ไซลาสรู้ว่าผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาแทบจะไม่มีโอกาสที่จะโค่นฮาร์วีย์ลงได้เลย แต่เขาไม่คาดคิดว่าไรลีจะคุกเข่าลงไปเร็วขนาดนั้นตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเขาไม่เข้าใจจริง ๆ และรู้สึกปวดร้าวเหลือเกินเขากำลังจะเป็นบ้า และอยากจะกรีดร้อง...แต่ไรลีทำเมินเฉยต่อเขาอย่างมากในขณะที่ก้มหัวลงโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียวไซลาสก้าวไปข้างหน้าเพื่อเตรียมดึงไรลีขึ้นมา ก่อนจะมีคนมาแตะที่ไหล่ของเขาเขาตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้นที่โอบล้อมตัวเขาอยู่ ครั้งนี้เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะของเขาได้เลยฮาร์วีย์มองไปที่ฝูงชนอย่างใจเย็น“มีใครไม่พอใจกับเรื่องนี้ไหม?“มีใครอยากจะยืนหยัดเพื่อคุณย่าคอบบ์อีกไหม?“ก้าวออกมาเลย"ไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมาในตอนนี้เลยฮาร์วีย์มีพละกำลังมากกว่าเขาเยอะเขามีความสามารถเหนือกว่าเคย์ลีในแง่ของทักษะการต่อสู้แค่อำนาจของเขาก็ทำให้ไรลีคุกเข่าลงได้แล้วไซลาสสามารถขอความช่วยเหลือได้ด้วยสิทธิโดยกำเนิดของเขา แต่แล้วยังไงล่ะ?มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดนั้นเลยนี่เขาทำได้เพียงทำหน้าสิ้นหวังในขณะที่ฮาร์วีย์จับไหล่ของเขาอยู่ฝูงช
“ฮาร์วีย์ ยอร์ก!”ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั่วทั้งใบหน้าและมือของไซลาสก็เต็มไปด้วยผ้าพันแผล ในขณะที่เขาเตะชุดน้ำชาหินอ่อนกลิ้งลงไปบนพื้นเขามาจากหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำ ทั้งชีวิตของเขาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นจวบจนถึงตอนนี้ ถ้าเขาอยากจะบดขยี้ใครก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก...แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของเขาจะถูกทำลายอย่างย่อยยับเท่านั้น แต่ทั่วทั้งใบหน้าและมือของเขาก็ถูกทำลายด้วยในเวลานี้ดวงตาของไซลาสก็ดูแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดเสียงกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั่วทั้งห้องราวกับว่าเขาจะไม่ยอมหยุดร้องจนกว่าฮาร์วีย์จะโดนยำจนเละเป็นโจ๊กลูกน้องที่ไว้ใจได้ของเขายืนตัวสั่นอยู่ในรองเท้าบู๊ตตรงมุมห้องพวกเขาอยากจะเข้าไปปลอบไซลาส แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำเดียวเอลเลนยืนฟังอยู่นอกห้อง เธอไม่กล้าเคาะประตูเพื่อเข้าไปดูแลสุดที่รักของเธอ ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆเธอรู้ดีว่าความโกรธเกรี้ยวของไซลาสจะพุ่งตรงมาที่เธอแน่ ถ้าเธอเข้าไปอยู่ในสายตาของเขาเมื่อมาถึงจุดนี้เธอก็เริ่มคิดถึงเรื่องการตัดขาดจากเขาเธอไม่ต้องการผู้ชายที่ไม่มีพลังไปบดขยี้ฮาร์วีย์ได้!“ไอ้ตัวโสโครก!“พวกแกทุกคนเลย!“
ลูกน้องที่ไว้ใจได้ของไซลาสพยักหน้าพร้อมกันหลังจากได้ยินคำพูดของเคย์ลีไซลาสมีสีหน้าเย็นชาเมื่อถามว่า "ผู้ชายคนนั้นคือใคร?”เคย์ลีหยิบโน๊ตบุ๊คออกมา“เขาชื่อฮารวีย์ ยอร์ก เขาเป็นลูกเขยที่อาศัยอยู่กับครอบครัวภรรยา" เคย์ลีตอบเบา ๆ“ภรรยาของเขาคือหัวหน้าคนใหม่ของบ้านหลังที่เก้าแห่งตระกูลยีน ซึ่งก็คือแมนดี้ ซิมเมอร์นั่นเอง...“แต่ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บอกว่าพวกเขาได้ทำหนังสือหย่ากันเรียบร้อยแล้ว...”ก่อนที่เคย์ลีจะเปิดเผยตัวตนอื่น ๆ ของฮาร์วีย์ ไซลาสก็พูดตัดบทเธอทันที“เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง?!” ไซลาสร้องถามอย่างเย็นชา“เธอกำลังบอกว่าฉันโดนเอาเปรียบจากไอ้โสโครกอย่างนั้นเหรอ?!“เขามีควินนี่และเอเลียสอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา...“เขาทำให้ไรลีต้องคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาด้วย“เธอคิดว่าคนแบบนั้นสามารถเป็นลูกเขยที่อาศัยอยู่กับครอบครัวภรรยาได้เหรอ?!”ไซลาสมักจะเป็นคนที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อน โดยปกติแล้วเขาจะวางมาดเป็นนายน้อยในตระกูลชั้นนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา ที่มาจากสนามฝึกศิลปะการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์แต่ถึงกระนั้น ท่าทีที่ว่านั้นก็หายไปหมดสิ้นในเวลาน
ไซลาสสงบสติอารมณ์ลงได้เล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของเคย์ลีก่อนหน้านี้หมาบ้าตัวหนึ่งทำให้เขารู้สึกอับอายอย่างเหลือเกินเขาจึงต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อยด้วยเหตุนี้...แต่ท้ายที่สุดแล้วตัวตนของเขายังคงยิ่งใหญ่อยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลนี้ก็ตามเมื่อพิจารณาจากสถานะของเขาแล้ว ก็ดูเป็นเรื่องโง่เง่ามากที่ไปมีเรื่องกับคนบ้าธรรมดา ๆ คนหนึ่งนับเป็นเรื่องดีที่เขาตัดสินใจหยุดในขณะที่ยังทำได้...ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงตายไปพร้อมกับคนที่เขามีเรื่องด้วยแล้วไซลาสดูสงบขึ้นทันทีหลังจากตระหนักถึงความจริงในข้อนี้เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะมองไปที่เส้นขอบฟ้า“ฉันไม่สนหรอกว่าได้สารเลวคนนี้จะหึงหวงหรือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหรือเปล่า...“แต่ฉันอยากให้เขาตายที่มาหยามฉันและดูหมิ่นฉันแบบนี้!“ฉันจะมีหน้าไปพบนายน้อยได้ยังไงถ้าเขายังมีชีวิตอยู่?!”เคย์ลีเผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะนายน้อยจอห์น!“ฉันได้ติดต่อกับอาจารย์ของฉันแล้ว!“เขาปฏิบัติต่อฉันเหมือนเป็นลูกสาวของตัวเอง เขาโกรธมากเมื่อรู้ว่าฉันกลายเป็นคนพิการไปแล้ว!“เขาบอกให้ศิษย์พี่ของฉันเด
“ไม่เลว! ไม่เลวเลย!“ฉันต้องยอมรับเลยล่ะว่าไอ้ผู้ชายที่ชอบเกาะคนอื่นกินคนนั้นทำผลงานได้น่าประทับใจมาก..."แม้แต่ผมก็ยังรู้สึกสนใจที่อยากจะชิมผู้หญิงคนนี้เลย...“ฉันจะพาคุณไปหาหมอที่เก่งที่สุดในโกลด์เด้น แซนด์! ฉันจะหาผู้เชี่ยวชาญสองสามคนมาช่วยให้คุณฟื้นฟูตัวเองอย่างดีที่สุด!“และถ้าคุณทำไม่ได้ผมก็จะให้เงินคุณสิบห้าล้านดอลลาร์ เพื่อที่คุณจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสุขสบาย!“ไม่ว่าจะยังไงก็ตามฉันจะไม่ยอมให้ผู้คนที่คอยรับใช้ฉันต้องทุกข์ทรมาณไปเปล่า ๆ!“นอกจากนี้ฉันก็อยากไปอยู่กับแมนดี้ ซิมเมอร์ในเร็ววันด้วย!“ไม่อย่างนั้นแล้วความอับอายที่ฉันต้องฝืนทนเพราะฮาร์วีย์ก็จะต้องสูญเปล่า!”ไซลาสเลียริมฝีปากที่แห้งผากของเขาด้วยสีหน้าที่ดูตื่นเต้นเคย์ลีเผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ทันที“ท้ายที่สุดแล้วตระกูลยีนจะไม่ส่งเธอไปที่โกลด์เด้น แซนด์ เพื่อจัดการกับปัญหาทั้งหมดนั้น ถ้าพวกเขาให้ความชื่นชมเธอจริง ๆ“เรามีเวลาเยอะแยะที่จะส่งเธอตรงดิ่งไปยังเตียงนอนของคุณ“ความโกรธเกรี้ยวของคุณจะมลายหายไปในไม่ช้านี้"ไซลาสระเบิดหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินการตอบโต้อย่างมั
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ผมมาที่นี่ก็เพื่อเลี้ยงอาหารคุณย่าจริง ๆ“ท้ายที่สุดแล้วผมยังไม่เคยพูดคุยกับคุณย่าอย่างเป็นมิตรเลย“การรับประทานอาหารพร้อมกับพูดคุยกันเล็กน้อย เป็นวิธีการแสดงความเคารพของผม! คุณย่าไม่ควรปฏิเสธผมแบบนี้นะ!ฮาร์วีย์ยิ้มเบิกบาน“นอกจากนี้แม้แต่อาชญากรที่ชั่วร้ายที่สุดก็ยังได้อาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่จะถูกประหารด้วยซ้ำไป“คุณย่าแน่ใจเหรอว่าไม่อยากกิน?“นี่เป็นอาหารชั้นเลิศ! ผมยังได้ไวน์รีสลิ่งปีแปดสองมาหนึ่งขวดด้วย!”จากนั้นฮาร์วีย์ก็เทไวน์ให้ตัวเองหนึ่งแก้ว แอลกอฮอล์สีอำพันมีรสหวานละมุนลิ้น ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นไวน์คุณภาพเยี่ยมคุณย่าคอบบ์ทำสีหน้าเย็นชาหลังจากเห็นการเสแสร้งของฮาร์วีย์ ที่ทำราวกับว่าเขาเป็นนายน้อยของตระกูลชั้นนำ“ถ้าอยากจะฆ่าฉันก็ฆ่าเลยสิ! แกทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน?!“ไอ้สารเลว!“เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วฉันไม่กลัวที่จะบอกแกหรอก!“ฉันจ่ายเงินสามร้อยล้านดอลลาร์ให้กับเจ็ดนักฆ่าไร้เทียมทาน ฉันถึงกับสัญญาว่าจะมอบทรัพย์สินของตระกูลคอบบ์ให้พวกเขาครึ่งหนึ่ง ถ้าพวกเขาฆ่าดีนและแกได้!“น่าเสียดายที่แผนการมักจะล้มเหลวอยู่ตลอด!“เชิญลงมือในสิ่งที่แกต้องทำได้แล้
“ว่ากันว่าแม้แต่ประเทศตะวันตกที่ทรงอำนาจมากที่สุดก็ยังเคยได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ“กลายเป็นตำนานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...“ชีวิตชั่วนิรันดร์“การศึกษาขั้นพื้นฐานและสภาพเศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว โลกตะวันตกถือครองทรัพยากรเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของโลก“เป็นธรรมดาที่ผู้ปกครองประเทศของพวกเขาจะอยากมีชีวิตที่ยืนยาว เพื่อที่เขาจะได้ครองอำนาจได้ตลอดไป และกลายเป็นพระเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่!“นั่นคือสาเหตุว่าทำไมจึงเกิดเรื่องวุ่นวายในราชวงศ์ยุคโบราณมาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีแล้ว“แต่ถึงกระนั้น โลกตะวันตกก็ไม่เคยประสบความสำเร็จในการมีอายุยืนยาวได้เลย“และเนื่องจากการกดขี่ของคนพวกนั้น ในที่สุดประเทศ H ก็ลุกขึ้นและอ้างสิทธิ์ในความรุ่งโรจน์หลังจากผ่านไปห้าพันปี“โลกตะวันตกถูกกวาดล้างด้วยความโลภของพวกเขาเอง“หนึ่งร้อยปีต่อมาการต่อสู้ระหว่างยุโรปกับอเมริกาก็เกิดขึ้น การต่อสู้ดูเหมือนจะแตกต่างยุคราชวงศ์แส้ แต่เกิดขึ้นจากเหตุผลเดียวกัน“นี่เป็นความอัปยศอดสู ห้าประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดประสบกับความล้มเหลวมากยิ่งขึ้น“หัวหน้าผู้ฝึกสอนได้บดขยี้คนพวกนั้นเพียงลำพัง และทำให้ประเทศ H ยืนอยู่ในตำแหน่
"เสแสร้งต่อไปเถอะ!”คุณย่าคอบบ์ทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม“แกคิดว่าแกจะใส่ร้ายฉันด้วยข่าวลือที่ได้ยินมาเหรอ?!“ฉันจะบอกอะไรให้นะ! ที่ฉันทำทั้งหมดนี้ก็เพื่ออำนาจเท่านั้น!”ฮาร์วีย์ทำสีหน้าเคร่งขรึม“ไม่หรอก คุณย่าไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นหรอก“สิ่งที่คุณย่ากำลังค้นหาอยู่ก็คือชีวิตชั่วนิรันดร์“องค์กรที่คุณย่าเข้าไปร่วมด้วยก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก 'เอเวอร์มอร์' นั่นเองดวงตาของคุณย่าคอบบ์กระตุกหลังจากได้ยินชื่อองค์กรแห่งนั้นฮาร์วีย์ฉีกยิ้ม“เอาอย่างนี้ไหม? นี่คือข้อตกลง...“ถ้าคุณย่าเล่าเรื่องเอเวอร์มอร์ให้ผมฟังทั้งหมด ผมก็จะปล่อยให้คุณย่ามีชีวิตอยู่ต่อไป คุณย่าว่าดีไหม?“ผมจะให้ผู้อาวุโสคอบบ์เป็นคนตัดสินชะตากรรมของคุณย่าด้วย“บางทีคุณย่าอาจชอบวิธีนี้มากกว่าก็ได้?“ท้ายที่สุดแล้วเขาอาจให้โอกาสคุณย่าเปลี่ยนใจ เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ของคุณย่ากับเขา"คุณย่าคอบบ์ปล่อยหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา“แกช่างไร้เดียงสาจริงนะฮาร์วีย์! แกคิดว่าแกสามารถจะเอาทุกอย่างไปจากฉันด้วยวิธีแบบนี้เหรอ?!“แกไม่มีสิทธิ์หรอก!“เอเวอร์มอร์ได้ทำสงครามโดยบีบบังคับกองกำลังภายนอกจำนวนมาก ให้มาต่อสู้กับประเทศ H เ
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข