หลังจากเห็นเหล่าเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปรุมล้อมฮาร์วีย์พร้อม ๆ กัน ดีนก็ตะโกนบอกอย่างอ่อนแรง "ระวังตัวด้วยคุณยอร์ก!”“ไม่เป็นไรครับ"ฮาร์วีย์ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทีสบาย ๆนักฆ่าสามคนแรกกระโจนเข้าหาฮาร์วีย์พร้อมกัน การโจมตีของพวกเขาช่างดุดันและทรงพลังราวกับเสือภูเขามีดดาบสามเล่มถูกเหวี่ยงเข้าไปหาฮาร์วีย์ฮาร์วีย์ก้าวถอยหลังแล้วดีดนิ้วอย่างใจเย็น จากนั้นก็เหวี่ยงฝ่ามือออกไปเพียะ เพียะ เพียะ!การตบนั้นลอดคมมีดเข้าไปตบหน้าเหล่านักฆ่าพวกนั้นพวกเขารีบเอามือกุมหน้าที่บวมเป่งแล้วซวนเซไปข้างหลัง“เทพสงคราม!”ในที่สุดหัวหน้านักฆ่าก็ตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฮาร์วีย์“ฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!” เขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเป็นธรรมดาที่เหล่านักฆ่าต่างอิจฉาความสำเร็จของฮาร์วีย์เป็นอย่างมากถึงแม้เขาจะยังอายุน้อยอยู่ก็ตามในขณะเดียวกันความกลัวภายในจิตใจของพวกเขาก็ขยายวงมากขึ้นสองเหวี่ยงมีดดาบไปทางด้านข้างทันที การโจมตีนั้นดูเหมือนคลื่นที่ซัดเข้าหาฮาร์วีย์อย่างจังนี่คือหนึ่งในท่าไม้ตายของเหล่าเจ็ดนักฆ่าไร้เทียมทาน 'ท่ากระแสน้ำซัดสาด'ในขณะทีเขากำลังจะหั่นฮาร์วีย์อยู่นั้น ในที่สุดฮาร์วี
หลังจากยิงกระสุนนัดสุดท้าย หัวหน้านักฆ่าก็ตามหลังมาไกล ๆ พร้อมกับเผยให้เห็นสีหน้าที่ดูย่ำแย่นอกจากเจ็ดจะเป็นอัมพาตอยู่บนพื้นแล้ว นักฆ่าอีกหกคนต่างก็จ้องมองฮาร์วีย์พร้อมกับกัดฟันกรอด“แกกล้าใช้อาวุธปืนได้ยังไง? แกกำลังเล่นขี้โกงอยู่นะ!” หัวหน้านักฆ่าร้องบอกในขณะมือสั่นเทาฮาร์วีย์มองดูอาวุธปืนในมืออย่างใจเย็น“พวกแกช่างหน้าด้านอย่างนั้นเหรอ?“แกใช้มันก่อนนะ แกนำมันมาที่นี่“ฉันก็แค่ให้แกได้ลิ้มรสยาของแกเอง แล้วแกยังมีหน้ามาบ่นอยู่อีกเหรอ?“แกวางแผนที่จะรายงานกับตำรวจเพราะฉันทำร้ายแกอีกนิดหน่อยใช่ไหมล่ะ?“แกจะให้ครอบครัวของแกไล่ล่าฉัน เพื่อที่ฉันจะได้เป็นคนจ่ายค่าทำศพ หลังจากพวกแกตายหมดอย่างนั้นเหรอ?”หัวหน้านักฆ่าทำสีหน้าฮึดฮัดใส่ฮาร์วีย์หลังจากได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของฮาร์วีย์“ไป! ฆ่าเขาซะ!” เขาตะโกนสั่งอย่างเกรี้ยวกราดฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!หลังจากรู้ถึงความแข็งแกร่งของฮาร์วีย์แล้ว นักฆ่าที่เหลืออีกหกคนก็จับมีดดาบของตัวเองด้วยสองมือ แล้วเหวี่ยงออกไปในทิศทางของฮาร์วีย์การเคลื่อนไหวของพวกเขาเป็นไปอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งมากกว่าเดิม...แต่ถึงกระนั้นฮาร์วีย์ก็ยังได้เปรียบอยู่
ฮาร์วีย์เผยให้เห็นรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะใช้มือทุบโทรศัพท์เครื่องนั้นจนแหลกละเอียดจากนั้นเขาก็ดึงโทรศัพท์ของเขาออกมาก่อนจะกดหมายเลขออกไป“เธอมีงานต้องทำนะจูเลียน“ถ้าเธอมีกำลังคนไม่พอก็ให้พาเทรย์ไปด้วย“เขารอคอยโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถออกมาอยู่แล้ว...“รีบคว้าโอกาสนั้นไว้ซะ"ในขณะที่ฮาร์วีย์คุยโทรศัพท์อยู่นั้น เคทีก็อุ้มดีนไปนั่งรถเข็นคันใหม่ ดีนยิ้มให้เธอเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไรเขาเข้าไปหาฮาร์วีย์แล้วกระซิบบอกว่า "เป็นยังไงบ้างครับคุณยอร์ก? เราต้องพาคุณไปส่งโรงพยาบาลหรือเปล่า?”ฮาร์วีย์ยิ้มแล้วส่ายหัว“ผมไม่เป็นไร แต่คนพวกนี้อาการหนัก…"ฮาร์วีย์นึกถึงเรื่องอื่นขึ้นมาได้“ผมได้จัดการกับกลุ่มเจ็ดนักฆ่าไร้เทียมทานไปแล้ว คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณและเคทีที่จะจัดการส่วนที่เหลือให้เสร็จ"“คุณไม่ต้องรีบนะครับ“ผมจะจัดการกับตระกูลคอบบ์ด้วย“เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็จ่ายเงินเพิ่มเพื่อฆ่าผม"ดีนถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมฮาร์วีย์ถึงดูเด็ดเดี่ยวได้ถึงขนาดนี้ถ้าเป็นดีนล่ะก็ เขาคงจะปล่อยภรรยาตัวเองไปเพื่อเห็นแก่การที่ได้แต่งงานกันมาแต่ยังไงก็ตามเมื่
"ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ฮ่องกงใช่ไหม?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ“พวกเขาไม่รู้เหรอว่าในฮ่องกงและลาสเวกัสนั้น เราสามารถใช้ความแข็งแกร่งของเราบดขยี้พวกเขาได้อย่างง่ายดาย?”จูเลียนตอบด้วยเสียงเคร่งเครียด "พวกเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกครับคุณยอร์ก"“พวกเขาจ่ายเงินก้อนโตเพื่อล่องเรือสำราญ และจดทะเบียนชื่อของพวกเขาจากต่างประเทศด้วย เรือสำราญนี้มีทหารรับจ้างพร้อมอาวุธจากดาร์ก ไอส์แลนด์อยู่เป็นจำนวนมาก!“นอกจากนั้นยังมีบุคคลสำคัญอีกนับร้อยคนที่ไปเยือนอเมริกาด้วยการล่องเรืองสำราญ!“ไม่มีทางที่จะเข้าไปได้ง่าย ๆ เลยครับ“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการจัดการกับคุณย่าคอบบ์และคนอื่น ๆ จึงกลายเป็นเรื่องยากอยู่นิดหน่อย"“ตระกูลจอห์นเหรอ?”ฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว“หนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำน่ะเหรอ?”“ใช่แล้วครับ" จูเลียนตอบ“โอเชี่ยนนิค คอร์ปอเรชั่นเป็นบริษัททำเงินให้กับตระกูลจอห์นอย่างมาก พวกเขาดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัทนี้ด้วยความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก“ผมได้ยินมาว่าแม้แต่ตระกูลพาเทลยังดำเนินธุรกิจการขนส่งได้ด้อยกว่าตระกูลนี้ด้วย“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อพิจารณาจากเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว ก็พอจะรู้แล้
หลังจากวางสายแล้วคุณยายคอบบ์ก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายถ้าเขายังไม่ตาย...เธอรู้ว่าเขาจะไล่ล่าเธอไปจนสุดขอบโลกอย่างแน่นอนเธอดีใจที่ได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าเธอได้เตรียมการสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว เรือสำราญไดมอนด์ ครูซกำลังจะออกเดินทางแล้ว...เธอจะทำอะไรก็ได้หลังไปถึงอเมริกาแล้ว'ถึงแม้ว่าเขาจะทรงพลังขนาดนั้น แต่ไม่มีทางที่เขาจะไล่ล่าฉันไปจนถึงที่นั่นเหรอก!'“ทำไมเราต้องวิ่งหนีด้วยล่ะคุณย่าคอบบ์? เราดูเหมือนคนทำความผิดจากแค่การทำสิ่งนี้เหรอ?“นอกจากนี้ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจน ฮาร์วีย์ก็ไม่สามารถฆ่าพวกเราในแบล็คเบิร์นซิตี้ได้ ถึงแม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะล้มเหลวก็ตาม" วาเลรี่ร้องบอกพร้อมกับขมวดคิ้ว“แบล็คเบิร์น ซิตี้เป็นของทะเลใต้! ผู้ชายจากประเทศ H คงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามขนาดนี้หรอก!”วาเลรี่ไม่อยากจะตั้งข้อสงสัยในการคาดเดาของคุณย่าคอบบ์...แต่ยังไงก็ตามทรัพย์สินของตระกูลคอบบ์เป็นของบ้านหลังที่สองเท่านั้นเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณย่าคอบบ์จึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างขาดสติหญิงชราใช้เงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิตเพียงเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเ
วาเลรี่และอีเดนสบตากันหลังจากได้ยินคำพูดของคุณย่าคอบบ์ พวกเขาคิดว่าเธอกำลังเคร่งเครียดไปนิดหน่อย...คุณย่าคอบบ์ถอนหายใจ“นอกจากนี้ เราก็ยังมีเวลาเสมอ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่!“ความเจริญรุ่งเรืองจะไม่คงอยู่ตลอดไปหรอก!“ตอนนี้เคทีกำลังรุ่งโรจน์เนื่องจากมีไอ้ฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ อีกมากมายมาช่วย!“เราไม่สามารถเอาชนะเธอในตอนนี้ได้!“แต่ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ในอเมริกาและเกาะมหาเศรษฐีพวกนั้นเอาไว้ เราก็จะมีโอกาสลุกขึ้นได้อีกครั้งเสมอ"ท้ายที่สุดแล้วชาวอเมริกันพยายามสร้างที่มั่นขึ้นในทะเลใต้ เพื่อใช้ต่อสู้กับประเทศ H!“ถ้าเราแสดงความภักดีต่อพวกเขา พวกเขาก็จะให้การสนับสนุนภารกิจของเราอย่างแน่นอน!“ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราที่จะฟื้นคืนกลับมาอย่างแข็งแกร่ง!”หลังจากได้ยินแผนการสำหรับอนาคตของคุณย่าคอบบ์ ทั้งอีเดนและวาเลรี่ต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน ราวกับว่าพวกเขามีความมั่นใจเต็มที่ในอีกด้านหนึ่งนั้นพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะเอาชีวิตมาเสี่ยงในตอนนี้ในทางกลับกันพวกเขามีโอกาสที่จะผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ตราบใดที่พวกเขาคอยประจบประแจงพวกอเมริกันเอาไว้ตู๊ด ตู๊ด
"ถึงแม้ว่าคุณย่าจะเตรียมการในเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว แต่ฮาร์วีย์ก็สามารถแกะรอยเราได้ง่าย ๆ อยู่ดี เมื่อเขาจ่ายเงินก้อนโตขนาดนั้น!“เขาจะตามล่าเราหรือเปล่าครับคุณย่าคอบบ์?”อีเดนรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก“เราน่าจะขื้นเครื่องบินไปอเมริกาแทนนะครับ!“ถึงแม้ว่าฮาร์วีย์จะขนกองทัพมา แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดเครื่องบินไม่ให้บินได้หรอก!“เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน? ซุปเปอร์แมนเหรอ?!”“ไอ้งั่งเอ๊ย!”คุณย่าคอบบ์มีสีหน้าขมขื่นราวกับว่าเธอกำลังให้บทเรียบกับอีเดนอยู่“นั่นเป็นวิธีที่เราจะทิ้งร่องรอยไว้ได้ง่ายที่สุด! ฮาร์วีย์สามารถแกะรอยว่าเราลงเครื่องบินที่ไหนได้แบบเป๊ะ ๆ เลยถ้าเราทำอย่างนั้น!“แต่จะต่างกันถ้าเราล่องเรือสำราญแทน เราจะผ่านเมืองต่าง ๆ ในต่างประเทศเป็นสิบ ๆ เมือง เพียงเพื่อจะไปอเมริกาเท่านั้นเอง!“ไม่ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ไม่มีทางที่จะรู้ว่าเราจะไปลงจากเรือที่ไหนหรอก“นอกจากนี้เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจด้วยซ้ำไปว่าเราจะลงกันที่ไหนตั้งแต่แรก!“เขาคงจะไม่มีทางรู้เลยถ้าเราตัดสินใจลงจากเรือในจุดแวะจอดที่แรกน่ะ!”อีเดนและวาเลรี่พยักหน้าพร้อมกันหลังจากได้ยินคำอธิบายของคุณย่าคอบบ์
"ใช่แล้ว ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มากก่อน"“ว่ากันว่าไซลาส จอห์น นายน้อยคนที่สามของตระกูล เป็นคนควบคุมดูแลเรือสำราญลำนี้เพื่อเป็นการทดสอบ“นอกจากนี้ไรลี พาเทล หนึ่งในสามสตรีผู้มั่งคั่งจากตระกูลพาเทลก็อยู่ที่นี่ด้วย! “พูดง่าย ๆ ก็คือถึงแม้เรือลำนี้จะมีขนาดเล็ก แต่พลังของผู้คนที่อยู่เบื้องหลังนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก!“ไม่ว่าฮาร์วีย์จะน่าประทับใจขนาดไหน เขาก็คงไม่กล้าต่อสู้กับตระกูลจอห์นและตระกูลพาเทลที่นี่แน่"คุณย่าคอบบ์แสดงสีหน้าภาคภูมิใจราวกับว่าเธอได้คำนวณทุกอย่างเอาไว้แล้วอีเดนและวาเลรี่พยักหน้าพร้อมกันหลังจากได้ยินน้ำเสียงสบาย ๆ ของเธอแน่นอนว่าไม่ว่าพวกเขาจะไม่ประสีประสาอะไร พวกเขาก็ยังรู้อย่างแน่ชัดว่าสิบตระกูลชั้นนำและห้าตระกูลลึกลับนั้นหมายถึงอะไรแม้แต่สามตระกูลที่ยิ่งใหญ่แห่งทะเลใต้ก็ยังด้อยกว่าตระกูลพวกนี้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมตระกูลคอบบ์จึงถูกบดขยี้ได้ง่าย ๆอีเดนถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยพยายามอย่างเหลือเกินที่จะขจัดความโกรธและความคับข้องใจออกไปเขาเชื่อว่าถ้าเขาสามารถไปถึงอเมริกาได้ เขาจะสามารถบดขยี้ฮาร์วีย์ได้ตามใจชอบ เมื่อพิจารณาจากความสามารถของเขาแล้วนี่เป็นความหวังสุดท้