พ่อนะพ่อ เห็นคนอื่นดีกว่าลูกสาวตัวเอง จากนี้ไปชีวิตของเธอในบ้านหลังนี้คงหาความสงบสุขไม่ได้อีกต่อไป...
เย็นวันนั้นวิศราประท้วงการกระทำของบิดาด้วยการไม่ยอมลงมาร่วมรับประทานอาหารเย็นที่โต๊ะอาหาร แต่กลับสั่งคนให้ยกสำรับขึ้นมาให้บนห้องนอนแทน
“คุณหนูคะ อาหารมาแล้วค่ะ” หญิงสาวขยับตัวเมื่อเห็นแม่บ้านกึ่งพี่เลี้ยงคนสนิทยกถาดอาหารมาให้ อาหารหน้าตาน่ารับประทานชวนให้ท้องร้อง ไอ้หิวน่ะก็หิวอยู่ แต่ไม่อยากไปร่วมโต๊ะกับฆาตกรโหดที่ฆ่าเจ้าถุงแป้ง และผู้หญิงที่มาแย่งพ่อของเธอไปต่างหาก
“โอย...หิวจัง” มือขาวๆ คว้ากุ้งชุบแป้งทอดในจานใส่ปาก
“ก็แล้วทำไมไม่ลงไปทานข้างล่างล่ะคะคุณหนู มาหมกตัวอยู่ในห้องทำไม” นางรื่นรมย์ยิ้มอย่างเอ็นดู
“เรื่องอะไรล่ะคะป้า ก็ส้มไม่อยากร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้าพวกนั้นนี่คะ พวกปลิงทั้งนั้น เชอะ หวังจะมาสูบเลือดสูบเนื้อคุณพ่อน่ะสิไม่ว่า”
“ตายแล้วคุณหนู! พูดอะไรอย่างนั้นคะ ไม่เห็นน่ารักเลย ถ้าคุณพ่อได้ยินคงเสียใจแย่”
“แล้วทำไมคุณพ่อไม่เห็นกลัวว่าส้มจะเสียใจบ้างล่ะคะ” เสียงหวานใสกระเง้ากระงอดงอนๆ
“ไม่เอาค่ะ โตเป็นสาวแล้วนะคะ ทำอะไรต้องรู้จักคิดก่อนทำ คิดก่อนพูดสิคะ” คนมากวัยกว่าตักเตือนด้วยความปรารถนาดี
“นี่ไงคะ ส้มคิดแล้วถึงพูด คิดว่าคนพวกนั้นนิสัยไม่ดีไม่น่าคบหา ก็เลยพูดออกมานี่ไง คิดดูสิคะ เจ้าถุงแป้งอยู่ของมันดีๆ ก็ถูกอีตาคนสารเลวนั่นขับรถชนตายคาที่ แถมชนแล้วยังไม่คิดจะลงมาดูดำดูดีมันด้วย เลือดเย็นที่สุดเลย ขนาดนี้แล้วจะให้ส้มทำใจยอมรับพี่สาวของคนเลวๆ แบบนั้นมาแทนที่คุณแม่อีก คุณพ่อคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าคนพวกนั้นเกิดโมโหหน้ามืดขึ้นมาไม่จับส้มเชือดคอหมกป่าเลยหรือไง ไม่รู้ละ ส้มไม่มีวันญาติดีกับคนพวกนั้นแน่”
“โถ...คุณหนูคิดอะไรแบบนั้นคะ” แม่บ้านวัยกลางคนถึงกับส่ายหน้าให้แก่ความหัวรั้นของนายสาวที่ตนเลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อย
“พอเถอะค่ะ ส้มไม่อยากพูดถึงคนพวกนั้นให้เสียอารมณ์แล้ว กินข้าวดีกว่า เอ๊ะ! วันนี้ข้าวผัดนี่น่าอร่อยจัง ได้สูตรมาใหม่เหรอคะ” หญิงสาวตักข้าวเข้าปากกินอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้คนมองอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้
“อ๋อ นั่นฝีมือคุณปูค่ะ เธออุตส่าห์ลงมือเองเลยนะคะ”
“แค่กๆ” คำนั้นทำเอาคนฟังสำลักพรวด ใบหน้าสวยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นด้วยแรงโทสะที่พุ่งปรี๊ด...
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
ทันใดนั้นเอง อาหารทั้งถาดถูกปัดตกแตกกระจายเกลื่อนพื้น แถมเจ้าตัวยังทำท่าจะล้วงคอเอาข้าวผัดแสนอร่อยที่เพิ่งกลืนเข้าไปออกมาอย่างรังเกียจอีกด้วย นางรื่นรมย์ยกมือทาบอกด้วยความตกใจ มองภาพตรงหน้าตาค้าง
“แหวะ...เอาออกไปทิ้งให้หมดเดี๋ยวนี้!” ตวาดเสียงเขียวลั่นพร้อมกับถ่มข้าวผัดในปากออกมาราวกับเป็นของน่าขยะแขยง ใบหน้าสวยน่ารักบึ้งตึง
“อะไรกันคะคุณหนู” แม่บ้านตกใจจนหน้าถอดสี หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก
“ป้ารื่นจำไว้นะคะ ต่อไปนี้ไม่ต้องเอาอะไรที่ผู้หญิงคนนั้นทำมาให้ส้มกินอีก ถ้าเอามาจะอาละวาดให้บ้านแตกเลย คอยดูสิ” เสียงตวาดดังลั่นทำให้คนที่เดินมาหยุดกึก
“ยายส้ม อะไรกันลูก เสียงดังไปถึงข้างล่าง” วิศรุตก้าวพรวดเข้ามาในห้อง ด้านหลังมีสมาชิกใหม่ของบ้านอีกสองคนตามมา แต่ไม่ได้เข้ามาในห้องด้วย “นี่มันเรื่องอะไรกันลูก ทำไมห้องเละเทะแบบนี้”
“ป้าคะ ส้มบอกให้เอาขยะพวกนี้ออกไปทิ้งให้สิ้นซากไง ส้มไม่อยากกิน ไม่อยากเห็น บอกตามตรงขยะแขยง รังเกียจคนทำ!”
“ข้าวผัดนี่ใครทำ...” ประมุขของบ้านหันไปถามแม่บ้านที่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ อึกอัก
“ปูทำเองค่ะ” ปุริมาตอบเสียงอ่อยๆ เสียใจที่ความปรารถนาดีของตนถูกปฏิเสธอย่างไร้ไมตรี
ปราบดาโอบไหล่ปลอบพี่สาว พลางมองเด็กดื้อวายร้ายที่เชิดหน้าไร้ความสำนึกแล้วก็รู้สึกขุ่นเคืองใจ มันน่าผสมยาเบื่อหนูให้กินจริงๆ เด็กอะไรหน้าตาก็สวยดีแต่มารยาททรามอย่างร้ายกาจที่สุด
“คือ...ปูไม่ทราบว่าหนูส้มไม่ชอบข้าวผัด ขอโทษด้วยนะคะ”
วิศรุตถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใครว่าลูกสาวเขาไม่ชอบข้าวผัดเล่า ของโปรดเลยต่างหาก แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแม่ตัวแสบน่ะทำไปเพื่ออะไร แต่ในฐานะคนกลางวิศรุตจึงจำต้องให้ความยุติธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย หากเขายังขืนตามใจลูกสาวต่อไป วิศราคงได้ใจก่อเรื่องร้ายแรงหนักข้อขึ้นจนทำให้บ้านไม่สงบ
“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอก ผมเองที่ผิดที่ตามใจจนยายหนูเสียคนแบบนี้ วิศรา...”
เจ้าของชื่อกอดอกเชิดหน้าหนีอย่างเอาแต่ใจ เพราะคิดว่าถึงอย่างไรบิดาก็ต้องเข้าข้างเธอเหมือนเช่นทุกคราวที่ผ่านมา ทว่า...
“มากราบขอโทษน้าปูเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวหันขวับมองผู้เป็นพ่อตาค้าง ภาพนั้นทำให้ปราบดาแอบรู้สึกสะใจเบาๆ เด็กดื้อสมควรถูกทำโทษ
“ไม่ค่ะ ส้มไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“วิศรา!” คนเป็นพ่อเอ็ด สายตาที่มองมาแต้มความผิดหวัง “พ่อไม่เคยสอนให้ลูกก้าวร้าวผู้ใหญ่แบบนี้”
“ไม่ทันไรคุณพ่อก็เข้าข้างคนอื่นแล้ว คุณพ่อเห็นพวกกาฝากนี่ดีกว่าลูกสาวตัวเองเหรอคะ หนูเกลียดพวกมันจะตาย เกลียดๆ...”
เพียะ!
เพียะ! ฝ่ามือหนาตวัดไปที่แก้มนวลของหญิงสาวอย่างลืมตัว ทุกคนยืนตกตะลึง วิศราชาวาบไปทั้งร่าง มือสั่นระริกกุมแก้มใสๆ ของตัวเองที่มีรอยนิ้วมือบิดาแต้มชัด ไม่เคยเลย...ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อของเธอไม่เคยตีหรือว่าให้เจ็บช้ำน้ำใจสักครั้ง แต่พอคนพวกนี้ก้าวเข้ามาเพียงวันแรก เธอก็ถูกพ่อตบจนหน้าหัน“ส้ม! พ่อ...พ่อไม่ได้ตั้งใจ...” ผู้เป็นพ่อเพิ่งได้สติ เมื่อเห็นรอยนิ้วมือตนบนใบหน้าสวยสดใสของลูกรัก หัวใจก็กระตุกวาบด้วยความรู้สึกผิดที่พลั้งมือไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ “พ่อขอโทษ...”“ในที่สุดคุณพ่อก็เห็นคนอื่นดีกว่าลูก คุณพ่อไม่รักส้มแล้ว คุณพ่อใจร้าย” ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอเบ้า แต่เจ้าตัวไม่ยอมให้หยดจากตา ไม่ได้เจ็บที่แก้ม แต่ปวดร้าวที่หัวใจต่างหาก“ส้มเกลียดคุณพ่อแล้ว เกลียดที่สุด!” หญิงสาวตะโกนใส่ก่อนวิ่งพรวดพราดออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว“ยายส้ม!” ประมุขของบ้านถึงกับกุมขมับ มองฝ่ามือตัวเองอย่างเสียใจที่สุด เขาผิดเองที่ตามใจลูกมาตลอด คำน้อยก็ไม่เคยว่า ซ้ำยังเลี้ยงอย่างทะนุถนอมมาตลอด เพราะต้องการชดเชยการสูญเสียมารดาของบุตรสาว แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งเหล่านั้นจะทำให้ลูกสาวของเขากลายเป็นเด็กก้าวร้าวอย่างนี้“ผมผิ
“เอ...เสียงแมวดื้อที่ไหนมาร้องไห้แถวนี่นะ”วิศราชะงักกึก ถอนสะอื้น ก่อนหันไปมองร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินตรงมา“อ้าว คนหรอกเหรอ” เสียงนั้นยียวนกวนประสาทยิ่งนัก “อ้อ คุณหนูส้มคนสวย แอบมารดน้ำต้นไม้ยามดึกตรงนี้นี่เอง”หญิงสาวกัดฟันแน่น ความโกรธพลุ่งพล่านจนอยากหักคอคนขึ้นมาตงิดๆ แต่ติดที่เสียเปรียบเรื่องรูปร่าง ไม่ทันที่จะได้หักคอเขา เธอนี่แหละคงถูกเขาจับทุ่มคอหักเสียก่อน แต่...ฮึ ใครกลัว!“แล้วพวกปลิงหน้าด้านมาสะเออะอะไรด้วยล่ะ”ปราบดาชะงักกึกกับความโอหังของหญิงสาวตรงหน้า“ก็แค่อยากมาดูหน้าหมาหัวเน่าเท่านั้น” คนพูดชะโงกหน้าทำจมูกฟุดฟิดๆ ก่อนยิ้มเยาะ “หึ หน้าตาเป็นอย่างนี้เอง น่าสมเพชเนอะ!”“เอ๊ะ! นาย!” วิศราชาวาบไปทั้งร่าง ดวงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้...”“จุ๊ๆ ลองด่าสิ ถ้าอยากลองดีก็เชิญ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าผมไม่ได้ใจดีเหมือนหน้าตาหรอกนะ”“ฮึ พวกหลงตัวเอง ไอ้ฆาตกรใจทราม... อุ๊ย!”ยังพูดไม่ทันจบร่างหญิงสาวก็ลอยขึ้นจากพื้นโดยฝีมือคนตัวโตกว่า ปราบดาอุ้มร่างอรชรของหญิงสาวพาดบ่าก่อนฟาดฝ่ามือหนาเข้าที่ก้นของเธอเน้นๆ เสียงดังเพียะ“โอ๊ย! ไอ้บ้ามาตีฉันทำไม ปล่อยนะ โอ๊ย! เจ็บ...” วิศราร้
“ว้าย! คุณหนูจะทำอะไรคะ”สาวใช้เก่าแก่ร้องเอะอะเมื่อเห็นคุณหนูคนสวยคว้ากรรไกรตัดหญ้าตรงปรี่เข้าไปที่เจ้ากุหลาบงาม ก่อนตัดมันฉับๆ จนกลีบกุหลาบแหว่งวิ่นร่วงกระจายเกลื่อนพื้น เท่านั้นยังไม่หนำใจคนเจ้าอารมณ์ยังผลักกระถางจนตกลงมาแตกไม่มีชิ้นดี“คุณส้ม!” เจ้าของเสียงหวานเรียกอย่างตกใจ เมื่อได้เห็นกุหลาบต้นโปรดย่อยยับไปต่อหน้าต่อตา ปุริมารีบวิ่งเข้าไปรั้งแขนเรียวเสลาหมายหยุดการกระทำอุกอาจของลูกเลี้ยงสาว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ จนเกิดการยื้อแย่งชุลมุนขึ้น"ถอยไป! อย่ามายุ่ง ถอยไป ฉันบอกให้ถอยได้ยินไหม...เพียะ!"“โอ๊ย!” โดยไม่ทันระวังมือของคนเป็นลูกเลี้ยงจึงสะบัดฟาดเข้าที่ใบหน้าซีกขวาของแม่เลี้ยงเต็มแรงจนหน้าหันเสียหลักล้มไปกองที่พื้น“ว้าย! คุณผู้หญิง!”วิศราหันขวับมองใบหน้านวลของฝ่ายตรงข้ามที่มีรอยมือของเธอปรากฏชัด ที่มุมปากมีรอยเลือดซึมออกมาให้เห็น ลึกๆ แล้วเจ้าของฝ่ามือพิฆาตก็แอบตกใจอยู่ไม่น้อย เพราะเธอไม่ได้ตั้งใจหรือต้องการทำร้ายร่างกายใครถึงกับเลือดตกยางออก แต่มันช่วยไม่ได้ก็ฝ่ายนั้นสะเออะเข้ามาเกะกะขวางทางเธอเองนี่นา“เอะอะอะไรกัน เสียงดังไปถึงข้างล่าง...ว้าย! คุณหนู! คุณผู้หญิง!”
“ปราบ พี่กำลังคิดว่าเรามาทำให้บ้านคุณวิศเดือดร้อนหรือเปล่า พี่น่าจะเชื่อปราบแต่แรก เราไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย” ปุริมาเอ่ยเสียงเครือ น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นไว้รินอาบแก้มคนเป็นน้องชายถอนหายใจอีกเฮือก ก่อนโอบร่างที่สั่นเทาด้วยแรงสะอื้นเข้ามากอดปลอบโยนอย่างเห็นใจ เขาเคยได้ยินแต่ว่าแม่เลี้ยงส่วนใหญ่จะร้ายกาจกับลูกเลี้ยง แต่เพิ่งเคยเจอนี่แหละที่แม่เลี้ยงใจดีกลับถูกลูกเลี้ยงจอมร้ายกาจรังแกเอาทุกครั้งที่มีโอกาส“พี่ปูรักพี่วิศหรือเปล่าครับ” คนเป็นน้องเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพี่สาวคลายสะอื้นลงแล้ว“ทำไมถามพี่แบบนั้นล่ะจ๊ะ ถ้าไม่รักพี่จะมายอมทนแบบนี้ทำไม”“นั่นสิครับ จะทนทำไม” ชายหนุ่มจ้องหน้าพี่สาวอย่างจริงจัง ปุริมานิ่งอึ้งไป ที่ผ่านมาเธอพยายามจะอดทน เพราะเห็นแก่สามีที่มีน้ำใจและเอื้ออาทรกับเธอมาตลอด เธอรักเขามากจึงไม่อยากทำให้เขาต้องหนักใจ อะไรยอมได้ก็ยอมไป แต่นั่นกลับทำให้ลูกเลี้ยงสาวยิ่งเกเรหนักข้อขึ้นทุกวัน ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อใจ ทำอย่างไรนะเธอถึงจะเอาชนะใจวิศราได้ เธอไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายเลยจริงๆ“พี่ควรทำยังไงดีปราบ พี่คิดอะไรไม่ออกแล้ว”น้ำเสียงอ่อนล้าของพี่สาวทำให้คนเป็นน้องนึกโกรธตัวต
“แต่ส้มเกลียดหมอนั่น คนเลว! เมื่อไหร่คนพวกนั้นจะไปพ้นๆ บ้านเราเสียทีคะ เมื่อไหร่ยายผู้หญิงคนนั้นจะคืนคุณพ่อให้ส้มสักที” เสียงฮึดฮัดไม่สบอารมณ์“ตายจริงคุณหนู ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ เดี๋ยวคุณปราบเธอมาได้ยินเข้า”“ได้ยินก็ดีสิคะ จะได้ไปๆ ให้พ้นบ้านเราสักที ส้มเกลียดขี้หน้าจะตายแล้ว ไหนจะยายพี่สาวอีกคน อย่าคิดว่ารู้ไม่ทันว่ามันประจบให้คุณพ่อพาไปเที่ยวสองต่อสอง” หญิงสาวเม้มปากอย่างขุ่นเคือง “หึ! คอยดูนะ ส้มจะทำทุกวิถีทางให้สองพี่น้องนั่นกระเด็นออกไปจากบ้านเราให้เร็วที่สุด ต่อให้ต้องใช้วิธีสกปรกก็ตาม”“โธ่...คุณหนูคะ” นางรื่นรมย์ได้แต่ส่ายหน้าระอาในความเจ้าคิดเจ้าแค้น มองตามหลังนายสาวที่ผละวิ่งขึ้นห้องไป โดยไม่รู้เลยว่ามีใครแอบมองอยู่ห่างๆ อย่างเข่นเขี้ยวปราบดากัดฟันกรอด หลังได้ยินคำประกาศศึกจากหญิงสาวร่วมบ้านเต็มสองหู ลำพังตัวเขานั้นไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะมาไม้ไหน แต่ถ้าเด็กคนนั้นจ้องจะเล่นงานพี่สาวสุดที่รักของเขา งานนี้เขาคงจะปล่อยเธอไปไม่ได้เสียแล้วสินะ แต่คนหัวดื้อแบบวิศราคงปราบด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้ เขาต้องหามาตรการขั้นเด็ดขาดมาจัดการกับเธอตามแบบของเขา มาลองดูกันสักตั้ง ระหว่างคุณหนูตั
หญิงสาวเคลื่อนรถเข้าจอดขวางหน้ารถสีดำคันนั้น ถ้าไม่เกรงใจพ่อกับเสียดายรถคันโปรดของตัวเองที่บิดาเพิ่งให้เป็นของขวัญฉลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ต้องมีรอยถลอกละก็ เธอจะถอยชนรถหมอนั่นให้พังยับเยินไปเลย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะทำอะไรไม่ได้นี่นา“คุณหนูจะทำอะไรครับ!” คนรถเอะอะเสียงหลง เมื่อเห็นคุณหนูของเขาหยิบอะไรบางอย่างออกจากในรถก่อนตรงเข้าไปแทงที่ยางล้อรถทั้งสี่ด้านจนแบนแต๊ดแต๋วิศราคลี่ยิ้มร้าย ก่อนปัดไม้ปัดมือยืนมองผลงานตรงหน้าอย่างสะใจ สั่งสอนแค่นี้ก่อน ถ้าไม่สำนึกคราวต่อไปจะวาดลวดลายให้รอบคันเลยคอยดู!ทว่า หญิงสาวตัวแสบไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกัดกรามแน่นมองลงมาจากด้านบนบ้านอย่างหมายมาด ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ราวกับมีประกายไฟบรรลัยกัลป์ ก่อนที่จะกระตุกยิ้มมุมปากออกมาอย่างมีเลศนัย...บ้านเงียบกริบผิดจากทุกวัน เพราะบิดาของเธอเดินทางไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นสองสัปดาห์กับยายแม่เลี้ยงสาวนั่น ทั้งบ้านจึงเหลือเพียงเธอกับคนรับใช้ที่มักไปรวมตัวกันที่ครัวหลังบ้านกันตอนกลางวัน อ้อ...แล้วก็กาฝากหนุ่มจอมโอหังนั่น วิศราพยายามอยู่ให้ห่างจากหมอนั่น เพราะไม่อยากไปสุงสิงกับคนแปลกหน้า และอีกเหตุผลก็คือ...เธอเกลียดดวงตาจาบจ
จู่ๆ เธอก็รู้สึกโกรธผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาจนควันออกหู เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณพ่อแน่ คอยดูฤทธิ์เธอสิน่า เอ...หรือควรส่งไลน์ให้พ่อดูตอนนี้เลยดีนะไม่! ยังส่งตอนนี้ไม่ได้ เธออยากเห็นสีหน้าของนายปราบดาและพี่สาวของเขาตอนถูกพ่อของเธอไล่ตะเพิดออกจากบ้านกับตาตัวเอง มันคงสะใจพิลึก หญิงสาวค่อยๆ เก็บโทรศัพท์มือถือก่อนเร้นกายออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองเธอจนหายลับไปจากห้องปราบดากระตุกยิ้มมุมปากอย่างสมใจที่เหยื่อก้าวมาติดกับ...หึ! ยายเด็กบ้าเอ๊ย...จะแอบดูแอบถ่ายทั้งทียังแอบไม่มิดเลย ฝีมือการสอดแนมของยายนั่นเทียบชั้นอนุบาลยังสูงไปด้วยซ้ำ เขาเห็นตั้งแต่เธอเข้ามาในห้องแล้ว หรืออีกนัยคือเขาจงใจแง้มประตูไว้รอให้เธอเข้ามาชมกิจกามนี้เลยต่างหาก มันเป็นแผนที่เสี่ยงอยู่ แต่หนังติดเรตที่เขาจงใจแสดงให้หญิงสาวจอมหยิ่งชมดูท่าจะได้ผล เมื่อเขาแอบเห็นปฏิกิริยาของเธอที่คล้อยไปตามความต้องการตามธรรมชาติทางเพศโดยไม่รู้ตัวปราบดารู้โดยสัญชาตญาณว่า...แม่เด็กตรงหน้าคงยัง ‘ไม่เคย’ แต่นับจากนี้เขาจะเป็นฝ่ายสอนให้เธอเคยกับเขาเป็นคนแรกให้ได้ หยิ่งดีนัก ดื้อดีนัก ดูซิถ้ามาอยู่บนเตียงด้วยกันจะด
วัยสาวแรกผลิทำให้รูปร่างอรชรมีน้ำมีนวลน่ามองไปทุกสัดส่วน แถมมีส่วนโค้งส่วนเว้าที่ควรมีมากเกินวัย โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจนี่แทบจะล้นทะลักออกมาเลยทีเดียว ปลีขาขาวเรียวยาวที่ยามเยื้องย่างก้าวเดินทำให้แทบละสายตาไปไม่ได้ สระว่ายน้ำนี้ถือเป็นอาณาเขตต้องห้ามของคนในบ้าน มีเพียงเจ้าของบ้านและลูกสาวคนงามที่มีสิทธิ์ใช้ วิศราทำการวอร์มอัปก่อนก้าวไปหย่อนปลายเท้าในน้ำเย็นฉ่ำอย่างผ่อนคลาย ก่อนแช่ร่างลงไปแหวกว่ายในสระน้ำใสสะอาดราวกับเงือกสาวเริงร่าก็ไม่ปานค่อยยังชั่ว น้ำเย็นฉ่ำช่วยให้กายอันร้อนเร่าของเธอลดอุณหภูมิลงได้นิดหน่อย กายอรชรค่อยๆ พลิกร่างนอนหงายขึ้นในท่ากรรเชียงมองท้องฟ้าหม่นยามเย็นอย่างสบายใจ ปล่อยอารมณ์ล่องลอยไปไกล จนกระทั่งได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นตูมลงมาข้างๆ กาย“ว้าย!”น้ำในสระแตกกระจายกระเด็นเข้าใบหน้าสวยเต็มเปาจนเธอสะดุ้งและสำลักน้ำ จู่ๆ วัตถุสิ่งนั้นก็โผล่พรวดประชิดตัวอย่างรวดเร็ว เอวบางถูกกระตุกรวบเข้าปะทะร่างแกร่งของผู้บุกรุกอย่างแนบชิดภายใต้น้ำใสเย็น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอจับต้นชนปลายไม่ถูก วิศราพยายามตั้งสติเงยหน้ามองคนที่บังอาจลวนลามตนอย่างไม่พอใจ“ไอ้ปราบดา!” หญิงสาวตาค
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่
วิศรานั่งฟังอย่างสงบ และเริ่มคิดตาม เพราะเป็นคนสำคัญที่สุดจึงต้องหวงแหน เขาก็คงเหมือนเธอที่หวงบิดาเพราะคิดว่าเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวในชีวิต อนิจจา...หากวันนั้นเธอไม่ก้าวร้าวพี่สาวของเขาก่อน หมอนั่นก็คงไม่คิดกำราบเธอด้วยวิธีป่าเถื่อนรุนแรงแบบนั้น เธอเองก็มีส่วนผิดที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องมันถึงเลยเถิดแบบนี้‘ฉันต้องขอโทษคุณแทนตาปราบด้วยนะคะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด’ ปุริมาเอ่ยอย่างจริงใจ ‘แล้วก็ต้องขอบคุณที่คุณยอมอโหสิให้เขา’วิศรามองสบตาแม่เลี้ยงเต็มๆ ตาโดยไม่มีอคติมาบดบังเป็นครั้งแรก ‘ฉันเองก็ผิดที่ทำตัวไม่ดีกับคุณเหมือนกัน ที่จริงฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าน้องชายคุณนักหรอกค่ะ’‘แต่อย่างน้อยคุณก็ยังโชคดีกว่าปราบตรงที่ยังมีลมหายใจ โชคดีที่มีคนที่คุณรักและรักคุณมากมาย ฉันขอพูดอะไรกับคุณอีกนิดได้ไหมคะ’วิศราพยักหน้ารับนิดๆ‘พูดมาสิคะ’‘ฉันคิดว่าตาปราบเขาแอบชอบคุณมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้วละค่ะ จำตอนที่เขาขับรถชนสุนัขของคุณได้ไหมคะ’แน่นอนว่าวิศราย่อมจำได้แม่น‘ที่จริงตาปราบก็ตกใจมากเหมือนกัน ทีแรกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก ตั้งใจจะลงมาดูมาขอโทษคุณเพราะเขาเองก
ร่างเพรียวระหงของสตรีผู้หนึ่งยืนนิ่งปล่อยใจล่องลอยไปแสนไกล เธอกำลังทอดสายตามองท้องฟ้าที่ดูหม่นเศร้ายามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ความเงียบสงัดทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้แห้งกรอบปลิวเมื่อยามต้องแรงลมราวกับท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกหนี แต่ก็มีในบางจังหวะที่ชวนให้คนฟังรู้สึกถึงความอ่อนหวานปนขมปร่าในหัวใจยามที่คิดถึงใครบางคนที่รักแต่จำต้องจากไปไกลแสนไกลนี่มันก็เกือบปีแล้วสินะที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันเหมือนจะยาวนาน แต่น่าแปลกที่เธอยังคงจำเหตุการณ์ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมาได้อย่างดีทีเดียวหลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนลอบยิงอย่างอุกอาจที่สวนอาหารแห่งนั้นไม่นาน ก็มีข่าวครึกโครมว่าตำรวจจับตัวคนร้ายได้ทว่าที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่คนร้ายซัดทอดว่า คนที่จ้างวานให้มายิงเธอนั้นคือ...พรีมโรส แฟนสาวของปราบดานั่นเอง ส่วนเหตุผลจูงใจของผู้หญิงคนนั้นวิศราก็เดาได้ไม่ยาก เพราะคงไม่พ้นเรื่องหึงหวง แต่แทนที่เธอจะโกรธแค้น น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกสงสารปนสังเวชใจที่นางแบบสาวที่กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ผู้นั้นคิดตื้นๆ เลือกตัดอนาคตตัวเอง ทำในสิ่งที่ผิดจนทำให้คนที่เธอรักต้องจากไปตลอดกาล แถม
ตอนที่วิศราไปถึงหน้าห้องผ่าตัดมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นั่นคือคณะที่พากันไปทัวร์สวนสัตว์วันนี้ที่พอรู้ข่าวก็คงรีบมาที่โรงพยาบาลกันทันที รวมถึงยุทธนาที่ตามมาหลังจากทราบข่าว สีหน้าทุกคนร้อนรนมีรอยกังวล แต่คนที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นพี่สาวของคนเจ็บนั่นเอง ใบหน้าซีดเผือดของปุริมายังคงเปื้อนคราบน้ำตา สิ่งเดียวที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้แม่เลี้ยงของเธอล้มพับไปคือลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับซุกหน้ากับอกผู้เป็นแม่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นเอง“แม่ส้มขา...” เสียงเรียกนั้นทำเอาวิศราสะดุ้งสุดตัว พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเธอจึงอ้าแขนรับร่างป้อมที่วิ่งตรงมาหาโดยอัตโนมัติ “แม่ส้มเป็นอะไรคะ นั่น! ทำไมเลือดแม่ส้มออกเต็มเสื้อเลยคะ”รอยเลือดแห้งกรังที่อกเสื้อทำให้แม่คนช่างเจรจาสงสัย“ไม่ใช่เลือดแม่หรอกค่ะ แต่เป็นของ...”คนพูดกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจสะดุดเมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่พุ่งเข้ามารับกระสุนพร้อมกับกอดเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกวายร้ายนั่นทำอันตรายเธอได้ แต่คนช่วยกลับรับเคราะห์เสียเอง เลือดบนอกเธอก็คงเป็นเลือดเขานั่นเอง“เป็นยังไง...หมอว่ายังไงบ้างคะ” วิศราพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจเธอตอนนี้มันเต้นรัวด้วย