จี้ซือหานอดกลั้นความหงุดหงิดไปเปิดประตู ส่วนเจียงเจ๋อก็อดกลั้นความเดือดดาลเดินเข้าประตู...เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟแห่งโทสะของทั้งคู่ปะทะกัน หลังจากที่จี้ซือหานออกจากห้องนอนไปแล้ว ซูหว่านก็สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินลงมาที่บริเวณปกเสื้อของเธอ ถูกจี้ซือหานฉีกออกไปบางส่วน จึงเผยให้เห็นจ้ำๆแดงที่เกิดจากรอยจูบที่ไหปลาร้าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามา เห็นซูหว่านเดินลงบันไดวนตั้งแต่ครั้งแรก...สายตาหยุดอยู่ที่รอยจูบพวกนั้น เขาก็หน้าซีดไปทันทีพวกเขา...เมื่อกี้คงไม่ได้กำลัง?เจียงเจ๋อที่เพิ่งตระหนักได้ ถึงได้เข้าใจว่าที่เจียงโม่บอกให้เขามาพรุ่งนี้มันหมายถึงอะไรแต่จะโทษเขาก็ไม่ได้หรอก คนที่เอาแต่ฝึกวิชามาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยได้สัมผัสตัวผู้หญิง จะไปเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไงท่าทางของเจียงเจ๋อที่เอาแต่จ้องซูหว่านตาค้าง แลกมาด้วยเสียงปืนที่ยิงขึ้นฟ้าของชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ข้างๆ...เจียงเจ๋อได้สติกลับมา เหล่มองจี้ซือหานด้วยความตกใจแค่มองผู้หญิงของเขาแวบเดียว ถึงขั้นต้องชักดาบชักปืน?จี้ซือหานที่เอาเรื่องขั้นสุด กดปืนที่อยู่ในมือลงบนศีรษะของเขา"นายน้อยเจียง อะไรที่ไม่ควรดู ก็อย่าดู..."
เจียงโม่ที่เห็นภาพช็อตนี้อยู่ในสายตา รู้สึกว่าชาตินี้ทั้งชาติเธอไม่มีวันเชื่อฟังว่าง่ายแบบนี้แน่เธอหันข้างไปมองเจียงเจ๋ออีกแวบนึง ก็เห็นเขายังจ้องซูหว่านอยู่ จึงกัดฟันถาม "พี่ชอบเธอที่เป็นแบบนี้หรอ?"เจียงเจ๋อพยักหน้านิดหน่อยราวกับหุ่นยนต์ จากนั้นอยากถามเจียงโม่ว่าชอบคืออะไร แต่แลกมาด้วยการมองบนของเจียงโม่รวมไปถึง...ฝ่ามือพิฆาตที่ท้ายทอยอีกหนึ่งครั้ง!เจียงเจ๋อ "..."สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนทิศ เดินเข้าห้องหนังตามจี้ซือหานไปด้วยอการเวียนหัววินาทีที่ประตูห้องหนังสือปิดสนิท ซูหว่านกับเจียงโม่ต่างก็สบตากันบรรยากาศแปลกประหลาดไม่น้อย และอึดอัดอยู่ทีเดียว..."คุณซู มีกาแฟไหมคะ?"หลังจากที่ทั้งสองคนเงียบอยู่สักครู่ เจียงโม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อนซูหว่านตอบกลับคำนึงว่า "น่าจะมีค่ะ" จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปควานหากาแฟในห้องครัวซูหว่านที่ไม่คุ้นเคยบ้านใหม่ ค้นหาอยู่นานก็หาไม่เจอ บรรยากาศก็เข้าสู่ความกระอักกระอ่วนอีกครั้งเธอฝืนเอวที่เจ็บปวดจากการร่วมรักกับจี้ซือหาน หมุนตัวกลับไปมองเจียงโม่ที่เดินตามเธอซึ่งไปหากาแฟ"น้ำร้อนได้ไหมคะ?"เจียงโม่เลิกคิ้วกับตาขึ้นเล็กน้อย "เอาที่สะดว
ซูหว่านส่ายหน้าด้วยความแน่วแน่ "ฉันไม่ไปค่ะ"เธอจดทะเบียนสมรส ก็หมายถึงเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ยังจะไปปาร์ตี้คนโสดอะไรอีกทว่าเจียงโม่กลับไม่ยอมรับคำปฏิเสธ "เอาตามนี้ พรุ่งนี้ฉันมารับคุณนะคะ"ซูหว่านพูดอย่างเหนื่อยใจ "คุณหนูเจียง ต่อให้คุณมารับ ฉันก็ไม่ไปหรอกค่ะ"หญิงสาวที่สวมชุดกี่เพ้า ไม่ได้ตอบกลับ แค่ยกมุมปากยิ้ม จากนั้นร่างที่หุ้มขนเฟอร์ ก็ลุกขึ้นเดินจากไปแผ่นหลังที่เพรียวบาง ดูสง่างามมีออร่า แม้จะเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลกนี้ ก็ไม่อาจเทียบได้กับท่าทางสบายๆของเจียงโม่ซูหว่านมองแผ่นหลังของเธอ รู้สึกโล่งอก โชคดีที่คนที่เจียงโม่ชอบไม่ใช่จี้ซือหาน ไม่อยากนั้นจะกลายเป็นคู่แข่งที่ร้ายกาจที่สุดของเธอเธอยกน้ำร้อยขึ้นดื่มคำนึง มองไปยังทิศทางห้องหนังสือ ข้างในนั้นเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าเรื่องที่ทั้งสองคนคุย คือเรื่องอะไรกันแน่ห้องหนังสือมีระบบผนังเก็บเสียงดีมาก จี้ซือหานพิงหลังลงบนโซฟาหนัง ขาเรียวยาวทั้งสองวางซ้อนกันด้วยความเกียจคร้านใต้คิ้วสวยราวกับรูปวาด ดวงตาสีดำจลับลึกล้ำ จ้องไปยังเจียงเจ๋อที่มีรังศีเย็นชาเช่นเดียวกัน"นายน้อยเจียง นายหมายความว่าไง?"เจียงเจ๋อนั่งยืดตัวต
เจียงเจ๋อเองก็เคยได้ยินพ่อพูดถึงรักแรกสมัยยังเป็นเด็กหนุ่มมาเหมือนกัน ควรจะบอกว่าเป็นนางในฝันที่รักแต่ไม่อาจได้มาครอบครอง แต่ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นยังไง รู้แค่ว่าเพราะผู็หญิงคนนี้ พ่อถึงครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิตความคิดของเขาถูกเบี่ยงเบนไปโดยจี้ซือหาน สิ่งที่คุยอยู่ตอนนี้คือเรื่องขององค์กร จุดประสงค์แรกเริ่มของSคืออะไร ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ถึงยังไงซะแค่ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายในตอนนี้ก็พอแล้วเจียงเจ๋อเก็บความคิดลงไป ให้คำสัญญาที่หนักแน่นกับจี้ซือหาน "ฉันจะไปกับนายด้วย ไม่จะเป็นหรือตาย ฉันก็จะตามนายไป"เขาไม่เคยแสดงความจงรักภักดีต่อจี้ซือหานมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก นึกว่าอีกฝ่ายได้ยินแล้วจะซาบซึ้ง แต่ใครจะคิดว่าจี้ซือหานกลับเหล่มองเขาด้วยท่าทางรังเกียจ "นายไปด้วย ก็มีแต่จะเป็นภาระฉันเปล่าๆ"เจียงเจ๋อโกรธจนกำหมัด "ไอ้คนแซ่จี้ อย่าหลงตัวเองให้มันมาก กี่ครั้งแล้วที่นายทำภารกิจ แล้วฉันคอยช่วยเก็บงานให้นายทีหลังไม่งั้นนายคิดว่าจะทำภารกิจได้สำเร็จราบรื่นหรือไง?!"จี้ซือหานชิดคางขึ้น "นั่นก็เพราะว่า นายเหมาะจะตามล้างตามเช็ดยังไงล่ะ"เจียงเจ๋อคิด "...ไอ้เวรนี่ ทำไมปากมันวอนบาท
จี้ซือหานที่ไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรักจากเธอ หลังจากที่ได้อยู่กับเธอแล้ว ก็มักจะสัมผัสได้ถึงความรักที่เต็มเปี่ยมจากเธออยู่เสมอเขาคิดว่าตัวเองรักเธอมากกว่า แต่เมื่อได้ยินเธอพูดคำพูดเหล่านั้น จู่ๆก็รู้สึกว่า จริงๆแล้วความรักของพวกเขาที่มีให้อีกฝ่ายนั้นเท่ากันชายหนุ่มจับมือของเธอแน่น ใช้กำลังดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด"ฉันจะไม่ให้ใครมาแตะต้องเธอได้ทั้งนั้น"ตอนที่เขาพูดประโยคนั้น ในแววตาเต็มไปด้วยรังศีสังหารเจียงเจ๋อพูดถูก เขาตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องตัวเองได้แต่ไม่ว่าจะS หรือวงการมืด ก็อย่าคิดแม้แต่จะแตะต้องผู้หญิงของเขาใครที่มันกล้า ต่อให้เขาต้องถึงตาย ก็จะลากให้อีกฝ่ายลงนรกไปด้วย!เพราะสำหรับเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าซูหว่านอีกเธอคือชีวิตของเขา เป็นแสงสว่างที่เขาตามหามาตลอดชีวิต เป็นคนที่เขาต้องการมาโดยตลอดเขาไม่มีทางทำให้คนที่ฆ่าตัวตายไปแล้วสามปีและกลับมาใหม่ต้องผิดหวัง...ในคืนนั้นซูหว่านกับจี้ซือหานไม่ได้พักอยู่ในบ้านหลังใหม่ อีกไม่นานก็จะต้องจัดงานแต่งงานแล้ว บ้านใหม่ก็ต้องตกแต่งเธอเองก็ต้องกลับไปตกแต่งวิลล่าที่เธอจะใช้ออกเรือน แต่เธอเชิญตัวผู้
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น