เครื่องบินส่วนตัวลงจอดที่สนามบินตามกำหนดเวลา ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ออร่าเต็มเปี่ยมเดินออกจากสนามบินอย่างรวดเร็วท่ามกลางการคุ้มกันของเหล่าบอดี้การ์ดหลังจากที่เขาเข้าไปนั่งในรถหรูแล้ว ก็หยิบมือถือส่วนตัวออกมา คิดจะเปิดเครื่องโทรหาซูหว่านรายงานว่าเขาปลอดภัยดี แต่จู่ๆ อาการปวดหัวจี๊ดก็เกิดขึ้นอีกครั้งใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ขาวซีดไร้สีเลือดในฉับพลัน ขนาดดวงตาก็แดงไปด้วย...เขาโยนมือถือทิ้งไป ใช้มือสั่นๆ หยิบเอายาแก้ปวดที่ผู้อํานวยการวอชิงตันจ่ายให้กับเขาออกมาเทเข้าปากหลายเม็ดบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่เบาะหน้า เมื่อเห็นว่าถึงเขาจะทำการรักษาแล้วแต่ก็ยังมีอาการปวดหัวรุนแรง จึงได้พูดเกลี้ยกล่อมออกมาอย่างเป็นห่วง "คุณท่าน ทำการผ่าตัดไปเลยดีไหมครับ?"ผ่าตัด นั่นก็หมายความว่าต้องเปิดกระโหลก ใครจะไปรู้ว่าหลังจากเปิดกระโหลก เขายังจะสามารถฟื้นขึ้นมาเห็นหน้าเธอได้อีกไหม เรื่องที่ไม่รู้แน่ชัดนี้ เขาไม่ทำหรอกจี้ซือหานพยายามฝืนความเจ็บปวด เงยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย กวาดไปทางบอดี้การ์ดอย่างเย็นชา "คำพูดของฉัน นายเห็นเป็นเพียงลมพัดผ่านงั้นเหรอ?"บอดี้การ์ดหยุดพูดในทันที คุณท่านกำชับไว้แล้วว่า
เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดได้ยินประโยคนี้ ต่างก็ตกใจจนหน้าซีดเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่ก็เฝ้าอยู่หน้าประตูมาตลอด ทำไมคุณซูถึงหายตัวไปได้?พวกเขาก็ไม่มีเวลาจะคิดมาก ตอบกลับอย่างนอบน้อมว่า "ครับ" จากนั้นก็รีบไปตามหาคนทันที...จี้ซือหานอยากจะส่งซูชิงกับอาเจ๋อไปหาด้วย เลยกลับไปที่รถ หยิบเอามือถือสำหรับใช้ทำงานที่ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยตั้งแต่เครื่องบินลงจอดเขากำลังคิดจะโทรไปหาพวกเขา ก็เห็นว่าเมื่อคืนซูชิงส่งคลิปๆ หนึ่งมาให้...เขาเห็นว่าในคลิปมีซูหว่านอยู่ด้วย เลยรีบเปิดดู ก็ได้เห็นซูเหยียนยกเท้าขึ้นถีบไปที่หัวใจของซูหว่านพอดีแววตาของจี้ซือหานฉายประกายเย็นยะเยือกน่ากลัวขึ้นมาทันที ซูเหยียน แกบังอาจแตะต้องผู้หญิงของฉัน อยากตายมากสินะ!เขาที่สีหน้าถมึงทึงขั้นสุดตั้งใจไว้ว่าหลังจากที่เจอตัวซูหว่านแล้วจะสับซูเหยียนออกเป็นชิ้นๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินซูเหยียนพูดถึงซ่งซือเยว่ขึ้นมาประโยคที่ว่า "คุณรู้หรือเปล่า หลายเดือนมานี้กู้จิ่งเซิน มีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงสภาพยังไง" ทำให้จี้ซือหานถึงกับนิ่งอึ้งไปในคลิป เขาเห็นซูหว่านที่นอนหมอบอยู่บนพื้น เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ สายตาเธอเหม่อลอย ใบหน้าเต็มไปด้วยควา
ณ บ้านไม้เก่าๆ กลางป่าลึกลับในเกาะร้างติดทะเลซูหว่านถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ ที่ปากถูกเทปกาวติดเอาไว้หลายชั้นอย่างแน่นหนาความรู้สึกหายใจลำบากทำให้เธอค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากการสลบไสลอย่างช้าๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่ารอบๆ มีผู้ชายหน้าตาดุดันยืนอยู่ยี่สิบกว่าคนพวกเขามีรูปร่างสูงใหญ่โหดเหี้ยม ในมือถือพวกเครื่องมือก่อเหตุอย่างท่อนเหล็ก มีดแล่เนื้อเอาไว้แสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาตามช่องไม้ สาดกระทบลงบนมีดเล่มนั้นจนส่องแสงประกายสีเงินออกมาแสงสีขาวเหล่านั้น สาดกระทบเข้าดวงตาของซูหว่าน ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก...เธอพยายามดิ้นรนโดยสัญชาตญาณ แต่ก็พบว่าทั้งมือและเท้าต่างก็ถูกมัดเอาไว้ ขยับไม่ได้เลยสักนิด"อย่าเสียแรงเลย เธอหนีออกไปไม่ได้หรอก..."ชายหน้าบากแหวกฝูงชน เดินเข้ามาพร้อมกับรองเท้าหนังพื้นหนาในตอนที่ได้เห็นชายหน้าบาก ซูหว่านก็เข้าใจในทันที พวกเขามาด้วยเรื่องของคุณเย่ก่อนหน้านี้เธอเคยหลอกชายหน้าบากมาก่อน บอกว่าคุณเย่ในบันทึกแจ้งความของตำรวจที่จริงคือคุณชายตระกูลเย่ที่มีแซ่ที่ออกเสียงเดียวกัน จึงทำให้เธอรอดมาได้ครั้งหนึ่งแต่คิดไม่ถึงว่าชายหน้าบากจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอกเ
สีหน้าของเธอขาวซีดเล็กน้อย แต่ในสายตาของหนิงรุ่ยเฉิงกลับกลายเป็นว่าละอายใจ "คุณซู ทั้งๆ ที่ตอนอยู่โรงพักคุณให้ชื่อ ข้อมูลของคุณเย่ แต่ทำไมต้องหลอกคนของผมว่าเป็นนายน้อยที่สี่ตระกูลเย่ด้วย คุณหลงรักผู้ชายที่ข่มขืนคุณงั้นเหรอ ถึงได้ปกป้องเขาแบบนี้?"ซูหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีคิดไว้แล้วว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้หากว่าไม่ยอมรับก็จะยิ่งทำให้น่าสงสัยขึ้นไปอีกถ้าเป็นแบบนี้ หนิงรุ่ยเฉิงคงจะต้องเริ่มสืบจากคนใกล้ตัวของเธอทีละคนแน่ เธอคงต้องยอมรับ แต่ว่าต้องเปลี่ยนวิธีการยอมรับเมื่อคิดได้ดังนี้ ใบหน้าที่ซีดขาวก็ค่อยๆ สงบลง "ที่ฉันหลอกคนของคุณ นั่นไม่ใช่เพราะมาถึงเขาก็จู่โจมเข้ามาอย่างโหดๆ หรอกเหรอ ไม่มีมารยาทสักนิด แล้วทำไมฉันต้องบอกความจริงกับเขาด้วย ใครจะไปรู้ว่าเป็นเป็นคนดีหรือไม่ดี อีกอย่าง นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันอยากจะบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็เป็นสิทธิ์ของฉัน!"เมื่อหนิงรุ่ยเฉิงได้ยินแบบนี้มุมปากที่กัดซิการ์เอาไว้ก็ยกขึ้นเล็กน้อย "คุณซู คุณยังคงพูดเก่งเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ"ซูหว่านก็ใช้สายตาหยิ่งยโสมองไปที่หนิงรุ่ยเฉิงเช่นกัน "ท่านประธานหนิง ไม่ใช่ว่าฉันพูดเก่ง ที่ฉั
เธอยังไม่ทันได้ถามสาเหตุอย่างละเอียด เชือกที่มักมือมัดเท้าอยู่ ก็ถูกมีดในมือของหนิงรุ่ยเฉิงตัดออกซูหว่านนึกว่าหนิงรุ่ยเฉิงจะปล่อยตัวเอง แต่ที่ไหนได้จู่เขาก็พลิกคมมีด ทันใดนั้นใบมีคมก็กดลงมาที่คอจากนั้นน้ำเสียงน่าเกรงขม ก็ดังขึ้นมาจากเหนือศีรษะ "คุณซู คอของคุณเรียวมาก แทงเข้าไปสักครั้ง น่าจะขาดได้เลยมั้ง??"เมื่อมีดที่เย็นเฉียบ เฉือนเข้ามาที่ผิวหนัง ทันใดนั้นเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของซูหว่านก็หยดลงมา...แต่เธอกลับบังคับตัวเองให้สงบ ช้อนสายตาขึ้นมองชายวัยกลางคนที่อยู่เหนือศีรษะ"ผอ.หนิง ฉันบอกว่าไม่รู้ว่าเขาก็เป็นใคร ก็คือไม่รู้สิ ต่อให้คุณฆ่าฉัน ฉันพูดไม่ออก คุณจะทรมานฉันไปทำไม?"เธอพูดจากนุ่มนวล แต่ในแววตากลับเผยสายตาที่แน่วแน่ไม่ว่าใคร ก็อย่าหวังจะดึงข้อมูลคุณเย่ไปจากปากของเธอเธอจะปกป้องจี้ซือหาน จะไม่ให้เขาต้องถูกทำร้ายแม้แต่นิดเดียว ต่อให้ตัวเองถูกข่มขู่ ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!หนิงรุ่ยเฉิงเห็นเธอยังปากแข็งขนาดนี้ จึงรู้ว่าเธอเดาได้ว่าตัวเองจะไม่ฆ่าเธอ เพราะงั้นจะเป็นจะตายถึงได้ไม่ยอมรับแบบนี้ดูท่าทางต้องให้เธอทรมานซะบ้าง ถึงยังไงซะคนเราเมื่อมาถึงจุดสิ้นหวังแล้ว ก็ย่อมเลือ
ซูหว่านกุมหน้าอกที่อัดแน่นและหายใจไม่ออก เงยหน้ามองจี้ซือหาน"คุณ..."ยังไม่ได้พูดออกมา ก็เห็นผู้ชายถือมีดดาบนึง พุ่งเข้ามาจากด้านหลังจี้ซือหาน"ระวัง!"จี้ซือหานตอบสนองรวดเร็วอย่างไม่คาดคิด ทันทีที่เสียงกรีดร้องของซูหว่านสิ้นสุด เขาก็จับกระบองเหล็กในมือโจมตีคนที่อยู่ข้างหลังอย่างรุนแรง!ผู้ชายถูกฟาดลงตรงกลางแกนตัว แม้แต่มีดในมือก็จับไม่ได้อีกต่อไป เขากุมท้อง ล้มลงกับพื้นแล้วร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดคนอื่นๆเห็นดังนั้น ก็ได้แต่กรูกันเข้ามา เดิมทีนึกว่าคนจำนวนกลุ่มนึงจะเอาเขาลงกับพื้นได้ แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาเล่นงานระเนระนาด!จี้ซือหานปกป้องซูหว่าน ไปพร้อมๆกับทุ่มกำลังทั้งหมดไว้ที่กระบองเหล็ก ไม่ว่าจะมากี่คน เขาก็โต้ตอบได้หมดเขาเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำไหล ยังไม่ทันได้กระพริบตา จิตสังหารที่แผ่ซ่านรอบกาย ก็ทำเอาคนที่ล้อมรอบเขากลัวจนหัวหด...หนิงรุ่ยเฉิงที่ถูกป้องกันอยู่ไกลๆ เห็นรังศีทรงพลังที่มีมาแต่กำเนิดของจี้ซือหาน ก็พ่นซิการ์ออกมาคำนึงอย่างไม่รีบร้อนถ้าเป็นเมื่อก่อน หนิงรุ่ยเฉิงต้องเชิดชูจี้ซือหาน ไม่กล้าทำผิดต่อเขาแน่แต่เพราะเขาทอดทิ้งลูกสาวของตน เพื่อผู้หญิงชั้นต่ำที่หน
ทันทีที่จี้ซือหานกำลังเสียหลัก กระบอกอันที่สองและสาม ก็เหวี่ยงเข้าไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างรุนแรง...ซูหว่านตกใจจนรีบปล่อยมือของเขา อยากจะไปรับแทน แต่กลับถูกจี้ซือหานที่กำลังดึงสติมาจากอาการสะลึมสะลือ จับข้อมือเอาไว้เขาที่อ่อนกำลังลงถึงที่สุดแล้ว พลิกตัวขึ้นกดเธอไว้บนประตูไม้ ใช้ร่างของตัวเองห้อมล้อมกำบังเธอเอาไว้ตอนที่เขาปกป้องเธอเอาไว้ในอ้อมอก มีใครบางคนถือมีดคม ทันใดนั้นก็แทงเข้าที่เอวหลังของเขา...ซูหว่านได้ยินแค่เสียงเฮือกทีนึง วินาทีต่อมามือเรียวยาวก็กดศีรษะของเธอลง ไม่ให้เธอเห็นสภาพของเขาในเวลานี้"หว่านหว่าน อีกแค่แป๊บเดียว ก็จะมีคนมาช่วยเธอ..."อาเจ๋อทำงานเร็วมาก จะต้องตามมาในอีกไม่ช้าแน่ ขอแค่เขาปกป้องซูหว่านให้ดี เธอจะต้องไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยที่เขาพูดคือ "มาช่วยเธอ" ไม่ได้พูดว่า "มาช่วยพวกเรา" ประโยคนั้นทำให้ซูหว่านหน้าซีดจนตัวสั่นไปทั้งร่าง"จี้ซือหาน คุณรีบปล่อยฉัน..."มือทั้งสองข้างที่ถูกกดไว้กับแผงอก อยากจะขัดขืนไปจับแผ่นหลังของเขา แต่กลับถูกเขากุมเอาไว้ในอ้อมกอด จนขยับไม่ได้จี้ซือหานก้มต่ำจนเห็นแพขนตาหนา ในแววตาล้ำลึก เต็มไปด้วยความรักสุดล้นที่มีต่อเธ
"จี้ซือหาน...จี้ซือหาน..."เสียงเรียกตะโกนที่ราวกับหัวใจจะแตกสลายของซูหว่าน ผ่านป่าไม้ที่เงียบสงัด เข้าไปในบ้านไม้ วิ่งกระแทกเข้าสู่หัวใจถึงกระนั้นชายหนุ่มที่มีเลือดท่วมทั้งตัวนอนอยู่บนพื้น ไม่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย บริเวณรอบๆ เหลือไว้เพียงความเงียบสงัดเขาเหมือนคนใกล้ตาย ช้อนดวงตาสีแดงระเรื่อ มองผ่านกิ่งไม้ที่หนาแน่น ไปสู่เงาที่ห่างจากเขามากขึ้นเรื่อยๆเขาอ้าปาก หวังอยากจะเรียกหว่านหว่านเป็นครั้งสุดท้าย แต่ส่งเสียงไม่ออก จึงได้แต่มองดูเธออยู่ไกลๆอย่างเงียบๆกระทั่งเงาร่างในสายตานั้นหายลับไปแล้ว ขนตาดำขลับเป็นแพก็ค่อยๆประกบปิดลงอย่างฝืนไม่อยู่อีก...หว่านหว่าน ฉันเคยให้สัญญาเธอเอาไว้ทั้งชีวิต ถ้าชาตินี้ฉันกลืนคำพูดตัวเองไป งั้นเอาชาติหน้ามาแลก ตกลงไหม...ซูหว่านที่ถูกจิเหยียนโจวบังคับให้พาดอยู่บนไหล่ กำหมัดสองข้างแน่น ออกแรงดิ้นรน ขัดขืนสุดชีวิตราวกับคนบ้า"จิเหยียนโจว ปล่อยฉัน ให้ฉันไปช่วยเขา ขอร้องล่ะ ให้ฉันไปช่วยเขา!"ในน้ำเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงนั้น นอกจากความหวาดกลัวแล้วก็คือความอกสั่นขวัญแขวนเธอไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า ถ้าหากเสียจี้ซือหานไป ตัวเองจะกลายเป็นยังไงเธอรู้