“ปราบ พี่กำลังคิดว่าเรามาทำให้บ้านคุณวิศเดือดร้อนหรือเปล่า พี่น่าจะเชื่อปราบแต่แรก เราไม่ควรมาอยู่ที่นี่เลย” ปุริมาเอ่ยเสียงเครือ น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นไว้รินอาบแก้ม
คนเป็นน้องชายถอนหายใจอีกเฮือก ก่อนโอบร่างที่สั่นเทาด้วยแรงสะอื้นเข้ามากอดปลอบโยนอย่างเห็นใจ เขาเคยได้ยินแต่ว่าแม่เลี้ยงส่วนใหญ่จะร้ายกาจกับลูกเลี้ยง แต่เพิ่งเคยเจอนี่แหละที่แม่เลี้ยงใจดีกลับถูกลูกเลี้ยงจอมร้ายกาจรังแกเอาทุกครั้งที่มีโอกาส
“พี่ปูรักพี่วิศหรือเปล่าครับ” คนเป็นน้องเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพี่สาวคลายสะอื้นลงแล้ว
“ทำไมถามพี่แบบนั้นล่ะจ๊ะ ถ้าไม่รักพี่จะมายอมทนแบบนี้ทำไม”
“นั่นสิครับ จะทนทำไม” ชายหนุ่มจ้องหน้าพี่สาวอย่างจริงจัง
ปุริมานิ่งอึ้งไป ที่ผ่านมาเธอพยายามจะอดทน เพราะเห็นแก่สามีที่มีน้ำใจและเอื้ออาทรกับเธอมาตลอด เธอรักเขามากจึงไม่อยากทำให้เขาต้องหนักใจ อะไรยอมได้ก็ยอมไป แต่นั่นกลับทำให้ลูกเลี้ยงสาวยิ่งเกเรหนักข้อขึ้นทุกวัน ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อใจ ทำอย่างไรนะเธอถึงจะเอาชนะใจวิศราได้ เธอไม่อยากเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายเลยจริงๆ
“พี่ควรทำยังไงดีปราบ พี่คิดอะไรไม่ออกแล้ว”
น้ำเสียงอ่อนล้าของพี่สาวทำให้คนเป็นน้องนึกโกรธตัวต้นเหตุขึ้นมาติดหมัด แต่เขาก็ทำอะไรได้ไม่ถนัดนัก ตราบใดที่พี่เขยผู้เป็นเจ้าของบ้านยังอยู่บ้านแบบนี้ ถึงปราบดาจะเป็นน้องชายปุริมาแต่อย่างไรก็เป็นคนนอก เป็นผู้อาศัยที่ต้องเกรงใจเจ้าของบ้านอยู่ดี และดูเหมือนพี่เขยของเขาเองก็ไม่สามารถจัดการปราบลูกสาวสุดที่รักได้เด็ดขาด พี่สาวของเขาจึงต้องมารับเคราะห์เจ็บตัวช้ำใจรายวันแบบนี้
ไม่ได้การละ เขาคงต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว!
“ทำไมพี่ปูไม่ลองชวนพี่วิศไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ สักพักล่ะครับ ตั้งแต่แต่งงานกันมาพี่สองคนยังไม่ได้ฮันนีมูนกันเลย” ปราบดาเสนอทางออก
“แต่คุณวิศงานยุ่งนี่นา ไหนจะเรื่องหนูส้มอีก เฮ้อ...เขาคงไม่ยอมไปหรอก”
“ลองชวนดูก่อนสิครับ ไปพักผ่อนสมองไกลๆ จากความวุ่นวายเสียบ้าง พี่วิศทำงานหนักทุกวันน่าจะได้พักผ่อนบ้าง ส่วนทางนี้ไม่ต้องห่วงผมจะคอยดูแลให้เอง” หนักข้อนัก พ่อจะปราบพยศให้เข็ดจนจำไปตลอดชีวิตเลย
“ก็ได้จ้ะ งั้นพี่จะลองดู” ปุริมายิ้มอ่อน ส่วนคนเป็นน้องชายตาวาววาบแอบยิ้มมีเลศนัย
วิศรุตเงยหน้ามองเลขาฯ ที่ควบตำแหน่งภรรยาของเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน น้อยครั้งนักที่ปุริมาจะขอร้องอะไรเขาสักครั้ง และสิ่งที่เธอขอก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสเกินไป
“ผมเห็นด้วยกับปราบนะ ดีเหมือนกัน เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันนานแล้ว ไปพักบ้างก็ดี ว่าแต่คุณอยากไปไหนล่ะครับ”
“ไปไหนก็ได้ค่ะ ปูตามใจคุณ”
“งั้นไปญี่ปุ่นดีไหม ใกล้ดี ช่วงนี้งานผมไม่ค่อยยุ่งแล้ว เดี๋ยวผมให้คนช่วยจองตั๋วกับที่พักให้ ไปกันศุกร์นี้เลย อยู่เที่ยวสักอาทิตย์สองอาทิตย์กำลังดี”
“แล้วหนูส้มล่ะคะ” ปุริมามีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย “เราชวนเธอไปด้วยกันดีไหมคะ”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน หลังๆ มานี่ผมไม่ค่อยได้เที่ยวกับลูกเลย เอาแต่ทำงาน เขาคงน้อยใจพ่ออยู่”
“แล้ว...ถ้าเธอไม่ยอมไปล่ะคะ”
“อืม...ก็เป็นไปได้เหมือนกัน ยังไงผมคงต้องลองชวนแกดูอีกที ได้ยินว่าช่วงนี้ลูกติดเรียนหนักแถมมีรับน้องด้วย ไม่รู้ว่าจะไปกับเราได้ไหม แต่ถ้าทริปนี้เขาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนี่ เอาไว้ช่วงปิดเทอมเราค่อยพายายหนูไปอีกหนก็ได้ ถึงยังไงเขาก็เที่ยวญี่ปุ่นบ่อยจนเบื่อแล้ว หรือคุณว่ายังไง”
“ปูยังไงก็ได้ค่ะ ตามใจคุณเถอะ” หญิงสาวฝืนยิ้มอย่างเจียมตัว แม้แก้มข้างที่ถูกตบจะยังระบมแต่เธอก็ไม่ยอมบอกให้สามีทราบถึงวีรกรรมของลูกสาว ด้วยรู้ว่าสามีเป็นคนที่รักลูกมาก เธอจึงเกรงว่าหากเขารู้อาจจะไม่สบายใจ
แต่จนแล้วจนรอดวิศรุตก็ไม่มีโอกาสได้ชวนหรือบอกเรื่องไปเที่ยวกับลูกสาวอย่างที่ตั้งใจ เพราะวิศราตั้งใจหลบหน้าผู้เป็นพ่อ และไม่ยอมรับโทรศัพท์ด้วยยังโกรธไม่หายที่ถูกพ่อตบ ทำให้เธอเป็นคนสุดท้ายที่ได้รู้ข่าวในวันที่วิศรุตและปุริมาเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว
“ว่าไงนะ! คุณพ่อไปญี่ปุ่นกับผู้หญิงคนนั้นสองต่อสองเหรอคะ”
วิศราถึงกับยืนอึ้งหน้าถอดสีเมื่อทราบข่าวจากแม่บ้านคนสนิท ความเสียใจน้อยใจทวีคูณจากเดิมอีกเป็นร้อยเท่า นี่เธอกลายเป็นหมาหัวเน่าอย่างที่หมอนั่นตราหน้าไว้จริงๆ ใช่ไหม
“อะไรกันคะ ทำไมพ่อไม่เห็นบอกส้มเลยว่าจะไปญี่ปุ่นกับยาย...” หญิงสาวกำหมัดแน่นระงับอารมณ์ขุ่นมัว เธอไม่อยากเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนั้นด้วยซ้ำ “พ่อคงไม่รักส้มแล้วจริงๆ สินะ ถึงปล่อยให้ส้มอยู่กับพวกเสือสิงห์กระทิงแรดอย่างนายปราบดานั่นตามลำพังแบบนี้”
วิศรายังไม่ลืมความเจ็บใจที่ถูกคนอาศัยฟาดก้นจนระบมไปหลายวัน
“โถ...คุณหนูขา ไม่เอาค่ะ พูดอะไรแบบนั้นไม่น่ารักเลย คุณหนูไม่ได้อยู่กับคุณปราบตามลำพังสักหน่อย ป้าก็อยู่นี่คะ คนในบ้านเราก็ออกเยอะแยะ เดี๋ยวไม่กี่วันคุณพ่อก็กลับนะคะทูนหัว” หญิงมากวัยกว่าจะเข้าไปกอดปลอบใจ แต่อีกฝ่ายขืนตัวไว้
“แต่ส้มเกลียดหมอนั่น คนเลว! เมื่อไหร่คนพวกนั้นจะไปพ้นๆ บ้านเราเสียทีคะ เมื่อไหร่ยายผู้หญิงคนนั้นจะคืนคุณพ่อให้ส้มสักที” เสียงฮึดฮัดไม่สบอารมณ์“ตายจริงคุณหนู ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคะ เดี๋ยวคุณปราบเธอมาได้ยินเข้า”“ได้ยินก็ดีสิคะ จะได้ไปๆ ให้พ้นบ้านเราสักที ส้มเกลียดขี้หน้าจะตายแล้ว ไหนจะยายพี่สาวอีกคน อย่าคิดว่ารู้ไม่ทันว่ามันประจบให้คุณพ่อพาไปเที่ยวสองต่อสอง” หญิงสาวเม้มปากอย่างขุ่นเคือง “หึ! คอยดูนะ ส้มจะทำทุกวิถีทางให้สองพี่น้องนั่นกระเด็นออกไปจากบ้านเราให้เร็วที่สุด ต่อให้ต้องใช้วิธีสกปรกก็ตาม”“โธ่...คุณหนูคะ” นางรื่นรมย์ได้แต่ส่ายหน้าระอาในความเจ้าคิดเจ้าแค้น มองตามหลังนายสาวที่ผละวิ่งขึ้นห้องไป โดยไม่รู้เลยว่ามีใครแอบมองอยู่ห่างๆ อย่างเข่นเขี้ยวปราบดากัดฟันกรอด หลังได้ยินคำประกาศศึกจากหญิงสาวร่วมบ้านเต็มสองหู ลำพังตัวเขานั้นไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะมาไม้ไหน แต่ถ้าเด็กคนนั้นจ้องจะเล่นงานพี่สาวสุดที่รักของเขา งานนี้เขาคงจะปล่อยเธอไปไม่ได้เสียแล้วสินะ แต่คนหัวดื้อแบบวิศราคงปราบด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้ เขาต้องหามาตรการขั้นเด็ดขาดมาจัดการกับเธอตามแบบของเขา มาลองดูกันสักตั้ง ระหว่างคุณหนูตั
หญิงสาวเคลื่อนรถเข้าจอดขวางหน้ารถสีดำคันนั้น ถ้าไม่เกรงใจพ่อกับเสียดายรถคันโปรดของตัวเองที่บิดาเพิ่งให้เป็นของขวัญฉลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ต้องมีรอยถลอกละก็ เธอจะถอยชนรถหมอนั่นให้พังยับเยินไปเลย แต่ก็ใช่ว่าเธอจะทำอะไรไม่ได้นี่นา“คุณหนูจะทำอะไรครับ!” คนรถเอะอะเสียงหลง เมื่อเห็นคุณหนูของเขาหยิบอะไรบางอย่างออกจากในรถก่อนตรงเข้าไปแทงที่ยางล้อรถทั้งสี่ด้านจนแบนแต๊ดแต๋วิศราคลี่ยิ้มร้าย ก่อนปัดไม้ปัดมือยืนมองผลงานตรงหน้าอย่างสะใจ สั่งสอนแค่นี้ก่อน ถ้าไม่สำนึกคราวต่อไปจะวาดลวดลายให้รอบคันเลยคอยดู!ทว่า หญิงสาวตัวแสบไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกัดกรามแน่นมองลงมาจากด้านบนบ้านอย่างหมายมาด ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ราวกับมีประกายไฟบรรลัยกัลป์ ก่อนที่จะกระตุกยิ้มมุมปากออกมาอย่างมีเลศนัย...บ้านเงียบกริบผิดจากทุกวัน เพราะบิดาของเธอเดินทางไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นสองสัปดาห์กับยายแม่เลี้ยงสาวนั่น ทั้งบ้านจึงเหลือเพียงเธอกับคนรับใช้ที่มักไปรวมตัวกันที่ครัวหลังบ้านกันตอนกลางวัน อ้อ...แล้วก็กาฝากหนุ่มจอมโอหังนั่น วิศราพยายามอยู่ให้ห่างจากหมอนั่น เพราะไม่อยากไปสุงสิงกับคนแปลกหน้า และอีกเหตุผลก็คือ...เธอเกลียดดวงตาจาบจ
จู่ๆ เธอก็รู้สึกโกรธผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาจนควันออกหู เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณพ่อแน่ คอยดูฤทธิ์เธอสิน่า เอ...หรือควรส่งไลน์ให้พ่อดูตอนนี้เลยดีนะไม่! ยังส่งตอนนี้ไม่ได้ เธออยากเห็นสีหน้าของนายปราบดาและพี่สาวของเขาตอนถูกพ่อของเธอไล่ตะเพิดออกจากบ้านกับตาตัวเอง มันคงสะใจพิลึก หญิงสาวค่อยๆ เก็บโทรศัพท์มือถือก่อนเร้นกายออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองเธอจนหายลับไปจากห้องปราบดากระตุกยิ้มมุมปากอย่างสมใจที่เหยื่อก้าวมาติดกับ...หึ! ยายเด็กบ้าเอ๊ย...จะแอบดูแอบถ่ายทั้งทียังแอบไม่มิดเลย ฝีมือการสอดแนมของยายนั่นเทียบชั้นอนุบาลยังสูงไปด้วยซ้ำ เขาเห็นตั้งแต่เธอเข้ามาในห้องแล้ว หรืออีกนัยคือเขาจงใจแง้มประตูไว้รอให้เธอเข้ามาชมกิจกามนี้เลยต่างหาก มันเป็นแผนที่เสี่ยงอยู่ แต่หนังติดเรตที่เขาจงใจแสดงให้หญิงสาวจอมหยิ่งชมดูท่าจะได้ผล เมื่อเขาแอบเห็นปฏิกิริยาของเธอที่คล้อยไปตามความต้องการตามธรรมชาติทางเพศโดยไม่รู้ตัวปราบดารู้โดยสัญชาตญาณว่า...แม่เด็กตรงหน้าคงยัง ‘ไม่เคย’ แต่นับจากนี้เขาจะเป็นฝ่ายสอนให้เธอเคยกับเขาเป็นคนแรกให้ได้ หยิ่งดีนัก ดื้อดีนัก ดูซิถ้ามาอยู่บนเตียงด้วยกันจะด
วัยสาวแรกผลิทำให้รูปร่างอรชรมีน้ำมีนวลน่ามองไปทุกสัดส่วน แถมมีส่วนโค้งส่วนเว้าที่ควรมีมากเกินวัย โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจนี่แทบจะล้นทะลักออกมาเลยทีเดียว ปลีขาขาวเรียวยาวที่ยามเยื้องย่างก้าวเดินทำให้แทบละสายตาไปไม่ได้ สระว่ายน้ำนี้ถือเป็นอาณาเขตต้องห้ามของคนในบ้าน มีเพียงเจ้าของบ้านและลูกสาวคนงามที่มีสิทธิ์ใช้ วิศราทำการวอร์มอัปก่อนก้าวไปหย่อนปลายเท้าในน้ำเย็นฉ่ำอย่างผ่อนคลาย ก่อนแช่ร่างลงไปแหวกว่ายในสระน้ำใสสะอาดราวกับเงือกสาวเริงร่าก็ไม่ปานค่อยยังชั่ว น้ำเย็นฉ่ำช่วยให้กายอันร้อนเร่าของเธอลดอุณหภูมิลงได้นิดหน่อย กายอรชรค่อยๆ พลิกร่างนอนหงายขึ้นในท่ากรรเชียงมองท้องฟ้าหม่นยามเย็นอย่างสบายใจ ปล่อยอารมณ์ล่องลอยไปไกล จนกระทั่งได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นตูมลงมาข้างๆ กาย“ว้าย!”น้ำในสระแตกกระจายกระเด็นเข้าใบหน้าสวยเต็มเปาจนเธอสะดุ้งและสำลักน้ำ จู่ๆ วัตถุสิ่งนั้นก็โผล่พรวดประชิดตัวอย่างรวดเร็ว เอวบางถูกกระตุกรวบเข้าปะทะร่างแกร่งของผู้บุกรุกอย่างแนบชิดภายใต้น้ำใสเย็น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอจับต้นชนปลายไม่ถูก วิศราพยายามตั้งสติเงยหน้ามองคนที่บังอาจลวนลามตนอย่างไม่พอใจ“ไอ้ปราบดา!” หญิงสาวตาค
ปราบดาสูดหายใจลึกๆ มองดอกบัวตูมเต่งที่แทบจะเด้งเข้าใส่หน้าเขาด้วยความตื่นตะลึงในความงามวิจิตรสวยมาก...ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นทรวงอกผู้หญิงมาก่อน แต่ต้องยอมรับว่าวิศราแม่สาวจอมหยิ่งลูกเลี้ยงคนใหม่ของพี่สาวเขามีเรือนร่างงดงามทีเดียว โดยเฉพาะทรวงอกอวบอิ่มที่สวยและน่าหลงใหลเหลือเกิน ชายหนุ่มหอบหายใจสะท้านเป็นจังหวะแปลกประหลาด เขาอยากจะลิ้มลองมากกว่าริมฝีปากร้ายกาจนี่ ทั้งที่เมื่อแรกนั้นเพียงต้องการหยอกเย้าแม่สาวตรงหน้าให้หายซ่าที่กล้าไปแอบดูเขาถึงในห้อง แต่ตอนนี้อะไรๆ กำลังจะเลยเถิดเกินการควบคุมของเขาเสียแล้ว ร่างแกร่งพยายามประคับประคองร่างงดงามว่ายเข้าหาขอบสระฝั่งที่ตื้นขึ้น โดยที่ริมฝีปากยังไม่หยุดที่จะควานหาความหวานฉ่ำจากเธอ หญิงสาวดูเหมือนจะมึนงงกับรสจูบของเขาจนลืมที่จะขัดขืน ความเย็นชื่นของน้ำไม่อาจช่วยดับความต้องการของเขาได้ มือแกร่งค่อยๆ กอบกุมดอกบัวตูมอย่างทะนุถนอมราวกับกลัวว่ามันจะช้ำเสียก่อนที่เขาจะได้ชื่นชมมันให้สาสมกับความงาม“อื้ม...” เสียงหวานครวญครางใต้ร่างอย่างรัญจวน หญิงสาวบิดกายอย่างอึดอัด รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำให้ร่างกึ่งเปลือยขยับแนบชิดไปกับกายส่วนล่างของชายหนุ่ม
“ฉันไม่...”“ไม่อะไรคนสวย ไม่ยอม หรือว่าไม่อยากรออีกต่อไป เอาน่า โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อยนะ ปกติมีแต่ผู้หญิงเขาต่อคิวเรียกร้องให้ผมปรนเปรอพวกเธอ แต่นี่ผมยอมลัดคิวให้คุณก่อนเลยนะ อยากได้แบบไหนก็บอก ผมจะตามใจคุณทุกอย่างเลย” มุมปากรูปกระจับกระตุกยิ้มร้าย“หยาบคาย! เก็บความหวังดีทุเรศๆ ของนายไว้เถอะ ฉันไม่ต้องการ ถ้านายอยากนักก็ไปหาผู้หญิงพวกนั้นละกัน นายมันก็เลวเหมือนพี่สาวนายนั่นแหละ หึ...พวกกาฝาก อุ๊ย!”แขนเรียวเสลาถูกรวบไว้ด้านหลัง จนอกเปลือยแอ่นเชิด“อย่า-ลาม-ปาม” เน้นคำเสียงเข้ม “พี่สาวผมเป็นคนดีกว่าที่คุณคิดเยอะ”“หึ! ดียังไงล่ะ ถึงมาจับผู้ชายแก่คราวพ่อแถมเป็นหม้ายลูกติด คงเห็นรวยสินะถึงเอาตัวเข้ามาประเคนเขาถึงที่ ฮึ...โอ๊ย!” ไม่ทันขาดคำวิศราก็ร้องลั่นเมื่อถูกเรียวปากอุ่นงับเข้าที่ทรวงอกอิ่มอย่างมันเขี้ยว ก่อนซุกไซ้ไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคออย่างอุกอาจ สาวน้อยสะบัดหน้าหนีเมื่อเขาพยายามจะจูบปิดปากเธอ แต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อสู้แรงโทสะของเขาไม่ได้ และโดนริมฝีปากร้ายกาจบดขยี้อย่างเร่าร้อน แต่ไม่มีความอ่อนโยนเหมือนครั้งแรก มีแต่ความกักขฬะแต่เร้าใจไปอีกแบบ ร่างงามอ่อนระทวยแทบจะเข่าทรุดจมน้ำเมื่อยาม
“อย่านะ! คนเลว!” วิศราสะดุ้งตื่นกลางดึก กายสั่นสะท้าน เหงื่อแตกพลั่กๆ เธอฝันร้าย ฝันว่าถูกนายปราบดาผู้ชายบ้ากามนั่นจับเปลื้องผ้าแล้วลวนลามที่สระว่ายน้ำ ฝันบ้าๆ ชวนหวามไหว ต้องเป็นเพราะบาปกรรมที่ไปแอบดูตาบ้านั่นเล่นพม่าแทงกบกับแม่สาวทรงสะบึมนั่นแน่ๆ ไม่น่าเลยเรา ไม่น่าไปแอบดูให้เสียสายตาจนเก็บเอามาฝันเลย“ตื่นแล้วเหรอคะคุณหนู” ร่างบางสะดุ้งโหยง แต่เมื่อหันไปเห็นคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ“เฮ้อ...ป้ารื่นเองเหรอคะ กี่โมงแล้วคะ ทำไมมึนจัง”“เกือบสามทุ่มแล้วค่ะ คุณหนูนอนไปเกือบห้าชั่วโมงได้ น่าตีนักเชียว ป้าเตือนแล้วก็ยังดื้ออีก นี่ยังดีนะคะที่คุณปราบผ่านไปเห็นเข้า ไม่งั้นได้จมน้ำไปแล้ว”“คะ! ป้าว่าไงนะคะ!” วิศราชะงักกึก หายใจไม่ทั่วท้อง “เมื่อกี้ป้าว่าใครไปเจอส้มที่สระนะคะ”“อ๋อ...ก็คุณปราบดาไงคะ เธอก็จะไปว่ายน้ำพอดีเลยเจอคุณหนูเป็นลมในสระ แล้วก็เลยรีบอุ้มคุณมาที่ห้องนอนนี่ ป้าตกใจแทบแย่”“นายปราบดา!”งั้นก็ไม่ใช่ฝันสินะ ตานั่นลงไปงมเธอขึ้นจากสระในสภาพไหนกัน หรือว่าในสภาพ...เปลือยเปล่า แปลว่าเขาก็ต้องเห็น...หญิงสาวรู้สึกตีบตันในลำคอ“อ้าว! เป็นอะไรไปคะคุณหนู” แม่บ้านร้องลั
“บ้า! ใครกลัวนาย ไม่กลั๊ว” คนพูดใช้เสียงสูงเข้าข่ม “เอ๊ะ ไม่กลัวทำไมเสียงสั่นล่ะครับคุณหนู” คนพูดกระตุกยิ้ม สายตาพราวระยับไม่น่าวางใจนั่นจ้องมองเรือนร่างของเธอไล่ตั้งแต่ปลายเท้าจนมาหยุดที่ใบหน้าสวยหวานที่ตื่นตระหนก ผู้หญิงอะไรน่ารักน่ารังแกเป็นบ้า“จะออกไปดีๆ หรือจะให้ฉันร้องให้คนช่วย”“ตามใจสิ อยากมีพยานมายืนยันความใคร่ของเราก็แหกปากดังๆ เลย” ชายหนุ่มยุส่งพลางยักไหล่ไม่ยี่หระ“คนหน้าด้าน! ก็ได้ ถ้านายไม่ไปฉันไปเอง” หญิงสาวก้าวพรวดไปที่ประตู แต่ยังช้ากว่าชายหนุ่มที่พุ่งเข้ารวบเอวคอดของเธอไว้อย่างว่องไว“ว้าย...ปล่อยนะ!” วิศราพยายามดิ้นรนเอะอะ เมื่อถูกร่างยักษ์รวบตัวเข้ามากอด“ไม่ปล่อย อา...ตัวหอมจัง” ปลายจมูกโด่งฝังที่ข้างแก้มขาวใสสองครั้งติดกัน“อ๊าย...กล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน ช่วยด้วย...อุ๊บ!” ร้องได้เพียงเท่านั้นก็ถูกเรียวปากอุ่นร้อนทาบทับดูดกลืนเสียงของเธอจนหมด ปราบดาจูบซับความหอมหวานจากปากน้อยๆ จนพอใจ ก่อนลากไล้มาที่ลำคอระหงราวกับต้องมนตร์ ทำเอาหญิงสาวถึงกับขนลุกเกรียว ร่างกายแข็งทื่อ ถึงจะเก่งอย่างไรเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ไร้เดียงสาเรื่องระหว่างชายหญิงแบบนี้ปราบดากระตุกยิ้มร้า
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่
วิศรานั่งฟังอย่างสงบ และเริ่มคิดตาม เพราะเป็นคนสำคัญที่สุดจึงต้องหวงแหน เขาก็คงเหมือนเธอที่หวงบิดาเพราะคิดว่าเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวในชีวิต อนิจจา...หากวันนั้นเธอไม่ก้าวร้าวพี่สาวของเขาก่อน หมอนั่นก็คงไม่คิดกำราบเธอด้วยวิธีป่าเถื่อนรุนแรงแบบนั้น เธอเองก็มีส่วนผิดที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องมันถึงเลยเถิดแบบนี้‘ฉันต้องขอโทษคุณแทนตาปราบด้วยนะคะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด’ ปุริมาเอ่ยอย่างจริงใจ ‘แล้วก็ต้องขอบคุณที่คุณยอมอโหสิให้เขา’วิศรามองสบตาแม่เลี้ยงเต็มๆ ตาโดยไม่มีอคติมาบดบังเป็นครั้งแรก ‘ฉันเองก็ผิดที่ทำตัวไม่ดีกับคุณเหมือนกัน ที่จริงฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าน้องชายคุณนักหรอกค่ะ’‘แต่อย่างน้อยคุณก็ยังโชคดีกว่าปราบตรงที่ยังมีลมหายใจ โชคดีที่มีคนที่คุณรักและรักคุณมากมาย ฉันขอพูดอะไรกับคุณอีกนิดได้ไหมคะ’วิศราพยักหน้ารับนิดๆ‘พูดมาสิคะ’‘ฉันคิดว่าตาปราบเขาแอบชอบคุณมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้วละค่ะ จำตอนที่เขาขับรถชนสุนัขของคุณได้ไหมคะ’แน่นอนว่าวิศราย่อมจำได้แม่น‘ที่จริงตาปราบก็ตกใจมากเหมือนกัน ทีแรกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก ตั้งใจจะลงมาดูมาขอโทษคุณเพราะเขาเองก
ร่างเพรียวระหงของสตรีผู้หนึ่งยืนนิ่งปล่อยใจล่องลอยไปแสนไกล เธอกำลังทอดสายตามองท้องฟ้าที่ดูหม่นเศร้ายามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ความเงียบสงัดทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้แห้งกรอบปลิวเมื่อยามต้องแรงลมราวกับท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกหนี แต่ก็มีในบางจังหวะที่ชวนให้คนฟังรู้สึกถึงความอ่อนหวานปนขมปร่าในหัวใจยามที่คิดถึงใครบางคนที่รักแต่จำต้องจากไปไกลแสนไกลนี่มันก็เกือบปีแล้วสินะที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันเหมือนจะยาวนาน แต่น่าแปลกที่เธอยังคงจำเหตุการณ์ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมาได้อย่างดีทีเดียวหลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนลอบยิงอย่างอุกอาจที่สวนอาหารแห่งนั้นไม่นาน ก็มีข่าวครึกโครมว่าตำรวจจับตัวคนร้ายได้ทว่าที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่คนร้ายซัดทอดว่า คนที่จ้างวานให้มายิงเธอนั้นคือ...พรีมโรส แฟนสาวของปราบดานั่นเอง ส่วนเหตุผลจูงใจของผู้หญิงคนนั้นวิศราก็เดาได้ไม่ยาก เพราะคงไม่พ้นเรื่องหึงหวง แต่แทนที่เธอจะโกรธแค้น น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกสงสารปนสังเวชใจที่นางแบบสาวที่กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ผู้นั้นคิดตื้นๆ เลือกตัดอนาคตตัวเอง ทำในสิ่งที่ผิดจนทำให้คนที่เธอรักต้องจากไปตลอดกาล แถม
ตอนที่วิศราไปถึงหน้าห้องผ่าตัดมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นั่นคือคณะที่พากันไปทัวร์สวนสัตว์วันนี้ที่พอรู้ข่าวก็คงรีบมาที่โรงพยาบาลกันทันที รวมถึงยุทธนาที่ตามมาหลังจากทราบข่าว สีหน้าทุกคนร้อนรนมีรอยกังวล แต่คนที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นพี่สาวของคนเจ็บนั่นเอง ใบหน้าซีดเผือดของปุริมายังคงเปื้อนคราบน้ำตา สิ่งเดียวที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้แม่เลี้ยงของเธอล้มพับไปคือลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับซุกหน้ากับอกผู้เป็นแม่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นเอง“แม่ส้มขา...” เสียงเรียกนั้นทำเอาวิศราสะดุ้งสุดตัว พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเธอจึงอ้าแขนรับร่างป้อมที่วิ่งตรงมาหาโดยอัตโนมัติ “แม่ส้มเป็นอะไรคะ นั่น! ทำไมเลือดแม่ส้มออกเต็มเสื้อเลยคะ”รอยเลือดแห้งกรังที่อกเสื้อทำให้แม่คนช่างเจรจาสงสัย“ไม่ใช่เลือดแม่หรอกค่ะ แต่เป็นของ...”คนพูดกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจสะดุดเมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่พุ่งเข้ามารับกระสุนพร้อมกับกอดเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกวายร้ายนั่นทำอันตรายเธอได้ แต่คนช่วยกลับรับเคราะห์เสียเอง เลือดบนอกเธอก็คงเป็นเลือดเขานั่นเอง“เป็นยังไง...หมอว่ายังไงบ้างคะ” วิศราพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจเธอตอนนี้มันเต้นรัวด้วย