“ตอนนี้คุณกำลังพูดเรื่องเหตุผลกับฉันเหรอ?“ดี! ฉันจะเล่นด้วย!“คุณพาเทลใช่ไหม? คุณจะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าทำไมผมถึงต้องพาคนของตระกูลคอบบ์ไป?“คุณไม่อยากรู้เลยเหรอว่าพวกเขาเคยทำอะไรไว้?“หรือคุณกำลังบอกว่าคุณตัดสินให้ผมเป็นคนผิดไปแล้วหลังจากได้ยินคำพูดของคนในตระกูลโมเรโน่?”ไรลีหัวเราะอย่างเย็นชา“ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะไปลอบวางเพลิงหรือฆ่าใครที่ไหนมา...“แต่ฉันมีหน้าที่ปกป้องพวกเขาตราบใดที่เขายังอยู่บนเรือสำราญลำนี้!“ใคร ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์มาอวดเบ่งต่อหน้าฉันอย่างนี้!“คุณจะไปแจ้งตำรวจหรือแจ้งความก็ได้แต่ไม่มีสิทธิ์มาทำอวดเบ่งที่นี่!“นอกจากนี้การกระทำของคุณยังเป็นการละเมิดกฎหมายของประเทศ H ด้วย!“พูดง่าย ๆ ก็คือคุณควรยอมแพ้ซะก่อนที่จะโดนยิงตาย!”ฮาร์วีย์ได้แค่ยิ้ม“ผมได้ยินมาว่าคนในตระกูลพาเทลไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจในฮ่องกงและลาสเวกัส“ไม่ว่าคุณจะน่าประทับใจขนาดไหน คุณก็ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้!”“อย่างนั้นเหรอ?”ไรลีก้าวไปข้างหน้าก่อนจะกระซิบที่ข้างหูฮาร์วีย์ "คุณโง่หรือแค่ไม่รู้อะไรเลยกันแน่?“คุณไม่รู้เหรอว่าห้าตระกูลลึกลับนั้นได้รวมตัวกันเป็นห
“โอ้? คุณถามฉันอย่างนั้นไม่กลัวเหรอ?”ไรลีหัวเราะร่วน“ฉันจะบอกก็ได้ถ้าคุณอยากรู้จริง ๆ!“ควินนี่ ยอร์กนั่นแหละที่คอยหนุนหลังฉันอยู่!“ผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง!“ตอนนี้คุณรู้สึกกลัวแล้วใช่ไหม?!“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”ฮาร์วีย์ฉีกยิ้ม“ควินนี่เหรอ? ฉันกลัวจังเลย! ดูเหมือนว่าฉันต้องโทรหาน้องสาวสุดที่รักของฉันหน่อยแล้วล่ะ...“ฉันไม่ได้มีความสามารถมากมายอะไรนัก แต่ฉันแน่ใจว่ามีคนที่มีความสามารถอยู่รอบ ๆ ตัวฉันเต็มไปหมด“ซึ่งแต่ละคนนั้นก็ล้วนเก่งกาจกว่าคนที่ผ่านมาเมื่อกี๊ด้วย"“ยังไม่หยุดเสแสร้งอีกเหรอ?!“คุณจะสร้างภาพไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย?!”ไรลีทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม“คุณไม่มีอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน! น้องสาวของคุณจะทำอะไรในเรื่องนี้ได้เหรอ?!”ฮาร์วีย์กดหมายเลขโทรศัพท์พร้อมกับยิ้ม ก่อนจะเปิดลำโพงเสียงมีเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง“มีปัญหาอีกแล้วเหรอพี่ฮาร์วีย์?“โอ้...ควินนี่ มีบางคนที่นี่ไม่เชื่อว่าเธอจะยืนหยัดเพื่อฉันได้ในตอนนี้...“ฉันมีเรื่องจะถามเธออย่างหนึ่ง มีอะไรในฮ่องกงและลาสเวกัสที่เธอทำไม่ได้?”ไรลีเริ่มรู้สึ
หลังจากเยาะเย้ยไรลีไปมากพอแล้ว ฮาร์วีย์ก็ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะยัดโทรศัพท์เข้าไปในมือของเธอ แล้วใช้มือแตะหน้าเธอเบา ๆทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น!ดวงตาของไรลีกระตุกอย่างบ้าคลั่งเมื่อเธอพยายามจะอยู่ห่างจากฮาวีย์ให้มากที่สุด เธอจับโทรศัพท์ไว้แน่นแต่ไม่กล้ารับสายฮาร์วีย์หรี่ตาลงเมื่อเห็นภาพนั้น“อะไรกัน? ตอนนี้คุณกลัวขึ้นมาแล้วเหรอ?“ถึงกับรับสายไม่ได้เชียวเหรอ?”“ฉันจะบอกอะไรให้นะฮาร์วีย์! อย่าคิดว่าฉันจะยอมคุณเพียงเพราะคุณมีควินนี่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณนะ“ฉันไม่กลัวคุณหรอก!” ไรลีร้องบอกด้วยสีหน้าดุดัน“ฉันมาที่นี่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตระกูล แล้วก็เคารพกฎหมายด้วย!“ฉันมีเหตุผล!“ฉันไม่กลัวคุณหรอก!”ไซลาสได้สติก่อนจะยิ้มจาง ๆ“คุณพาเทลพูดถูก โลกต้องการคนที่กล้าหาญและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเธอ เพื่อปกป้องคนบริสุทธิ์อย่างเรา!“ไม่ต้องเป็นห่วง! ตระกูลจอห์นจะอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณ!“ควินนี่ไม่กล้ายั่วยุสิบตระกูลชั้นนำหรือห้าตระกูลลึกลับหรอก!”ไซลาสหรี่ตามองฮาร์วีย์ เขาต้องการบดขยี้ฮาร์วีย์โดยยืมมือของตระกูลพาเทลเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาลงมือทำเองไม่สะดวก เนื่องจากเป็นห่วงความรู้สึกขอ
"พี่ใหญ่? เกิดอะไรขึ้น?”เอเลียสได้สติ มีคนไม่กี่คนหรอกที่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา เขาจำเสียงฮาร์วีย์ที่ผ่านมาทางปลายสายอีกด้านหนึ่งได้“ไม่เจอกันนานเลยนะเอเลียส ฉันไม่อยากรบกวนผู้สืบทอดตระกูลพาเทลตั้งแต่แรกหรอกนะ...“แต่ฉันมีปัญหานิดหน่อย“ก็เลยต้องโทรหาแก!“แกรู้จักคนที่ชื่อไรลี พาเทลไหม?“เธอไม่เพียงแต่จะพยายามโค่นล้มฉันเท่านั้น แต่ยังบอกว่าแกเป็นคนขอให้ทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองด้วย“แกเริ่มอวดดีทันทีที่ฉันออกจากมอร์ดูหรือยังไง?”“ไรลีเหรอ?”เอเลียสตัวแข็งทื่อก่อนจะทำสีหน้าเย็นชา“ไม่ใช่แน่นอนครับ! ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย!“ผมให้ความเคารพคุณนับแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก!“ไรลีเป็นเพียงญาติที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลพาเทลเท่านั้นเอง!“เธอใช้นามสกุลนี้ก็เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ทุกอย่าง และได้ทำอะไรที่เธออยากจะทำ!“อย่าไปเชื่อคำพูดของนางสารเลวนั่น!“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ! ผมจะโทรไปสั่งสอนเธอเดี๋ยวนี้เลย!”เอเลียสวางสายโทรศัพท์นั้นทันทีหลังจากนั้นโทรศัพท์ของไรลีก็ดังขึ้นเธอเหลือบมองโทรศัพท์ก่อนจะทำสีหน้าที่ดูสิ้นหวังเอเลียสโทรมาฮาร์วีย์หรี่ตามอง“อะไรกัน? ทำไมคุณไม่ยอมรับสายนายน้อยของ
"ขอโทษค่ะคุณยอร์ก!” ไรลีกล่าวคำขอโทษพร้อมกับกัดริมฝีปากเอาไว้“ผมยังไม่ได้ยินเลยว่าคุณพูดอะไร?” ฮาร์วีย์ถามด้วยสีหน้าสงสัย“ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณยอร์ก!” ไรลีร้องบอก“ถ้าขอโทษแล้วจบกัน แล้วจะมีตำรวจไว้ตั้งแต่แรกทำไมล่ะ?”เพล้ง!ในที่สุดความหวังภายในใจของไรลีก็แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนได้ความภาคภูมิใจของเธอถูกบดขยี้อย่างไม่มีชิ้นดี เมื่อเธอกระแทกเข่าลงตรงหน้าฮาร์วีย์“ฉันผิดไปแล้วค่ะคุณยอร์ก! นี่เป็นความผิดของฉันทั้งหมด!“ฉันช่างโง่เง่า!“ฉันช่างใจแคบ!“ได้โปรดเถอะค่ะ! แกล้งทำเป็นว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น!“ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย!”ไรลีไม่ลังเลที่จะแสดงความจริงใจของเธอออกมาด้วย...เธอตบหน้าตัวเองไม่หยุดจนหน้าบวมเป่งท่าทีที่ดูทรงอำนาจและชอบธรรมได้สูญสลายไปอย่างไม่เหลือหรอภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองและทำอะไรไม่ถูก...เธอรู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นไม่เพียงเธอจะสูญเสียชื่อเสียงและความร่ำรวยเท่านั้น...แต่ถ้าฮาร์วีย์ไม่ยอมให้อภัยเธอล่ะก็ คนทั้งตระกูลของเธอจะต้องถูกสังหารทันทีไม่ใช่มีแค่ควินนี่เท่านั้น แค่เอเลียสเพียงคนเดียวก็สามารถทำให้เธอและครอบครัวนอนอย
ไซลาสรู้ว่าผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาแทบจะไม่มีโอกาสที่จะโค่นฮาร์วีย์ลงได้เลย แต่เขาไม่คาดคิดว่าไรลีจะคุกเข่าลงไปเร็วขนาดนั้นตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเขาไม่เข้าใจจริง ๆ และรู้สึกปวดร้าวเหลือเกินเขากำลังจะเป็นบ้า และอยากจะกรีดร้อง...แต่ไรลีทำเมินเฉยต่อเขาอย่างมากในขณะที่ก้มหัวลงโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียวไซลาสก้าวไปข้างหน้าเพื่อเตรียมดึงไรลีขึ้นมา ก่อนจะมีคนมาแตะที่ไหล่ของเขาเขาตัวแข็งทื่อทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้นที่โอบล้อมตัวเขาอยู่ ครั้งนี้เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมกระเพาะปัสสาวะของเขาได้เลยฮาร์วีย์มองไปที่ฝูงชนอย่างใจเย็น“มีใครไม่พอใจกับเรื่องนี้ไหม?“มีใครอยากจะยืนหยัดเพื่อคุณย่าคอบบ์อีกไหม?“ก้าวออกมาเลย"ไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมาในตอนนี้เลยฮาร์วีย์มีพละกำลังมากกว่าเขาเยอะเขามีความสามารถเหนือกว่าเคย์ลีในแง่ของทักษะการต่อสู้แค่อำนาจของเขาก็ทำให้ไรลีคุกเข่าลงได้แล้วไซลาสสามารถขอความช่วยเหลือได้ด้วยสิทธิโดยกำเนิดของเขา แต่แล้วยังไงล่ะ?มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดนั้นเลยนี่เขาทำได้เพียงทำหน้าสิ้นหวังในขณะที่ฮาร์วีย์จับไหล่ของเขาอยู่ฝูงช
“ฮาร์วีย์ ยอร์ก!”ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั่วทั้งใบหน้าและมือของไซลาสก็เต็มไปด้วยผ้าพันแผล ในขณะที่เขาเตะชุดน้ำชาหินอ่อนกลิ้งลงไปบนพื้นเขามาจากหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำ ทั้งชีวิตของเขาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นจวบจนถึงตอนนี้ ถ้าเขาอยากจะบดขยี้ใครก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก...แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของเขาจะถูกทำลายอย่างย่อยยับเท่านั้น แต่ทั่วทั้งใบหน้าและมือของเขาก็ถูกทำลายด้วยในเวลานี้ดวงตาของไซลาสก็ดูแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดเสียงกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยวดังก้องไปทั่วทั้งห้องราวกับว่าเขาจะไม่ยอมหยุดร้องจนกว่าฮาร์วีย์จะโดนยำจนเละเป็นโจ๊กลูกน้องที่ไว้ใจได้ของเขายืนตัวสั่นอยู่ในรองเท้าบู๊ตตรงมุมห้องพวกเขาอยากจะเข้าไปปลอบไซลาส แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำเดียวเอลเลนยืนฟังอยู่นอกห้อง เธอไม่กล้าเคาะประตูเพื่อเข้าไปดูแลสุดที่รักของเธอ ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆเธอรู้ดีว่าความโกรธเกรี้ยวของไซลาสจะพุ่งตรงมาที่เธอแน่ ถ้าเธอเข้าไปอยู่ในสายตาของเขาเมื่อมาถึงจุดนี้เธอก็เริ่มคิดถึงเรื่องการตัดขาดจากเขาเธอไม่ต้องการผู้ชายที่ไม่มีพลังไปบดขยี้ฮาร์วีย์ได้!“ไอ้ตัวโสโครก!“พวกแกทุกคนเลย!“
ลูกน้องที่ไว้ใจได้ของไซลาสพยักหน้าพร้อมกันหลังจากได้ยินคำพูดของเคย์ลีไซลาสมีสีหน้าเย็นชาเมื่อถามว่า "ผู้ชายคนนั้นคือใคร?”เคย์ลีหยิบโน๊ตบุ๊คออกมา“เขาชื่อฮารวีย์ ยอร์ก เขาเป็นลูกเขยที่อาศัยอยู่กับครอบครัวภรรยา" เคย์ลีตอบเบา ๆ“ภรรยาของเขาคือหัวหน้าคนใหม่ของบ้านหลังที่เก้าแห่งตระกูลยีน ซึ่งก็คือแมนดี้ ซิมเมอร์นั่นเอง...“แต่ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บอกว่าพวกเขาได้ทำหนังสือหย่ากันเรียบร้อยแล้ว...”ก่อนที่เคย์ลีจะเปิดเผยตัวตนอื่น ๆ ของฮาร์วีย์ ไซลาสก็พูดตัดบทเธอทันที“เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง?!” ไซลาสร้องถามอย่างเย็นชา“เธอกำลังบอกว่าฉันโดนเอาเปรียบจากไอ้โสโครกอย่างนั้นเหรอ?!“เขามีควินนี่และเอเลียสอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา...“เขาทำให้ไรลีต้องคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาด้วย“เธอคิดว่าคนแบบนั้นสามารถเป็นลูกเขยที่อาศัยอยู่กับครอบครัวภรรยาได้เหรอ?!”ไซลาสมักจะเป็นคนที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อน โดยปกติแล้วเขาจะวางมาดเป็นนายน้อยในตระกูลชั้นนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา ที่มาจากสนามฝึกศิลปะการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์แต่ถึงกระนั้น ท่าทีที่ว่านั้นก็หายไปหมดสิ้นในเวลาน