“มะ...ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้นะคะคุณโซเฟีย ตะวันยอมแล้ว ตะวันจะไปจากคุณเกลเอง” ภูตะวันบอกเสียงสั่นระริก ข่มเอาความเจ็บปวดที่มีซุกซ่อนไว้ในใจ ไม่ใช่ว่าเธอจะเจ็บเพียงแค่คนเดียว ผู้หญิงตรงหน้าก็เจ็บเหมือนกันเธอไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไรเลย ยังพอจะดูออกว่าหญิงสาวตรงหน้า มีชื่อเสียงอยู่ในวงสังคมนี้พอตัว แต่เธอกลับไม่ใช่ เป็นเพียงแค่หญิงต่างแดนคนหนึ่ง ที่จับผลัดจับพลูเดินทางมา แล้วหลงไปในวังวนแห่งความรักและบทพิศวาสแสนหวาน ไม่นานก็ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องจบสิ้นลงไปภูตะวันจับต้นแขนดึงโซเฟียน่าขึ้นจากพื้น “คุณโซเฟียไม่ต้องห่วงนะคะ ตะวันจะเป็นคนไปจากคุณเกลเอง” ภูตะวันกัดฟันข่มความเจ็บปวดในใจ และพูดออกไปแม้ว่ามันจะบาดใจของเธอให้แหลกละเอียดก็ตาม“จริงๆ นะคะ คุณตะวันไม่หลอกให้โซเฟียดีใจเล่นนะคะ คุณ...คุณตะวันจะคืนพี่เกลให้โซเฟียจริงๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่สุดเลย” โซเฟียน่ารีบโผกอดภูตะวัน‘ขอบใจนังหน้าโง่ ขอให้แกออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะนังภูตะวัน ไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีกเลย แล้วพี่เกลก็จะไม่มีวันตามหาแกเจอด้วย’หญิงสาวยิ้มมาดหมาย...ดุร้าย ดวงตาพราวระยับเมื่อสามารถที่จะชักจูงให้ภูตะวันไปจากเกเบรียลได้ในท
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าเนียนเรียบและจางหายไปอย่างรวดเร็ว “ว่าไงฟรานนี่ ไปโกรธใครมานะหน้าบึ้งเชียว”“เปล่าคะคุณโซเฟีย” ฟรานเชสก้าตอบ แต่สายตายังคงมองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินลับหายไปเรียบร้อยแล้วโซเฟียน่ายกไหล่ขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าก็มีรอยยิ้มหวานแต่เคลือบไว้ด้วยยาพิษก้อนโต มือเรียววางบนบ่านางพยาบาลสาวที่เธอเลี้ยงไว้ใช้งาน ด้วยการส่งเศษเงินให้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อแลกกับข่าวสารที่เป็นประโยชน์ โดยที่ทั้งแอนนาและเกเบรียลไม่เคยรู้ตัวเลยว่า เลี้ยงงูพิษไว้ใกล้ตัวถึงเพียงนี้“เอาน่า พูดตรงๆ ก็ได้ ฉันเห็นนะเมื่อกี้นะ”“คุณ...คุณโซเฟีย” ฟรานเชสการ้องอุทานอย่างตื่นตระหนก เพราะกลัวว่าหญิงตรงหน้าจะเอาเรื่องไปฟ้องแอนนา แล้วทำให้เธอมีปัญหาเรื่องงาน แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มอย่างเห็นใจจากคนตรงหน้าก็ค่อยชื้นขึ้น และใบหน้าขาวสวยก็แปลเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ อย่างกระดากอายขึ้นมาแทน“เอาน่า ให้ฉันสมหวังกับพี่เกลก่อนนะ” มือเรียวตบลงบนบ่ากว้างอีกรอบ พร้อมกับคำพูด “แล้วฉันจะช่วยให้เธอสมหวังกับผู้ชายคนนั้นด้วย แต่ว่านะ เธอก็ต้องช่วยฉันด้วยเหมือนกัน ได้ไหมล่ะ” โซเฟียน่าวางมีดลงไปดับฉับ และก็ได้รับในสิ่งที่ต้องการกลับมาทันที“ได้ค่ะค
ดวงตากลมโตสบกับดวงตาคมดุพราวระยับ รอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดขึ้นบนใบหน้า และปากหนาอุ่นร้อนก็ประทับเหนือทรวงเต่งตึง ฟันสีขาวขบเม้มดึงปลายยอดถันเล่น“ไงตรี จะพูดกับฉันได้หรือยัง”กายบางสั่นไหวราวกับสนต้องลมพายุ ท้องน้อยแบนราบเรียบสะท้อนเป็นเกลียวคลื่นเล็กๆ หญิงสาวพยายามเบี่ยงหนี แต่ก็ถูกกักกันไว้ด้วยร่างใหญ่ที่มาพร้อมกับสัมผัสสวาทอันแสนหนักหน่วง จนเธอต้องขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มสะกดกลั้นเสียงครางมือใหญ่และปากฟอนเฟ้นบัวตูมเต่งตึง ไม่ยอมให้มันได้พัก อีกมือก็ลากไล้วนเวียนรอบหน้าท้องแบนราบเรียบ ปลายนิ้วยาวใหญ่ไล้ไปตามเส้นขอบกางเกงว่ายน้ำ“ตรีจ๋า จะไม่พูดกับฉันจริงๆ หรือจ๊ะ”ตรีประดับตัวสั่น ส่ายศีรษะจนเส้นผมกระจาย ความเสียวกระสันแผ่ซ่านโอบล้อมรอบเรือนกาย สองมือยกวางจิกกดบนบ่ากว้างจิกลากแรงๆใบหน้าคมซบซุกกับสองปทุมถันอวบอิ่ม ขบเม้มกัดกินทับทิมผลหวานจนชุดทูพีชสีเข้มที่เริ่มแห้งแล้ว กลับเปียกชื้นขึ้นมาใหม่ มือใหญ่ก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง ขยำนวดสะโพกกลมมน และคอยลากไล้ตวัดไปที่รอยแยกกลีบกายสาว แล้วก็เลยผ่านไปต้นขาเรียวยาวแต่ก็ยังไม่มีเสียงดังจากคนร่างเล็กเลยแม้แต่น้อยนิด เฟดเดอริโกก็ยิ่งเพิ่มความหนักหน่วงในการป
เพลิงสวาทแผดเผาสองร่าง สะโพกสอบขยับเคลื่อนตัวรัวเร็วถี่ยิบและหนักแน่น สองมือขยำบีบสะโพกหนั่นแน่น ทุกการเคลื่อนไหวเน้นหนัก ส่งน้องน้อยในอ้อมแขนลอยละล่องไปบนฝากฟ้า“ตรีจ๋า ชอบไหมคนดี...”กายบางพลิ้วไหว กลีบกายบอบบางฉ่ำนุ่ม บีบตัวตอดรัดกายแกร่ง สองมือแกว่งไกวเพราะต้องการซบซุกกับอบกว้างอันแสนจะอบอุ่น และเฟดเดอริโกก็ไม่ให้หญิงสาวต้องผิดหวัง เขาปล่อยวางสะโพกมลลง สองแขนรั้งเอาหญิงสาวมากอด ริมฝีปากประทับไปบนเรียวปากนุ่มสองกายบดเบียด ทับทิมผลนุ่มเสียดสีกับเม็ดติ่งไตแข็งๆ บนอกกว้าง ให้เสียวกระสันไปทั่วทุกรูขุมขน ปุบผาอ่อนเยาว์บีบตัวตอดรัดกายแกร่ง สะโพกสอบผลัดดันแก่นกายสอดลึกสุดทางสวาท อย่างหนักหน่วงรุนแรงและถี่ยิบสองกายสอดประสานแนบชิด เที่ยวท่องไปบนฝากฟ้ากว้าง ก่อนจะหล่นตุ๊บลงมาบนพื้นดิน พร้อมกับเสียงหวีดร้องสอดประสานบ่งบอกถึงธารความสุขที่ได้รับเฟดเดอริโกกอดกระชับร่างบางแนบกาย อย่างที่ไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวได้หนี แม้ว่าเธอจะพยายามผลักไสเขาออกไปริมฝีปากหนาจูบซับหยดเหงื่อบนผิวหน้าเนียน “อยู่นิ่งๆ นะตรี ถ้ายังไม่อยากโดนอีกรอบ” และปากก็เอ่ยคำพูดแบบขู่เข็ญออกไปแทนตรีประดับสะบัดค้อนใส่คนใจร้าย ริ
“ไม่หรอก คุณย่าไม่ดุฉันหรอก เพียงแต่ท่านเตือนให้ฉันคิดถึงใจของเธอและโซเฟียเท่านั้นเอง” เกเบรียลรีบบอก เพื่อไม่ให้ภูตะวันน้อยใจว่า คุณย่าได้กำหนดวันแต่งงานของเขากับโซเฟียน่าเรียบร้อยแล้ว นั่นคือหลังจากที่เขาประมูลงานเสร็จ หรือก็คืออีกหนึ่งเดือนข้างหน้า“ว่าแต่เธอละ หายไปไหนมา รู้ไหมว่าพอฉันกลับมาแล้วไม่เจอ ฉันใจหาย กลัวไปหมด” ไม่อยากพูดว่าเขากลัวเธอหายไปแล้วหาตัวไม่เจอภูตะวันทาบมือบนใบหน้าคมคร้าม ปลายเท้าเขย่งขึ้นไปให้ริมฝีปากประทับกับปากหนาอุ่นร้อนของอีกฝ่าย“ตะวันออกไปเดินเล่น เพื่อคิดอะไรเฉยๆ เท่านั้นเอง คุณเกลไม่โกรธตะวันนะคะ” หญิงสาวถามเสียงหวานและออดอ้อน เอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ ให้อย่างน่ารักภูตะวันไม่บอกความจริงว่าเธอต้องการใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้นานที่สุด ด้วยการเดินวนไปเวียนมาหน้าบ้านหลังใหญ่ ครุ่นคิดหาทางออกให้กับตัวเอง โซเฟียน่า และคนที่เธอรักสุดชีวิตอย่างเกเบรียลนั่นเอง และแล้วเธอก็ได้คำตอบที่ทำให้ใจต้องเจ็บปวด แต่มันก็จะมีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่เจ็บ ส่วนโซเฟียน่านั้นจะได้สมหวังกับเกเบรียล“คิดเรื่องอะไร เรื่องของฉันกับเธอและโซเฟียเหรอ”ภูตะวันพยักหน้ารับ
“ตะวัน...” ลิ้นสากร้อนซอกซอนสอดลึกเข้าไปในบ่อน้ำทิพย์ กวาดกินน้ำหวานจากบ่อน้ำที่ไม่เคยจะหมดไป ยิ่งเขาแทรกลิ้นจมลึกไปเท่าไหร่ก็เหมือนกับได้เจอบ่อน้ำ เกเบรียลตวัดลิ้นรัวเร็วถี่ยิบ ร่างบอบบางกระตุกพร้อมกับเสียงหวีดร้อง“คุณเกล...ขา...ได้...โปรด...”ภูตะวันอ้อนวอน พลางจิกทึ้งผ้าปูเตียงอย่างแรง เมื่อกายที่มันเบาหวิวลอยละล่องอยู่ดีๆ พลัดตกลงไปบนพื้นน้ำเย็นเฉียบ ลมหายใจหญิงสาวหอบกระเส่า ใบหน้าแดงระเรื่อ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมาเกเบรียลละจากบ่อน้ำน้อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง สิ่งที่เขาได้เห็นก็คือ ใบหน้าขาวแดงระเรื่อ รอยยิ้มและดวงตาหวานเชื่อมเชิญชวน ทรวงอกอวบเต่งตึงขาวสล้างสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจลมหายใจเกเบรียลเริ่มติดขัด ริมฝีปากและลำคอแห้งผาก สองมือบีบขยำสะโพกหนั่นแน่น ใบหน้าคมประพรมจุมพิตบนหน้าท้องแบนราบเรียบ มือซอกซอนไปตามรอยแยกของกลีบกายบอบบาง และแทรกเข้าไปอย่างรวดเร็ว“ต้องการอะไรจากฉันหรือตะวัน แบบนี้หรือคนดี”“อือ...คุณเกล...ช่วย...ตะวันด้วยซิคะ” ภูตะวันดิ้นพล่าน ท้องน้อยบิดเป็นเกลียว ลมหายใจหอบกระเส่าแรงเร็ว ทรวงสล้างสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ แม้จะเป็นเพียงแค่นิ้วมือ แต่มันก็แข็งแกร่งและร้อนผ
แม้จะไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าน่าจะไม่พลาด และเธอก็จะขอเก็บความลับนี้ไว้จนกว่าจะถึงวันที่มั่นใจจริงๆ ว่าใช่ ถึงจะบอกคนที่เธอรัก แต่ถ้าไม่มีวันนั้น เพราะเธอไปจากที่นี่เสียก่อน เธอก็จะเลี้ยงดูเด็กคนนี้เป็นอย่างดี เลี้ยงด้วยความรักสุดหัวใจ“ตรีจะไปวันไหน ไปยังไงละ” ภูตะวันถาม เพราะอย่างน้อยเธอและตรีประดับก็จะต้องหาหนทางกลับบ้านด้วยตัวเอง จะหวังพึ่งสองหนุ่มนั้นคงไม่ได้ สำหรับเฟดเดอริโกนั้นเธอไม่รู้ แต่สำหรับเกเบรียลแล้ว ถ้าเธอพูดว่าจะกลับบ้านออกไปอีกครั้งเท่านั้น เขาจะขังเธอไว้ในห้องไม่ยอมให้ออกไปไหนอีกเลย“ตรีก็ยังไม่รู้เลยตะวัน ช่วงนี้พี่เฟดก็ไม่ยอมให้ตรีห่างตัวเลยด้วย” ตรีประดับเดินวนไปเวียนมาอย่างครุ่นคิด เธอไม่น่าพลั้งปากบอกรักอีตานั่นไปเลยถึงจะแอบดุตัวเองอยู่ในใจ ตรีประดับก็ยังยิ้มได้ เพราะตั้งแต่เธอเอ่ยปากบอกรักเฟดเดอริโกไปในวันนั้น ชายหนุ่มตัวน่ารัก ไม่ปากเสียใส่เธอเลย แล้วยังจะเอาอกเอาใจ จนเธอนี้มีความสุขแทบจะลำลักตายอยู่แล้วแต่ก็นั่นแหละความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน ถ้าเธอไม่ตัดใจจากเฟดเดอริโกในวันนี้ รอให้แม่รู้เข้า มีหวังบ้านแตกแน่ และเธอก็ยอมให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้
โซเฟียแอบมองเฟดเดอริโก สมองก็พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรเธอถึงจะขัดขวางชายหนุ่มตรงหน้าไม่ให้เจอกับตรีประดับและภูตะวันที่กำลังหาทางไปชายหาดอยู่ แล้วใบหน้าขาวสวยก็ยิ้มกริ่ม ดวงตาเป็นประกายด้วยความยินดีเธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายแผนการที่วางไว้ สองสาวหน้าโง่ภูตะวันและตรีประดับ จะต้องกลายเป็นเป็นของเล่นให้ลูกน้องเธอปู้ยี่ปู้ยำ ก่อนที่จะโยนทิ้งกลางทะเลให้เป็นเหยื่อกุ้งหอยปูปลาหญิงสาวเดินไปเพื่อจะหยุดยั้งเฟดเดอริโก้ แต่ก็เกิดคิดไปได้ว่าถ้าเธอทำเช่นนั้น จะทำให้ชายหนุ่มสงสัยในการหายตัวไปของตรีประดับและภูตะวันได้ เธอจำต้องหาคนอื่นมาเป็นเหยื่อในครั้งนี้แทน แลความคิดอันแสนจะร้ายกาจก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วรอยยิ้มแต้มบนใบหน้าโซเฟียน่า เมื่อนึกถึงคนที่จะเป็นแพะรับบาปให้ได้เป็นอย่างดี ถ้าแผนผิดพลาดจริงๆ จะต้องไม่มีใครสงสัยเธอโซเฟียน่าเดินไปหาฟรานเชสก้าที่ห้องแอนนา และดูเหมือนว่าช่วงนี้เธอจะโชคดีไปเสียหมด เพราะเมื่อเดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังห่มผ้าให้แอนนาอยู่พอดีนิ้วยาวยกขึ้นแนบปากห้ามไม่ให้ฟรานเซสก้าพูดและยื่นมือไปจับแขนยาวเรียวและดึงหญิงสาวเดินตามมาเงียบๆ“มีอะไรคุณโซเฟีย” นางพยาบาลสาวเอ่ย
“ไม่นะตะวัน ไม่นะคนดี ฉันขอโทษ ฉันรักตะวันนะ รักมากด้วย แต่ฉัน...ฉันพูดไม่ออก” เกเบรียลพูดรัวเร็ว จนไม่รู้เลยว่าตัวเองได้หลุดปากคำว่ารักไปแล้วภูตะวันยิ้มกว้าง รอคอยว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรกับเธอต่อไป ดวงตากลมโตเป็นประกาย ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ“ฉันขอโทษนะตะวัน ฉันรักตะวัน...ตะวันอย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ” แขนใหญ่รัดร่างบางเข้าหา“แต่งงานกับฉันนะตะวัน”“คุณเกลรักตะวันและจะแต่งงานกับตะวันจริงหรือคะ”“ฉันระ...ระ...” พอมาถึงตอนนี้คำว่ารักมันก็เริ่มจะติดที่ปากอีกแล้ว“ถ้าไม่บอกรักให้ตะวันได้ยินชัดๆ อีกครั้งตะวันไม่แต่งงานด้วยจริงๆ นะ” ภูตะวันขู่กลับบ้าง“ก็ได้...เอ่อ...”“ถ้าคุณเกลอายนะคะ พูดใกล้ๆ หูให้ตะวันได้ยินคนเดียวก็ได้”ภูตะวันให้ทางเลือก เพื่อไม่ให้คนที่รักอายจนเกินไป เพราะแค่นี้ใบหน้าเกเบรียลก็แดงเป็นกุ้งต้มไปเรียบร้อย สองแขนที่โอบรอบเอวก็สั่น มือที่นาบอยู่ด้านหลังก็เย็นจนเธอสัมผัสได้ปากหนาร้อนแนบชิดใบหูนุ่ม เขาไม่เคยที่จะรู้สึกแบบนี้เลย มันอายและเขินยังไงก็ไม่รู้ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงและเร็วราวกับจะทะลุออกมาจากอกเกเบรียลสูดลมหายใจเข้าปอด หลับตาลง แล้วก็เอ
“ให้มันแน่เถอะตะวัน ถามคนนั้นหรือยังละ ว่าเขาให้ตะวันนอนบ้านตรีหรือเปล่านะ” ตรีประดับบุ้ยใบ้ไปที่ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดเคร่งขรึม จ้องมองภูตะวันอย่างน้อยใจ ตัดพ้อ ต่อว่า“ก็ช่างเขาซิ คุณเกลกับตะวันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ตะวันก็แค่หลงเดินเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตะวันจะอยู่กับตรี กับน้าวี”“ใช่ แม่ก็ไม่ยอมให้หนูกับตะวันไปไหนอีก เราจะอยู่กันตามประสา แม่ลูกหลาน ใช่ไหมตะวัน”“ใช่คะน้าวี”คำตอบของหญิงทั้งสามคนทำเอาเฟดเดอริโกที่ดีใจตีปีกผับๆ ว่าได้คนที่รักกลับคืนมาเริ่มจะเดือดร้อน แค่ตรีประดับห่างกายเพียงแค่สองสามวันนี้เขาก็แทบทนไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าคืนนี้ไม่ได้กอดหญิงสาวมีหวังลงแดงตายแน่ สมองอันชาญฉลาดเริ่มคิดหาทางออกให้กับตัวเองใบหน้าคมหันไปหาเกเบรียล ที่มีสีหน้าเหมือนเขา แต่ดูท่าว่าจะรุนแรงมากกว่า แล้วก็ให้ยิ้มกว้าง เขาไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีเรื่องอะไรกัน ถึงได้ทำให้ภูตะวันงอน แต่คิดว่าตัวเองน่าจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยละ แล้วค่อยฉกตัวตรีประดับไป เฟดเดอริโกค่อยๆ ทบทวนในสิ่งที่ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างช้าๆ แล้วก็ให้ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้นตรีป
“รักจนยอมกลายเป็นครอบครัวเดียวกับตรี และแม่ของตรีนะหรือคะ” ศีรษะทุยส่ายเบาๆ อย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“พี่เฟดรักตรีมากแค่ไหนคะ มากพอที่จะเรียกแม่ของตรีว่าแม่ไหม”“ได้ซิตรี” คำตอบที่ออกจากปากหนา ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ เพราะกลัวว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเพราะเธอหูแว่วไปเอง แต่เฟดเดอริโกก็ย้ำให้ได้ยินชัดเจนอีกครั้ง ใกล้ๆ กับหู“ได้ซิตรี เพื่อตรีพี่ยอมหมดทุกอย่างเลยจ้ะ ที่รัก” ปากหนาประทับบนใบหูนุ่ม พร้อมกับคำพูดมั่นคงและหนักแน่น“เพียงแค่พี่ขอเวลาตรีสักหน่อยได้ไหม ให้พี่ได้ทำใจและมีความกล้า แล้วอีกไม่นานตรีก็จะได้ยินและได้เห็นว่าพี่ลืมหมดสิ้นความแค้นที่มี และให้ความเคารพรักแม่ของตรี เหมือนกับแม่ของพี่คนหนึ่ง”“พะ..พี่เฟดพูดจริงๆ หรือคะ ตรีไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” ตรีประดับถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและแหบพร่า น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าและไหลลงอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่มันคือความสุขที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้รับ“จริงซิ พี่เคยโกหกตรีหรือ”“เคยซิคะ หลายครั้งด้วย”คำตอบของตรีประดับทำเอาเฟดเดอริโกหน้าม้าน แต่ก็พยักหน้ารับ “งั้นตอนนี้ตรียอมคืนดีกับพี่แ
“ตรีอยู่กับคุณเฟดค่ะ เห็นบอกว่าอยากจะคุยอะไรๆ กันนิดหน่อย”สิ้นเสียงภูตะวันเจสันที่ยังชะเง้อคอรอคอยลูกเลี้ยงก็รีบเดินไปที่ประตู แต่เขาก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวานนุ่มจากปากคู่ชีวิต“ไม่ต้องหรอกค่ะเจสัน ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์เรื่องของเขาเถอะ”“แล้ววี...”“ไม่หรอกค่ะ วีคิดได้แล้ว และก็ได้แต่หวังว่าหลานชายนอกไส้ของคุณ จะรักและดูแลลูกสาวของวีให้ดีที่สุด และมีความสุขที่สุดเท่านั้นก็พอค่ะ”“มีอะไรกันหรือเปล่าคะน้าวี” ภูตะวันถามอย่างงงๆ ตาก็มองน้าสาวสลับกับเจสัน และก็หันไปมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งเงียบอยู่มุมหนึ่งของห้องแล้วก็เมินหน้าหนี สองแขนโอบรอดร่างน้าสาวอย่างรักใคร่และคิดถึง“เปล่าๆ จะลูก ว่าแต่ตะวันสบายดีใช่ไหมลูก แล้วหนูจะมาพาพักกับน้าที่บ้านด้วยใช่ไหม”“ค่ะน้าวี ตะวันจะแย่งตัวน้าวีจากลุงเจสันมานอนกอดให้ฉ่ำปอดเลย” ภูตะวันยิ้มหวานเชื่อม และสายตาก็จ้องมองไปเกเบรียลได้ยินภูตะวันภูแค่นั้นเกเบรียลก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่ล้มลงดังปังใหญ่ ใบหน้าหล่อคมบึ้งตึงขึ้งเครียดและแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายสีแดงเข้ม ลมหายใจหอบเร็วภูตะวันเลิกคิ้ว “มีอะไรหรือเปล่าคะค
ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำ แล้วดวงตาคมดุคู่นั้นเป็นประกายแข็งกร้าว ทั้งโกรธเกรี้ยวและน้อยใจ ร่างใหญ่เดินลิ่วๆ มาหาตรงที่เธอกับตรีประดับยืนอยู่ เท้าเรียวยาวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ“มีอะไรตะวัน” ตรีประดับเอ่ยถามเพื่อนอย่างแปลกใจ ก็เมื่อครู่ภูตะวันเป็นคนชวนเธอเอง แล้วก็ยังลากเธอเดินลิ่วๆ มาจนเธอหัวแทบคะมำไปข้างหน้า แต่อยู่ๆ ก็หยุดแล้วยังพาเธอเดินไปด้านหลังเฉยเลย“คือ...”“ให้ฉันเป็นคนตอบแทนดีกว่าไหมตรีประดับ” เสียงที่ถามอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับมือใหญ่จับเข้าที่แขนเรียวยาวและดึงจนร่างบอบบางถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งตรีประดับรู้สึกเหมือนกับว่าลำคอแห้งผาก จนต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย หัวใจเธอยังคงเต้นแรงและเร็ว ราวกับกำลังจะทะลุออกมาจากทรวง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ ขณะปลดมือใหญ่ออกจากแขนทั้งที่รู้ว่า ถึงจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดจากคีมเหล็กที่คีบอยู่ก็เถอะ“ปะ...ปล่อยตรีนะพี่เฟด เราสองคนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ พี่จะมาหาเรื่องอะไรกับตรีอีก”“แน่ใจหรือตรี ฉันว่าเธอยังติดค้างฉันอีกเยอะเลยนะ” เฟดเดอริโกถามยิ้มๆ ตอนที่ได้เห็นร่างบอบบางของคนที่รักเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์เช็กอิน เข
ไม่....เขายอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องตามตัวตรีประดับให้เจอ ไม่ว่าหญิงสาวอยู่ที่ไหน สุดสายปลายฟ้า ก็จะต้องตามหาให้เจอ และบอกให้เธอรู้ว่าเขายอมแพ้แล้ว...ยอมให้ละทิ้งทุกสิ่ง ขอเพียงแค่ให้หญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนเขาตลอดไปก็พอ“ตรีจะไปเมืองไทย เขาคงจะไปหาตะวันที่นั่น” ภารวีพูดเสียงเบา“ไม่จริง คุณเอาอะไรมาพูด ในเมื่อตะวันอยู่ที่นี่”“คุณว่าไงนะคุณเฟด” ร่างบางถึงกับทรุดกองกับพื้นอีกครั้ง ความจริงจากปากเฟดเดอริโกพรั่งพรูเหมือนกับสายน้ำหลาก ให้ภารวีถึงกับร้องเรียกหายาดม ใบหน้าเธอขาวและซีดเผือด“ต...รีแม่ขอโทษลูก แม่ขอโทษ เพราะแม่ถึงทำให้ลูกเป็นแบบนี้ใช้ไหม” ภารวีร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อคิดว่าตรีประดับคงจะทำอะไรเพื่อช่วยภูตะวันจนถึงขั้นเอาตัวเข้าแลก เพื่อจะได้ช่วยเหลือญาติสาว...และคนที่ลูกสาวเธอเลือกขอความช่วยเหลือก็คือชายหนุ่มตรงหน้า ที่คอยจ้องตะครุบอยู่แล้ว“ตามตรีกลับมาให้ได้นะคุณ บอกแกด้วยว่าฉันรักแก แม่คนนี้รักแก” ภารวีจับมือใหญ่ของสามีไว้และจ้องมองเฟดเดอริโกด้วยสายตาวิงวอนขอร้อง“ไม่ครับ” ภารวีและเจสันกำลังจะต่อว่าชายหนุ่มไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดที่ตามมาก็ทำให้ทั้งคู่ยิ้มได้“คำพูดเหล่านี้ ค
สะโพกสอบกดรั้งจมลึกหายไปในเส้นทางสวาทร้อนรัวเร็วถี่ยิบ ทั้งหนักหน่วงและรุนแรง เพียงไม่นานสองร่างก็สอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เสียงร้องหวานเชื่อมและแหบห้าวดังพร้อมๆ กันกายบางฟุบลงบนขอบอ่าง โดยมีร่างใหญ่ตามติด ลมหายใจของทั้งคู่หอบกระเส่า เป็นครู่ใหญ่กว่าที่เกเบรียลจะฟื้นตัว ช้อนร่างบางไปวางในอ่างอาบน้ำใหม่อีกครั้งสองมือบีบนวดและกายบางแผ่วเบา ผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้ ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างภูตะวันขึ้นและนำพาเธอไปมอบรักใหม่อีกครั้ง...อีกครั้งและอีกครั้ง...บนเตียงนอนใหญ่ ก่อนทั้งคู่จะนอนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันตรีประดับพาร่างบางของตัวเองเดินกลับเข้าไปในร้านอาหาร เธอกวาดตามองหาหญิงและชายที่เธอเรียกว่าพ่อแม่ และเธอก็ได้พบร่างของภารวีและเจสันนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง หญิงสาวเดินไปหยุดตรงหน้าของทั้งสองคน“แกมาที่นี่ทำไมอีกตรีประดับ” ภารวีเอ่ยถามลูกสาว ความเจ็บปวดและเจ็บใจยังไม่ห่างหายไปจากสมองและจิตใจ“ตรีแค่จะมาลาแม่นะคะ”“แกจะไปอยู่กับ...” ภารวีถามอย่างเจ็บปวดใจ“ไม่ใช่หรอกค่ะแม่ ตรีจะไปเมืองไทย” ตรีประดับพูดขัดขึ้นก่อนที่มารดาจะพูดจบ มือเรียวยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กส่งให้มารดา“ตรีแค่จะเอาน
“เธอไม่คิดถึงฉันหรือไงคนดี เห็นกลับเอาซะเย็นเชียว ไม่รู้หรือว่าฉันเป็นห่วง และที่สำคัญคือ...ฉันคิดถึง”“จริงหรือคะ คุณเกลคิดถึงตะวันจริงๆ เหรอ ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย” นิ้วเรียวคีบจมูกโด่งแผ่วเบา ใบหน้าก็ยิ้มหวานดวงตาเป็นประกายหวานเชื่อมไม่แพ้กัน“ทำอย่างไรเธอถึงจะเชื่อละตะวัน”“อืม...ทำยังไงนะหรือคะ” ใบหน้าขาวสวยแหงนไปด้านหลัง ให้ใบหน้าคมประทับไปบนลำคอระหงเรื่อยลงไปตามแอ่งชีพจร จนถึงปทุมถันอวบอิ่มสีขาวนวลผ่องตัดกับปลายยอดสีชมพูเข้ม ที่ชูช่ออวดความสวยงามให้กับเกเบรียลได้เห็นชายหนุ่มลูบไล้มือไปบนลำตัวเนียนนุ่มและช้อนทรวงสล้างขึ้นมา ใบหน้าคมซบซุกระหว่างสองเต้า และค่อยๆ เคลื่อนไปประทับบนยอดบัว ปลายลิ้นตวัดไล้หยอกล้อกับปลายยอดถันสีชมพูเข้มอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่เขาจะตวัดมันเข้าปากปลายนิ้วเรียวยาวจิกไปบนลำคอแกร่ง กดให้ศีรษะทุยแนบชิดกับทรวงสล้างมากที่สุด เสียงครางหวานเชื่อมดังจากปากนุ่มอวบอิ่ม“คืนนี้คุณเกลก็จะรักตะวันตลอดทั้งคืนดีไหมคะ”“ฉันนะไหวอยู่แล้ว กลัวแต่ว่าตะวันจะไม่ไหวนะซิ เอวบางร่างน้อยแบบนี้ ลดพัดทีเดียวก็ปลิวแล้ว”“งั้นคุณเกลก็ต้องจับไว้แน่นๆ ตะวันกลัวจะปลิวไปตามลมอย่างที่คุณเกลบอ
ตรีประดับเดินเข้าไปในห้องนอน เริ่มต้นเก็บข้าวของส่วนตัวที่จำเป็นต้องใช้ หนังสือเดินทางบอกว่ายังคงเหลือระยะเวลาให้เธอได้ใช้อีกหกเดือนถึงจะทำไม มันก็คงพอให้เธอรักษาตัวรักษาใจ ผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักเป็นรูปดอกทานตะวันสีสวยสดหล่นออกจากตู้ผ้า มือเรียวยกมันขึ้นมาประทับแนบอกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะวางไว้ที่เดิมจำได้ว่าผ้าผืนนี้แม่ปักและถักริมอยู่หลายวัน เพื่อจะส่งไปให้เป็นของขวัญวันเกิดภูตะวันอายุครบสิบห้าปี แล้วเธอแอบขโมยมันมา พอแม่รู้เท่านั่นแหละก็ลงมือทุบตีเธอเป็นการใหญ่ ตรีประดับยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ข้าวของใช้หลายชิ้นที่แม่บรรจงทำส่งไปให้หญิงสาวทุกๆ ปี แต่ไม่เคยมีให้ลูกสาวคนนี้เลยสักครั้งแม่มอบรักให้ภูตะวันซึ่งเป็นเพียงแค่หลาน มากกว่าเธอซึ่งเป็นลูกสาวเสียอีก แม้ว่าเธอจะพยายามไม่คิด พยายามเข้าใจ ว่าที่แม่ทำไปเพราะรักและเป็นห่วงหลาน แต่ทำไมแม่ไม่เคยมองมายังเธอบ้าง มองว่าเธอเองก็โหยหาความอบอุ่นไม่แพ้ภูตะวันตรีประดับเก็บข้าวของจนหมด และเดินไปนอนบนเตียงเล็กๆ ที่อยู่ชิดมุมห้อง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอย่างไม่คิดที่จะยกมือขึ้นเช็ด หญิงสาวหลับไปอย่างเหนื่อยทั้งที่ยังมีคราบน้ำตาเต็มใบห