แต่ภูตะวันที่โกรธอยู่ก็ไม่ยอมอยู่นิ่งเฉยเหมือนกัน ในเมื่อเขาห้ามไม่ให้เธอพูด เล็กเรียวก็เลยกลายเป็นกำปั้นระดมทุบลงไปบนแผ่นหลังกว้างเต็มแรง เท้าก็พยายามกระทุ้งไปบนอกกว้างใหญ่อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกันเกเบรียลขบกัดฟันกรอดๆ เขารีบพาภูตะวันไปโรงเก็บเรือ จับหญิงสาวมัดและใส่ใต้ท้องเรือไว้ แล้วก็รีบเอาเรือออกก่อนที่คืนอื่นๆ จะมาเห็น เพราะเขาไม่อยากให้ใครได้รู้ว่าเขาจะพาหญิงสาวไปไหน แล้วที่เขาไม่พาหญิงสาวไปที่ห้องของเขา เพราะว่าตอนนี้มีหญิงสาวอีกคนครอบครองอยู่“พี่เฟดพาตรีมาห้องนี้ทำไม มีอะไรก็คุยกันข้างนอกก็ได้” ตรีประดับถามเสียงสั่นๆ ดวงตาก็จ้องมองไปที่เตียงนอนใหญ่ แล้วก็รีบพาเท้าเดินเลี่ยงออกมาแต่กลับถูกแขนใหญ่กักไว้เฟดเดอริโกตวัดเพียงแค่เล็กน้อย ร่างบอบบางก็ลอยไปตกอยู่บนเตียงนอน โดยมีร่างเขาก็ทาบทับอยู่ด้านบน สองมือเรียวที่ยกขึ้นจะดันให้ร่างใหญ่ออกห่างก็ถูกจับตรึงไว้เหนือศีรษะ“ปล่อยตรีนะพี่เฟด”“ทำไมฉันต้องปล่อยเธอด้วยละตรีประดับ คิดว่าฉันพาเธอมาถึงที่แล้ว จะไสหัวฉันไปไกลๆ เหรอสาวน้อย ไม่มีทาง เธอยังต้องผจญเวรผจญกรรมกับฉันไปอีกนาน ะไปได้ก็ต่อเมื่อฉันไม่ต้องการแล้วเท่านั้น”ตรีประดับกัดฟัน น
แม้จะรู้สึกแปลกๆ และใจหายกับคำพูดของตรีประดับ แต่ความร้อนรุ่มที่ทาบทับอยู่บนเรือนกาย ก็ให้เฟดเดอริโกหลงลืมมันไปเสียงสิ้น ในสมองมีเพียงแค่ร่างงามที่กำลังส่งมอบความสุขให้ศีรษะทุยผงกขึ้นรับริมฝีปากอวบอิ่มที่ประทับจุมพิตหวานๆ สองมือลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่ม และหยุดตรงสองบัวตูมเต่งตึง ที่เบ่งบานเมื่อยามถูกครอบครอง ปลายนิ้วไล้วนรอบปลายยอดถันสีเข้ม สองนิ้วเคล้าคลึง ลำคอแห้งผากอยากดื่มกินน้ำทิพย์รสหวาน แต่ตรีประดับกลับไถลเคลื่อนตัวลงไปตามแผงอกกว้างริมฝีปากเล็กแต่อวบอิ่มประทับจุมพิตไล่ตามแผงอกกว้าง เน้นหนักที่เม็ดสีน้ำตาลเข้มระหว่างสองอก ริมฝีปากและฟันขบเม้มดึงปล่อย ปลายลิ้นก็ไล้เลียแล้วตวัดเข้าปากรัวเร็ว แล้วก็ละวางประพรมจุมพิตลงไปด้านล่างกล้ามท้องแข็งแกร่งตอบรับจุมพิตร้อนผ่าว ปลายลิ้นจากคนร่างบางกระเซ้าเย้าแหย่ไปในช่องสะดือ สองมือก็บีบนวดกล้ามแข็งๆ แล้วค่อยดึงเอากางเกงตัวใหญ่ออกจากกายเฟดเดอริโก“พี่เฟดต้องการให้ตรีทำอย่างนี้ใช่ไหมคะ” หญิงสาวยังเงยหน้ามาถาม ก่อนมอบสัมผัสสวาทแผดร้อนให้กับเฟดเดอริโกที่ถึงกับดิ้นพล่านเพราะความทรมานด้วยพิศเพลิงเสน่หา“ตรีประดับ” เฟดเดอริโกร้องเรียกหญิงสาวเสียงแห
ดวงตาคมดุจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโต รอยยิ้มประทับบนใบหน้าคมคร้าม พร้อมกับริมฝีปากหนาประทับไปบนเนินดอกไม้บอบบางหวานฉ่ำ ลิ้นตวัดเกสรนุ่มเร็วรี่และถี่รัว“พี่เฟด...” ตรีประดับร้องครางเสียงหลง มือเรียวจิกทึ้งผ้าปูเตียง ใบหน้าส่ายไปมาระบายความกระสันเสียว น้ำเสียงหวานนุ่มเปล่งออกมาเป็นระลอก ท้องน้อยบิดเกร็ง สองขาสั่นระริก สมองหมุนคว้าง ตัวเบาเหมือนปุยนุ่นลอยละล่องไปในบรรยากาศที่ส้มอันอบอุ่นที่โอบล้อมเฟดเดอริโกบีบนวดฟอนเฟ้นไปทั่วเรือนกายนุ่ม กลืนกินน้ำหวานจากบ่อน้ำน้อยทุกหยาดหยด ริมฝีปากหนาขบเม้มกลับขึ้นไปตามเรือนกายบางอีกระลอก และหยุดพักบนดอกบัวตูมคู่งาม ประพรมจุมพิตจากฐานบัวไปจนถึงปลายยอดสีชมพูเข้มสด“ตรีประดับ...น่ารักและหวานที่สุดเลยคนดี” ปลายลิ้นยาวเกลี่ยเม็ดยอดบัวเบาๆ ก่อนจะ ฟันขาวขบเม้มปลายยอดทรวงสีชมพูเข้ม ลิ้นสากร้อนยื่นออกมาตวัดปลายยอดถันหวานนุ่มเข้าปากทำเอาคนที่เพิ่งไปพานพบเส้นขอบฟ้าเมื่อครู่ เสียวซ่านรัญจวนใจขึ้นมาอีกครั้ง สองมือเรียวยาวลากไล้ไปตามบ่ากว้างอย่างสะเปะสะปะ ตรีประดับจิกปลายนิ้วไปบนแผงอกกว้างและลากอย่างแรง เมื่อชายหนุ่มกลืนกินเชอร์รี่ผลหวานนุ่มรัวเร็วเฟดเดอริโก้ซบซุ
ความเจ็บปวดที่เธอได้รู้ว่าเขามีคนเคียงข้าง ผู้หญิงที่เหมาะสมและคู่ควร ที่สำคัญคือให้การช่วยเหลือด้านการงานของเขาได้เป็นอย่างดี ในขณะที่เธอให้สิ่งนั้นกับเขาไม่ได้เลย นอกจากจะเป็นตัวถ่วงความเจริญมันทำให้เธอยิ่งเจ็บปวดเกเบรียลปลดเปลื้องพันธนาการออกจากตัวภูตะวัน เขาจับต้นแขนเรียวและดึงหญิงสาวขึ้นมาจากเตียงภูตะวันพยายามเบี่ยงกายหนี พร้อมกับปลดมือใหญ่ออกจากต้นแขน แต่จะพยายามขัดขืนเพียงใด เธอก็สู้แรงชายหนุ่มไม่ได้อยู่ดี“ปล่อยตะวันนะคุณเกล”น้ำเสียงแหบพร่าและสั่นเครือยิ่งทำให้เกเบรียลความปวดร้าว ไหนจะดวงตากลมโตแฝงที่มีแต่ความเจ็บปวดที่มองมาอีกล่ะชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงรั้งร่างบางมากอดแนบอก มือหนึ่งลูบผมบนศีรษะไล่ลงมาจนถึงแผ่นหลังเนียนเรียบ“ปล่อยตะวันนะคะคุณเกล”ภูตะวันบอกเสียงแผ่วเบา หากความอบอุ่นโอบล้อมรอบเรือนกายอยู่ ช่วยปลุกปลอบทั้งร่างกายและหัวใจที่มันอ่อนล้าและหมดแรง ให้มีพลังที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ ที่ทำให้เธอต้องยอมแพ้หญิงสาวค่อยๆ ยกมือไปโอบกายแกร่ง วางศีรษะระหว่างคอและบางกว้าง ร่างกายและอ้อมกอดที่ให้ทั้งความอบอุ่นและความสุข ที่ซึ่งให้เธ
ก่อนที่เขาจะซอกซอนเสาะหาความหวาน...สำรวจความลึกล้ำตามธรรมชาติของกลีบกายเนียนนิ้งราวกับแพรไหม อันแสนจะอบอุ่นและฉ่ำชื้น เกเบรียลกดกวาดน้ำค้างฉ่ำหวานทุกหยาดหยดที่ไหลออกมา“รักตะวันนะคะคุณเกล รักตะวันนะคะ” ลมหายใจภูตะวันหอบพร่า สองขาเรียวยาวสั่นระริก ศีรษะทุยส่ายไปมาตามแรงสัมผัสของกายใหญ่ สองมือซอกซอนไปในเส้นผมสลวย จิกทึ้งกดย้ำให้ใบหน้าคมแนบชิดกลีบกายบอบบางนุ่มนวล“ได้ซิ ตะวันอยากได้อะไรบอกฉันนะคนดี” ลิ้นสากร้อนละจากเนินเนื้อฉ่ำหวาน ปล่อยให้กายบอบบางตกอยู่ในอุ้งมือใหญ่ ใบหน้าคมขบเม้มจุมพิตหน้าท้องแบนเรียบไร้ไขมันส่วนเกิน ลิ้นกระเซ้าเย้าแหย่สะดือเล็กริมฝีปากหนาขบเม้มขึ้นไปครอบครองทรวงอกอวบอิ่ม กลืนกินทับทิมผลหวานจากผลซ้ายย้ายไปผลขวา นิ้วยาวเรียวแหวกว่ายในสายธารอบอุ่นและร้อนผ่าวอย่างเป็นสุข ก่อนที่ปากหนาจะละจากทับทิมผลหวาน ย้อนกลับขึ้นไปมอบความหวานให้ปากนุ่ม“พร้อมนะตะวัน ไปกับฉันนะคนดี” กายแกร่งค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปในความอบอุ่นและฉ่ำร้อนอย่างเชื่องช้า เติมเต็มความสุขและอบอุ่นให้หญิงสาวในอ้อมแขน ขบเม้มริมฝีปากลงไปตามลำคอระหงจนเป็นรอยแดงช้ำ มือฟอนเฟ้นปทุมงามอวบอิ่ม สลับกับขยำนวดสะโพกหนั่นแน่น
โซเฟียน่าแอบมองภูตะวันตาวาว ด้วยความโกรธชังและเคียดแค้น โชคดีที่พอเธอกำลังจะเดินไปหาทั้งสองคนนั้น ก็ได้ยินเสียงแอนนาเรียกเกเบรียล จึงได้แอบยืนดูและฟังว่าทั้งสามคนกำลังจะคุยอะไรกัน แล้วหญิงสาวก็ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นร่างบอบบางของนังหัวขโมยเดินมาทางที่เธอยืนอยู่“ดูหน้าตายิ้มย่องผ่องใสเหมือนปลากระดี่ได้น้ำเลยนะภูตะวัน เป็นไงละของลักกินขโมยกินมันอร่อยมากใช่ไหม” โซเฟียน่าเล่นงานภูตะวันที่ยังยืนอึ้งๆ งงๆ อยู่เล็บแหลมยาวและคมจิกลงไปบนแขนเรียว ทำเอาภูตะวันสะดุ้งกำลังอ้าปากร้อง แต่กลับถูกอีกมือของโซเฟียน่าปิดปากไว้“เดินตามฉันมาเงียบๆ นะภูตะวัน ถ้าส่งเสียงแม้เพียงนิดเดียวเธอโดนตบแน่” โซเฟียน่าขู่เสียงเขียว จิกมือไปบนแขนเรียวและลากแรงๆ อีกครั้ง จนแขนเรียวขาวนั้นเป็นรอยแดงโซเฟียน่าพาภูตะวันเดินลิ่วๆ มาที่ห้องพักที่เกเบรียลจัดไว้ไห้ และผลักภูตะวันกระเด็นไปชนเอาขอบโต๊ะวางทีวี“คุณโซเฟียมีอะไรจะคุยกับตะวันหรือคะ”“ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือแม่ตัวดี ที่เธอหายไปกับคู่หมั้นฉันทั้งคืน เธอจะตอบฉันยังไง ไปยั่วพี่เกลอีท่าไหนเข้าละ เขาถึงได้พาไปกกกอดจนไม่คิดกลับบ้านกลับช่องนะ” โซเฟียน่าต่อว่ายาวเป็นพืดอย่างไม่
“มะ...ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้นะคะคุณโซเฟีย ตะวันยอมแล้ว ตะวันจะไปจากคุณเกลเอง” ภูตะวันบอกเสียงสั่นระริก ข่มเอาความเจ็บปวดที่มีซุกซ่อนไว้ในใจ ไม่ใช่ว่าเธอจะเจ็บเพียงแค่คนเดียว ผู้หญิงตรงหน้าก็เจ็บเหมือนกันเธอไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไรเลย ยังพอจะดูออกว่าหญิงสาวตรงหน้า มีชื่อเสียงอยู่ในวงสังคมนี้พอตัว แต่เธอกลับไม่ใช่ เป็นเพียงแค่หญิงต่างแดนคนหนึ่ง ที่จับผลัดจับพลูเดินทางมา แล้วหลงไปในวังวนแห่งความรักและบทพิศวาสแสนหวาน ไม่นานก็ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องจบสิ้นลงไปภูตะวันจับต้นแขนดึงโซเฟียน่าขึ้นจากพื้น “คุณโซเฟียไม่ต้องห่วงนะคะ ตะวันจะเป็นคนไปจากคุณเกลเอง” ภูตะวันกัดฟันข่มความเจ็บปวดในใจ และพูดออกไปแม้ว่ามันจะบาดใจของเธอให้แหลกละเอียดก็ตาม“จริงๆ นะคะ คุณตะวันไม่หลอกให้โซเฟียดีใจเล่นนะคะ คุณ...คุณตะวันจะคืนพี่เกลให้โซเฟียจริงๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่สุดเลย” โซเฟียน่ารีบโผกอดภูตะวัน‘ขอบใจนังหน้าโง่ ขอให้แกออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะนังภูตะวัน ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลย แล้วพี่เกลก็จะไม่มีวันตามหาแกเจอด้วย’หญิงสาวยิ้มมาดหมาย...ดุร้าย ดวงตาพราวระยับเมื่อสามารถที่จะชักจูงให้ภูตะวันไปจากเกเบรียลได้ในท
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเนียนเรียบและจางหายไปอย่างรวดเร็ว “ว่าไงฟรานนี่ ไปโกรธใครมานะหน้าบึ้งเชียว”“เปล่าคะคุณโซเฟีย” ฟรานเชสก้าตอบ แต่สายตายังคงมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินลับหายไปเรียบร้อยแล้วโซเฟียน่ายกไหล่ขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าก็มีรอยยิ้มหวานแต่เคลือบไว้ด้วยยาพิษก้อนโต มือเรียววางบนบ่านางพยาบาลสาวที่เธอเลี้ยงไว้ใช้งาน ด้วยการส่งเศษเงินให้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อแลกกับข่าวสารที่เป็นประโยชน์ โดยที่ทั้งแอนนาและเกเบรียลไม่เคยรู้ตัวเลยว่า เลี้ยงงูพิษไว้ใกล้ตัวถึงเพียงนี้“เอาน่า พูดตรงๆ ก็ได้ ฉันเห็นนะเมื่อกี้นะ”“คุณ...คุณโซเฟีย” ฟรานเชสการ้องอุทานอย่างตื่นตระหนก เพราะกลัวว่าหญิงตรงหน้าจะเอาเรื่องไปฟ้องแอนนา แล้วทำให้เธอมีปัญหาเรื่องงาน แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มอย่างเห็นใจจากคนตรงหน้าก็ค่อยชื้นขึ้น และใบหน้าขาวสวยก็แปลเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ อย่างกระดากอายขึ้นมาแทน“เอาน่า ให้ฉันสมหวังกับพี่เกลก่อนนะ” มือเรียวตบลงบนบ่ากว้างอีกรอบ พร้อมกับคำพูด “แล้วฉันจะช่วยให้เธอสมหวังกับผู้ชายคนนั้นด้วย แต่ว่านะ เธอก็ต้องช่วยฉันด้วยเหมือนกัน ได้ไหมล่ะ” โซเฟียน่าวางมีดลงไปดับฉับ และก็ได้รับในสิ่งที่ต้องการกลับมาทันที“ได้ค่ะค
“ไม่นะตะวัน ไม่นะคนดี ฉันขอโทษ ฉันรักตะวันนะ รักมากด้วย แต่ฉัน...ฉันพูดไม่ออก” เกเบรียลพูดรัวเร็ว จนไม่รู้เลยว่าตัวเองได้หลุดปากคำว่ารักไปแล้วภูตะวันยิ้มกว้าง รอคอยว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรกับเธอต่อไป ดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ“ฉันขอโทษนะตะวัน ฉันรักตะวัน...ตะวันอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ” แขนใหญ่รัดร่างบางเข้าหา“แต่งงานกับฉันนะตะวัน”“คุณเกลรักตะวันและจะแต่งงานกับตะวันจริงหรือคะ”“ฉันระ...ระ...” พอมาถึงตอนนี้คำว่ารักมันก็เริ่มจะติดที่ปากอีกแล้ว“ถ้าไม่บอกรักให้ตะวันได้ยินชัดๆ อีกครั้งตะวันไม่แต่งงานด้วยจริงๆ นะ” ภูตะวันขู่กลับบ้าง“ก็ได้...เอ่อ...”“ถ้าคุณเกลอายนะคะ พูดใกล้ๆ หูให้ตะวันได้ยินคนเดียวก็ได้”ภูตะวันให้ทางเลือก เพื่อไม่ให้คนที่รักอายจนเกินไป เพราะแค่นี้ใบหน้าเกเบรียลก็แดงเป็นกุ้งต้มไปเรียบร้อย สองแขนที่โอบรอบเอวก็สั่น มือที่นาบอยู่ด้านหลังก็เย็นจนเธอสัมผัสได้ปากหนาร้อนแนบชิดใบหูนุ่ม เขาไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนี้เลย มันอายและเขินยังไงก็ไม่รู้ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกมาจากอกเกเบรียลสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลง แล้วก็เอ
“ให้มันแน่เถอะตะวัน ถามคนนั้นหรือยังละ ว่าเขาให้ตะวันนอนบ้านตรีหรือเปล่านะ” ตรีประดับบุ้ยใบ้ไปที่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดเคร่งขรึม จ้องมองภูตะวันอย่างน้อยใจ ตัดพ้อ ต่อว่า“ก็ช่างเขาซิ คุณเกลกับตะวันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตะวันก็แค่หลงเดินเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตะวันจะอยู่กับตรี กับน้าวี”“ใช่ แม่ก็ไม่ยอมให้หนูกับตะวันไปไหนอีก เราจะอยู่กันตามประสา แม่ลูกหลาน ใช่ไหมตะวัน”“ใช่คะน้าวี”คำตอบของหญิงทั้งสามคนทำเอาเฟดเดอริโกที่ดีใจตีปีกผับๆ ว่าได้คนที่รักกลับคืนมาเริ่มจะเดือดร้อน แค่ตรีประดับห่างกายเพียงแค่สองสามวันนี้เขาก็แทบทนไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดหญิงสาวมีหวังลงแดงตายแน่ สมองอันชาญฉลาดเริ่มคิดหาทางออกให้กับตัวเองใบหน้าคมหันไปหาเกเบรียล ที่มีสีหน้าเหมือนเขา แต่ดูท่าว่าจะรุนแรงมากกว่า แล้วก็ให้ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้ทำให้ภูตะวันงอน แต่คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยละ แล้วค่อยฉกตัวตรีประดับไป เฟดเดอริโกค่อยๆ ทบทวนในสิ่งที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างช้าๆ แล้วก็ให้ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้นตรีป
“รักจนยอมกลายเป็นครอบครัวเดียวกับตรี และแม่ของตรีนะหรือคะ” ศีรษะทุยส่ายเบาๆ อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“พี่เฟดรักตรีมากแค่ไหนคะ มากพอที่จะเรียกแม่ของตรีว่าแม่ไหม”“ได้ซิตรี” คำตอบที่ออกจากปากหนา ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเพราะเธอหูแว่วไปเอง แต่เฟดเดอริโกก็ย้ำให้ได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ใกล้ๆ กับหู“ได้ซิตรี เพื่อตรีพี่ยอมหมดทุกอย่างเลยจ้ะ ที่รัก” ปากหนาประทับบนใบหูนุ่ม พร้อมกับคำพูดมั่นคงและหนักแน่น“เพียงแค่พี่ขอเวลาตรีสักหน่อยได้ไหม ให้พี่ได้ทำใจและมีความกล้า แล้วอีกไม่นานตรีก็จะได้ยินและได้เห็นว่าพี่ลืมหมดสิ้นความแค้นที่มี และให้ความเคารพรักแม่ของตรี เหมือนกับแม่ของพี่คนหนึ่ง”“พะ..พี่เฟดพูดจริงๆ หรือคะ ตรีไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” ตรีประดับถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบพร่า น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลงอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่มันคือความสุขที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับ“จริงซิ พี่เคยโกหกตรีหรือ”“เคยซิคะ หลายครั้งด้วย”คำตอบของตรีประดับทำเอาเฟดเดอริโกหน้าม้าน แต่ก็พยักหน้ารับ “งั้นตอนนี้ตรียอมคืนดีกับพี่แ
“ตรีอยู่กับคุณเฟดค่ะ เห็นบอกว่าอยากจะคุยอะไรๆ กันนิดหน่อย”สิ้นเสียงภูตะวันเจสันที่ยังชะเง้อคอรอคอยลูกเลี้ยงก็รีบเดินไปที่ประตู แต่เขาก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานนุ่มจากปากคู่ชีวิต“ไม่ต้องหรอกค่ะเจสัน ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์เรื่องของเขาเถอะ”“แล้ววี...”“ไม่หรอกค่ะ วีคิดได้แล้ว และก็ได้แต่หวังว่าหลานชายนอกไส้ของคุณ จะรักและดูแลลูกสาวของวีให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุดเท่านั้นก็พอค่ะ”“มีอะไรกันหรือเปล่าคะน้าวี” ภูตะวันถามอย่างงงๆ ตาก็มองน้าสาวสลับกับเจสัน และก็หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบอยู่มุมหนึ่งของห้องแล้วก็เมินหน้าหนี สองแขนโอบรอดร่างน้าสาวอย่างรักใคร่และคิดถึง“เปล่าๆ จะลูก ว่าแต่ตะวันสบายดีใช่ไหมลูก แล้วหนูจะมาพาพักกับน้าที่บ้านด้วยใช่ไหม”“ค่ะน้าวี ตะวันจะแย่งตัวน้าวีจากลุงเจสันมานอนกอดให้ฉ่ำปอดเลย” ภูตะวันยิ้มหวานเชื่อม และสายตาก็จ้องมองไปเกเบรียลได้ยินภูตะวันภูแค่นั้นเกเบรียลก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ล้มลงดังปังใหญ่ ใบหน้าหล่อคมบึ้งตึงขึ้งเครียดและแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายสีแดงเข้ม ลมหายใจหอบเร็วภูตะวันเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่าคะค
ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ แล้วดวงตาคมดุคู่นั้นเป็นประกายแข็งกร้าว ทั้งโกรธเกรี้ยวและน้อยใจ ร่างใหญ่เดินลิ่วๆ มาหาตรงที่เธอกับตรีประดับยืนอยู่ เท้าเรียวยาวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ“มีอะไรตะวัน” ตรีประดับเอ่ยถามเพื่อนอย่างแปลกใจ ก็เมื่อครู่ภูตะวันเป็นคนชวนเธอเอง แล้วก็ยังลากเธอเดินลิ่วๆ มาจนเธอหัวแทบคะมำไปข้างหน้า แต่อยู่ๆ ก็หยุดแล้วยังพาเธอเดินไปด้านหลังเฉยเลย“คือ...”“ให้ฉันเป็นคนตอบแทนดีกว่าไหมตรีประดับ” เสียงที่ถามอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมือใหญ่จับเข้าที่แขนเรียวยาวและดึงจนร่างบอบบางถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งตรีประดับรู้สึกเหมือนกับว่าลำคอแห้งผาก จนต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย หัวใจเธอยังคงเต้นแรงและเร็ว ราวกับกำลังจะทะลุออกมาจากทรวง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขณะปลดมือใหญ่ออกจากแขนทั้งที่รู้ว่า ถึงจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากคีมเหล็กที่คีบอยู่ก็เถอะ“ปะ...ปล่อยตรีนะพี่เฟด เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ พี่จะมาหาเรื่องอะไรกับตรีอีก”“แน่ใจหรือตรี ฉันว่าเธอยังติดค้างฉันอีกเยอะเลยนะ” เฟดเดอริโกถามยิ้มๆ ตอนที่ได้เห็นร่างบอบบางของคนที่รักเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เช็กอิน เข
ไม่....เขายอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องตามตัวตรีประดับให้เจอ ไม่ว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน สุดสายปลายฟ้า ก็จะต้องตามหาให้เจอ และบอกให้เธอรู้ว่าเขายอมแพ้แล้ว...ยอมให้ละทิ้งทุกสิ่ง ขอเพียงแค่ให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนเขาตลอดไปก็พอ“ตรีจะไปเมืองไทย เขาคงจะไปหาตะวันที่นั่น” ภารวีพูดเสียงเบา“ไม่จริง คุณเอาอะไรมาพูด ในเมื่อตะวันอยู่ที่นี่”“คุณว่าไงนะคุณเฟด” ร่างบางถึงกับทรุดกองกับพื้นอีกครั้ง ความจริงจากปากเฟดเดอริโกพรั่งพรูเหมือนกับสายน้ำหลาก ให้ภารวีถึงกับร้องเรียกหายาดม ใบหน้าเธอขาวและซีดเผือด“ต...รีแม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ เพราะแม่ถึงทำให้ลูกเป็นแบบนี้ใช้ไหม” ภารวีร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อคิดว่าตรีประดับคงจะทำอะไรเพื่อช่วยภูตะวันจนถึงขั้นเอาตัวเข้าแลก เพื่อจะได้ช่วยเหลือญาติสาว...และคนที่ลูกสาวเธอเลือกขอความช่วยเหลือก็คือชายหนุ่มตรงหน้า ที่คอยจ้องตะครุบอยู่แล้ว“ตามตรีกลับมาให้ได้นะคุณ บอกแกด้วยว่าฉันรักแก แม่คนนี้รักแก” ภารวีจับมือใหญ่ของสามีไว้และจ้องมองเฟดเดอริโกด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง“ไม่ครับ” ภารวีและเจสันกำลังจะต่อว่าชายหนุ่มไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมาก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มได้“คำพูดเหล่านี้ ค
สะโพกสอบกดรั้งจมลึกหายไปในเส้นทางสวาทร้อนรัวเร็วถี่ยิบ ทั้งหนักหน่วงและรุนแรง เพียงไม่นานสองร่างก็สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงร้องหวานเชื่อมและแหบห้าวดังพร้อมๆ กันกายบางฟุบลงบนขอบอ่าง โดยมีร่างใหญ่ตามติด ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่า เป็นครู่ใหญ่กว่าที่เกเบรียลจะฟื้นตัว ช้อนร่างบางไปวางในอ่างอาบน้ำใหม่อีกครั้งสองมือบีบนวดและกายบางแผ่วเบา ผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างภูตะวันขึ้นและนำพาเธอไปมอบรักใหม่อีกครั้ง...อีกครั้งและอีกครั้ง...บนเตียงนอนใหญ่ ก่อนทั้งคู่จะนอนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันตรีประดับพาร่างบางของตัวเองเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร เธอกวาดตามองหาหญิงและชายที่เธอเรียกว่าพ่อแม่ และเธอก็ได้พบร่างของภารวีและเจสันนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง หญิงสาวเดินไปหยุดตรงหน้าของทั้งสองคน“แกมาที่นี่ทำไมอีกตรีประดับ” ภารวีเอ่ยถามลูกสาว ความเจ็บปวดและเจ็บใจยังไม่ห่างหายไปจากสมองและจิตใจ“ตรีแค่จะมาลาแม่นะคะ”“แกจะไปอยู่กับ...” ภารวีถามอย่างเจ็บปวดใจ“ไม่ใช่หรอกค่ะแม่ ตรีจะไปเมืองไทย” ตรีประดับพูดขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะพูดจบ มือเรียวยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กส่งให้มารดา“ตรีแค่จะเอาน
“เธอไม่คิดถึงฉันหรือไงคนดี เห็นกลับเอาซะเย็นเชียว ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นห่วง และที่สำคัญคือ...ฉันคิดถึง”“จริงหรือคะ คุณเกลคิดถึงตะวันจริงๆ เหรอ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย” นิ้วเรียวคีบจมูกโด่งแผ่วเบา ใบหน้าก็ยิ้มหวานดวงตาเป็นประกายหวานเชื่อมไม่แพ้กัน“ทำอย่างไรเธอถึงจะเชื่อละตะวัน”“อืม...ทำยังไงนะหรือคะ” ใบหน้าขาวสวยแหงนไปด้านหลัง ให้ใบหน้าคมประทับไปบนลำคอระหงเรื่อยลงไปตามแอ่งชีพจร จนถึงปทุมถันอวบอิ่มสีขาวนวลผ่องตัดกับปลายยอดสีชมพูเข้ม ที่ชูช่ออวดความสวยงามให้กับเกเบรียลได้เห็นชายหนุ่มลูบไล้มือไปบนลำตัวเนียนนุ่มและช้อนทรวงสล้างขึ้นมา ใบหน้าคมซบซุกระหว่างสองเต้า และค่อยๆ เคลื่อนไปประทับบนยอดบัว ปลายลิ้นตวัดไล้หยอกล้อกับปลายยอดถันสีชมพูเข้มอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะตวัดมันเข้าปากปลายนิ้วเรียวยาวจิกไปบนลำคอแกร่ง กดให้ศีรษะทุยแนบชิดกับทรวงสล้างมากที่สุด เสียงครางหวานเชื่อมดังจากปากนุ่มอวบอิ่ม“คืนนี้คุณเกลก็จะรักตะวันตลอดทั้งคืนดีไหมคะ”“ฉันนะไหวอยู่แล้ว กลัวแต่ว่าตะวันจะไม่ไหวนะซิ เอวบางร่างน้อยแบบนี้ ลดพัดทีเดียวก็ปลิวแล้ว”“งั้นคุณเกลก็ต้องจับไว้แน่นๆ ตะวันกลัวจะปลิวไปตามลมอย่างที่คุณเกลบอ
ตรีประดับเดินเข้าไปในห้องนอน เริ่มต้นเก็บข้าวของส่วนตัวที่จำเป็นต้องใช้ หนังสือเดินทางบอกว่ายังคงเหลือระยะเวลาให้เธอได้ใช้อีกหกเดือนถึงจะทำไม มันก็คงพอให้เธอรักษาตัวรักษาใจ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักเป็นรูปดอกทานตะวันสีสวยสดหล่นออกจากตู้ผ้า มือเรียวยกมันขึ้นมาประทับแนบอกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะวางไว้ที่เดิมจำได้ว่าผ้าผืนนี้แม่ปักและถักริมอยู่หลายวัน เพื่อจะส่งไปให้เป็นของขวัญวันเกิดภูตะวันอายุครบสิบห้าปี แล้วเธอแอบขโมยมันมา พอแม่รู้เท่านั่นแหละก็ลงมือทุบตีเธอเป็นการใหญ่ ตรีประดับยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ข้าวของใช้หลายชิ้นที่แม่บรรจงทำส่งไปให้หญิงสาวทุกๆ ปี แต่ไม่เคยมีให้ลูกสาวคนนี้เลยสักครั้งแม่มอบรักให้ภูตะวันซึ่งเป็นเพียงแค่หลาน มากกว่าเธอซึ่งเป็นลูกสาวเสียอีก แม้ว่าเธอจะพยายามไม่คิด พยายามเข้าใจ ว่าที่แม่ทำไปเพราะรักและเป็นห่วงหลาน แต่ทำไมแม่ไม่เคยมองมายังเธอบ้าง มองว่าเธอเองก็โหยหาความอบอุ่นไม่แพ้ภูตะวันตรีประดับเก็บข้าวของจนหมด และเดินไปนอนบนเตียงเล็กๆ ที่อยู่ชิดมุมห้อง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอย่างไม่คิดที่จะยกมือขึ้นเช็ด หญิงสาวหลับไปอย่างเหนื่อยทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาเต็มใบห