“เฮ้! เด็กหนุ่มสมัยนี้ช่างไม่กลัวเกรงอะไรเลย!“เขาไม่รู้จักแสดงความเคารพเพียงเพราะเขามีความสามารถนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นน่ะเหรอ?ทันใดนั้นก็มีร่างคนในชุดคลุมปรากฎตัวขึ้นบนชั้นสองเธอเอามือกอดอก...เผยให้เห็นร่องอกอันงดงามในขณะทำหน้าดูถูกเหยียดหยามฮาร์วีย์เครื่องแต่งกายของเธอดูค่อนข้างโบราณราวกับว่าเธอไม่ได้เกิดในช่วงเวลาปัจจุบันผิวสีแทนและมืออันหยาบกร้านก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นแตะราวบันไดก่อนจะร่อนลงมาอยู่ตรงหน้าฮาร์วีย์พร้อมกับพลิกตัวอย่างสง่างาม หลังจากนั้นก็เผยให้เห็นความภาคภูมิใจนิดหน่อยบนใบหน้าหลังจากมองเห็นดาบที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเธอแล้ว ผู้คนก็เริ่มคิดว่าเธอคงเป็นนางเอกที่เคยเห็นในภาพยนตร์ชายผมสั้นรู้สึกปลาบปลื้มเมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น“คุณโลว์! เร็วเข้า! ฆ่าพวกเขาซะ!“ไอ้สารเลวพวกนี้กำลังดูหมิ่นนายน้อยจอห์นอยู่!”เทรย์ก้าวออกไปข้างหน้าแล้วจ้องมองผู้หญิงคนนั้น“หลีกไป!” เขาร้องบอกอย่างเย็นชา“แกคิดว่าแกมีสิทธิ์ที่จะพูดอย่างนั้นกับฉันเหรอ?”คุณเคย์ลี โลว์หัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยาม“ฉันให้เวลาแกหนึ่งนาที ป
“แกกล้าดียังไงถึงมาแตะต้องตัวฉัน ไอ้สารเลว?! ฉันจะฆ่าแก!” เทรย์ร้องบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาจากนั้นเขาดึงมีดเล่มใหญ่ออกมาก่อนที่ฮาร์วีย์จะรั้งตัวเขาเอาไว้หลังจากรู้สึกได้ถึงความชื่นชมของไซลาสและคนอื่น ๆ แล้ว คุณเคย์ลีก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมากเธอชี้ไปที่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา“คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!“ดูให้ดี ๆ สิฮาร์วีย์! นี่คือคุณเคย์ลี โลว์จาก 'ประตูสวรรค์!' ซึ่งเป็นสนามฝึกศิลปะการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์“เธอไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่เธอยังเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับนายน้อยจอห์นด้วย!“เธอได้ฆ่าผู้คนไปมากกว่าจำนวนมื้ออาหารที่คุณกินมาทั้งชีวิตซะอีกนะ!”เอลเลนมองฮาร์วีย์อย่างสมเพชเวทนา“คงจะแย่มากเลยถ้าคุณทำให้เธอโกรธขึ้นมาล่ะก็...“ฉันคงหยุดยั้งเธอเอาไว้ไม่ได้ถ้าเธอต้องการที่จะฆ่าคุณขึ้นมาจริง ๆ"“ประตูสวรรค์เหรอ?”ฮาร์วีย์หรี่ตามองเคย์ลี“แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร? แต่อยากจะต่อสู้กับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?“แกเป็นเพียงตัวแทนของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้จากประเทศ H ใช่ไหม?”เคย์ลีทำสีหน้าเริงร่า“ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นแค่หุ่
ไซลาสมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาอย่างเคร่งเครียดเคย์ลีเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้จากประตูสวรรค์ เธอเป็นหนึ่งในสิบผู้มีความสามารถชั้นยอดของสนามฝึกศิลปะการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด เขาได้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพียงเพื่อจ้างผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจขนาดนั้นมาอยู่ข้าง ๆ เขา...แต่เขาไม่เคยคิดว่าฮาร์วีย์จะตบเคย์ลีล้มคว่ำไปง่าย ๆ แบบนั้น“โอเคไหมครับคุณโลว์?!”เหล่าบอดี้การ์ดของตระกูลจอห์นเริ่มตื่นตระหนกทันทีที่ได้สติ พวกเขารีบทรุดตัวลงกับพื้นเพื่ออุ้มเคย์ลีขึ้นมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บอยู่ก็ตามดวงตาของเอลเลนยังตระตุกไม่หยุด ใบหน้าที่แต่งไว้อย่างงดงามของเธอถูกบดบังด้วยความรู้สึกตกใจสุดขีดเธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าฮาร์วีย์มีความแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้ยังไง“รีบดูแลอาการบาดเจ็บของคุณโลว์เดี๋ยวนี้เลย!” ไซลาสร้องบอกออกไปทันที“ฉัน… ไม่เป็นไร!”เคย์ลีผลักผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอออกไปด้วยสีหน้าเศร้าหมองเธอกัดฟันกรอดในขณะจ้องหน้าฮาร์วีย์ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮาร์วีย์จะโค่นเธอลงได้ง่าย ๆ“แกกล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน?!“แกรู้ไหมว่าฉันมาจากไหน?!”เคย์ลีรู้สึกประหลาดใจในพละกำลังของฮาร์วีย์
“แกกล้าดียังไง?!”เคย์ลีกัดฟันกรอดพร้อมกับทำหน้าบิดเบี้ยวเธออยากจะต่อสู้กับฮาร์วีย์แต่กลับล้มลงกับพื้นอีกครั้งทันทีก่อนจะทำอะไรได้ ตอนนี้เธอมีอาการตัวสั่นอยู่ตลอดเวลาหลังจากนั้นเธอก็หมดสติไปเธอกลายเป็นคนพิการอย่างสิ้นเชิงฮาร์วีย์ทำเมินเฉยต่อผู้หญิงที่อยู่บนพื้น ในขณะที่เขาหรี่ตามองขึ้นไปบนชั้นสอง เพื่อรอคอยให้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นมาปรากฎตัวแต่ทันใดนั้นความอาฆาตแค้นที่หมายจะเอาชีวิตของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็สูญสลายหายไปทันทีราวกับว่าบุคคลนั้นไม่เคยมีตัวตนตั้งแต่แรก“แกบ้าไปแล้วฮาร์วีย์!”บอดี้การ์ดหลายสิบคนต่างโกรธมากเมื่อเห็นฮาร์วีย์เตะเคย์ลีจนล้มลงถึงแม้ว่าจะยังมีคนถูกลูกน้องของฮาร์วีย์คุมตัวอยู่ พวกเขาก็ยังคงชูปืนใส่เขาอย่างไม่ลังเลอะไรเลยราวกับว่าพวกเขาพร้อมจะย่อยยับไปกับเขาด้วย“คุณรู้ตัวไหมว่าได้ทำอะไรลงไป?!“คุณไม่มีค่าพอจะไปต่อสู้กับคุณโลว์ได้!”เป็นธรรมดาที่เอลเลนไม่สามารถทนเห็นชัยชนะของฮาร์วีย์ได้เธอเอาแต่กรีดร้องใส่หน้าเขา โดยคิดว่าเขาควรจะถูกบดขยี้เหมือนสุนัขที่ตายแล้วในงานหมั้นของเธอเธอไม่อยากเห็นฮาร์วีย์ประสบความสำเร็จอะไรเลยเธออยากเห็นฮาร์วีย์คุกเข่า
ณ คฤหาสน์ซิมเมอร์ของตระกูลซิมเมอร์ในเมืองนิอัมมี่ ที่ถูกประดับตกแต่งไปด้วยแสงไฟมากมายคืนนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดอายุครบเจ็ดสิบปีของผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์ ภายในงานเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติมากหน้าหลายตา ลูกๆ หลานๆ ทุกคนมอบของขวัญให้กับเขาและอวยพรท่านอย่างพร้อมเพรียงว่า “พวกเราขออวยพรให้คุณปู่มีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาวนะคะ/ครับ” ท่านซิมเมอร์ก็เผยใบหน้าที่มีเลือดฝาดเหมือนกลีบกุหลาบและดูมีพลังขึ้นมาขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พร้อมเอ่ยขึ้นมาว่า “ดีจัง พวกเธอช่างเป็นคนที่นอบน้อมเสียจริงๆ ปู่รู้สึกมีความสุขมากๆ ดังนั้นวันนี้ปู่จะยอมให้ในสิ่งที่พวกเธออยากได้ทีละคนเลย! แค่บอกมาว่าพวกเธออยากได้อะไร” “คุณปู่คะ หนูอยากได้อพาร์ทเมนต์ใกล้ทะเลค่ะ มันไม่แพงเลย แค่ล้านดอลลาร์กว่าเท่านั้นเอง…” “คุณปู่คะ หนูอยากได้กระเป๋าชาแนลรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นค่ะ…” “คุณปู่ครับ ผมอยากได้รถสปอร์ต BMW …” “คุณปู่ครับ ผมอยากได้นาฬิกาโรเล็กซ์…” “...” "โอเคๆ ปู่จะให้ทุกอย่างที่พวกเธอขอมา!” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลซิมเมอร์ให้สัญญากับพวกเขาโดยไม่มีความลังเลใดๆ เด็กหนุ่มและเด็กสาว เมื่อได้ในสิ่งที่ต
"เป็นข้อความจากคนของตระกูลยอร์ก" ฮาร์วี่ย์ขมวดคิ้วเล็กน้อยตระกูลยอร์กเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเซาธ์ไลท์ ในตอนแรกนั้นฮาร์วี่ย์เป็นทายาทที่ถูกต้องโดยชอบธรรมแต่เมื่อสามปีก่อน มีคนในครอบครัวกล่าวหาเขาอย่างผิดๆ และใส่ร้ายเขาว่ายักยอกเงินของ บริษัท ดังนั้นเขาจึงถูกตัดออกไปจากตระกูลทันทีคนในตระกูลยอร์กทั้งหมดจึงลงความเห็นเหมือนกันและฮาร์วีย์ก็ถูกปฏิเสธทันที นอกจากนี้พ่อแม่ของเขายังถูกส่งไปต่างประเทศทันที ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็ไม่เคยได้พบพวกท่านอีกเลยเมื่อเขาออกจากตระกูลยอร์กเมื่อสามปีก่อน เขาไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่สตางค์เดียว มรสุมชีวิตครั้งใหญ่นี้ทำให้เขาบอบช้ำและป่วยหนัก โชคดีที่คุณย่าใหญ่ของตระกูลซิมเมอร์ใจดีพอที่จะพาเขาเข้าไปอยู่ชายคาเดียวกันในคฤหาสน์ซิมเมอร์ เธอยอมให้เขาได้เป็นหลานเขยของเธอด้วยซ้ำ นั่นทำให้เขาจึงไม่ต้องตายอย่างน่าอนาถอย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับแมนดี้มาสามปีแล้ว แต่ทั้งคู่แต่งงานกันในนามเท่านั้นไม่ใช่ใช้ชีวิตเฉกเฉ่นสามีภรรยากันจริงๆหากคนในตระกูลซิมเมอร์ไม่พยายามปกป้องชื่อเสียงของพวกเขาแล้วละก็ ฮาร์วีย์อาจไม่มีที่ซุกหัวนอนไปแล้วก็ได้ตอนนี้เป็นเวลา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฮาร์วี่ย์ก็มาถึงบริษัทของแมนดี้ แต่เขากลับไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านประตูเข้าไป รปภ. คนหนึ่งก็หยุดเขาด้วยกระบองเอาไว้ มันทำให้เขารู้สึกมึนงง ทันใดนั้น รปภ. คนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ออกไปซะ! เราไม่อนุญาตให้คนขอทานเข้าไปในบริษัทได้”ฮาร์วี่ย์ที่เพิ่งตื่นนอนและเขายังไม่ได้อาบน้ำอาบท่า นอกจากนี้เขายังสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นที่มีรอยปะ ซึ่งดูแล้วเขาเหมือนขอทานข้างถนนซะจริงๆนั่นแหละอย่างไรก็ตามฮาร์วี่ย์ก็เคยชินกับเรื่องแบบนั้นไปเสียแล้ว เขายิ้มและพูดว่า “คุณครับ ผมเอาเอกสารมาส่งให้กับภรรยาของผมครับ” “คุณมองไปรอบๆสิ มีภรรยาของคุณหรือเปล่า? รปภ. รู้สึกสงสัย “หรือจะเป็น ซาร่า แม่บ้านทำความสะอาดละ หรือจะเป็นผู้หญิงที่ทำความสะอาดอยู่ในครัวข้างหลัง ลิลลี่หรือเปล่า? “ภรรยาของผมชื่อแมนดี้ครับ” ฮาร์วี่ย์บอกออกไป รปภ. ตกตะลึงในทันที แต่ในไม่ช้าเขาก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน "ผมเข้าใจแล้วละ คุณเป็นลูกเขยของตระกูลซิมเมอร์งั้นหรอ” แต่เขาไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ฮาร์วี่ย์ส่ายหัวไปมา มันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลยเนื่องด้วยว่าเขามีชื่อเสียงมาก "เอาเถอะ
"คำอธิบาย? ทำไมฉันต้องให้คำอธิบายกับนาย” ฮาร์วี่ย์กล่าวออกมาอย่างเย็นชา “อย่างแรกแมนดี้เป็นภรรยาของฉัน โปรดอยู่ให้ห่างจากเธอด้วย ถ้าอยากสร้างภาพก็ไปทำที่อื่น!” “อย่างที่สองถ้าภรรยาของฉันชอบดอกกุหลาบล่ะก็ ฉันจะเป็นคนที่จะซื้อให้เธอเอง! เธอสวยสง่างดงามมาก ของธรรมดาและราคาถูกแบบนี้นะหรอจะเหมาะสมกับเธอ? คืนนี้ฉันจะส่งดอกกุหลาบจากปรากให้เธอเอง!” “อะไรวะเนี่ย! นี่แกเป็นคนปัญญาอ่อนหรือโง่กันแน่เนี่ย? กุหลาบหนึ่งดอกสั่งตรงจากปรากมันมีราคามากกว่าหนึ่งพันดอลลาร์ ฉันได้ยินมาว่าแกกำลังขอสกู๊ตเตอร์จากผู้อาวุโสซิมเมอร์เมื่อวานนี้เองไม่ใช่เหรอ แกนี่มันพวกไม่ได้เรื่องอะไรเลยจริงๆ ถึงแกจะขายไตออกไปข้างหนึ่งมันยังซื้อดอกกุหลาบนั้นไม่ได้แม้สักดอกเดียวด้วยซ้ำ ทำไมแกยังกล้ามาทำอะไรโง่ๆที่นี่?” ดอนดูเย็นชา เขาเป็นคนที่มีสิทธิพิเศษใน ยอร์ก เอ็นเทอร์ไพรส์เชียวนะ ‘ลูกเขยอย่างแกกล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้?’มิหนำซ้ำ ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เขาเดือดดาลมากที่สุดคือฮาร์วี่ย์กล้าโยนดอกไม้เขาลงพื้นและยังลากแมนดี้เข้าไปในลิฟต์อีก ‘ไอ้เ*วนั่นมันต้องการจะทำอะไร’เมื่อนึกอะไรออกดอนก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ในทันที ดูเหมือนเ