เครื่องบินส่วนตัวลงจอดที่สนามบินตามกำหนดเวลา ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ออร่าเต็มเปี่ยมเดินออกจากสนามบินอย่างรวดเร็วท่ามกลางการคุ้มกันของเหล่าบอดี้การ์ดหลังจากที่เขาเข้าไปนั่งในรถหรูแล้ว ก็หยิบมือถือส่วนตัวออกมา คิดจะเปิดเครื่องโทรหาซูหว่านรายงานว่าเขาปลอดภัยดี แต่จู่ๆ อาการปวดหัวจี๊ดก็เกิดขึ้นอีกครั้งใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ขาวซีดไร้สีเลือดในฉับพลัน ขนาดดวงตาก็แดงไปด้วย...เขาโยนมือถือทิ้งไป ใช้มือสั่นๆ หยิบเอายาแก้ปวดที่ผู้อํานวยการวอชิงตันจ่ายให้กับเขาออกมาเทเข้าปากหลายเม็ดบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่เบาะหน้า เมื่อเห็นว่าถึงเขาจะทำการรักษาแล้วแต่ก็ยังมีอาการปวดหัวรุนแรง จึงได้พูดเกลี้ยกล่อมออกมาอย่างเป็นห่วง "คุณท่าน ทำการผ่าตัดไปเลยดีไหมครับ?"ผ่าตัด นั่นก็หมายความว่าต้องเปิดกระโหลก ใครจะไปรู้ว่าหลังจากเปิดกระโหลก เขายังจะสามารถฟื้นขึ้นมาเห็นหน้าเธอได้อีกไหม เรื่องที่ไม่รู้แน่ชัดนี้ เขาไม่ทำหรอกจี้ซือหานพยายามฝืนความเจ็บปวด เงยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย กวาดไปทางบอดี้การ์ดอย่างเย็นชา "คำพูดของฉัน นายเห็นเป็นเพียงลมพัดผ่านงั้นเหรอ?"บอดี้การ์ดหยุดพูดในทันที คุณท่านกำชับไว้แล้วว่า
เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดได้ยินประโยคนี้ ต่างก็ตกใจจนหน้าซีดเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่ก็เฝ้าอยู่หน้าประตูมาตลอด ทำไมคุณซูถึงหายตัวไปได้?พวกเขาก็ไม่มีเวลาจะคิดมาก ตอบกลับอย่างนอบน้อมว่า "ครับ" จากนั้นก็รีบไปตามหาคนทันที...จี้ซือหานอยากจะส่งซูชิงกับอาเจ๋อไปหาด้วย เลยกลับไปที่รถ หยิบเอามือถือสำหรับใช้ทำงานที่ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยตั้งแต่เครื่องบินลงจอดเขากำลังคิดจะโทรไปหาพวกเขา ก็เห็นว่าเมื่อคืนซูชิงส่งคลิปๆ หนึ่งมาให้...เขาเห็นว่าในคลิปมีซูหว่านอยู่ด้วย เลยรีบเปิดดู ก็ได้เห็นซูเหยียนยกเท้าขึ้นถีบไปที่หัวใจของซูหว่านพอดีแววตาของจี้ซือหานฉายประกายเย็นยะเยือกน่ากลัวขึ้นมาทันที ซูเหยียน แกบังอาจแตะต้องผู้หญิงของฉัน อยากตายมากสินะ!เขาที่สีหน้าถมึงทึงขั้นสุดตั้งใจไว้ว่าหลังจากที่เจอตัวซูหว่านแล้วจะสับซูเหยียนออกเป็นชิ้นๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินซูเหยียนพูดถึงซ่งซือเยว่ขึ้นมาประโยคที่ว่า "คุณรู้หรือเปล่า หลายเดือนมานี้กู้จิ่งเซิน มีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงสภาพยังไง" ทำให้จี้ซือหานถึงกับนิ่งอึ้งไปในคลิป เขาเห็นซูหว่านที่นอนหมอบอยู่บนพื้น เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ สายตาเธอเหม่อลอย ใบหน้าเต็มไปด้วยควา
ณ บ้านไม้เก่าๆ กลางป่าลึกลับในเกาะร้างติดทะเลซูหว่านถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ ที่ปากถูกเทปกาวติดเอาไว้หลายชั้นอย่างแน่นหนาความรู้สึกหายใจลำบากทำให้เธอค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากการสลบไสลอย่างช้าๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่ารอบๆ มีผู้ชายหน้าตาดุดันยืนอยู่ยี่สิบกว่าคนพวกเขามีรูปร่างสูงใหญ่โหดเหี้ยม ในมือถือพวกเครื่องมือก่อเหตุอย่างท่อนเหล็ก มีดแล่เนื้อเอาไว้แสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาตามช่องไม้ สาดกระทบลงบนมีดเล่มนั้นจนส่องแสงประกายสีเงินออกมาแสงสีขาวเหล่านั้น สาดกระทบเข้าดวงตาของซูหว่าน ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก...เธอพยายามดิ้นรนโดยสัญชาตญาณ แต่ก็พบว่าทั้งมือและเท้าต่างก็ถูกมัดเอาไว้ ขยับไม่ได้เลยสักนิด"อย่าเสียแรงเลย เธอหนีออกไปไม่ได้หรอก..."ชายหน้าบากแหวกฝูงชน เดินเข้ามาพร้อมกับรองเท้าหนังพื้นหนาในตอนที่ได้เห็นชายหน้าบาก ซูหว่านก็เข้าใจในทันที พวกเขามาด้วยเรื่องของคุณเย่ก่อนหน้านี้เธอเคยหลอกชายหน้าบากมาก่อน บอกว่าคุณเย่ในบันทึกแจ้งความของตำรวจที่จริงคือคุณชายตระกูลเย่ที่มีแซ่ที่ออกเสียงเดียวกัน จึงทำให้เธอรอดมาได้ครั้งหนึ่งแต่คิดไม่ถึงว่าชายหน้าบากจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอกเ
สีหน้าของเธอขาวซีดเล็กน้อย แต่ในสายตาของหนิงรุ่ยเฉิงกลับกลายเป็นว่าละอายใจ "คุณซู ทั้งๆ ที่ตอนอยู่โรงพักคุณให้ชื่อ ข้อมูลของคุณเย่ แต่ทำไมต้องหลอกคนของผมว่าเป็นนายน้อยที่สี่ตระกูลเย่ด้วย คุณหลงรักผู้ชายที่ข่มขืนคุณงั้นเหรอ ถึงได้ปกป้องเขาแบบนี้?"ซูหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีคิดไว้แล้วว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้หากว่าไม่ยอมรับก็จะยิ่งทำให้น่าสงสัยขึ้นไปอีกถ้าเป็นแบบนี้ หนิงรุ่ยเฉิงคงจะต้องเริ่มสืบจากคนใกล้ตัวของเธอทีละคนแน่ เธอคงต้องยอมรับ แต่ว่าต้องเปลี่ยนวิธีการยอมรับเมื่อคิดได้ดังนี้ ใบหน้าที่ซีดขาวก็ค่อยๆ สงบลง "ที่ฉันหลอกคนของคุณ นั่นไม่ใช่เพราะมาถึงเขาก็จู่โจมเข้ามาอย่างโหดๆ หรอกเหรอ ไม่มีมารยาทสักนิด แล้วทำไมฉันต้องบอกความจริงกับเขาด้วย ใครจะไปรู้ว่าเป็นเป็นคนดีหรือไม่ดี อีกอย่าง นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันอยากจะบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็เป็นสิทธิ์ของฉัน!"เมื่อหนิงรุ่ยเฉิงได้ยินแบบนี้มุมปากที่กัดซิการ์เอาไว้ก็ยกขึ้นเล็กน้อย "คุณซู คุณยังคงพูดเก่งเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ"ซูหว่านก็ใช้สายตาหยิ่งยโสมองไปที่หนิงรุ่ยเฉิงเช่นกัน "ท่านประธานหนิง ไม่ใช่ว่าฉันพูดเก่ง ที่ฉั
เธอยังไม่ทันได้ถามสาเหตุอย่างละเอียด เชือกที่มักมือมัดเท้าอยู่ ก็ถูกมีดในมือของหนิงรุ่ยเฉิงตัดออกซูหว่านนึกว่าหนิงรุ่ยเฉิงจะปล่อยตัวเอง แต่ที่ไหนได้จู่เขาก็พลิกคมมีด ทันใดนั้นใบมีคมก็กดลงมาที่คอจากนั้นน้ำเสียงน่าเกรงขม ก็ดังขึ้นมาจากเหนือศีรษะ "คุณซู คอของคุณเรียวมาก แทงเข้าไปสักครั้ง น่าจะขาดได้เลยมั้ง??"เมื่อมีดที่เย็นเฉียบ เฉือนเข้ามาที่ผิวหนัง ทันใดนั้นเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของซูหว่านก็หยดลงมา...แต่เธอกลับบังคับตัวเองให้สงบ ช้อนสายตาขึ้นมองชายวัยกลางคนที่อยู่เหนือศีรษะ"ผอ.หนิง ฉันบอกว่าไม่รู้ว่าเขาก็เป็นใคร ก็คือไม่รู้สิ ต่อให้คุณฆ่าฉัน ฉันพูดไม่ออก คุณจะทรมานฉันไปทำไม?"เธอพูดจากนุ่มนวล แต่ในแววตากลับเผยสายตาที่แน่วแน่ไม่ว่าใคร ก็อย่าหวังจะดึงข้อมูลคุณเย่ไปจากปากของเธอเธอจะปกป้องจี้ซือหาน จะไม่ให้เขาต้องถูกทำร้ายแม้แต่นิดเดียว ต่อให้ตัวเองถูกข่มขู่ ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!หนิงรุ่ยเฉิงเห็นเธอยังปากแข็งขนาดนี้ จึงรู้ว่าเธอเดาได้ว่าตัวเองจะไม่ฆ่าเธอ เพราะงั้นจะเป็นจะตายถึงได้ไม่ยอมรับแบบนี้ดูท่าทางต้องให้เธอทรมานซะบ้าง ถึงยังไงซะคนเราเมื่อมาถึงจุดสิ้นหวังแล้ว ก็ย่อมเลือ
ซูหว่านกุมหน้าอกที่อัดแน่นและหายใจไม่ออก เงยหน้ามองจี้ซือหาน"คุณ..."ยังไม่ได้พูดออกมา ก็เห็นผู้ชายถือมีดดาบนึง พุ่งเข้ามาจากด้านหลังจี้ซือหาน"ระวัง!"จี้ซือหานตอบสนองรวดเร็วอย่างไม่คาดคิด ทันทีที่เสียงกรีดร้องของซูหว่านสิ้นสุด เขาก็จับกระบองเหล็กในมือโจมตีคนที่อยู่ข้างหลังอย่างรุนแรง!ผู้ชายถูกฟาดลงตรงกลางแกนตัว แม้แต่มีดในมือก็จับไม่ได้อีกต่อไป เขากุมท้อง ล้มลงกับพื้นแล้วร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดคนอื่นๆเห็นดังนั้น ก็ได้แต่กรูกันเข้ามา เดิมทีนึกว่าคนจำนวนกลุ่มนึงจะเอาเขาลงกับพื้นได้ แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาเล่นงานระเนระนาด!จี้ซือหานปกป้องซูหว่าน ไปพร้อมๆกับทุ่มกำลังทั้งหมดไว้ที่กระบองเหล็ก ไม่ว่าจะมากี่คน เขาก็โต้ตอบได้หมดเขาเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำไหล ยังไม่ทันได้กระพริบตา จิตสังหารที่แผ่ซ่านรอบกาย ก็ทำเอาคนที่ล้อมรอบเขากลัวจนหัวหด...หนิงรุ่ยเฉิงที่ถูกป้องกันอยู่ไกลๆ เห็นรังศีทรงพลังที่มีมาแต่กำเนิดของจี้ซือหาน ก็พ่นซิการ์ออกมาคำนึงอย่างไม่รีบร้อนถ้าเป็นเมื่อก่อน หนิงรุ่ยเฉิงต้องเชิดชูจี้ซือหาน ไม่กล้าทำผิดต่อเขาแน่แต่เพราะเขาทอดทิ้งลูกสาวของตน เพื่อผู้หญิงชั้นต่ำที่หน
ทันทีที่จี้ซือหานกำลังเสียหลัก กระบอกอันที่สองและสาม ก็เหวี่ยงเข้าไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างรุนแรง...ซูหว่านตกใจจนรีบปล่อยมือของเขา อยากจะไปรับแทน แต่กลับถูกจี้ซือหานที่กำลังดึงสติมาจากอาการสะลึมสะลือ จับข้อมือเอาไว้เขาที่อ่อนกำลังลงถึงที่สุดแล้ว พลิกตัวขึ้นกดเธอไว้บนประตูไม้ ใช้ร่างของตัวเองห้อมล้อมกำบังเธอเอาไว้ตอนที่เขาปกป้องเธอเอาไว้ในอ้อมอก มีใครบางคนถือมีดคม ทันใดนั้นก็แทงเข้าที่เอวหลังของเขา...ซูหว่านได้ยินแค่เสียงเฮือกทีนึง วินาทีต่อมามือเรียวยาวก็กดศีรษะของเธอลง ไม่ให้เธอเห็นสภาพของเขาในเวลานี้"หว่านหว่าน อีกแค่แป๊บเดียว ก็จะมีคนมาช่วยเธอ..."อาเจ๋อทำงานเร็วมาก จะต้องตามมาในอีกไม่ช้าแน่ ขอแค่เขาปกป้องซูหว่านให้ดี เธอจะต้องไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยที่เขาพูดคือ "มาช่วยเธอ" ไม่ได้พูดว่า "มาช่วยพวกเรา" ประโยคนั้นทำให้ซูหว่านหน้าซีดจนตัวสั่นไปทั้งร่าง"จี้ซือหาน คุณรีบปล่อยฉัน..."มือทั้งสองข้างที่ถูกกดไว้กับแผงอก อยากจะขัดขืนไปจับแผ่นหลังของเขา แต่กลับถูกเขากุมเอาไว้ในอ้อมกอด จนขยับไม่ได้จี้ซือหานก้มต่ำจนเห็นแพขนตาหนา ในแววตาล้ำลึก เต็มไปด้วยความรักสุดล้นที่มีต่อเธ
"จี้ซือหาน...จี้ซือหาน..."เสียงเรียกตะโกนที่ราวกับหัวใจจะแตกสลายของซูหว่าน ผ่านป่าไม้ที่เงียบสงัด เข้าไปในบ้านไม้ วิ่งกระแทกเข้าสู่หัวใจถึงกระนั้นชายหนุ่มที่มีเลือดท่วมทั้งตัวนอนอยู่บนพื้น ไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย บริเวณรอบๆ เหลือไว้เพียงความเงียบสงัดเขาเหมือนคนใกล้ตาย ช้อนดวงตาสีแดงระเรื่อ มองผ่านกิ่งไม้ที่หนาแน่น ไปสู่เงาที่ห่างจากเขามากขึ้นเรื่อยๆเขาอ้าปาก หวังอยากจะเรียกหว่านหว่านเป็นครั้งสุดท้าย แต่ส่งเสียงไม่ออก จึงได้แต่มองดูเธออยู่ไกลๆอย่างเงียบๆกระทั่งเงาร่างในสายตานั้นหายลับไปแล้ว ขนตาดำขลับเป็นแพก็ค่อยๆประกบปิดลงอย่างฝืนไม่อยู่อีก...หว่านหว่าน ฉันเคยให้สัญญาเธอเอาไว้ทั้งชีวิต ถ้าชาตินี้ฉันกลืนคำพูดตัวเองไป งั้นเอาชาติหน้ามาแลก ตกลงไหม...ซูหว่านที่ถูกจิเหยียนโจวบังคับให้พาดอยู่บนไหล่ กำหมัดสองข้างแน่น ออกแรงดิ้นรน ขัดขืนสุดชีวิตราวกับคนบ้า"จิเหยียนโจว ปล่อยฉัน ให้ฉันไปช่วยเขา ขอร้องล่ะ ให้ฉันไปช่วยเขา!"ในน้ำเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงนั้น นอกจากความหวาดกลัวแล้วก็คือความอกสั่นขวัญแขวนเธอไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า ถ้าหากเสียจี้ซือหานไป ตัวเองจะกลายเป็นยังไงเธอรู้
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ