สนามบินสุวรรณภูมิ 06.20 น.
ร่างระหงของหญิงสาวผมทองคนหนึ่งกำลังเข็นรถที่มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ทั้งหมดสี่ใบด้วยความกระฉับกระเฉง พอเห็นว่าบิดามารดามายืนรอรับก็รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง โดยทิ้งรถเข็นไว้ทางด้านหลังเพราะรู้ว่ายังไงลูกน้องของบิดาก็จะต้องมาช่วยเข็นอย่างแน่นอน
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่แอลคิดถึงพ่อกับแม่จังเลยค่ะ”
เอลินอร์ เอกประดิษฐ์มณีหรือแอลเป็นหญิงสาววัย 24 ปี เธอไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่อายุ 15 พอจบเกรด 12 ก็เรียนต่อปริญญาตรีบริหารธุรกิจ จากนั้นก็เรียนต่อการออกแบบอัญมณีอีกสองปีเพื่อจะกลับมาช่วยงานของบิดา แต่หลังจากเรียนจบก็เที่ยวกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน จนคุณเอกภพผู้เป็นบิดาต้องโทรศัพท์ตามให้กลับบ้านเพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเขาก็รู้ว่าลูกสาวจะเที่ยวอีกนานแค่ไหน
“เดินทางเหนื่อยไหมลูก” เสียงมารดาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เลยค่ะแม่ บินตรงแบบนี้แอลหลับยาวเลยค่ะ”
“จะเหนื่อยก็แปลกแล้วล่ะคุณ นั่งเฟิร์สคลาสแบบนั้นแถมบังบินตรงไม่ต้องแวะที่ไหน”
“ก็แอลคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่นี่คะ ก็เลยเลือกบินตรงจะได้ไม่ต้องแวะที่ไหนให้เสียเวลา” เอลินอร์รีบบอกอีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกบินตรงก็เพราะเป็นคนไม่ชอบการรอ ถ้าจะให้เธอลงจากเครื่องแล้วนั่งรออีกเป็นชั่วโมงคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อแย่
“คิดถึงแล้วทำไมไม่รีบกลับมาล่ะ นี่ถ้าพ่อไม่โทรไปตามก็คงยังไม่ยอมกลับใช่ไหม” เอกภพเชื่ออย่างที่พูดเพราะเขารู้จักนิสัยของเธอดีกว่าใคร
“โธ่ พ่อคะก็แอลเพิ่งเรียนจบก็อยากจะเที่ยวก่อน ถ้ากลับมาเมืองไทยแล้วแอลก็คงไม่ได้กลับไปอีก” เอลินอร์มักจะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองแบบนี้ได้ตลอด
“แต่พ่อว่าเที่ยวนานเกินไปแล้วนะ” เอกภพไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินแต่เขาอยากให้ลูกสาวรีบกลับมาเรียนรู้งานในบริษัทเพราะตอนนี้เขามีปัญหาเรื่องสุขภาพที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่ก็ไม่ได้บอกเหตุผลนี้ออกไป
“แม่ขาดูพ่อสิคะ ว่าแอลอีกแล้ว” พอบิดาต่อว่านิดหน่อยหญิงสาวก็หันกลับมาอ้อนมารดา
“คุณเอกคะ ฉันว่าลูกเพิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ กลับบ้านกันก่อนดีกว่าค่ะ วันนี้คุณมีประชุมแต่เช้าด้วยนะคะ” เพราะเป็นคนกลางระหว่างสามีและลูกสาวเธอจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้การเจอหน้ากันครั้งแรกในรอบครึ่งปีต้องเสียบรรยากาศ
“นั้นสิ ไหนๆ ก็กลับมาแล้วเช้านี้เข้าประชุมกับพ่อเลยไหม พ่อจะได้แนะนำลูกสาวคนเก่งให้ที่บริษัทได้รู้จัก” เอกภพถามลูกสาวออกไปแบบทั้งที่ตัวเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
“พ่อขาแอลเพิ่งมาถึงนะคะ ขอพักก่อนได้ไหม ถ้าพร้อมเมื่อไหร่แอลจะไปทำงานกับพ่อนะคะ” หญิงสาวคล้องแขนบิดาและมารดาคนละข้างอย่างประจบ
“ได้สิลูกพักให้เต็มที่ก่อนก็ได้ ส่วนงานที่บริษัทก็ให้พ่อกับลูกน้องช่วยกันทำไปก่อน” คุณแอนเดรียหญิงวัย 52 ปีชาวอังกฤษให้ท้ายลูกสาวคนเล็กที่เธอรักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
“แม่แอนเป็นแม่ที่น่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ” พูดจบเธอก็หอมไปที่แก้มทั้งสองข้างของมารดาอย่างประจบ
คุณเอกภพมองลูกสาวช่างอ้อนแล้วก็ส่ายหัวเพราะผู้เป็นภรรยารักและตามใจเธอจนเคยหัว ไม่ว่าเอลินอร์อยากจะได้อะไรหรืออยากจะทำอะไรแอนเดรียก็ตามใจจนเคยตัว ยิ่งลูกสาวจากไปเรียนไกลตัวแต่วัยรุ่นเธอก็ยิ่งตามใจมากขึ้นเพราะกลัวว่าความห่างเหินจะให้ลูกสาวไม่รักตนเอง
“ถ้าจะรีบกลับก็ไปเข็นกระเป๋าได้แล้ว ทิ้งไว้อย่างนั้นเดี๋ยวใครเขาก็นึกว่าเจ้าของไม่เอาขึ้นมามันจะยุ่ง” เอกภพมองไปยังรถเข็นด้านหลังที่มีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่อยู่บนนั้นถึงสี่ใบ
“อ้าว ทำไม่แอลต้องเข็นเองล่ะคะ ลูกน้องพ่อไปไหนทำไมไม่มาช่วยแอลเข็น” หญิงสาวพูดพลางมองหาคนที่จะมาช่วยเข็นแต่บริเวณนี้มีแค่บิดากับมารดาของเธอเพียงเท่านั้น
“ลูกน้องพพ่อจ้างมาทำงาน ไม่ได้จ้างมาเข็นกระเป๋า”
“มันก็เหมือนนั่นแหละค่ะพ่อ เราจ้างแล้วก็ควรใช้งานให้คุ้มสิคะ” เอลินนอร์พูดอย่างเอาแต่ใจ เพราะเธอรักความสะดวกสบายและไม่ค่อยทำอะไรเอง
แม้จะไปเรียนต่างประเทศแต่เธอก็ยังต้องจ้างแม่บ้านมาคอยทำความสะอาดห้องและซักรีดเสื้อผ้าให้ ในขณะที่นักเรียนไทยคนอื่นๆ ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
“ถ้าแอลไม่เข็นจะทิ้งไว้ตรงนั้นก็ได้นะ พ่อไม่ว่าหรอก ไปกันเถอะแอนเดรียเดี๋ยวดินจะรอนาน”
“คุณก็ น่าจะให้ใครสักคนมาช่วยนะคะ ดูสิกระเป๋าเยอะขนาดนั้นลูกจะเข็นไหวได้ยังไง”
“แล้วเขาเอาขึ้นเครื่องมาได้ยังไงล่ะคุณ” เอกภพพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินนำออกมา เขาอยากจะดัดนิสัยลูกสาวบ้าง เพราะที่ผ่านมานั้นทั้งตนเองและภรรยาตามใจมากจนเอลินอร์แทบจะทำอะไรด้วยตัวเองเป็น จะมีเรื่องเดียวที่ลูกสาวของเขาทำได้ดีก็คือเรื่องเรียนเท่านั้น
“ไม่เป็นไรค่ะมาเดี๋ยวแอลเข็นไปเองก็ได้”
“ให้แม่ช่วยนะ” แอนเดียทำท่าจะเข้ามาช่วยลูกสาว เพราะดูแล้วกระเป๋าคงจะหนักอยู่ไม่น้อย
“อย่าเลยค่ะ อันที่จริงมันก็ไม่หนักอะไรหรอกค่ะ แต่ที่กระเป๋ามันมีหลายใบเพราะของบางอย่างแอลต้องแพ็กมาอย่างดีมันก็เลยใช้พื้นที่เยอะไปนิดค่ะ” หญิงสาวรีบบอก
“งั้นหนูเข็นตามมาช้าๆ นะไม่ต้องรีบ”
“แม่คะ คนที่มารับเราคือนายดินเหรอคะ แอลนึกว่าจะเป็นลุงสมานเสียอีก” ลุงสมานที่เธอพูดถึงก็คือคนขับรถที่ทำงานรับใช้ที่บ้านเธอมานาน
“จ้ะ ลุงสมานต้องรับรถให้พ่อตอนกลางวัน ถ้าให้ตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อออกมารับลูก แม่ก็กลัวจะง่วง ดินเขาเลยอาสามารับ”
อันที่จริงในตอนแรกเธอกับสามีก็จะมารับลูกสาวกันแค่สองคนแต่พอปฐพีหรือดินรู้เขา เขาก็เป็นคนอาสาขับรถมาให้เพราะไม่อยากให้คุณเอกภพที่เขารักเหมือนบิดาต้องขับรถเอง
“อ้อ ดีเหมือนกันนะคะนายดินคนนี้เลี้ยงไว้ไม่เสียข้าวสุกจริง”
หญิงสาวนึกถึงเด็กชายตัวผอมสูงที่เอาแต่เดินตามติดพี่ชายของเธอไปทุกที่เมื่อหลายปีก่อน จากนั้นเธอก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลยถึงแม้ว่าเขาจะไปเรียนที่เมืองเดียวกับเธอและเธอก็มาพาพี่ชายที่หอพักบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยได้เจอกัน
“แอล อย่าพูดแบบนี้ให้พ่อหรือคนอื่นได้ยินนะ” คุณแอนเดรียรีบปราบลูกสาว
“ทำไมล่ะคะแม่”
“มันฟังดูไม่ดี คนอื่นเขาจะหาว่าเราไปดูถูกเขา”
“แอลก็พูดเรื่องจริงพ่อรับเขามาอยู่ที่บ้าน เลี้ยงเขาเหมือนกับเป็นลูกคนหนึ่งเขาก็ควรจะตอบแทนเราบ้าง”
เอลินอร์ไม่เข้าใจว่าทำไมครอบครัวของเธอถึงได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนกับเขาเป็นคนสำคัญทั้งๆ ที่เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเธอเลยสักนิด
ขณะที่เดินและเข็นรถตามบิดามารดามายังด้านหน้าอาคารรถตู้สีดำคันหรูก็เคลื่อนมาจอดตรงหน้าพอดี
“แม่คะ แอลคงไม่ต้องยกกระเป๋าขึ้นรถเองใช่ไหมคะ” เอลินอร์หันมาถามมารดา เพราะเห็นว่าบิดาตนเองยังเปิดประตูขึ้นไปนั่งเองโดยที่คนขับรถไม่มาเปิดให้อย่างที่ควรจะเป็น
“ไม่ขนาดนั้นหรอกลูกเดี๋ยวดินเขาก็ลงมาช่วยเอง หนูขึ้นนั่งรอในรถได้เลย”
หญิงสาวขึ้นไปนั่งในแถวหลังในขณะปฐพีลงมายกกระเป๋าทั้งหมดไปไว้หลังรถ
รถตู้คันเดิมแล่นเข้ามายังบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่กินพื้นที่กว่าหนึ่งไร่ ภายในมีบ้านทรงยุโรปสีขาวตั้งอยู่ตรงกลาง ด้านขวาของตัวบ้านเป็นสระว่ายน้ำ ส่วนด้านซ้ายมือเป็นโรงจอดรถ ปฐพีจอดรถที่บันไดทางด้านหน้า จากนั้นก็ยกกระเป๋าลงจากรถโดยมีลุงสมานและเด็กรับใช้ช่วยกันยก ส่วนเจ้าของกระเป๋านั้นเดินตัวปลิวเขาไปในบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ขอบใจมากนะดิน อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนไหม” เอกภพเอ่ยชวน “ไม่เป็นไรครับคุณลุง” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเกรงใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเติบโตมาในอุปการะของคุณเอกภพแต่เขาก็เจียมตัวอยู่เสมอว่าตนเองเป็นแค่เด็กที่ท่านเมตตาส่งเสียเลี้ยงดู “ทำไมล่ะดิน หรือว่ารีบไปไหน ป้าว่าดินไม่มาทานข้าวกับเรานานแล้วนะ หรือว่ามีใครรอทานข้าวหรือเปล่า” “ไม่มีหรอกครับคุณป้า” “ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ทานด้วยกันก่อน” “ครับ” เพราะความเกรงใจปฐพีเลยต้องยอมทานอาหารเช้ากับท่านทั้งสอง ซึ่งแต่ก่อนก็มักจะมาทานที่นี่เป็นประจำแต่หลังจากที่ลูกชายเจ้าของบ้านแต่งงานและย้ายออกไปอยู่ที่อื่นปฐพีก็ไม่ค่อยได้มาทานอาหารเช้าที่บ้านนี้อย่างเคย ปฐพีขับ
บ้านเอกประดิษฐ์มณี “น้องแอลไม่อยู่เมืองไทยนาน ไม่รู้ว่าจะทานอาหารเผ็ดได้หรือเปล่า พี่เลยใส่พริกไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะคะ ไม่รู้ว่ารสชาติจะถูกปากหรือเปล่า” พรลภัสบอกกับน้องสามี เพราะอาหารมื้อนี้เธอกับป้านวลช่วยกันทำตั้งแต่บ่าย “อร่อยมากค่ะพี่เนย ฝีมือทำอาหารของพี่เนยอร่อยมากค่ะ แอลไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายของแอลเริ่มจะมีพุงแล้ว” เอลินอร์เอ่ยชมจากใจจริงหลังจากที่ตักแกงเขียวหวานเนื้อเข้าปากติดๆ กันไปหลายคำ “พุงนี้ไหนกันยัยแอล กล้ามเนื้อทั้งนั้น” อลันเอามือลูบท้องตนเองที่ตอนนี้ดูจะมีเนื้อมากกว่าแต่ก่อน “ถ้าพี่อลันหลอกตัวเองแล้วก็มีความสุขก็เชิญตามสบายเลยค่ะ แต่แอลมองยังก็ไงเห็นว่ามันเป็นพุงอยู่ดี” เธอพูดพลางยักไหล่อย่างยียวน “พูดแบบนี้ขอให้ได้แฟนอ้วนลงพุงทีเถอะ พี่จะหัวเราะให้ฟันร่วงไปเลย” อลันพูดจบก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี “พี่อลัน อย่ามาแช่งน้องแบบนี้นะ คอยดูเถอะแอลจะหาแฟนหล่อรวยหุ่นนายแบบมาควงให้ดู” “จ้ะพี่จะคอยดู แต่ขอร้องนะแอลขอคนที่มีสมองด้วยนะ อย่างแฟนคนล่าสุดของเราพี่ว่ามันไม่มีสมอง” “มีสิทธิ์อะไรมาว่าจอห์น
A Plus Condominium ปฐพีถอนหายใจอย่างหนักขณะมองขวดน้ำหอมที่เอลินอร์ซื้อฝาก เขารู้ว่าราคามันแพงและคงไม่มีขายแบบหนึ่งแถมหนึ่งอย่างที่เธอบอก แต่ที่เธอซื้อมาให้เขาก็คงอยากจะแกล้ง เนื่องจากเขาเคยพูดกับอลันว่าไม่ค่อยชอบใช้ของแบบนี้เท่าไหร่ แต่เอลินอร์คงลืมไปแล้วว่านิสัยของคนเรามันเปลี่ยนกันได้และน้ำหอมที่เธอซื้อมาฝากก็เป็นกลิ่นที่เขาใช้ประจำอยู่แล้ว “ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อเอง” ปฐพีหัวเราะก่อนจะรีบอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน พรุ่งนี้เขามีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมากทั้งเรื่องงานที่ต้องทำและเรื่องที่คุณเอกภพขอร้องให้เขาช่วยสอนงานให้กับเอลินอร์ ปฐพีคิดว่าคงต้องเตรียมแผนรับมือให้ดีเพราะลูกสาวของเจ้านายคนนี้ค่อนข้างเอาแต่ใจและดูท่าแล้วคงจะไม่เชื่อฟังเขาอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเขาได้รับความไว้วางใจจากบิดาและมารดาของเธอแล้วก็จะทำอย่างเต็มที่ เขารู้ว่าคุณเอกภพมีปัญหาสุขภาพ ถ้ามีอะไรที่พอช่วยได้ปฐพีก็ยินดีทำ แต่ไม่รู้ว่าอีกคนนั้นจะให้ความร่วมมือกับตนเองหรือเปล่าคุณเอกภพมีธุรกิจสองอย่างที่ต้องดูแล อย่างแรกคือธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตอนนี้อลันลูกชายคนโต
หลังเลิกงานปฐพีก็แวะทานอาหารเย็นที่ร้านประจำก่อนถึงคอนโด พอกลับถึงห้องก็อาบน้ำ จากนั้นก็นั่งดูรูปที่คุณอานนท์พ่อค้าเพชรส่งมาให้ ซึ่งรูปที่ส่งมานั้นมีทั้งเพชร พลอยและทับทิม เขาดูแล้วก็ค่อนข้างพอใจและคิดว่าจะปรึกษากับเอลินอร์เพราะอยากฟังความคิดเห็นของเธอว่าจะออกแบบเครื่องประดับอะไรบ้าง ปฐพีนั่งดูรูปไปได้สักพักใหญ่ก็เปลี่ยนมาดูทีวีซึ่งเขาเปิดช่องแฟชั่นของต่างประเทศ เพราะอยากจะดูว่าตอนนี้เทรนด์การแต่งตัวนั้นไปถึงไหนแล้ว เพื่อจะได้ผลิตเครื่องประดับให้ออกมาได้ตรงกับเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม และสินค้าพวกนี้บริษัทก็จะเสนอขายให้กับลูกค้าซึ่งจะได้กำไรมากกว่าการผลิตตามแบบที่ลูกค้าสั่งเข้ามา เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงปฐพีก็เริ่มง่วง แต่ยังไม่ทันจะได้เข้านอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาก่อน เมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้าเป็นคุณแอนเดรียชายหนุ่มก็รีบกดรับทันที “สวัสดีครับคุณป้า คุณลุงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ปฐพีรีบถามอย่างร้อนใจเพราะมีหลายครั้งที่คุณเอกภพเจ็บหน้าอกกลางดึก แล้วเขาต้องรีบพาไปโรงพยาบาล เพราะท่านไม่ยอมให้รถพยาบาลเข้ามาที่บ้าน เนื่องจากกลัวว่าคนอื่นจะรู้
ปฐพีมาที่บ้านเอกประดิษฐ์มณีตั้งแต่เพื่อเอากระเป๋ามาคืนเอลินอร์แต่เจ้าของกระเป๋าคงจะยังไม่รู้ตัวว่าลืมไว้บนรถเขา “อ้าว ดินมากินข้าวด้วยกันก่อนสิ” “ครับคุณลง” “ได้ยินว่าเมื่อคืนไปเที่ยวเจอกับยัยแอลเหรอถึงได้พามาส่งบ้าน” เอกภพรู้จากภรรยาเมื่อเช้าว่าคนที่มาส่งลูกสาวของตนถึงในบ้านนั้นคือปฐพี “ครับคุณลุง” “ลูกลุงไปทำอะไรให้ดินเดือดร้อนหรือเปล่า” “เปล่าครับเธอก็แค่เที่ยวตามประสาวัยรุ่นครับ” “ยังไงลุงก็ฝากด้วยนะ ตอนนี้อลันก็มีครอบครัวไปแล้วเหลือแต่ดินนี่แหละที่พอจะช่วยลุงดูแลเธอได้” ถึงแม้ลูกสาวของตนเองจะอายุ 24 ปีแล้วแต่ในสายตาขอผู้เป็นบิดาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ “ครับคุณลุง แล้ววันนี้คุณหนูจะไม่ลงมาทานอาหารเช้ากับเราเหรอครับ” “เช้าขนาดนี่ยัยแอลยังไม่ตื่นหรอกจ้ะดิน” คนที่ตอบคำถามของชายหนุ่มก็คือคุณแอนเดรียที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ “ครับ”“ดินมีอะไรกับยัยแอลหรือเปล่า”“พอดีคุณหนูลืมกระเป๋าถือไว้ในรถ ผมเลยจะเอามาคืนเธอครับคุณป้า” “ขอบใจจ้ะ ดินฝากไว
“โอ๊ย เอกสารตั้งเยอะตั้งแยะใครมันจะอ่านหมดนั่นล่ะนายดิน นี่นายกำลังแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม” เอลินอร์โวยวายเมื่อเห็นกองเอกสารบนโต๊ะทำงานที่ปฐพีบอกกับเธอว่าต้องอ่านและทำความเข้าใจทุกอย่างในนั้นแล้วสรุปมาให้เขาฟังอีกที “ผมจะแกล้งคุณหนูทำไม่ละครับ นี่ผมเลือกแต่ที่จำเป็นเท่านั้นเองนะครับ” ปฐพีพูดไปตามความจริง “แล้วนายให้เวลาฉันเท่าไหร่ล่ะ” “คนเก่งอย่างคุณหนูคิดว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ล่ะครับ” เขารู้นิสัยของเอลินอร์ดีว่าเป็นคนชอบความท้าทาย “สองอาทิตย์ได้ไหมมันเยอะมากเลยนะ” “นานไปครับ ผมให้แค่อาทิตย์เดียวครับ” เขาทำเป็นต่อรอง “มันโหดไปหน่อยเหรอ ฉันไม่ถนัดเรื่องบริหารเลย ฉันชอบออกแบบมากกว่า ขอย้ายไปฝ่ายออกแบบได้ไหม” “คุณหนูต้องเรียนรู้งานทุกฝ่ายอยู่แล้วครับ” “ฉันไม่ถนัดเรื่องบริหารเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาเรียนรู้เรื่องพวกนี้ ในเมื่อพ่อและนายก็ช่วยกันบริหารได้ดีอยู่แล้ว” เธอไม่อยากรับผิดชอบอะไรทั้งนั้นเพราะคิดว่ายังไงเขาและบิดาก็ช่วยกันบริหารบริษัทได้ดีอยู่แล้ว “เพราะคุณหนูเป็นเจ้าของที่นี่ไงครั
เอลินอร์เดินมานั่งตรงข้ามกับปฐพี รอไม่นานพนักงานก็เดินเอาของที่สั่งมาส่งให้ “ฉันสั่งให้นาย สีชมพู เข้ากับหน้าดุๆ ของนายดีนะ” “ขอบคุณครับ” ปฐพียิ้มก่อนจะดูดนมเย็นพรวดเดียวครึ่งแก้ว “นายชอบกินเหรอ” เมื่อไม่เป็นไปตามแผนเธอก็รู้สึกเสียความมั่นใจ “อือ ผมว่าอร่อยดีนะคุณจะลองไหมล่ะ” “ไม่ล่ะ มันชมพูเกินไปไม่เหมาะกับฉันเลยสักนิด” “แต่คุณหนูก็เก่งนะรู้ด้วยว่าผมชอบกินนมชมพู” ปฐพีรู้ว่าเธอยากแกล้งให้เขาอายคนอื่น แต่ถ้าเขาโมโหหรือไม่พอใจเธอก็คงจะหาเรื่องแกล้งเขาไปเรื่อยไม่รู้จบแน่นอน “แน่นอนฉันน่ะเดาใจคนเก่งอยู่แล้วแหละ” เอลินอร์ “คุณหนูครับผมอยากถามว่า..” “นายดิน อย่าเรียกฉันว่าคุณหนูต่อหน้าคนอื่นสิ ฉันอายเขานะ” เอลินอร์รีบบอก “ก็คุณหนูบอกให้ผมเรียกอย่างนี้เองถ้าผมไม่เรียกคุณหนูจะไม่ยอมให้ผมนั่งรถไปด้วย ผมจำได้นะคุณหนู” “ฉับบอกว่าอย่าเรียกไง ต่อไปนายห้ามเรียกฉันว่าคุณหนูเวลาอยู่ข้างนอกอีก เข้าใจไหม” “แล้วถ้าอยู่ที่บ้านหรืออยู่สองคนผมก็เรียกคุณหนูว่าคุณหนูได้ใช่ไหมครับ”
ออกจากบริษัทปฐพีก็รับขับรถตรงมายังบ้านคุณเอกภพด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนที่เจอคุณเอกภพที่บริษัทสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “คุณป้าครับ คุณลุงเป็นยังไงบ้าง” “ไม่เป็นไรแล้ว หมอบอกว่าแค่พักผ่อนน้อยตอนนี้ก็นอนพักอยู่ข้างบน” “ช่วงนี้ท่านมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่าครับ” “ก็คงจะเรื่องยัยแอลนั่นแหละ ช่วงแรกแกเที่ยวทุกคืนท่านก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ นี่ขนาดยังไม่รู้เรื่องที่ยัยแอลตบตีกับคนอื่นจนขึ้นโรงพักนะ ถ้ารู้คงเครียดขึ้นกว่าเดิม “คืนนี้เธอก็นัดออกไปกับเพื่อนกลุ่มเดิมอีก” ปฐพีไม่อยากช่วยเธอปิดบังเพราะเพื่อนของเธอกลุ่มนี้ไม่น่าคบเท่าไหร่ แต่เขาก็ห้ามเธอไม่ได้ ก็คงจะมีแต่คุณแอนเดรียเท่านั้นที่จะพูดกับเอลินอร์ “ตายละ เดี๋ยวก็ได้ไปมีเรื่องกับคนอื่นอีก ดินได้ห้ามเธอหรือเปล่า” “ห้ามแล้วครับ แต่คุณหนูบอกว่าจะไปเจอครั้งสุดท้ายแล้วจะไม่ไปเจออีก ผมไม่รู้จะพูดยังไงก็เลยบอกไปว่าผมจะมารับและมาส่งเธอที่บ้านเอง” “ป้าได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย แต่ดินต้องดูแลยัยแอลดีๆ นะ ป้ากลัวจะไม่เรื่องกับใครเขาอีก”
เมื่อได้รับคำตอบจากภรรยาแล้วปฐพีก็เริ่มปฏิบัติการปั๊มทายาททันที ปฐพีอุ้มเจ้าสาวไปยังห้องนอน เขาวางเธอลงที่ปลายเตียงแล้วรั้งให้เธอเข้ามาแนบชิด จุมพิตไปบนริมฝีปากนุ่มสวย บดขยี้อย่างโหยหาเพียงแค่สัมผัสร่างกายก็ตื่นตัว ชายหนุ่มจับมือเล็กของภรรยาสาวไปสัมผัสกับส่วนแข็งขืนเพื่อให้เธอรับรู้ ว่าตอนนี้เขาต้องการเธอมากแค่ไหน “พี่ดินทำไมมันโตเร็วละคะ” “ก็พี่คิดถึงและต้องการหนูแอลไงครับ ไม่เจอกันหนึ่งเดือน แล้วพอเจอกันก็ได้แค่เดินจับมือ มันทรมานมากนะครับ รู้ไหมพี่ต้องการแอลมาก”เสียงของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าตัวเองนั้นต้องการเธอมากแค่ไหน ชายหนุ่มประคองใบหน้าคนรักแล้วประกบปากจูบอีกครั้งอย่างเร่าร้อนและเรียกร้องเอลินอร์เผยอปากรับลิ้นอุ่นเข้าให้เข้ามาตวัดไล้น้ำหวาน พร้อมส่งเสียงครางอย่างรัญจวน เมื่อฝ่ามือใหญ่ละจากใบหน้าลงมาทรวงอกอิ่มบีบคลึงเต้างามอย่างหนักมือ ปฐพีผละจูบออกเมื่อเธอเริมครางประท้วงเพราะกำลังจะขาดอากาศ สองตาสบประสานส่งผ่านความรู้สึกและความต้องการที่ต่างฝ่ายต่างต่างมีให้แก่กันอย่างท่วมท้นชุดนอนไม่ได้นอนและบราตัวจิ๋วที่พี่สะใภ้มอบให้ค่อยๆ
งานแต่งงานระหว่างปฐพีและเอลินอร์ถูกจัดขึ้นที่โบสถ์เก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ความสวยงามของโบสถ์กับการออกแบบงานแต่งงานเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข ซึ่งปฐพีเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด ปฐพีสวมสูทสั่งตัดสีขาวที่ตัดเย็บอย่างประณีต แขกที่มาร่วมกันต่างมีใบหน้ายิ้มแย้มและรอคอยการปรากฏตัวของเจ้าสาว เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นชายหนุ่มก็หันไปมองที่ประตูทางเข้า เขารู้สึกใจเต้นแรง ในขณะที่แขกต่างลุกขึ้นยืนเพื่อให้เกียรติเจ้าสาวที่เดินควงแขนคุณเอกภพผู้เป็นบิดาเข้ามาใบหน้าสวยปกปิดด้วยผ้าสีขาว นั้นยิ่งกระตุ้นให้ทุกคนอยากเห็นว่าหญิงสาวผู้โชคดีคนนี้จะมีใบหน้าสวยงามแค่ไหน แม้ว่าปฐพีจะไม่มีคนรู้จักที่นี่มากนักแต่เพราะเขาเป็นทายาทอย่างถูกต้องตามกฎหมายคนเดียวของวิลเลียม เบอร์เรลนักธุรกิจชื่อดังของเมืองนี้งานแต่งครั้งนี้จึงมีคนจับตามองอยู่มากพอสมควรเมื่อคุณเอกภพเดินมาถึงยังแท่นพิธีเขาก็ส่งตัวลูกสาวให้กับปฐพี ที่ยื่นมือมารับเจ้าสาวของเขาด้วยความตื่นเต้น มือใหญ่สั่นเล็กน้อยและนั่นก็ทำให้เอลินอร์รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกเมื่อเอลินอร์มายืนอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มก็ยกผ้าคลุมใบหน้า
ความสุขมันแสนสั้นเมื่อถึงเวลาที่ปฐพีจะต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง เอลินอร์มาส่งคนรักที่สนามบิน แต่ครั้งนี้เธอไมได้เศร้าเหมือนครั้งก่อนเพราะปลายเดือนหน้าเธอครอบครัวก็จะบินไปเที่ยวอังกฤษตามคำเชิญของคุณลินดาและคุณวิลเลียม“อีกไม่ถึงเดือนเราก็จะเจอกันอีกแล้ว ครั้งนี้หนูแอลคงไม่งอแงให้พี่ต้องรีบกลับมาใช่ไหมครับ”“แอลไม่เคยงอแงนะคะ”“แล้วใครกันล่ะครับ ที่ไม่ยอมให้พี่โทรหาจนพี่ทนคิดถึงไม่ไหวรีบบินกลับมาแบบนี้”“มาโทษแอลได้ยังไงล่ะคะ พี่ดินอยากทนไม่ไหวเอง”“ถ้าไม่รักก็คงไม่รีบบินกลับมาหรอกครับ”“พี่ดินขา อย่าปากหวานแบบนี้กับใครนะคะ”“พี่ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ หนูแอลยังไม่ไว้ใจพี่อีกเหรอครับ”“ก็พี่ดินของแอลหล่อขนาดนี้เป็นใครก็ต้องหวง”“พี่ไม่เคยมองใครมานานหลายปีแล้ว มองแค่หนูแอลคนเดียว” ปฐพีกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาไม่อยากจะห่างเธอเลยแต่เพราะมีความจำเป็นเรื่องงานเลยต้องทำใจ“พี่ดิน เขาประกาศเรียกแล้ว”“พี่ไปก่อนะครับ รักหนูแอลนะ” ชายหนุ่มก้มจูบหน้าผากมนอย่างรักใคร่“แอลก็รักพี่ดินค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะพี่ดิน ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาแอลนะคะ”“จะลืมได้ยังไงล่ะครับ พี่ไปก่อนนะครับ หนูแอลจะได้รีบกลับไปท
สามวันมาแล้วที่เอลินอร์ทำโทษปฐพี เธอทั้งคิดถึงและอยากเห็นหน้าอยากได้ยินเสียงแต่ก็ต้องอดทนเพราะไม่อยากจะกลายเป็นคนผิดคำพูด แม้ว่าเขาจะไลน์มาหาทุกวัน วันละหลายรอบแต่เธอก็เพียงแค่อ่านแต่ไม่คิดจะตอบกลับ“เหลือแค่สาวันเองจิ๊บๆ” หญิงสาวให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเก็บของใช่ลงกระเป๋าเพราะเลยเวลาเลิกงานมานานนับชั่วโมง แต่เพราะวันนี้ไม่ต้องกลับไปนอนที่บ้านเนื่องจากบิดามารดาไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดเธอจังไม่เร่งรีบอะไร หญิงสาวแวะทานอาหารที่ร้านเดิมที่เคยมาทานกับปฐพีอยู่บ่อยๆ จากนั้นก็เข้าร้านสะดวกซื้อและเลือกอาหารแช่แข็งอีกหลายกล่องเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเธอจึงอยากจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าแพรวาจะโทรศัพท์มาชวนไปเที่ยวแต่เอลินอร์ก็ปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่สนุกกับการไปในสถานที่แบบนั้นอีกแล้ว กลับมาถึงห้องก็เก็บของที่ซื้อมาเขาตู้เย็นก่อนจะรับอาบน้ำเตรียมเข้านอนซึ่งก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับไหม เพราะที่ผ่านมาสองคืนเธอก็นอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากไม่ได้คุยกับปฐพีอย่างเคย เอลินอร์ออกมาจากห้องน้ำก็ต้องแปลกใจเพราะตอนนี้บนเตียงของเธอนั้นโรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดเป็นตัวหนังสือคำว
เอลินอร์ออกจากงานออกจากงานเลี้ยงของคุณติณณ์ก็ตรงไปคอนโดเพราะคืนนี้เธอบอกกับบิดามารดาว่าจะค้างที่นี่ เนื่องจากจะกลับดึกก็ไม่อยากจะขับรถไปที่บ้านเพราะว่าระยะทางจากคอนโดไปที่งานเลี้ยงของคุณติณณ์นั้นใกล้กว่าบ้านของเธอมาก หญิงสาวพยายามจะข่มอารมณ์โมโหของตนมาตั้งแต่อยู่ในงาน พอประตูห้องปิดลงเธอก็กรีดร้องอย่างสุดเสียงเพื่อระบายความโกรธที่ทนจะอัดอั้นมาเกือบชั่วโมง อันที่จริงเธอก็อยากจะกรี๊ดตั้งแต่อยู่ในงานเพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่พลอยลดานำมาบอก แต่เพราะเมื่อคืนตนเองไปในนามบริษัทจึงทำแบบนั้นไม่ได้ “พี่ดินนะพี่ดินทำแบบนี้กับแอลได้ยังไง”เอลินอร์ตัวสั่นเทาขณะกดวิดีโอคอลไปหาคนรัก พอเขากดรับเธอก็พูดกับเขาด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด “พี่ดิน พี่ทำแบบนี้กับแอลได้ยังไง ไหนพี่ว่าไม่เคยมีอะไร ไม่เคยนอนด้วย แล้วนี่ถึงกับนัดกันไปถึงอังกฤษ ไหนพี่ดินบอกว่ารักแอล ให้แอลรอ ให้แอลอดทน แล้วยังไงคะ ในขณะที่แอลอดทนอยู่ทางนี้พี่ดินก็มีความสุขอยู่ทางนู้น พี่ว่ามันยุติธรรมกับแอลไหมล่ะ พี่ดินใจร้าย พี่ดินทำลายความไว้ใจของแอล” เอลินอร์พูดยาวเหยียดก่อนจะร้องไห้อย่างหนักเมื่อพูดจ
เกือบเดือนแล้วที่เอลินอร์กับปฐพีไม่ได้เจอกับเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีหน้าที่ของตนเองที่ต้องรับผิดชอบ แต่พวกเขาก็ยังคงคุยกันอยู่ทุกวันเหมือน เธอกับครอบครัววางแผนว่าจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาที่อังกฤษปลายเดือนหน้า แต่ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ได้วิดีโอคอลคุยกันบ้างแล้ว เอลินอร์ทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดีทั้งในฐานะรองประธานบริษัทและในฐานะนักออกแบบเครื่องประดับ พนักงานทุกคนยอมรับในความสามารถของหญิงสาว และต่างพากันชื่นชมเจ้านายของตนเองที่ทั้งสวยและเก่งจนหาตัวจับยาก หญิงสาวรับผู้ช่วยส่วนตัวมาหนึ่งคนชื่อกมลมาศเพื่อจะได้ออกไปทำงานข้างนอกกับเธอในขณะที่คุณแขไขก็ยังทำหน้าที่เป็นเลขาได้เป็นอย่างดี "คุณแอลคะ งานเย็นนี้มาศเตรียมชุดให้แล้วนะคะ” “แอลไม่อยากไปเลยค่ะ พี่มาศไปแทนแอลได้ไหมคะ” “ได้ยังไงล่ะคะคุณแอล เขาเป็นคู่ค้าคนสำคัญเลยนะคะ ถ้าคุณแอลไม่ไปมาศว่าท่านประธานคงจะไม่ค่อยพอใจแน่ๆ” “แอลไม่ชอบงานแบบนี้เลยค่ะ” “แล้วแต่ก่อนใครไปล่ะคะ หรือว่าท่านประธานไปเอง” “ก็คงจะเป็นผู้ช่วยคุณพ่อนั่นแหละ พอเขาออกไปงานทุกอย
หลังจากเข้ามาดูโรงแรมที่เกาะสมุยแล้ว ปฐพีก็ส่งรายงานทั้งหมดกลับไปให้วิลเลียมพร้อมกับหมายเหตุตอนท้ายไปด้วยว่าเขารู้สึกสนใจโรงแรมที่ส่งเขามาดู แต่ราคาไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เพราะโรงแรมที่นี่จะรับนักท่องเที่ยวไม่ได้ตลอด เพราะถ้าเป็นช่วงมรสุมเข้านักท่องเที่ยวก็จะไม่นิยมกัน ต่างจากโรงแรมที่ภูเก็ตซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปีวิลเลียมเห็นด้วยกับความคิดของชายหนุ่ม เรื่องซื้อโรงแรมจึงชะลอไว้ก่อน แล้วค่อยกลับปรึกษากันอีกที่ว่าอาจจะเปลี่ยนเป็นการร่วมทุน หรืออาจจะเป็นแค่พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจเพียงเท่านั้นพรุ่งนี้เขาก็จะต้องพาเอลินอร์กลับกรุงเทพแล้ว หลังจากทานอาหารค่ำแล้วปฐพีจึงพาเธอมาเดินเล่นที่ชายหาดส่วนตัวหน้าที่พักซึ่งบริเวณนี้มีแค่เขากับเธอเพียงสองคนเท่านั้นทั้งสองเดินทอดน่องไปตามชายหาดปฐพีโอบเอวบางเดินไปเรื่อยๆ ลมทะเลพัดปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย“แอลยังไม่อยากกลับเลยค่ะ” เพราะรู้ว่าหลังจากเขาส่งเธอแล้วก็คงจะไม่ได้เจอกันอีกนาน“พี่ก็เหมือนกันครับ อยากหยุดเวลาไว้แบบนี้จัง” ชายหนุ่มก็รู้สึกใจหายที่ครั้งนี้เขาจะจากเธอไปนานกว่าครั้งไหน“เราหนีไปกันสองคนดีไหมคะ”“ถ้าทำแบบนั้นได้ก็ดี
พอทุกคนออกไปแล้วคุณเอกภพก็ถอนหายใจก่อนจะถามปฐพีเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “เรื่องที่คบกัน มันเป็นเรื่องจริง หรือพูดเพื่อช่วยยัยแอลกันแน่ ดินบอกลุงมาตามตรง” “เรื่องจริงครับลุง” “คบกันมานานแค่ไหนแล้ว คิดจะคบเล่นฆ่าเวลาหรือจริงจัง ดินบอกป้ามา” คุณแอนเดรียกดดันอีกทาง เพราะนึกไม่ออกว่าทั้งสองคนจะไปชอบกันตอนไหน “ผมขอโทษนะครับคุณลุง คุณป้า ที่กินบนเรือนแล้วขี้รดบนหลังคา แต่ผมรักหนูแอลจริงๆ นะครับ” ปฐพียกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างสำนึกผิด “แอลละลูก จริงจังกับพี่เขาไหม หรือตั้งใจจะแกล้งเขา” เธอหันมาถามลูกสาว “แม่คะแอลโตแล้วนะคะ แอลจะทำแบบนั้นไปทำไม เรื่องนี้แอลจริงจังมาก ถ้าไม่คิดจริงจังแอลจะสารภาพกับแม่ทำไมล่ะคะ จริงๆ จะแอบคบกันไปเรื่อยๆ พ่อกับแม่ก็ไม่รู้หรอก พี่ดินอยากสารภาพตั้งนานแล้วค่ะ แต่แอลห้ามไว้เองค่ะ” “เฮ้อ! ให้มันได้อย่างนี้สิทั้งลูกทั้งหลาน ทำเอาคนแก่เกือบจะโดนพ่อเลี้ยงถอนหงอกแล้วไหมล่ะ แล้วมาสารภาพเอาวันนี้ด้วยเลือกวันได้ดีจริงๆ นะ” “เขาจะถนอนหงอกคุณแม่ได้ยังไงคะ ในเมื่อคุณแม่ยังไม่มีหงอกเลยสักเ
“พี่ดิน แอลกลัวค่ะ เราหนีไปด้วยกันเลยดีไหมคะ” “ไม่ต้องกลัวครับ พี่ว่าคุณลุงคุณป้าจะต้องยอมให้เราคบกันเพราะท่านรักหนูแอลมาก” “พี่สัญญาได้ไหมคะ ถ้าแม่ห้าม พี่จะไม่ยอมแพ้” “ครับพี่จะไม่ยอมเสียแอลให้กับใครทั้งนั้น” ปฐพีกับเอลินอร์มาถึงห้องอาหารกึ่งห้องจัดเลี้ยงที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เขากล่าวทักทายคุณเอกภพและคุณแอนเดรีย ก่อนจะหันไปสวัสดีแขกอีกสองท่าน “ดิน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” “หลายวันแล้วครับคุณลุง ผมขอโทษด้วยนะครับที่กลับมาแล้วไม่รีบไปหาพอดีต้องจัดการธุระให้ลุงวิลล์น่ะครับก็” “แล้วรู้ได้ยังไงว่าเรามาเที่ยว ยัยแอลบอกเหรอ” “หนูแอลบอกครับ แล้วบังเอิญว่าผมก็ต้องทำธุระที่นี่เหมือนกัน”“เอาล่ะ ไหนๆ ก็มาแล้วกินข้าวด้วยกันเลย เดี๋ยวลุงจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนของลุงนะ” คุณเอกภพแนะนำให้ปฐพีได้รู้จักกับพ่อเลี้ยงมงคลและลูกชาย เขาบอกทั้งสองเหมือนกับบอกคนอื่นว่าปฐพีเป็นหลานชาย ปฐพีกล่าวทักทายทักสองคนอย่างนอบน้อม “เด็กคนนี้ที่คุณส่งเรียนจนจบใช่ไหมครับ โตขึ้นมากเลย แล้วตอนนี้ทำงานอะไร