“แกกล้าดียังไงถึงมาแตะต้องตัวฉัน ไอ้สารเลว?! ฉันจะฆ่าแก!” เทรย์ร้องบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาจากนั้นเขาดึงมีดเล่มใหญ่ออกมาก่อนที่ฮาร์วีย์จะรั้งตัวเขาเอาไว้หลังจากรู้สึกได้ถึงความชื่นชมของไซลาสและคนอื่น ๆ แล้ว คุณเคย์ลีก็รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมากเธอชี้ไปที่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา“คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!“ดูให้ดี ๆ สิฮาร์วีย์! นี่คือคุณเคย์ลี โลว์จาก 'ประตูสวรรค์!' ซึ่งเป็นสนามฝึกศิลปะการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์“เธอไม่เพียงแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่เธอยังเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับนายน้อยจอห์นด้วย!“เธอได้ฆ่าผู้คนไปมากกว่าจำนวนมื้ออาหารที่คุณกินมาทั้งชีวิตซะอีกนะ!”เอลเลนมองฮาร์วีย์อย่างสมเพชเวทนา“คงจะแย่มากเลยถ้าคุณทำให้เธอโกรธขึ้นมาล่ะก็...“ฉันคงหยุดยั้งเธอเอาไว้ไม่ได้ถ้าเธอต้องการที่จะฆ่าคุณขึ้นมาจริง ๆ"“ประตูสวรรค์เหรอ?”ฮาร์วีย์หรี่ตามองเคย์ลี“แกไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร? แต่อยากจะต่อสู้กับฉันแบบนี้จริง ๆ เหรอ?“แกเป็นเพียงตัวแทนของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้จากประเทศ H ใช่ไหม?”เคย์ลีทำสีหน้าเริงร่า“ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นแค่หุ่
ไซลาสมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาอย่างเคร่งเครียดเคย์ลีเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้จากประตูสวรรค์ เธอเป็นหนึ่งในสิบผู้มีความสามารถชั้นยอดของสนามฝึกศิลปะการต่อสู้อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด เขาได้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพียงเพื่อจ้างผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจขนาดนั้นมาอยู่ข้าง ๆ เขา...แต่เขาไม่เคยคิดว่าฮาร์วีย์จะตบเคย์ลีล้มคว่ำไปง่าย ๆ แบบนั้น“โอเคไหมครับคุณโลว์?!”เหล่าบอดี้การ์ดของตระกูลจอห์นเริ่มตื่นตระหนกทันทีที่ได้สติ พวกเขารีบทรุดตัวลงกับพื้นเพื่ออุ้มเคย์ลีขึ้นมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บอยู่ก็ตามดวงตาของเอลเลนยังตระตุกไม่หยุด ใบหน้าที่แต่งไว้อย่างงดงามของเธอถูกบดบังด้วยความรู้สึกตกใจสุดขีดเธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าฮาร์วีย์มีความแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้ยังไง“รีบดูแลอาการบาดเจ็บของคุณโลว์เดี๋ยวนี้เลย!” ไซลาสร้องบอกออกไปทันที“ฉัน… ไม่เป็นไร!”เคย์ลีผลักผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอออกไปด้วยสีหน้าเศร้าหมองเธอกัดฟันกรอดในขณะจ้องหน้าฮาร์วีย์ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮาร์วีย์จะโค่นเธอลงได้ง่าย ๆ“แกกล้าดียังไงมาตบหน้าฉัน?!“แกรู้ไหมว่าฉันมาจากไหน?!”เคย์ลีรู้สึกประหลาดใจในพละกำลังของฮาร์วีย์
“แกกล้าดียังไง?!”เคย์ลีกัดฟันกรอดพร้อมกับทำหน้าบิดเบี้ยวเธออยากจะต่อสู้กับฮาร์วีย์แต่กลับล้มลงกับพื้นอีกครั้งทันทีก่อนจะทำอะไรได้ ตอนนี้เธอมีอาการตัวสั่นอยู่ตลอดเวลาหลังจากนั้นเธอก็หมดสติไปเธอกลายเป็นคนพิการอย่างสิ้นเชิงฮาร์วีย์ทำเมินเฉยต่อผู้หญิงที่อยู่บนพื้น ในขณะที่เขาหรี่ตามองขึ้นไปบนชั้นสอง เพื่อรอคอยให้ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นมาปรากฎตัวแต่ทันใดนั้นความอาฆาตแค้นที่หมายจะเอาชีวิตของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็สูญสลายหายไปทันทีราวกับว่าบุคคลนั้นไม่เคยมีตัวตนตั้งแต่แรก“แกบ้าไปแล้วฮาร์วีย์!”บอดี้การ์ดหลายสิบคนต่างโกรธมากเมื่อเห็นฮาร์วีย์เตะเคย์ลีจนล้มลงถึงแม้ว่าจะยังมีคนถูกลูกน้องของฮาร์วีย์คุมตัวอยู่ พวกเขาก็ยังคงชูปืนใส่เขาอย่างไม่ลังเลอะไรเลยราวกับว่าพวกเขาพร้อมจะย่อยยับไปกับเขาด้วย“คุณรู้ตัวไหมว่าได้ทำอะไรลงไป?!“คุณไม่มีค่าพอจะไปต่อสู้กับคุณโลว์ได้!”เป็นธรรมดาที่เอลเลนไม่สามารถทนเห็นชัยชนะของฮาร์วีย์ได้เธอเอาแต่กรีดร้องใส่หน้าเขา โดยคิดว่าเขาควรจะถูกบดขยี้เหมือนสุนัขที่ตายแล้วในงานหมั้นของเธอเธอไม่อยากเห็นฮาร์วีย์ประสบความสำเร็จอะไรเลยเธออยากเห็นฮาร์วีย์คุกเข่า
โยอานามีสีหน้าเปลี่ยนไปในขณะที่เธอยืนอยู่ข้าง ๆ ฮาร์วีย์“คุณยอร์ก ผู้หญิงคนนี้คือไรลี พาเทล"ฮาร์วีย์หรี่ตามองก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ“ตระกูลที่เคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยโบราณใช่ไหม?”“ใช่แล้วค่ะ...”ในขณะที่ฮาร์วีย์และโยอานากำลังคุยกันอยู่นั้น ผู้ชายพุงใหญ่ก็ก้าวออกมา เขาพยายามเรียกร้องความสนใจเป็นอย่างมาก“ช่างมาได้ถูกจังหวะจริง ๆ เลยครับคุณพาเทล!“เด็กคนนี้ไม่เพียงแต่บุกเข้ามาในเรือสำราญเท่านั้น แต่เขายังทำร้ายผู้คนและจับบางคนไปเป็นตัวประกันอีกด้วย! คุณโลว์ต้องกลายเป็นคนพิการก็เพราะเขา!“เขาไม่ให้ความเคารพคุณและตระกูลของคุณเลย!“แถมเขายังดูหมิ่นพวกเราด้วย! คุณต้องจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้พวกเราทุกคนด้วยนะ!“เรากำลังเดินทางไปอเมริกาก็เพราะคำเชื้อเชิญจากตระกูลของคุณ เรายอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างก็เพียงเพื่อจะได้ขึ้นเรือสำราญลำนี้! “คุณต้องยืนหยัดเพื่อพวกเราในขณะที่โดนเอารัดเอาเปรียบอยู่ในตอนนี้!”แขกคนอื่น ๆ ก็พูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน ราวกับว่าการมาปรากฎตัวของไรลีนั้นช่วยกอบกู้ชื่อเสียงให้พวกเขาได้หลังจากไซลาสได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้ว เขาก็หรี่ตามองก่อนจะชักชวนให้เชื่อพร้อมก
“ตอนนี้คุณกำลังพูดเรื่องเหตุผลกับฉันเหรอ?“ดี! ฉันจะเล่นด้วย!“คุณพาเทลใช่ไหม? คุณจะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าทำไมผมถึงต้องพาคนของตระกูลคอบบ์ไป?“คุณไม่อยากรู้เลยเหรอว่าพวกเขาเคยทำอะไรไว้?“หรือคุณกำลังบอกว่าคุณตัดสินให้ผมเป็นคนผิดไปแล้วหลังจากได้ยินคำพูดของคนในตระกูลโมเรโน่?”ไรลีหัวเราะอย่างเย็นชา“ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะไปลอบวางเพลิงหรือฆ่าใครที่ไหนมา...“แต่ฉันมีหน้าที่ปกป้องพวกเขาตราบใดที่เขายังอยู่บนเรือสำราญลำนี้!“ใคร ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์มาอวดเบ่งต่อหน้าฉันอย่างนี้!“คุณจะไปแจ้งตำรวจหรือแจ้งความก็ได้แต่ไม่มีสิทธิ์มาทำอวดเบ่งที่นี่!“นอกจากนี้การกระทำของคุณยังเป็นการละเมิดกฎหมายของประเทศ H ด้วย!“พูดง่าย ๆ ก็คือคุณควรยอมแพ้ซะก่อนที่จะโดนยิงตาย!”ฮาร์วีย์ได้แค่ยิ้ม“ผมได้ยินมาว่าคนในตระกูลพาเทลไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจในฮ่องกงและลาสเวกัส“ไม่ว่าคุณจะน่าประทับใจขนาดไหน คุณก็ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้!”“อย่างนั้นเหรอ?”ไรลีก้าวไปข้างหน้าก่อนจะกระซิบที่ข้างหูฮาร์วีย์ "คุณโง่หรือแค่ไม่รู้อะไรเลยกันแน่?“คุณไม่รู้เหรอว่าห้าตระกูลลึกลับนั้นได้รวมตัวกันเป็นห
“โอ้? คุณถามฉันอย่างนั้นไม่กลัวเหรอ?”ไรลีหัวเราะร่วน“ฉันจะบอกก็ได้ถ้าคุณอยากรู้จริง ๆ!“ควินนี่ ยอร์กนั่นแหละที่คอยหนุนหลังฉันอยู่!“ผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลยอร์กแห่งฮ่องกง!“ตอนนี้คุณรู้สึกกลัวแล้วใช่ไหม?!“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”ฮาร์วีย์ฉีกยิ้ม“ควินนี่เหรอ? ฉันกลัวจังเลย! ดูเหมือนว่าฉันต้องโทรหาน้องสาวสุดที่รักของฉันหน่อยแล้วล่ะ...“ฉันไม่ได้มีความสามารถมากมายอะไรนัก แต่ฉันแน่ใจว่ามีคนที่มีความสามารถอยู่รอบ ๆ ตัวฉันเต็มไปหมด“ซึ่งแต่ละคนนั้นก็ล้วนเก่งกาจกว่าคนที่ผ่านมาเมื่อกี๊ด้วย"“ยังไม่หยุดเสแสร้งอีกเหรอ?!“คุณจะสร้างภาพไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย?!”ไรลีทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม“คุณไม่มีอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน! น้องสาวของคุณจะทำอะไรในเรื่องนี้ได้เหรอ?!”ฮาร์วีย์กดหมายเลขโทรศัพท์พร้อมกับยิ้ม ก่อนจะเปิดลำโพงเสียงมีเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง“มีปัญหาอีกแล้วเหรอพี่ฮาร์วีย์?“โอ้...ควินนี่ มีบางคนที่นี่ไม่เชื่อว่าเธอจะยืนหยัดเพื่อฉันได้ในตอนนี้...“ฉันมีเรื่องจะถามเธออย่างหนึ่ง มีอะไรในฮ่องกงและลาสเวกัสที่เธอทำไม่ได้?”ไรลีเริ่มรู้สึ
หลังจากเยาะเย้ยไรลีไปมากพอแล้ว ฮาร์วีย์ก็ก้าวไปข้างหน้าก่อนจะยัดโทรศัพท์เข้าไปในมือของเธอ แล้วใช้มือแตะหน้าเธอเบา ๆทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น!ดวงตาของไรลีกระตุกอย่างบ้าคลั่งเมื่อเธอพยายามจะอยู่ห่างจากฮาวีย์ให้มากที่สุด เธอจับโทรศัพท์ไว้แน่นแต่ไม่กล้ารับสายฮาร์วีย์หรี่ตาลงเมื่อเห็นภาพนั้น“อะไรกัน? ตอนนี้คุณกลัวขึ้นมาแล้วเหรอ?“ถึงกับรับสายไม่ได้เชียวเหรอ?”“ฉันจะบอกอะไรให้นะฮาร์วีย์! อย่าคิดว่าฉันจะยอมคุณเพียงเพราะคุณมีควินนี่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณนะ“ฉันไม่กลัวคุณหรอก!” ไรลีร้องบอกด้วยสีหน้าดุดัน“ฉันมาที่นี่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตระกูล แล้วก็เคารพกฎหมายด้วย!“ฉันมีเหตุผล!“ฉันไม่กลัวคุณหรอก!”ไซลาสได้สติก่อนจะยิ้มจาง ๆ“คุณพาเทลพูดถูก โลกต้องการคนที่กล้าหาญและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเธอ เพื่อปกป้องคนบริสุทธิ์อย่างเรา!“ไม่ต้องเป็นห่วง! ตระกูลจอห์นจะอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณ!“ควินนี่ไม่กล้ายั่วยุสิบตระกูลชั้นนำหรือห้าตระกูลลึกลับหรอก!”ไซลาสหรี่ตามองฮาร์วีย์ เขาต้องการบดขยี้ฮาร์วีย์โดยยืมมือของตระกูลพาเทลเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาลงมือทำเองไม่สะดวก เนื่องจากเป็นห่วงความรู้สึกขอ
"พี่ใหญ่? เกิดอะไรขึ้น?”เอเลียสได้สติ มีคนไม่กี่คนหรอกที่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา เขาจำเสียงฮาร์วีย์ที่ผ่านมาทางปลายสายอีกด้านหนึ่งได้“ไม่เจอกันนานเลยนะเอเลียส ฉันไม่อยากรบกวนผู้สืบทอดตระกูลพาเทลตั้งแต่แรกหรอกนะ...“แต่ฉันมีปัญหานิดหน่อย“ก็เลยต้องโทรหาแก!“แกรู้จักคนที่ชื่อไรลี พาเทลไหม?“เธอไม่เพียงแต่จะพยายามโค่นล้มฉันเท่านั้น แต่ยังบอกว่าแกเป็นคนขอให้ทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองด้วย“แกเริ่มอวดดีทันทีที่ฉันออกจากมอร์ดูหรือยังไง?”“ไรลีเหรอ?”เอเลียสตัวแข็งทื่อก่อนจะทำสีหน้าเย็นชา“ไม่ใช่แน่นอนครับ! ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย!“ผมให้ความเคารพคุณนับแต่ที่ได้พบกันครั้งแรก!“ไรลีเป็นเพียงญาติที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลพาเทลเท่านั้นเอง!“เธอใช้นามสกุลนี้ก็เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ทุกอย่าง และได้ทำอะไรที่เธออยากจะทำ!“อย่าไปเชื่อคำพูดของนางสารเลวนั่น!“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ! ผมจะโทรไปสั่งสอนเธอเดี๋ยวนี้เลย!”เอเลียสวางสายโทรศัพท์นั้นทันทีหลังจากนั้นโทรศัพท์ของไรลีก็ดังขึ้นเธอเหลือบมองโทรศัพท์ก่อนจะทำสีหน้าที่ดูสิ้นหวังเอเลียสโทรมาฮาร์วีย์หรี่ตามอง“อะไรกัน? ทำไมคุณไม่ยอมรับสายนายน้อยของ