“หายไปนานเลยนะป่านมีอะไรหรือเปล่า” พรชนกรีบเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าปราญติญาหายออกไปกับภาณุวิชญ์ค่อนข้างนานจนเธอคิดว่าจะออกไปตาม
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะบุ๋ม”
“แน่นะ ณุเขาไม่ได้ทำอะไรป่านใช่ไหม”
“อือ เขาก็แค่ถามเรื่องแผลที่หัวเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” ปราญติญาไม่อยากจะโกหกพรชนกเลยแต่เรื่องระหว่างเธอกับภาณุวิชญ์นั้นไม่สามารถบอกใครได้แม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม
เสียงเพลงในผับที่ค่อนข้างดังและแสงไฟสลัวๆ ทำให้พรชนกไม่เห็นว่าปราญติญานั้นนั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้งและสีหน้าของเธอก็เครียดกว่าปกติ
เพื่อนทุกคนสนุกสนานกันจนถึงเวลาผับปิดก็แยกย้ายกลับ
“ผมไปส่งไหมป่าน” ภาณุวิชญ์เดินตามหญิงสาวมาที่รถ
“ไม่เป็นไรหรอก นี่มันดึกมากแล้วรีบแยกย้ายกันเถอะ”
“ขับรถดีๆ นะป่าน อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันล่ะ” ภาณุวิชญ์บอกกับหญิงสาวก่อนจะเดินมาที่รถของตนเองซึ่งตอนนี้ศุภโชคและเขตแดนเข้าไปนอนรอในรถแล้ว
ชายหนุ่มขับรถไปส่งเพื่อนทั้งสองคนที่บ้านส่วนตัวเขาเองก็กลับมาเช่าโรงแรมนอนเพราะบ้านเดิมของเขาไม่มีคนอยู่เนื่องจากครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพมานานหลายปีแล้ว
คืนนี้ภาณุวิชญ์ดื่มไปไม่กี่แก้วเพราะรู้ว่าตนเองจะต้องเป็นคนขับรถไปส่งเพื่อน พอมาถึงห้องก็รีบอาบน้ำจากนั้นก็เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ที่อยู่ด้านในขึ้นมานั่งดื่มคนเดียว
วันนี้เขารู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตนเองมากเพราะการที่ได้รู้ว่าผู้หญิงในคืนนั้นคือใคร มันทำให้เขาลังเล ในตอนแรกก็คิดจะคบเธอเป็นคู่นอนพอเบื่อก็แยกย้ายแต่เมื่อปราญติญาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาก็ไม่กล้าทำแบบนั้น
แต่ที่ยื่นข้อเสนอออกไปเพราะอยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำยังไงต่อ ส่วนเรื่องคลิปที่พูดออกไปมันก็ไม่เป็นความจริงเลยเขาไม่เคยมีกล้องวงจรปิดในห้องรับแขกและก็ไม่เคยคิดที่จะถ่ายคลิปแบบนั้น
ขณะที่นั่งดื่มอยู่เพื่อนในกลุ่มก็ไลน์มาบอกว่าถึงบ้านกันแล้ว แต่เขาไม่เห็นไลน์ของปราญติญาหรือพรชนกเลย ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงจึงโทรศัพท์ไปหาปราญติญาตามเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาจากเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกดรับแม้ว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่ได้คุ้นเคยแต่เนื่องจากคืนนี้ได้เจอเพื่อนหลายคนปราญติญาก็คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งที่โทรมา
“ป่านผมเองนะ คุณถึงบ้านหรือยัง”
เมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาคือใครหญิงสาวก็อยากจะรีบกดวางสายแต่ก็กลัวว่าที่เขาโทรมาจะมีธุระด่วนเพราะคืนนี้เพื่อนของเธอดื่มกันค่อนข้างมากก็เลยเป็นกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“ถึงตั้งนานแล้วมีอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าถึงแล้วก็น่าจะไลน์บอกเพื่อนในกลุ่มนะเพื่อนคนอื่นๆ เขาก็ไลน์บอก”
“ป่านก็ไลน์ไปบอกแล้ว”
“ทำไมผมถึงไม่เห็นล่ะป่านใช้ชื่อไลน์ว่าอะไรใช้”
“Thiya_parn น่ะ”
“อ๋อ ใช้ชื่อสลับกันนี่เองผมถึงไม่รู้ป่านจะนอนหรือยัง”
“กำลังจะนอนแล้วขอวางก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิ”
“อะไรอีกล่ะ นี่มันดึกมากแล้วนะณุ”
“ป่านจะกลับกรุงเทพวันไหนเหรอ”
“พรุ่งนี้”
“ทำไมรีบกลับล่ะไม่หยุดเหรอ”
“ป่านกับบุ๋มต้องรีบไปขึ้นเวรบ่าย”
“เวรบ่ายนี่มันกี่โมงเหรอ”
“ณุไม่มีธุระอะไรอีกใช่ไหม” หญิงสาวไม่ตอบคำถามเพราะไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะอธิบายให้เขาฟังว่าลักษณะการขึ้นเวรของตนเองนั้นเป็นแบบไหน
“ไม่มีหรอกแค่อยากโทรมาถามเพราะคิดว่ายังไม่ถึงบ้าน ป่านนอนเถอะผมไม่กวนแล้ว”
“ขอบใจนะที่โทรมาถาม” หญิงสาวพูดจบก็วางสายและปิดไฟเข้านอน
แต่ไม่ว่าจะพยายามข่มตาหลับมากแค่ไหนก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดีเพราะตอนนี้เธอคิดถึงแต่เรื่องที่คุยกับภาณุวิชญ์ หญิงสาวไม่รู้จะทำยังไงให้เขาเลิกยุ่งกับเธอ ตอนนี้ปราญติญากลัวว่าเพื่อนๆ จะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาเพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอายที่สุดในชีวิต ถ้าหากทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเป็นเธอเองที่เข้าไปหาเขาและเขาจะเอาเรื่องนี้มาขู่มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่
เธออยากปฏิเสธข้อเสนอของภาณุวิชญ์แต่ก็กลัวว่าเขาจะส่งคลิปนั้นให้เพื่อนคนอื่น ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ใช่แค่เพื่อนที่รู้แน่ มารดาของเธอก็น่าจะรู้ด้วยเนื่องจากมารดาของเธอก็คือครูของเพื่อนนั่นเอง
“เฮ้อ!....” หญิงสาวถอนหายใจอย่างหนักไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว
เธออยากระบายเรื่องนี้ให้กับใครสักคนฟังแต่ก็อายเกินกว่าจะพูดออกไป ภาณุวิชญ์ขอเวลาเธอนานถึงสามเดือนแล้วระหว่างนี้ชีวิตของเธอจะเป็นยังไง จะต้องนอนกับเขาอีกกี่ครั้ง ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดหนัก
ปราญติญานอนพลิกตัวไปมาก่อนจะเผลอหลับไปในเวลาเกือบจะตีสี่
เสียงไก่ขันปลุกให้หญิงสาวที่นอนไปไม่ถึงสองชั่วโมงต้องรีบตื่นเธอสวมชุดนอนออกมาจากห้องก็เห็นว่าตอนนี้มารดาของเรากำลังเตรียมอาหารเช้า
“แม่ทำอะไรแต่เช้าคะให้ป่านช่วยไหม”
“แม่ทำข้าวต้มจ้ะ ไม่เป็นไรหรอกทำไมป่านตื่นเช้าจัง”
“ก็ไก่บ้านแม่สิคะมันขันปลุกตั้งแต่เช้าเลย กลิ่นข้าวต้มหอมน่ากินมากเลยค่ะ”
“จะกินเลยไหมหรือจะอาบน้ำก่อน”
“ป่านขอไปอาบน้ำก่อนค่อยออกมากินก็ได้ค่ะพี่กับพ่อล่ะคะ”
“พี่ของเราน่ะเมื่อคืนกว่าจะกลับก็เกือบจะเช้าน่าจะตื่นเที่ยงนุ่นแหละ แล้วป่านล่ะลูกไปต่อกับเพื่อนได้ดื่มมาหรือเปล่า”
“เพื่อนคนอื่นดื่มค่ะแต่ป่านต้องขับรถก็เลยไม่ดื่ม”
“ดีแล้วล่ะลูกเป็นผู้หญิงถ้าดื่มแบบนั้นมันอันตราย เกิดเจอคนคิดไม่ดีแอบใส่ยาในแก้วของเราขึ้นมามันจะยุ่งเอา” คำพูดของมารดาแทงใจดำของหญิงสาวยังจังจนเธอต้องรีบออกไปจากตรงนี้
“แม่คะป่านขอตัวไปอาบน้ำก่อนได้ไหมเดี๋ยวจะรีบออกมากินข้าว”
“ได้จ้ะลูก”
หลังจากทานอาหารเช้าแล้วปราญติญาก็ตามบิดาเข้าไปในสวนจนกระทั่งสิบโมงเช้าก็กลับออกมาอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับไปทำงานที่กรุงเทพ
“แม่นึกว่าป่านจะอยู่บ้านหลายวันเสียอีกอีก”
“ป่านลางานมาพร้อมบุ๋มค่ะแม่ เลยลาพร้อมกันหลายวันไม่ได้เอาไว้ป่านจะหาเวลามาอยู่กับแม่นั้นนานๆ นะคะ”
“ได้จ้ะ ป่านเหนื่อยไหมลูก”
“ไม่เหนื่อยค่ะ”
“แม่รู้ว่าหนูเป็นคนขยันรับขึ้นเวรให้คนอื่นอยู่บ่อยๆ แต่อะไรที่มันหนักและเหนื่อยเกินไปก็เพลาๆ ลงบ้างนะลูก บ้านเราไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินเลยถึงหนูไม่ทำงานพ่อกับแม่ก็มีเงินเลี้ยงหนูได้”
“ป่านรู้ค่ะแม่”
“แม่ว่าถ้าเหนื่อยหรือเบื่อก็ลาออกแล้วกลับมาช่วยพ่อทำสวนก็ได้ ไม่ต้องเข้าสวนทุกวันแต่ค่อยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายดูแลเรื่องคนงานก็ได้”
“แม่คะป่านยังทำงานไม่ถึงสองปีเลยค่ะ ป่านยังสนุกกับงานอยู่เลย ไม่เบื่อง่ายๆ หรอกค่ะ”
“แม่ก็พูดเผื่อไว้น่ะลูก ถ้ามีเวลาว่างหนูก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างนะหาความสุขให้ตัวเองอย่าเอาแต่ทำงานจนชีวิตไม่มีความสุขล่ะ แม่เคยเป็นเหมือนป่านมาก่อนและก็รู้สึกเสียดายมากๆ ที่ช่วงชีวิตนั้นเอาแต่ทำงานจนไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย”
“ค่ะแม่ป่านจะหาเวลาเที่ยวและหาความสุขตัวเอง ป่านไปก่อนนะคะฝากลาพี่ป้องด้วย”
“ขับรถดีๆ นะลูกแล้วต้องแวะไปรับบุ๋มที่บ้านหรือเปล่า ถ้าง่วงก็ผัดกันขับรถ”
“ป่านขับเองดีกว่าค่ะแม่ บุ๋มขับรถไม่ค่อยเก่งค่ะ”
“ถ้ายังงั้นก็ตามใจจ้ะ ถึงแล้วโทรมาบอกแม่ด้วยนะ”
“ค่ะแม่ป่านรักนะคะ”หญิงสาวยิ้มให้กับมารดาก่อนจะเดินเข้ามากอดและหอมแก้มอีกสองข้างแล้วขับรถออกไปจากบ้าน
แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาจากรอยแยกของม่านหน้าต่างทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่น หญิงสาวรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวจนแทบขยับร่างกายไม่ไหวเธอลืมตาขึ้นมองและตกใจเมื่อบรรยากาศในห้องนั้นไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เมื่อทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนแล้วก็ต้องรีบลุกจากเตียงและมองหาชุดของตัวเองหญิงสาวคว้าผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนโซฟาปลายเตียงมาพันรอบกายเปลือยเปล่าก่อนจะเดินออกมานอกห้องอย่างเงียบที่สุด เธอจำได้ว่าครั้งแรกของเธอและเขาเกิดขึ้นบนโซฟาในห้องรับแขกเมื่อเจอชุดชั้นในของตนเองที่ตกอยู่กลางห้องก็รีบหยิบขึ้นมาสวมแต่สายเดี่ยวที่เธอใส่มาเมื่อคืนนั้นถูกเขาดึงจนขาดไปแล้ว เธอจึงหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตกอยู่บนพื้นมาสวมแทนและนับว่าโชคดีอยู่บ้างที่กางเกงขาสั้นของเธอยังอยู่ในสภาพที่พอจะสวมได้หญิงสาวรีบแต่งตัวและคว้ากระเป๋าสะพายของตนที่ตกที่ทำตกไว้เธอก้มลงเก็บและจังหวะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาก็มองเห็นกรอบรูปอันหนึ่งที่รูปค่อนข้างคุ้นตาเมื่อขยับเข้ามาใกล้และหยิบขึ้นมาดูหญิงสาวต้องตกใจจนหน้าซีดเพราะมันคือรูปถ่ายรูปเดียวกับรูปที่เธอมีอยู่ รูปถ่ายก่อนจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกของเธอและเพื่อนๆ นั่นก็เท่าก
ภาณุวิชญ์รู้สึกตัวตื่นในตอนสายชายหนุ่มพลิกตัวมาอีกด้านเพื่อจะกอดหญิงสาวที่เขาพากลับมาเมื่อคืนแต่บนเตียงก็ว่างเปล่า เขาไม่คิดว่าเธอจะตื่นตั้งแต่เช้าชายหนุ่มรีบออกมาจากห้องนอนเพื่อมองหาผู้หญิงคนนั้นแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอทิ้งไว้เพียงเสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กที่ขาดไว้บนโซฟา“เธอเป็นใครกันนะ”เขาบ่นกับตนเองจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อจะถามว่าผู้หญิงที่เขาพามาเมื่อคืนนั้นเธอเป็นใครชื่ออะไรเพราะคิดว่าหญิงสาวคือคนที่เพื่อนของเขาเรียกมาให้บริการ“มีอะไรวะณุโทรมาแต่เช้า”“เช้าที่ไหนนี่มันเกือบจะเที่ยงแล้วนะไอ้โชค”“ก็นี่มันวันเสาร์ใครเขาตื่นเช้ากันล่ะ ว่าแต่มึงมีอะไรเมื่อคืนก็หนีกลับก่อนแล้วยังจะโทรปลุกกูอีก”“กูอยากถามว่าเด็กเมื่อคืนมึงหามาจากไหนวะ”“เด็กไหนวะ”“ก็เด็กที่กูพามาด้วยไงมึงให้ยาเธอไปด้วยใช่ไหม”“ไม่นะเด็กที่กูดิวให้มึงมาไม่ได้กูกำลังจะเดินไปบอกที่ก็เห็นมึงหิ้วผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นรถไปแล้ว”“ฉิบหายล่ะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครวะ”“กูจะไปรู้กับมึงเหรอ มึงไม่รู้จักหรอกเหรอ”“ไม่เลยกูก็นึกว่าเป็นผู้หญิงที่มึงหาให้”“เฮ้ย!...มึงดูดีๆ นะข้าวของอะไรในห้องหายไปบ้างหรือเปล่า”เมื่อเพื่อนพูดแบ
วันจันทร์ที่แสนวุ่นวายภาณุวิชญ์เข้ามารับงานจากบริษัทจากนั้นก็ออกไปดูไซต์งานก่อสร้างซึ่งตอนนี้โครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรคืบหน้าไปมากแล้วเกือบ 60% ชายหนุ่มเป็นวิศวกรอยู่ในบริษัทของพี่ชาย ซึ่งเขามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมต่างๆ ส่วนพี่ชายและพี่สาวก็ทำหน้าที่บริหารอยู่ในบริษัทนานๆ ครั้งเขาถึงจะเข้ามาประชุมที่บริษัทเพราะส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ตามไซต์งานมากกว่าวันนี้มีไซต์งานที่เขาต้องไปดูทั้งสามที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ท้าทายที่จะต้องขับรถไปนั่นมานี่มันทำให้เขาไม่เบื่อเลยที่จะออกไปเจอผู้ คนการได้คุยกับโฟร์แมนการได้คุยกับคนงานก่อสร้างมันเป็นความสนุกอีกอย่างหนึ่งที่ได้เรียนรู้ชีวิตของเพื่อนร่วมงานหลังจากคุยกับโฟร์แมนคุมงานก่อสร้างแล้วภาณุวิชญ์ก็ขอตัวกลับแต่เมื่อเดินมาถึงรถก็มันขึ้นได้ว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกกับหัวหน้าคนงานชายหนุ่มจะกลับเข้าไปงานอีกครั้งเพราะคิดว่าจะคุยไม่นานภาณุวิชญ์จึงไม่ได้สวมหมวกนิรภัยและมันเป็นจังหวะที่เศษไม้ชิ้นหนึ่งร่วงลงมาทำให้กระแทกกับศีรษะของเขาอย่างจัง“โอ๊ย....” เขากุมศีรษะแน่นและรู้สึกถึงของเหลวเหนียวๆที่ไหล
เมื่ออธิบายทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟังแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องฉุกเฉินปราญติญารู้สึกใจเต้นแรงมากๆ ที่อยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้น้ำเสียงและใบหน้าของเขามันค่อนข้างคุ้นตา เธอคิดว่าเขาน่าจะใช่ผู้ชายที่ตนเองนอนด้วยเมื่อคืนก่อนแต่ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่เมื่อหญิงสาวมาเปิดดูประวัติของเขาในคอมพิวเตอร์แล้วมันไม่ใช่ชื่อหรือนามสกุลของเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอเลย ที่หญิงสาวรู้ก็เพราะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มส่งใบรายชื่อที่เคยถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาปีที่หกเข้ามาในไลน์กลุ่มซึ่งในนั้นมันไม่มีชื่อของผู้ชายคนเมื่อกี้อยู่ด้วย บางทีเขาก็แค่คนหน้าคล้ายก็ได้“ป่านเป็นอะไรหรือเปล่า” หัวหน้าพยาบาลถามเมื่อเห็นหญิงยืนมองไปนอกห้องฉุกเฉินอยู่นาน“เปล่าค่ะพี่บี”“ดูท่าทางเหมือนป่านไม่สบายนะมานั่งพักก่อนไหม”“ป่านก็แค่มึนนิดหน่อยค่ะพี่บี พอดีผู้ชายคนเมื่อกี้ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงไปหน่อย” หญิงสาวแก้ตัวก่อนจะกลับมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์และทำงานของตัวเองต่อเวรบ่ายวันนี้ผู้ป่วยมาใช้บริการไม่มากเท่าไหร่ทำให้เธอมีเวลาเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มเพื่อนสมัยชั้นมัธยมปลายซึ่งตอนนี้เพื่อนๆ คุยกันถึงงานเลี้ยงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้า
เมื่อขึ้นมาบนห้องปราญติญาก็รีบแปรงฟันและบ้วนปากอยู่หลายรอบหญิงสาวไม่คิดเลยว่ารัฐภูมิจะกล้าทำแบบนั้นกับเธอในลานจอดรถจูบของเขามันไม่ได้อ่อนหวานเร่าร้อนหรือประทับใจตรงไหนเลยสักนิด มันมีแต่ความรู้สึกเกลียดขยะแขยงยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโกรธยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นรู้สึกผิดที่ไม่ฟังคำเตือนของพรชนกที่บอกว่าผู้ชายคนนี้ดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจแต่หญิงสาวก็บอกเพื่อนไปว่าเขาเป็นคนคุยเก่งร่าเริงก็เลยดูเหมือนจะเจ้าชู้ ตอนนั้นเธอเถียงพรชนกและเข้าข้างรัฐภูมิแต่พอมาวันนี้กลับรู้สึกได้เลยว่าถ้าหากเชื่อคำพูดของเพื่อนตั้งแต่แรกตนเองก็ไม่ต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ปราญติญาเอามือจับริมฝีปากของตนเองจากนั้นก็นึกถึงจูบของผู้ชายอีกคนหญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครชื่ออะไรแต่จูบของเขามันทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ จูบของเขาเร่าร้อนหนักหน่วงบางครั้งก็อ่อนหวานและมันยังติดอยู่ในความทรงจำของเธอแม้จะเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเพราะฤทธิ์ยาและแอลกอฮอล์ทำให้ตาพร่ามัวไปหมดอีกทั้งบริเวณหน้าห้องน้ำแสงก็ไม่สว่างมากเท่าไหร่ แต่เธอจำความรู้สึกทุกอย่างได้ดี กลิ่นกายของเขาน้ำหอมของเขามันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ห
และวันที่เป็นกังวลก็มาถึงวันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเก่าของปราญติญาจะจัดเลี้ยงซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหกโมงเย็นแต่เธอและพรชนกก็เดินทางกลับมาบ้านตั้งแต่เช้าปราญติญาแวะส่งพรชนกที่บ้านและนัดเจอกันในเวลา 17:45 น. เพราะบ้านของพวกเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเมื่อส่งเพื่อนเสร็จแล้วหญิงสาวก็ขับรถกลับไปที่บ้านของตนเอง“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดาที่นั่งรอเธออยู่ที่ระเบียงบ้าน“สวัสดีจ้ะลูก กินข้าวมาหรือยัง”“ป่านกินข้าวมาแล้วค่ะแม่ วันนี้แปลกจังที่พ่อไม่เข้าสวน”“ก็พ่อรอเจอป่านก่อนไงล่ะ ขับรถมาเหนื่อยไหม”“ไม่เลยค่ะ พ่อกับแม่สบายดีมั้ยคะ”“สบายดีจ้ะ แต่แม่ว่าป่านผอมลงหรือเปล่าลูกยังจะลดความอ้วนอีกเหรอ”“เปล่านะคะแม่ป่านก็น้ำหนักเท่าเดิมเลย”“แม่คงติดภาพตอนที่ป่านเรียนม.ปลายมากไปหน่อย พอเห็นป่านผอมแม่ก็ไม่ค่อยชินตา”“พ่อก็ว่าตอนนี้ลูกสาวของพ่อสวยกว่าตอนเรียนมากไม่รู้ว่าตอนนี้มีหนุ่มมาจีบบ้างหรือเปล่า” คุณอาคมถามเพื่อหยั่งเชิงเพราะถ้าหากปราญติญายังไม่มีแฟนเขาจะติดต่อลูกชายของเพื่อนให้กับลูกสาว“ป่านมีแฟนแล้วค่ะและก็เพิ่งจะเลิกกันได้ไม่กี่วันพ่ออย่าพยายามหาใครมาแนะนำให้ป่านรู้จ
“คผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใครนะ” เขตแดนถามศุภโชคเมื่อเห็นปราญติญาและพรชนกเดินเข้ามาในงาน“คนพี่ใส่กระโปรงน่าจะชื่อบุ๋มนะเป็นเพื่อนในห้องเรานั่นแหละมึงจำไม่ได้เหรอวะเขต แต่อีกคนหนึ่งกูไม่แน่ใจน่าจะเป็นเพื่อนห้องอื่นล่ะมั้ง ถามทำไมวะหรือมึงสนใจ”“ก็ทั้งสวยทั้งหุ่นดีแบบนี้มันก็น่าสนใจ เดี๋ยวกูว่าจะเข้าไปทักทายเขาสักหน่อยมึงว่าดีไหมล่ะ”“มึงเข้าไปทักทายได้แต่ห้ามยุ่ง” ภาณุวิชญ์รีบบอก“ทำไมวะมึงชอบเหรอ”“เปล่าแต่กูก็แค่รู้จัก”“คำว่ารู้จักของมึงถึงขั้นไหนล่ะ”“ก็รู้จักประมาณหนึ่งรู้ว่าเขาทำงานที่ไหน”“เพื่อนห้องเราเหรอทำไมกูไม่คุ้นหน้าเลยว่ะ”ขณะที่เขตแดนกับภาณุวิชญ์กำลังคุยกันอยู่ศุภโชคก็เดินออกจากโต๊ะเพื่อไปทักทายเพื่อนผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้วชายหนุ่มทักทายเพื่อนทุกคนยกเว้นก็แต่ปราญติญาเพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเธอคือเพื่อนร่วมห้องเรียนของตนเองหรือเปล่า“ทำไมทักทายเพื่อนไม่ครบล่ะโชค” กวางเพื่อนร่วมชั้นเรียนถามขึ้นเพราะมั่นใจว่าที่ศุภโชคไม่ทักทายปราญติญาเพราะเขาน่าจะจำไม่ได้“นั่นสิหรือที่ไม่ทักเพราะจำเพื่อนไม่ได้” พรชนกได้ทีก็พูดต่อ“คนนี้ใช่เพื่อนห้องเราเหรอบุ๋ม ทำไมผมจำไม่ได้เลยล่ะ”“ลองมองดีๆ
แล้วเพื่อนทั้งกลุ่มก็ตกลงไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในตัวเมืองปราญติญานั่งมองเพื่อนที่ดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนานกันแต่เธอไม่คิดจะดื่มเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นเพราะหญิงสาวต้องเป็นคนขับรถกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณเกือบ 20 กิโลเมตร"จะไม่ดื่มอะไรหน่อยเหรอป่าน” ภาณุวิชญ์ถือโอกาสที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานเข้ามานั่งใกล้กับปราญติญา“ไม่ล่ะ ป่านต้องขับรถแล้วณุล่ะ”“ผมก็เหมือนกัน ป่านรู้สึกไหมว่าบรรยากาศแบบนี้มันคุ้นๆ”ชายหนุ่มขยับมาใกล้และเมื่อได้กลิ่นกายของหญิงสาวอีกทั้งบรรยากาศในร้านมันคล้ายกับเธอคนนั้นมากก็ทำให้เขามั่นใจทันทีว่าเธอคือผู้หญิงที่เขานอนด้วยในคืนนั้น“ป่านไม่คุ้นนะเพราะปกติป่านไม่ค่อยเที่ยวเท่าไหร่”“ผมว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันนะ ออกไปคุยกันหน่อยดีไหม”“คุยตรงนี้ก็ได้นะ”“แต่ตรงนี้มันเสียงดังและผมกลัวว่าถ้าคนอื่นมาได้ยินเรื่องที่ผมจะคุยกับป่านมันจะทำให้ป่านเสียหายได้นะ”“มีเรื่องอะไรที่ต้องสองคนจะต้องคุยกันด้วยเหรอ”“แน่ใจนะว่าจะให้ผมพูดเรื่องคืนนั้นตรงนี้”“เรื่องคืนนั้นคือเรื่องอะไร” ปราญติญาเริ่มเป็นกังวลว่าเขาจะใช่ผู้ชายคนนั้น“ตามผมออกมาสิ” ภาณุวิชญ์เดินนำหญิง
“หายไปนานเลยนะป่านมีอะไรหรือเปล่า” พรชนกรีบเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าปราญติญาหายออกไปกับภาณุวิชญ์ค่อนข้างนานจนเธอคิดว่าจะออกไปตาม“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะบุ๋ม”“แน่นะ ณุเขาไม่ได้ทำอะไรป่านใช่ไหม”“อือ เขาก็แค่ถามเรื่องแผลที่หัวเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” ปราญติญาไม่อยากจะโกหกพรชนกเลยแต่เรื่องระหว่างเธอกับภาณุวิชญ์นั้นไม่สามารถบอกใครได้แม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตามเสียงเพลงในผับที่ค่อนข้างดังและแสงไฟสลัวๆ ทำให้พรชนกไม่เห็นว่าปราญติญานั้นนั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้งและสีหน้าของเธอก็เครียดกว่าปกติเพื่อนทุกคนสนุกสนานกันจนถึงเวลาผับปิดก็แยกย้ายกลับ“ผมไปส่งไหมป่าน” ภาณุวิชญ์เดินตามหญิงสาวมาที่รถ“ไม่เป็นไรหรอก นี่มันดึกมากแล้วรีบแยกย้ายกันเถอะ”“ขับรถดีๆ นะป่าน อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันล่ะ” ภาณุวิชญ์บอกกับหญิงสาวก่อนจะเดินมาที่รถของตนเองซึ่งตอนนี้ศุภโชคและเขตแดนเข้าไปนอนรอในรถแล้วชายหนุ่มขับรถไปส่งเพื่อนทั้งสองคนที่บ้านส่วนตัวเขาเองก็กลับมาเช่าโรงแรมนอนเพราะบ้านเดิมของเขาไม่มีคนอยู่เนื่องจากครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพมานานหลายปีแล้วคืนนี้ภาณุวิชญ์ดื่มไปไม่กี่แก้วเพราะรู้ว่าตนเองจะต้องเป็นคนขับรถไปส
ความทรงจำในคืนนั้นมันกลับเข้าในความคิดของปราญติญาอีกครั้งผับ XXX เมื่อสองสัปดาห์ก่อน“คุณค่ะ ช่วยฉันด้วย” ปราญติญาคว้าแขนผู้ชายคนหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องน้ำชาย“จะให้ผมช่วยอะไรครับ” ชายหนุ่มหันมาถาม“ช่วยพาฉันออกไปจากตรงนี้ เรียกแท็กซี่ให้ฉันก็ได้”“คุณเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า”“ฉันรู้แค่ว่าฉันรู้สึกแปลกๆ นะคะพาฉันออกไปจากตรงนี้”ชายหนุ่มคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงที่เพื่อนติดต่อมาให้เขาจึงไม่รีรอที่จะพาเธอเดินออกไปที่รถ“ขึ้นรถมาเถอะ” เขาเปิดประตูให้หญิงสาวเข้าไปนั่งในและรับขับออกไปยังคอนโดมิเนียมของตนเอง“คุณช่วยฉันด้วย ฉันร้อนฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้”“ก่อนหน้านี้คุณกินอะไรมาหรือเปล่าอาการคุณเหมือนคนโดนยาเลย”“ฉันไม่รู้แต่ฉันดื่มเครื่องที่เขาสั่งให้ ฉันร้อน ร้อนมากๆ”หญิงสาวพูดแล้วพยายามจะดึงเสื้อของตัวเองออกทำให้เขาต้องรีบขับรถให้เร็วขึ้นภาณุวิชญ์ก็ไม่นึกมาก่อนว่าเพื่อนตนเองจะเล่นพิเรนทร์เอายาปลุกเซ็กซ์กับผู้หญิงที่ติดต่อมาให้เขาจอดรถและพาเธอมายังลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ปิดชายหนุ่มก็คว้าเธอเข้ามากอดจูบลงไปยังเร่าร้อนหญิงสาวตอบรับจูบของเขาอย่างไม่ประสาเท่าไร่ เมื่อเรียวลิ้นสอดเข้าไปกระห
แล้วเพื่อนทั้งกลุ่มก็ตกลงไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในตัวเมืองปราญติญานั่งมองเพื่อนที่ดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนานกันแต่เธอไม่คิดจะดื่มเครื่องดื่มอะไรทั้งนั้นเพราะหญิงสาวต้องเป็นคนขับรถกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณเกือบ 20 กิโลเมตร"จะไม่ดื่มอะไรหน่อยเหรอป่าน” ภาณุวิชญ์ถือโอกาสที่เพื่อนๆ กำลังสนุกสนานเข้ามานั่งใกล้กับปราญติญา“ไม่ล่ะ ป่านต้องขับรถแล้วณุล่ะ”“ผมก็เหมือนกัน ป่านรู้สึกไหมว่าบรรยากาศแบบนี้มันคุ้นๆ”ชายหนุ่มขยับมาใกล้และเมื่อได้กลิ่นกายของหญิงสาวอีกทั้งบรรยากาศในร้านมันคล้ายกับเธอคนนั้นมากก็ทำให้เขามั่นใจทันทีว่าเธอคือผู้หญิงที่เขานอนด้วยในคืนนั้น“ป่านไม่คุ้นนะเพราะปกติป่านไม่ค่อยเที่ยวเท่าไหร่”“ผมว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันนะ ออกไปคุยกันหน่อยดีไหม”“คุยตรงนี้ก็ได้นะ”“แต่ตรงนี้มันเสียงดังและผมกลัวว่าถ้าคนอื่นมาได้ยินเรื่องที่ผมจะคุยกับป่านมันจะทำให้ป่านเสียหายได้นะ”“มีเรื่องอะไรที่ต้องสองคนจะต้องคุยกันด้วยเหรอ”“แน่ใจนะว่าจะให้ผมพูดเรื่องคืนนั้นตรงนี้”“เรื่องคืนนั้นคือเรื่องอะไร” ปราญติญาเริ่มเป็นกังวลว่าเขาจะใช่ผู้ชายคนนั้น“ตามผมออกมาสิ” ภาณุวิชญ์เดินนำหญิง
“คผู้หญิงสองคนนั้นเป็นใครนะ” เขตแดนถามศุภโชคเมื่อเห็นปราญติญาและพรชนกเดินเข้ามาในงาน“คนพี่ใส่กระโปรงน่าจะชื่อบุ๋มนะเป็นเพื่อนในห้องเรานั่นแหละมึงจำไม่ได้เหรอวะเขต แต่อีกคนหนึ่งกูไม่แน่ใจน่าจะเป็นเพื่อนห้องอื่นล่ะมั้ง ถามทำไมวะหรือมึงสนใจ”“ก็ทั้งสวยทั้งหุ่นดีแบบนี้มันก็น่าสนใจ เดี๋ยวกูว่าจะเข้าไปทักทายเขาสักหน่อยมึงว่าดีไหมล่ะ”“มึงเข้าไปทักทายได้แต่ห้ามยุ่ง” ภาณุวิชญ์รีบบอก“ทำไมวะมึงชอบเหรอ”“เปล่าแต่กูก็แค่รู้จัก”“คำว่ารู้จักของมึงถึงขั้นไหนล่ะ”“ก็รู้จักประมาณหนึ่งรู้ว่าเขาทำงานที่ไหน”“เพื่อนห้องเราเหรอทำไมกูไม่คุ้นหน้าเลยว่ะ”ขณะที่เขตแดนกับภาณุวิชญ์กำลังคุยกันอยู่ศุภโชคก็เดินออกจากโต๊ะเพื่อไปทักทายเพื่อนผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้วชายหนุ่มทักทายเพื่อนทุกคนยกเว้นก็แต่ปราญติญาเพราะเขาจำไม่ได้จริงๆ ว่าเธอคือเพื่อนร่วมห้องเรียนของตนเองหรือเปล่า“ทำไมทักทายเพื่อนไม่ครบล่ะโชค” กวางเพื่อนร่วมชั้นเรียนถามขึ้นเพราะมั่นใจว่าที่ศุภโชคไม่ทักทายปราญติญาเพราะเขาน่าจะจำไม่ได้“นั่นสิหรือที่ไม่ทักเพราะจำเพื่อนไม่ได้” พรชนกได้ทีก็พูดต่อ“คนนี้ใช่เพื่อนห้องเราเหรอบุ๋ม ทำไมผมจำไม่ได้เลยล่ะ”“ลองมองดีๆ
และวันที่เป็นกังวลก็มาถึงวันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเก่าของปราญติญาจะจัดเลี้ยงซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหกโมงเย็นแต่เธอและพรชนกก็เดินทางกลับมาบ้านตั้งแต่เช้าปราญติญาแวะส่งพรชนกที่บ้านและนัดเจอกันในเวลา 17:45 น. เพราะบ้านของพวกเธอนั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเมื่อส่งเพื่อนเสร็จแล้วหญิงสาวก็ขับรถกลับไปที่บ้านของตนเอง“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดาที่นั่งรอเธออยู่ที่ระเบียงบ้าน“สวัสดีจ้ะลูก กินข้าวมาหรือยัง”“ป่านกินข้าวมาแล้วค่ะแม่ วันนี้แปลกจังที่พ่อไม่เข้าสวน”“ก็พ่อรอเจอป่านก่อนไงล่ะ ขับรถมาเหนื่อยไหม”“ไม่เลยค่ะ พ่อกับแม่สบายดีมั้ยคะ”“สบายดีจ้ะ แต่แม่ว่าป่านผอมลงหรือเปล่าลูกยังจะลดความอ้วนอีกเหรอ”“เปล่านะคะแม่ป่านก็น้ำหนักเท่าเดิมเลย”“แม่คงติดภาพตอนที่ป่านเรียนม.ปลายมากไปหน่อย พอเห็นป่านผอมแม่ก็ไม่ค่อยชินตา”“พ่อก็ว่าตอนนี้ลูกสาวของพ่อสวยกว่าตอนเรียนมากไม่รู้ว่าตอนนี้มีหนุ่มมาจีบบ้างหรือเปล่า” คุณอาคมถามเพื่อหยั่งเชิงเพราะถ้าหากปราญติญายังไม่มีแฟนเขาจะติดต่อลูกชายของเพื่อนให้กับลูกสาว“ป่านมีแฟนแล้วค่ะและก็เพิ่งจะเลิกกันได้ไม่กี่วันพ่ออย่าพยายามหาใครมาแนะนำให้ป่านรู้จ
เมื่อขึ้นมาบนห้องปราญติญาก็รีบแปรงฟันและบ้วนปากอยู่หลายรอบหญิงสาวไม่คิดเลยว่ารัฐภูมิจะกล้าทำแบบนั้นกับเธอในลานจอดรถจูบของเขามันไม่ได้อ่อนหวานเร่าร้อนหรือประทับใจตรงไหนเลยสักนิด มันมีแต่ความรู้สึกเกลียดขยะแขยงยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโกรธยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นรู้สึกผิดที่ไม่ฟังคำเตือนของพรชนกที่บอกว่าผู้ชายคนนี้ดูท่าทางไม่ค่อยน่าไว้ใจแต่หญิงสาวก็บอกเพื่อนไปว่าเขาเป็นคนคุยเก่งร่าเริงก็เลยดูเหมือนจะเจ้าชู้ ตอนนั้นเธอเถียงพรชนกและเข้าข้างรัฐภูมิแต่พอมาวันนี้กลับรู้สึกได้เลยว่าถ้าหากเชื่อคำพูดของเพื่อนตั้งแต่แรกตนเองก็ไม่ต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ปราญติญาเอามือจับริมฝีปากของตนเองจากนั้นก็นึกถึงจูบของผู้ชายอีกคนหญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครชื่ออะไรแต่จูบของเขามันทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ จูบของเขาเร่าร้อนหนักหน่วงบางครั้งก็อ่อนหวานและมันยังติดอยู่ในความทรงจำของเธอแม้จะเห็นใบหน้าเขาไม่ชัดเพราะฤทธิ์ยาและแอลกอฮอล์ทำให้ตาพร่ามัวไปหมดอีกทั้งบริเวณหน้าห้องน้ำแสงก็ไม่สว่างมากเท่าไหร่ แต่เธอจำความรู้สึกทุกอย่างได้ดี กลิ่นกายของเขาน้ำหอมของเขามันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด ห
เมื่ออธิบายทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟังแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องฉุกเฉินปราญติญารู้สึกใจเต้นแรงมากๆ ที่อยู่ใกล้กับผู้ชายคนนี้น้ำเสียงและใบหน้าของเขามันค่อนข้างคุ้นตา เธอคิดว่าเขาน่าจะใช่ผู้ชายที่ตนเองนอนด้วยเมื่อคืนก่อนแต่ก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่เมื่อหญิงสาวมาเปิดดูประวัติของเขาในคอมพิวเตอร์แล้วมันไม่ใช่ชื่อหรือนามสกุลของเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอเลย ที่หญิงสาวรู้ก็เพราะตอนนี้เพื่อนในกลุ่มส่งใบรายชื่อที่เคยถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาปีที่หกเข้ามาในไลน์กลุ่มซึ่งในนั้นมันไม่มีชื่อของผู้ชายคนเมื่อกี้อยู่ด้วย บางทีเขาก็แค่คนหน้าคล้ายก็ได้“ป่านเป็นอะไรหรือเปล่า” หัวหน้าพยาบาลถามเมื่อเห็นหญิงยืนมองไปนอกห้องฉุกเฉินอยู่นาน“เปล่าค่ะพี่บี”“ดูท่าทางเหมือนป่านไม่สบายนะมานั่งพักก่อนไหม”“ป่านก็แค่มึนนิดหน่อยค่ะพี่บี พอดีผู้ชายคนเมื่อกี้ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงไปหน่อย” หญิงสาวแก้ตัวก่อนจะกลับมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์และทำงานของตัวเองต่อเวรบ่ายวันนี้ผู้ป่วยมาใช้บริการไม่มากเท่าไหร่ทำให้เธอมีเวลาเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มเพื่อนสมัยชั้นมัธยมปลายซึ่งตอนนี้เพื่อนๆ คุยกันถึงงานเลี้ยงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้า
วันจันทร์ที่แสนวุ่นวายภาณุวิชญ์เข้ามารับงานจากบริษัทจากนั้นก็ออกไปดูไซต์งานก่อสร้างซึ่งตอนนี้โครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรคืบหน้าไปมากแล้วเกือบ 60% ชายหนุ่มเป็นวิศวกรอยู่ในบริษัทของพี่ชาย ซึ่งเขามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลโครงการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมต่างๆ ส่วนพี่ชายและพี่สาวก็ทำหน้าที่บริหารอยู่ในบริษัทนานๆ ครั้งเขาถึงจะเข้ามาประชุมที่บริษัทเพราะส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ตามไซต์งานมากกว่าวันนี้มีไซต์งานที่เขาต้องไปดูทั้งสามที่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ท้าทายที่จะต้องขับรถไปนั่นมานี่มันทำให้เขาไม่เบื่อเลยที่จะออกไปเจอผู้ คนการได้คุยกับโฟร์แมนการได้คุยกับคนงานก่อสร้างมันเป็นความสนุกอีกอย่างหนึ่งที่ได้เรียนรู้ชีวิตของเพื่อนร่วมงานหลังจากคุยกับโฟร์แมนคุมงานก่อสร้างแล้วภาณุวิชญ์ก็ขอตัวกลับแต่เมื่อเดินมาถึงรถก็มันขึ้นได้ว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกกับหัวหน้าคนงานชายหนุ่มจะกลับเข้าไปงานอีกครั้งเพราะคิดว่าจะคุยไม่นานภาณุวิชญ์จึงไม่ได้สวมหมวกนิรภัยและมันเป็นจังหวะที่เศษไม้ชิ้นหนึ่งร่วงลงมาทำให้กระแทกกับศีรษะของเขาอย่างจัง“โอ๊ย....” เขากุมศีรษะแน่นและรู้สึกถึงของเหลวเหนียวๆที่ไหล
ภาณุวิชญ์รู้สึกตัวตื่นในตอนสายชายหนุ่มพลิกตัวมาอีกด้านเพื่อจะกอดหญิงสาวที่เขาพากลับมาเมื่อคืนแต่บนเตียงก็ว่างเปล่า เขาไม่คิดว่าเธอจะตื่นตั้งแต่เช้าชายหนุ่มรีบออกมาจากห้องนอนเพื่อมองหาผู้หญิงคนนั้นแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอทิ้งไว้เพียงเสื้อสายเดี่ยวตัวเล็กที่ขาดไว้บนโซฟา“เธอเป็นใครกันนะ”เขาบ่นกับตนเองจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อจะถามว่าผู้หญิงที่เขาพามาเมื่อคืนนั้นเธอเป็นใครชื่ออะไรเพราะคิดว่าหญิงสาวคือคนที่เพื่อนของเขาเรียกมาให้บริการ“มีอะไรวะณุโทรมาแต่เช้า”“เช้าที่ไหนนี่มันเกือบจะเที่ยงแล้วนะไอ้โชค”“ก็นี่มันวันเสาร์ใครเขาตื่นเช้ากันล่ะ ว่าแต่มึงมีอะไรเมื่อคืนก็หนีกลับก่อนแล้วยังจะโทรปลุกกูอีก”“กูอยากถามว่าเด็กเมื่อคืนมึงหามาจากไหนวะ”“เด็กไหนวะ”“ก็เด็กที่กูพามาด้วยไงมึงให้ยาเธอไปด้วยใช่ไหม”“ไม่นะเด็กที่กูดิวให้มึงมาไม่ได้กูกำลังจะเดินไปบอกที่ก็เห็นมึงหิ้วผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นรถไปแล้ว”“ฉิบหายล่ะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครวะ”“กูจะไปรู้กับมึงเหรอ มึงไม่รู้จักหรอกเหรอ”“ไม่เลยกูก็นึกว่าเป็นผู้หญิงที่มึงหาให้”“เฮ้ย!...มึงดูดีๆ นะข้าวของอะไรในห้องหายไปบ้างหรือเปล่า”เมื่อเพื่อนพูดแบ