื่นแต่ก็ยังดีกว่าออกไปกับคุณ” ปราญติญายอมนอนกับคนที่ไม่รู้จักคนนั้นยังจะดีกว่าผู้ชายที่กำลังยืนคุยกับเธอตรงหน้า
“แล้วเป็นยังไงล่ะมันช่วยให้คุณหายจากฤทธิ์ยาไหมมันถึงใจคุณหรือเปล่าล่ะหรือติดใจมันจนลืมไปแล้วว่าคุณน่ะมีแฟนแล้ว”
“อย่ามาพูดจาดูถูกกันแบบนี้นะ”
“ก็มันจริงไหมล่ะผู้หญิงที่โดนยาแล้วหายไปกับผู้ชายคนอื่น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะพาคุณไปส่งที่หอโดยไม่เกิดอะไรขึ้นในเมื่อคุณก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้วทำไมไม่ลองให้โอกาสผมบ้างล่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่านอนกับผมไงแค่นี้ไม่เห็นจะยาก”
“ไม่มีทาง ฉันขอสั่งนะว่าจากนี้ไม่ต้องมาหาฉันที่นี่และไม่ต้องติดต่อฉันมาอีกเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว” ปราญติญาไม่คิดว่าจะคบหากับผู้ชายคนนี้ต่อเพราะหลังจากคืนนั้นเธอก็บล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเขาไปแล้ว
“แน่เหรอป่านผมว่าผู้หญิงที่มีอะไรกับผู้ชายไปแล้วยังมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่และผมจะเติมเต็มให้ตกลงไหมล่ะ”
พูดจบเขาก็คว้าเธอมาจูบหญิงสาวพยายามผลักไสเธอรู้สึกรังเกียจขยะแขยงกับริมฝีปากหนาที่จูบลงมาเมื่อเขาใช้ปลายลิ้นสอดมาในโพรงปากเล็กหญิงสาวก็กัดลิ้นของเขาไปอย่างแรง
“โอ๊ย...บ้าอะไรเนี่ย กัดมาได้ยังไง”
“ก็กัดให้คุณมีสติไงล่ะอย่ายุ่งกับฉันอีก” หญิงสาวรีบเข้าไปในรถก่อนจะขับออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงหอก็ร้องไห้อยู่หลังพวงมาลัยอีกพักใหญ่ก่อนจะขึ้นไปยังห้องพักของตนเอง
เมื่อขึ้นมาบนห้องปราญติญาก็รีบแปรงฟันและบ้วนปากอยู่หลายรอบหญิงสาวไม่คิดเลยว่ารัฐภูมิจะกล้าทำแบบนั้นกับเธอในลานจอดรถจูบของเขามันไม่ได้อ่อนหวานเร่าร้อนหรือประทับใจตรงไหนเลยสักนิด มันมีแต่ความรู้สึกเกลียดขยะแขยงยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโกรธยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นรู้สึกผิดที่ไม่ฟังคำเตือนของพรชนกที่บอกว่าผู้ชายคนนี้ดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจแต่หญิงสาวก็บอกเพื่อนไปว่าเขาเป็นคนคุยเก่งร่าเริงก็เลยดูเหมือนจะเจ้าชู้ ตอนนั้นเธอเถียงพรชนกและเข้าข้างรัฐภูมิแต่พอมาวันนี้กลับรู้สึกได้เลยว่าถ้าหากเชื่อคำพูดของเพื่อนตั้งแต่แรกตนเองก็ไม่ต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ปราญติญาเอามือจับริมฝีปากของตนเองจากนั้นก็นึกถึงจูบของผู้ชายอีกคนหญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครชื่ออะไรแต่จูบของเขามันทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ จูบของเขาเร่าร้อนหนักหน่วงบางครั้งก็อ่อนหวานและมันยังติดอยู่ในความทรงจำของเธอแม้จะเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเพราะฤทธิ์ยาและแอลกอฮอล์ทำให้ตาพร่ามัวไปหมดอีกทั้งบริเวณหน้าห้องน้ำแสงก็ไม่สว่างมากเท่าไหร่ แต่เธอจำความรู้สึกทุกอย่างได้ดี กลิ่นกายของเขาน้ำหอมของเขามันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ห
และวันที่เป็นกังวลก็มาถึงวันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเก่าของปราญติญาจะจัดเลี้ยงซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหกโมงเย็นแต่เธอและพรชนกก็เดินทางกลับมาบ้านตั้งแต่เช้าปราญติญาแวะส่งพรชนกที่บ้านและนัดเจอกันในเวลา 17:45 น. เพราะบ้านของพวกเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเมื่อส่งเพื่อนเสร็จแล้วหญิงสาวก็ขับรถกลับไปที่บ้านของตนเอง“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดาที่นั่งรอเธออยู่ที่ระเบียงบ้าน“สวัสดีจ้ะลูก กินข้าวมาหรือยัง”“ป่านกินข้าวมาแล้วค่ะแม่ วันนี้แปลกจังที่พ่อไม่เข้าสวน”“ก็พ่อรอเจอป่านก่อนไงล่ะ ขับรถมาเหนื่อยไหม”“ไม่เลยค่ะ พ่อกับแม่สบายดีมั้ยคะ”“สบายดีจ้ะ แต่แม่ว่าป่านผอมลงหรือเปล่าลูกยังจะลดความอ้วนอีกเหรอ”“เปล่านะคะแม่ป่านก็น้ำหนักเท่าเดิมเลย”“แม่คงติดภาพตอนที่ป่านเรียนม.ปลายมากไปหน่อย พอเห็นป่านผอมแม่ก็ไม่ค่อยชินตา”“พ่อก็ว่าตอนนี้ลูกสาวของพ่อสวยกว่าตอนเรียนมากไม่รู้ว่าตอนนี้มีหนุ่มมาจีบบ้างหรือเปล่า” คุณอาคมถามเพื่อหยั่งเชิงเพราะถ้าหากปราญติญายังไม่มีแฟนเขาจะติดต่อลูกชายของเพื่อนให้กับลูกสาว“ป่านมีแฟนแล้วค่ะและก็เพิ่งจะเลิกกันได้ไม่กี่วันพ่ออย่าพยายามหาใครมาแนะนำให้ป่านรู้จ
“คผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใครนะ” เขตแดนถามศุภโชคเมื่อเห็นปราญติญาและพรชนกเดินเข้ามาในงาน“คนพี่ใส่กระโปรงน่าจะชื่อบุ๋มนะเป็นเพื่อนในห้องเรานั่นแหละมึงจำไม่ได้เหรอวะเขต แต่อีกคนหนึ่งกูไม่แน่ใจน่าจะเป็นเพื่อนห้องอื่นล่ะมั้ง ถามทำไมวะหรือมึงสนใจ”“ก็ทั้งสวยทั้งหุ่นดีแบบนี้มันก็น่าสนใจ เดี๋ยวกูว่าจะเข้าไปทักทายเขาสักหน่อยมึงว่าดีไหมล่ะ”“มึงเข้าไปทักทายได้แต่ห้ามยุ่ง” ภาณุวิชญ์รีบบอก“ทำไมวะมึงชอบเหรอ”“เปล่าแต่กูก็แค่รู้จัก”“คำว่ารู้จักของมึงถึงขั้นไหนล่ะ”“ก็รู้จักประมาณหนึ่งรู้ว่าเขาทำงานที่ไหน”“เพื่อนห้องเราเหรอทำไมกูไม่คุ้นหน้าเลยว่ะ”ขณะที่เขตแดนกับภาณุวิชญ์กำลังคุยกันอยู่ศุภโชคก็เดินออกจากโต๊ะเพื่อไปทักทายเพื่อนผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้วชายหนุ่มทักทายเพื่อนทุกคนยกเว้นก็แต่ปราญติญาเพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเธอคือเพื่อนร่วมห้องเรียนของตนเองหรือเปล่า“ทำไมทักทายเพื่อนไม่ครบล่ะโชค” กวางเพื่อนร่วมชั้นเรียนถามขึ้นเพราะมั่นใจว่าที่ศุภโชคไม่ทักทายปราญติญาเพราะเขาน่าจะจำไม่ได้“นั่นสิหรือที่ไม่ทักเพราะจำเพื่อนไม่ได้” พรชนกได้ทีก็พูดต่อ“คนนี้ใช่เพื่อนห้องเราเหรอบุ๋ม ทำไมผมจำไม่ได้เลยล่ะ”“ลองมองดีๆ
แล้วเพื่อนทั้งกลุ่มก็ตกลงไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในตัวเมืองปราญติญานั่งมองเพื่อนที่ดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนานกันแต่เธอไม่คิดจะดื่มเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นเพราะหญิงสาวต้องเป็นคนขับรถกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณเกือบ 20 กิโลเมตร"จะไม่ดื่มอะไรหน่อยเหรอป่าน” ภาณุวิชญ์ถือโอกาสที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานเข้ามานั่งใกล้กับปราญติญา“ไม่ล่ะ ป่านต้องขับรถแล้วณุล่ะ”“ผมก็เหมือนกัน ป่านรู้สึกไหมว่าบรรยากาศแบบนี้มันคุ้นๆ”ชายหนุ่มขยับมาใกล้และเมื่อได้กลิ่นกายของหญิงสาวอีกทั้งบรรยากาศในร้านมันคล้ายกับเธอคนนั้นมากก็ทำให้เขามั่นใจทันทีว่าเธอคือผู้หญิงที่เขานอนด้วยในคืนนั้น“ป่านไม่คุ้นนะเพราะปกติป่านไม่ค่อยเที่ยวเท่าไหร่”“ผมว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันนะ ออกไปคุยกันหน่อยดีไหม”“คุยตรงนี้ก็ได้นะ”“แต่ตรงนี้มันเสียงดังและผมกลัวว่าถ้าคนอื่นมาได้ยินเรื่องที่ผมจะคุยกับป่านมันจะทำให้ป่านเสียหายได้นะ”“มีเรื่องอะไรที่ต้องสองคนจะต้องคุยกันด้วยเหรอ”“แน่ใจนะว่าจะให้ผมพูดเรื่องคืนนั้นตรงนี้”“เรื่องคืนนั้นคือเรื่องอะไร” ปราญติญาเริ่มเป็นกังวลว่าเขาจะใช่ผู้ชายคนนั้น“ตามผมออกมาสิ” ภาณุวิชญ์เดินนำหญิง
ความทรงจำในคืนนั้นมันกลับเข้าในความคิดของปราญติญาอีกครั้งผับ XXX เมื่อสองสัปดาห์ก่อน“คุณค่ะ ช่วยฉันด้วย” ปราญติญาคว้าแขนผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องน้ำชาย“จะให้ผมช่วยอะไรครับ” ชายหนุ่มหันมาถาม“ช่วยพาฉันออกไปจากตรงนี้ เรียกแท็กซี่ให้ฉันก็ได้”“คุณเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า”“ฉันรู้แค่ว่าฉันรู้สึกแปลกๆ นะคะพาฉันออกไปจากตรงนี้”ชายหนุ่มคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงที่เพื่อนติดต่อมาให้เขาจึงไม่รีรอที่จะพาเธอเดินออกไปที่รถ“ขึ้นรถมาเถอะ” เขาเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปนั่งในและรับขับออกไปยังคอนโดมิเนียมของตนเอง“คุณช่วยฉันด้วย ฉันร้อนฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้”“ก่อนหน้านี้คุณกินอะไรมาหรือเปล่าอาการคุณเหมือนคนโดนยาเลย”“ฉันไม่รู้แต่ฉันดื่มเครื่องที่เขาสั่งให้ ฉันร้อน ร้อนมากๆ”หญิงสาวพูดแล้วพยายามจะดึงเสื้อของตัวเองออกทำให้เขาต้องรีบขับรถให้เร็วขึ้นภาณุวิชญ์ก็ไม่นึกมาก่อนว่าเพื่อนตนเองจะเล่นพิเรนทร์เอายาปลุกเซ็กซ์กับผู้หญิงที่ติดต่อมาให้เขาจอดรถและพาเธอมายังลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ปิดชายหนุ่มก็คว้าเธอเข้ามากอดจูบลงไปยังเร่าร้อนหญิงสาวตอบรับจูบของเขาอย่างไม่ประสาเท่าไร่ เมื่อเรียวลิ้นสอดเข้าไปกระห
“หายไปนานเลยนะป่านมีอะไรหรือเปล่า” พรชนกรีบเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าปราญติญาหายออกไปกับภาณุวิชญ์ค่อนข้างนานจนเธอคิดว่าจะออกไปตาม“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะบุ๋ม”“แน่นะ ณุเขาไม่ได้ทำอะไรป่านใช่ไหม”“อือ เขาก็แค่ถามเรื่องแผลที่หัวเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” ปราญติญาไม่อยากจะโกหกพรชนกเลยแต่เรื่องระหว่างเธอกับภาณุวิชญ์นั้นไม่สามารถบอกใครได้แม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตามเสียงเพลงในผับที่ค่อนข้างดังและแสงไฟสลัวๆ ทำให้พรชนกไม่เห็นว่าปราญติญานั้นนั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้งและสีหน้าของเธอก็เครียดกว่าปกติเพื่อนทุกคนสนุกสนานกันจนถึงเวลาผับปิดก็แยกย้ายกลับ“ผมไปส่งไหมป่าน” ภาณุวิชญ์เดินตามหญิงสาวมาที่รถ“ไม่เป็นไรหรอก นี่มันดึกมากแล้วรีบแยกย้ายกันเถอะ”“ขับรถดีๆ นะป่าน อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันล่ะ” ภาณุวิชญ์บอกกับหญิงสาวก่อนจะเดินมาที่รถของตนเองซึ่งตอนนี้ศุภโชคและเขตแดนเข้าไปนอนรอในรถแล้วชายหนุ่มขับรถไปส่งเพื่อนทั้งสองคนที่บ้านส่วนตัวเขาเองก็กลับมาเช่าโรงแรมนอนเพราะบ้านเดิมของเขาไม่มีคนอยู่เนื่องจากครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพมานานหลายปีแล้วคืนนี้ภาณุวิชญ์ดื่มไปไม่กี่แก้วเพราะรู้ว่าตนเองจะต้องเป็นคนขับรถไปส
แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแยกของม่านหน้าต่างทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่น หญิงสาวรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวจนแทบขยับร่างกายไม่ไหวเธอลืมตาขึ้นมองและตกใจเมื่อบรรยากาศในห้องนั้นไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เมื่อทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนแล้วก็ต้องรีบลุกจากเตียงและมองหาชุดของตัวเองหญิงสาวคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนโซฟาปลายเตียงมาพันรอบกายเปลือยเปล่าก่อนจะเดินออกมานอกห้องอย่างเงียบที่สุด เธอจำได้ว่าครั้งแรกของเธอและเขาเกิดขึ้นบนโซฟาในห้องรับแขกเมื่อเจอชุดชั้นในของตนเองที่ตกอยู่กลางห้องก็รีบหยิบขึ้นมาสวมแต่สายเดี่ยวที่เธอใส่มาเมื่อคืนนั้นถูกเขาดึงจนขาดไปแล้ว เธอจึงหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมแทนและนับว่าโชคดีอยู่บ้างที่กางเกงขาสั้นของเธอยังอยู่ในสภาพที่พอจะสวมได้หญิงสาวรีบแต่งตัวและคว้ากระเป๋าสะพายของตนที่ตกที่ทำตกไว้เธอก้มลงเก็บและจังหวะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นกรอบรูปอันหนึ่งที่รูปค่อนข้างคุ้นตาเมื่อขยับเข้ามาใกล้และหยิบขึ้นมาดูหญิงสาวต้องตกใจจนหน้าซีดเพราะมันคือรูปถ่ายรูปเดียวกับรูปที่เธอมีอยู่ รูปถ่ายก่อนจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของเธอและเพื่อนๆ นั่นก็เท่าก
ภาณุวิชญ์รู้สึกตัวตื่นในตอนสายชายหนุ่มพลิกตัวมาอีกด้านเพื่อจะกอดหญิงสาวที่เขาพากลับมาเมื่อคืนแต่บนเตียงก็ว่างเปล่า เขาไม่คิดว่าเธอจะตื่นตั้งแต่เช้าชายหนุ่มรีบออกมาจากห้องนอนเพื่อมองหาผู้หญิงคนนั้นแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอทิ้งไว้เพียงเสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กที่ขาดไว้บนโซฟา“เธอเป็นใครกันนะ”เขาบ่นกับตนเองจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อจะถามว่าผู้หญิงที่เขาพามาเมื่อคืนนั้นเธอเป็นใครชื่ออะไรเพราะคิดว่าหญิงสาวคือคนที่เพื่อนของเขาเรียกมาให้บริการ“มีอะไรวะณุโทรมาแต่เช้า”“เช้าที่ไหนนี่มันเกือบจะเที่ยงแล้วนะไอ้โชค”“ก็นี่มันวันเสาร์ใครเขาตื่นเช้ากันล่ะ ว่าแต่มึงมีอะไรเมื่อคืนก็หนีกลับก่อนแล้วยังจะโทรปลุกกูอีก”“กูอยากถามว่าเด็กเมื่อคืนมึงหามาจากไหนวะ”“เด็กไหนวะ”“ก็เด็กที่กูพามาด้วยไงมึงให้ยาเธอไปด้วยใช่ไหม”“ไม่นะเด็กที่กูดิวให้มึงมาไม่ได้กูกำลังจะเดินไปบอกที่ก็เห็นมึงหิ้วผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นรถไปแล้ว”“ฉิบหายล่ะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครวะ”“กูจะไปรู้กับมึงเหรอ มึงไม่รู้จักหรอกเหรอ”“ไม่เลยกูก็นึกว่าเป็นผู้หญิงที่มึงหาให้”“เฮ้ย!...มึงดูดีๆ นะข้าวของอะไรในห้องหายไปบ้างหรือเปล่า”เมื่อเพื่อนพูดแบ
“หายไปนานเลยนะป่านมีอะไรหรือเปล่า” พรชนกรีบเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าปราญติญาหายออกไปกับภาณุวิชญ์ค่อนข้างนานจนเธอคิดว่าจะออกไปตาม“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะบุ๋ม”“แน่นะ ณุเขาไม่ได้ทำอะไรป่านใช่ไหม”“อือ เขาก็แค่ถามเรื่องแผลที่หัวเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” ปราญติญาไม่อยากจะโกหกพรชนกเลยแต่เรื่องระหว่างเธอกับภาณุวิชญ์นั้นไม่สามารถบอกใครได้แม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตามเสียงเพลงในผับที่ค่อนข้างดังและแสงไฟสลัวๆ ทำให้พรชนกไม่เห็นว่าปราญติญานั้นนั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้งและสีหน้าของเธอก็เครียดกว่าปกติเพื่อนทุกคนสนุกสนานกันจนถึงเวลาผับปิดก็แยกย้ายกลับ“ผมไปส่งไหมป่าน” ภาณุวิชญ์เดินตามหญิงสาวมาที่รถ“ไม่เป็นไรหรอก นี่มันดึกมากแล้วรีบแยกย้ายกันเถอะ”“ขับรถดีๆ นะป่าน อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันล่ะ” ภาณุวิชญ์บอกกับหญิงสาวก่อนจะเดินมาที่รถของตนเองซึ่งตอนนี้ศุภโชคและเขตแดนเข้าไปนอนรอในรถแล้วชายหนุ่มขับรถไปส่งเพื่อนทั้งสองคนที่บ้านส่วนตัวเขาเองก็กลับมาเช่าโรงแรมนอนเพราะบ้านเดิมของเขาไม่มีคนอยู่เนื่องจากครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพมานานหลายปีแล้วคืนนี้ภาณุวิชญ์ดื่มไปไม่กี่แก้วเพราะรู้ว่าตนเองจะต้องเป็นคนขับรถไปส
ความทรงจำในคืนนั้นมันกลับเข้าในความคิดของปราญติญาอีกครั้งผับ XXX เมื่อสองสัปดาห์ก่อน“คุณค่ะ ช่วยฉันด้วย” ปราญติญาคว้าแขนผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องน้ำชาย“จะให้ผมช่วยอะไรครับ” ชายหนุ่มหันมาถาม“ช่วยพาฉันออกไปจากตรงนี้ เรียกแท็กซี่ให้ฉันก็ได้”“คุณเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า”“ฉันรู้แค่ว่าฉันรู้สึกแปลกๆ นะคะพาฉันออกไปจากตรงนี้”ชายหนุ่มคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงที่เพื่อนติดต่อมาให้เขาจึงไม่รีรอที่จะพาเธอเดินออกไปที่รถ“ขึ้นรถมาเถอะ” เขาเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปนั่งในและรับขับออกไปยังคอนโดมิเนียมของตนเอง“คุณช่วยฉันด้วย ฉันร้อนฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้”“ก่อนหน้านี้คุณกินอะไรมาหรือเปล่าอาการคุณเหมือนคนโดนยาเลย”“ฉันไม่รู้แต่ฉันดื่มเครื่องที่เขาสั่งให้ ฉันร้อน ร้อนมากๆ”หญิงสาวพูดแล้วพยายามจะดึงเสื้อของตัวเองออกทำให้เขาต้องรีบขับรถให้เร็วขึ้นภาณุวิชญ์ก็ไม่นึกมาก่อนว่าเพื่อนตนเองจะเล่นพิเรนทร์เอายาปลุกเซ็กซ์กับผู้หญิงที่ติดต่อมาให้เขาจอดรถและพาเธอมายังลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ปิดชายหนุ่มก็คว้าเธอเข้ามากอดจูบลงไปยังเร่าร้อนหญิงสาวตอบรับจูบของเขาอย่างไม่ประสาเท่าไร่ เมื่อเรียวลิ้นสอดเข้าไปกระห
แล้วเพื่อนทั้งกลุ่มก็ตกลงไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในตัวเมืองปราญติญานั่งมองเพื่อนที่ดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนานกันแต่เธอไม่คิดจะดื่มเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นเพราะหญิงสาวต้องเป็นคนขับรถกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณเกือบ 20 กิโลเมตร"จะไม่ดื่มอะไรหน่อยเหรอป่าน” ภาณุวิชญ์ถือโอกาสที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานเข้ามานั่งใกล้กับปราญติญา“ไม่ล่ะ ป่านต้องขับรถแล้วณุล่ะ”“ผมก็เหมือนกัน ป่านรู้สึกไหมว่าบรรยากาศแบบนี้มันคุ้นๆ”ชายหนุ่มขยับมาใกล้และเมื่อได้กลิ่นกายของหญิงสาวอีกทั้งบรรยากาศในร้านมันคล้ายกับเธอคนนั้นมากก็ทำให้เขามั่นใจทันทีว่าเธอคือผู้หญิงที่เขานอนด้วยในคืนนั้น“ป่านไม่คุ้นนะเพราะปกติป่านไม่ค่อยเที่ยวเท่าไหร่”“ผมว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันนะ ออกไปคุยกันหน่อยดีไหม”“คุยตรงนี้ก็ได้นะ”“แต่ตรงนี้มันเสียงดังและผมกลัวว่าถ้าคนอื่นมาได้ยินเรื่องที่ผมจะคุยกับป่านมันจะทำให้ป่านเสียหายได้นะ”“มีเรื่องอะไรที่ต้องสองคนจะต้องคุยกันด้วยเหรอ”“แน่ใจนะว่าจะให้ผมพูดเรื่องคืนนั้นตรงนี้”“เรื่องคืนนั้นคือเรื่องอะไร” ปราญติญาเริ่มเป็นกังวลว่าเขาจะใช่ผู้ชายคนนั้น“ตามผมออกมาสิ” ภาณุวิชญ์เดินนำหญิง
“คผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใครนะ” เขตแดนถามศุภโชคเมื่อเห็นปราญติญาและพรชนกเดินเข้ามาในงาน“คนพี่ใส่กระโปรงน่าจะชื่อบุ๋มนะเป็นเพื่อนในห้องเรานั่นแหละมึงจำไม่ได้เหรอวะเขต แต่อีกคนหนึ่งกูไม่แน่ใจน่าจะเป็นเพื่อนห้องอื่นล่ะมั้ง ถามทำไมวะหรือมึงสนใจ”“ก็ทั้งสวยทั้งหุ่นดีแบบนี้มันก็น่าสนใจ เดี๋ยวกูว่าจะเข้าไปทักทายเขาสักหน่อยมึงว่าดีไหมล่ะ”“มึงเข้าไปทักทายได้แต่ห้ามยุ่ง” ภาณุวิชญ์รีบบอก“ทำไมวะมึงชอบเหรอ”“เปล่าแต่กูก็แค่รู้จัก”“คำว่ารู้จักของมึงถึงขั้นไหนล่ะ”“ก็รู้จักประมาณหนึ่งรู้ว่าเขาทำงานที่ไหน”“เพื่อนห้องเราเหรอทำไมกูไม่คุ้นหน้าเลยว่ะ”ขณะที่เขตแดนกับภาณุวิชญ์กำลังคุยกันอยู่ศุภโชคก็เดินออกจากโต๊ะเพื่อไปทักทายเพื่อนผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้วชายหนุ่มทักทายเพื่อนทุกคนยกเว้นก็แต่ปราญติญาเพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเธอคือเพื่อนร่วมห้องเรียนของตนเองหรือเปล่า“ทำไมทักทายเพื่อนไม่ครบล่ะโชค” กวางเพื่อนร่วมชั้นเรียนถามขึ้นเพราะมั่นใจว่าที่ศุภโชคไม่ทักทายปราญติญาเพราะเขาน่าจะจำไม่ได้“นั่นสิหรือที่ไม่ทักเพราะจำเพื่อนไม่ได้” พรชนกได้ทีก็พูดต่อ“คนนี้ใช่เพื่อนห้องเราเหรอบุ๋ม ทำไมผมจำไม่ได้เลยล่ะ”“ลองมองดีๆ
และวันที่เป็นกังวลก็มาถึงวันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเก่าของปราญติญาจะจัดเลี้ยงซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหกโมงเย็นแต่เธอและพรชนกก็เดินทางกลับมาบ้านตั้งแต่เช้าปราญติญาแวะส่งพรชนกที่บ้านและนัดเจอกันในเวลา 17:45 น. เพราะบ้านของพวกเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเมื่อส่งเพื่อนเสร็จแล้วหญิงสาวก็ขับรถกลับไปที่บ้านของตนเอง“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดาที่นั่งรอเธออยู่ที่ระเบียงบ้าน“สวัสดีจ้ะลูก กินข้าวมาหรือยัง”“ป่านกินข้าวมาแล้วค่ะแม่ วันนี้แปลกจังที่พ่อไม่เข้าสวน”“ก็พ่อรอเจอป่านก่อนไงล่ะ ขับรถมาเหนื่อยไหม”“ไม่เลยค่ะ พ่อกับแม่สบายดีมั้ยคะ”“สบายดีจ้ะ แต่แม่ว่าป่านผอมลงหรือเปล่าลูกยังจะลดความอ้วนอีกเหรอ”“เปล่านะคะแม่ป่านก็น้ำหนักเท่าเดิมเลย”“แม่คงติดภาพตอนที่ป่านเรียนม.ปลายมากไปหน่อย พอเห็นป่านผอมแม่ก็ไม่ค่อยชินตา”“พ่อก็ว่าตอนนี้ลูกสาวของพ่อสวยกว่าตอนเรียนมากไม่รู้ว่าตอนนี้มีหนุ่มมาจีบบ้างหรือเปล่า” คุณอาคมถามเพื่อหยั่งเชิงเพราะถ้าหากปราญติญายังไม่มีแฟนเขาจะติดต่อลูกชายของเพื่อนให้กับลูกสาว“ป่านมีแฟนแล้วค่ะและก็เพิ่งจะเลิกกันได้ไม่กี่วันพ่ออย่าพยายามหาใครมาแนะนำให้ป่านรู้จ
เมื่อขึ้นมาบนห้องปราญติญาก็รีบแปรงฟันและบ้วนปากอยู่หลายรอบหญิงสาวไม่คิดเลยว่ารัฐภูมิจะกล้าทำแบบนั้นกับเธอในลานจอดรถจูบของเขามันไม่ได้อ่อนหวานเร่าร้อนหรือประทับใจตรงไหนเลยสักนิด มันมีแต่ความรู้สึกเกลียดขยะแขยงยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโกรธยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นรู้สึกผิดที่ไม่ฟังคำเตือนของพรชนกที่บอกว่าผู้ชายคนนี้ดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจแต่หญิงสาวก็บอกเพื่อนไปว่าเขาเป็นคนคุยเก่งร่าเริงก็เลยดูเหมือนจะเจ้าชู้ ตอนนั้นเธอเถียงพรชนกและเข้าข้างรัฐภูมิแต่พอมาวันนี้กลับรู้สึกได้เลยว่าถ้าหากเชื่อคำพูดของเพื่อนตั้งแต่แรกตนเองก็ไม่ต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ปราญติญาเอามือจับริมฝีปากของตนเองจากนั้นก็นึกถึงจูบของผู้ชายอีกคนหญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครชื่ออะไรแต่จูบของเขามันทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ จูบของเขาเร่าร้อนหนักหน่วงบางครั้งก็อ่อนหวานและมันยังติดอยู่ในความทรงจำของเธอแม้จะเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเพราะฤทธิ์ยาและแอลกอฮอล์ทำให้ตาพร่ามัวไปหมดอีกทั้งบริเวณหน้าห้องน้ำแสงก็ไม่สว่างมากเท่าไหร่ แต่เธอจำความรู้สึกทุกอย่างได้ดี กลิ่นกายของเขาน้ำหอมของเขามันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ห
เมื่ออธิบายทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟังแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องฉุกเฉินปราญติญารู้สึกใจเต้นแรงมากๆ ที่อยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้น้ำเสียงและใบหน้าของเขามันค่อนข้างคุ้นตา เธอคิดว่าเขาน่าจะใช่ผู้ชายที่ตนเองนอนด้วยเมื่อคืนก่อนแต่ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่เมื่อหญิงสาวมาเปิดดูประวัติของเขาในคอมพิวเตอร์แล้วมันไม่ใช่ชื่อหรือนามสกุลของเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอเลย ที่หญิงสาวรู้ก็เพราะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มส่งใบรายชื่อที่เคยถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาปีที่หกเข้ามาในไลน์กลุ่มซึ่งในนั้นมันไม่มีชื่อของผู้ชายคนเมื่อกี้อยู่ด้วย บางทีเขาก็แค่คนหน้าคล้ายก็ได้“ป่านเป็นอะไรหรือเปล่า” หัวหน้าพยาบาลถามเมื่อเห็นหญิงยืนมองไปนอกห้องฉุกเฉินอยู่นาน“เปล่าค่ะพี่บี”“ดูท่าทางเหมือนป่านไม่สบายนะมานั่งพักก่อนไหม”“ป่านก็แค่มึนนิดหน่อยค่ะพี่บี พอดีผู้ชายคนเมื่อกี้ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงไปหน่อย” หญิงสาวแก้ตัวก่อนจะกลับมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์และทำงานของตัวเองต่อเวรบ่ายวันนี้ผู้ป่วยมาใช้บริการไม่มากเท่าไหร่ทำให้เธอมีเวลาเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มเพื่อนสมัยชั้นมัธยมปลายซึ่งตอนนี้เพื่อนๆ คุยกันถึงงานเลี้ยงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้า
วันจันทร์ที่แสนวุ่นวายภาณุวิชญ์เข้ามารับงานจากบริษัทจากนั้นก็ออกไปดูไซต์งานก่อสร้างซึ่งตอนนี้โครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรคืบหน้าไปมากแล้วเกือบ 60% ชายหนุ่มเป็นวิศวกรอยู่ในบริษัทของพี่ชาย ซึ่งเขามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมต่างๆ ส่วนพี่ชายและพี่สาวก็ทำหน้าที่บริหารอยู่ในบริษัทนานๆ ครั้งเขาถึงจะเข้ามาประชุมที่บริษัทเพราะส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ตามไซต์งานมากกว่าวันนี้มีไซต์งานที่เขาต้องไปดูทั้งสามที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ท้าทายที่จะต้องขับรถไปนั่นมานี่มันทำให้เขาไม่เบื่อเลยที่จะออกไปเจอผู้ คนการได้คุยกับโฟร์แมนการได้คุยกับคนงานก่อสร้างมันเป็นความสนุกอีกอย่างหนึ่งที่ได้เรียนรู้ชีวิตของเพื่อนร่วมงานหลังจากคุยกับโฟร์แมนคุมงานก่อสร้างแล้วภาณุวิชญ์ก็ขอตัวกลับแต่เมื่อเดินมาถึงรถก็มันขึ้นได้ว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกกับหัวหน้าคนงานชายหนุ่มจะกลับเข้าไปงานอีกครั้งเพราะคิดว่าจะคุยไม่นานภาณุวิชญ์จึงไม่ได้สวมหมวกนิรภัยและมันเป็นจังหวะที่เศษไม้ชิ้นหนึ่งร่วงลงมาทำให้กระแทกกับศีรษะของเขาอย่างจัง“โอ๊ย....” เขากุมศีรษะแน่นและรู้สึกถึงของเหลวเหนียวๆที่ไหล
ภาณุวิชญ์รู้สึกตัวตื่นในตอนสายชายหนุ่มพลิกตัวมาอีกด้านเพื่อจะกอดหญิงสาวที่เขาพากลับมาเมื่อคืนแต่บนเตียงก็ว่างเปล่า เขาไม่คิดว่าเธอจะตื่นตั้งแต่เช้าชายหนุ่มรีบออกมาจากห้องนอนเพื่อมองหาผู้หญิงคนนั้นแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอทิ้งไว้เพียงเสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กที่ขาดไว้บนโซฟา“เธอเป็นใครกันนะ”เขาบ่นกับตนเองจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อจะถามว่าผู้หญิงที่เขาพามาเมื่อคืนนั้นเธอเป็นใครชื่ออะไรเพราะคิดว่าหญิงสาวคือคนที่เพื่อนของเขาเรียกมาให้บริการ“มีอะไรวะณุโทรมาแต่เช้า”“เช้าที่ไหนนี่มันเกือบจะเที่ยงแล้วนะไอ้โชค”“ก็นี่มันวันเสาร์ใครเขาตื่นเช้ากันล่ะ ว่าแต่มึงมีอะไรเมื่อคืนก็หนีกลับก่อนแล้วยังจะโทรปลุกกูอีก”“กูอยากถามว่าเด็กเมื่อคืนมึงหามาจากไหนวะ”“เด็กไหนวะ”“ก็เด็กที่กูพามาด้วยไงมึงให้ยาเธอไปด้วยใช่ไหม”“ไม่นะเด็กที่กูดิวให้มึงมาไม่ได้กูกำลังจะเดินไปบอกที่ก็เห็นมึงหิ้วผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นรถไปแล้ว”“ฉิบหายล่ะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครวะ”“กูจะไปรู้กับมึงเหรอ มึงไม่รู้จักหรอกเหรอ”“ไม่เลยกูก็นึกว่าเป็นผู้หญิงที่มึงหาให้”“เฮ้ย!...มึงดูดีๆ นะข้าวของอะไรในห้องหายไปบ้างหรือเปล่า”เมื่อเพื่อนพูดแบ